ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 150 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2981 - 3000 จากข้อมูลทั้งหมด 3982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2981 | การดำเนินการตามญัตติ เรื่อง การตรวจสอบการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวแห่งชาติ พ.ศ. ..... ของวุฒิสภา | สว | 19/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย [ททท.])
รายงานผลการดำเนินการตามญัตติ เรื่อง การตรวจสอบการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวแห่งชาติ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป ซึ่งผลการดำเนินการตามญัตติ ฯ ททท. ได้พิจารณาหาแนวทาง ในการขยายตลาดการท่องเที่ยว สรุปได้ดังนี้ (1) โครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ททท. ได้ดำเนินการ โดยใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน มีการจัดตั้งบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด เพื่อดำเนินการรองรับโครงการ ฯ และมีศูนย์บริการครบวงจร ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัท ดังกล่าว เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการให้บริการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวที่มีความสมบูรณ์แบบ มีมาตรฐาน และ ให้บริการครบวงจร (2) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในโครงการ ฯ โดย สนับสนุนให้มีการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท และที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่น และกำหนดจังหวัดและพื้นที่ในการรองรับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นตัวอย่างของการดำเนินงานในแต่ละภูมิภาค (3) การจัดระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการ ฯ โดยให้มีการรายงานผลการบริการจัดการโครงการ พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เดือนละ 1 ครั้ง รวมทั้งการรายงานผลการปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ ของโครงการ นอกจากนี้ ททท. ยังได้พิจารณาในส่วนของระเบียบพิธีตรวจคนเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว การ จัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว การกำหนดมาตรฐานและที่พักบริการพำนักระยะยาว และการดำเนิน งานจัดตั้งบริษัทไทยจัดการ ฯ เพื่อดำเนินการรองรับโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว |
|||||||||||||||
2982 | การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน | นร | 19/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอมติ ก.พ.ร. ครั้งที่
4/2546 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2546 เรื่อง การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ (1) ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาและดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการ ปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนลง 30 - 50 % จากที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน และให้มีผลในทางปฏิบัติก่อนเดือน ตุลาคม 2546 (2) ให้ส่วนราชการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เลือกกระบวนงานหลัก 3 - 5 กระบวนงาน ซึ่ง เป็นงานที่ประชาชนใช้บริการมาก มีผลกระทบกับประชาชนและเป็นงานที่ประชาชนร้องเรียนมาก เพื่อให้ส่วน ราชการดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ (3) ส่วนราชการที่มีงานบริการประชาชนแต่ ยังไม่มีการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการมาก่อน ให้กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติ ราชการ รวมทั้งต้องดำเนินการตามมาตรการนี้ด้วย (4) กรณีการให้บริการประชาชนที่มีความเชื่อมโยงกัน หลายส่วนราชการ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ประสานงานกับส่วนราชการดังกล่าว เพื่อร่วมกันปรับปรุงการลดขั้น ตอน และระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนในรูปของ ศูนย์บริการร่วมด้วย (5) ส่วนราชการใดที่เห็นว่าได้ปรับปรุงขั้นตอน และระยะเวลาไว้ดีแล้ว หรือไม่อาจลดขั้น ตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการตามมาตรการนี้ได้ ให้ชี้แจงเหตุผลและพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าขั้นตอน และระยะเวลาปฏิบัติราชการที่กำหนดไว้เดิมเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ ให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการ ด้วย (6) ให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับกับกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วย งานอื่นของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือกำกับดูแลของรัฐบาล รวมทั้งให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามมาตรการนี้ ด้วย (7) ให้แต่ละส่วนราชการพยายามยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการปรับปรุงการ อำนวยความสะดวก และฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการให้มุ่งเน้นในการให้บริการประชาชน และ (8) ให้ สำนักงาน ก.พ.ร. นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีมีมติสั่งการให้ส่วนราชการจัดทำข้อเสนอและแนวทางการลด ขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ ตามมาตรการดังกล่าว เสนอต่อ ก.พ.ร. ภายใน 30 วันทำการ |
|||||||||||||||
2983 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 1 | นร | 19/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยสำนักโฆษก รายงานผลการจัด
สัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 1 วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2546 ณ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน ซึ่งผลการจัดสัมมนาในครั้งนี้ได้รับความสนใจ จากสื่อมวลชนท้องถิ่นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้น 321 คน เป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น 138 คน โฆษก กระทรวง 19 คน ผู้ตรวจราชการ 8 คน หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่และผู้สังเกตการณ์ 107 คน เจ้าหน้าที่ผู้ ประสานงาน 46 คน และวิทยากร 3 คน โดยมีประเด็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สำคัญ ได้แก่ สื่อท้อง ถิ่นไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริหารท้องถิ่น มีปัญหาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ขอให้จัดตั้งศูนย์ผู้สื่อข่าว ประจำจังหวัดและศูนย์ข้อมูลข่าวสารระดับจังหวัด และมีข้อเสนอของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องแนว ทางการแก้ปัญหา การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร คือ ให้สื่อท้องถิ่นประสานงานโดยตรงกับสำนักโฆษกหรือโฆษก กระทรวง ฯลฯ รวมถึงมีการเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้แก่ ราคาเนื้อสุกรมีชีวิตตกต่ำ การจัดระบบชล ประทานเพื่อการเกษตร ปัญหาขยะ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเปิดจุดผ่อนปรนชายแดน การฮั้วงาน การก่อสร้าง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เป็นต้น และจากการประเมินผลการสัมมนาโดยการตอบแบบสอบถาม สื่อ มวลชนส่วนใหญ่พอใจกับการสัมมนา และเห็นว่า ได้ประโยชน์มากเพราะทำให้ได้รับทราบข้อมูลและแนวทางการ ดำเนินงานของรัฐบาลที่ถูกต้อง และสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลของหน่วยงานราชการส่วนกลางได้มากขึ้น โดยสื่อ มวลชนได้มีข้อเสนอแนะว่า ต้องการให้จัดสัมมนาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มเวลาการจัดสัมมนาให้มากขึ้น รวมทั้งต้อง การให้ผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ มาร่วมสัมมนาโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อจะได้ตอบข้อซักถามในทุกประเด็นได้ทัน ที สำหรับในส่วนของการตอบปัญหาและข้อซักถามของสื่อมวลชน บางปัญหาไม่สามารถตอบได้ทันทีและครอบ คลุมในทุกเรื่อง เนื่องจากโฆษกกระทรวงและผู้ตรวจราชการของบางกระทรวงไม่ได้เดินทางเข้าร่วมสัมมนาในครั้ง นี้ และบางหน่วยงานส่งผู้แทนในระดับที่ไม่สามารถตอบปัญหาของสื่อมวลชนได้ ทั้งนี้ ในประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่สื่อมวลชนตั้งคำถามมาและยังไม่ได้รับคำตอบ สำนักโฆษกจะดำเนินการส่งประเด็นคำถามเหล่านั้นให้กระทรวง ที่รับผิดชอบตอบคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรและจะได้ส่งคำตอบให้สื่อมวลชนท้องถิ่นทราบและเผยแพร่ให้ประชา ชนในท้องถิ่นทราบต่อไป |
|||||||||||||||
2984 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 961 ร. เรื่อง การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูน บ้านหนองกะท้าว ตำบลหนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก) | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 961 ร. เรื่อง
การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูน บ้านหนองกะท้าว ตำบลหนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ของนาย นคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญ ของคำตอบสรุปได้ว่า (1) พื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูน อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง (โซนอี) ซึ่งกรมป่าไม้ได้มอบให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อนำมาปฏิรูปที่ดิน โดย บริเวณพื้นที่ที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ฯ อยู่ในพื้นที่ที่จะกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินต่อไป แต่ขณะนี้ยังมิได้มีพระ ราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสภาพป่าก่อน และหากเมื่อประกาศให้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว ส.ป.ก. จะแจ้งให้กรมชลประทานมายื่นคำขออนุญาตใช้ที่ดินให้ถูกต้อง เพื่อจะ ได้ประสานงานของบประมาณค่าใช้จ่ายจากส่วนกลางมาดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำต่อไป และกรมชลประทาน แจ้งว่าขณะนี้โครงการอ่างเก็บน้ำวังปูนปัจจุบันอยู่ระหว่างการสำรวจ ออกแบบ และได้จัดเข้าแผนงานโครงการ ก่อสร้างและปรับปรุงระบบชลประทานขนาดเล็กลงสู่ท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และ (2) เมื่อได้มีการ ตรวจสภาพป่าโดยละเอียดเรียบร้อยแล้ว ส.ป.ก. จะได้เร่งดำเนินการเสนอออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พื้นที่ ดังกล่าวเป็นเขตปฏิรูปที่ดินโดยเร็ว และดำเนินการเพื่ออนุญาตให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ต่อไป ซึ่งกรมชลประทานแจ้งว่าโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูนจะสามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จได้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 |
|||||||||||||||
2985 | รายงานความพร้อมด้านการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะแก่ข้าราชการในช่วงการปรับเปลี่ยนระบบราชการ | นร | 13/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. โดยศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐ รายงาน
ความพร้อมด้านการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะแก่ข้าราชการในช่วงการปรับเปลี่ยนระบบราชการ ซึ่งวัตถุ ประสงค์ของการดำเนินการ เพื่อปรับเปลี่ยนความชำนาญ กระบวนทัศน์ของข้าราชการให้สอดคล้องกับการปฏิรูป ราชการ และให้ส่วนราชการดำเนินการส่งข้าราชการที่ประสงค์จะพัฒนาความรู้ ทักษะเพิ่มเติม ให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการต่อไป สำหรับการเตรียมความพร้อมรับการปฏิรูปดังกล่าว ศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐ มี แนวทางดำเนินการ ดังนี้ (1) กลุ่มเป้าหมายของการพัฒนา แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ พัฒนาเพื่ออยู่รับ ราชการต่อไป พัฒนาเพื่อถ่ายโอนสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพัฒนาเพื่อออกนอกระบบราชการ หรือเป็น ผู้ประกอบการใหม่ (2) ประเภทการฝึกอบรมพัฒนา ประกอบด้วย 3 ด้านสำคัญได้แก่ ด้านการปรับกระบวนทัศน์ ทัศนคติ ค่านิยม ด้านเพิ่มทักษะ สมรรถนะในการทำงาน และด้านพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการ และ (3) แนว นโยบายและแนวทางการฝึกอบรมและพัฒนา ซึ่งศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐจะประสานงานกับส่วน ราชการและสถาบันการศึกษา รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนให้มีการฝึกอบรมและพัฒนา และจะดำเนินการเองใน บางส่วน เช่น ด้านการพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการหรืออาชีพอิสระ เพื่อประกอบธุรกิจเองหรือปฏิบัติงานใน ภาคเอกชน เป็นต้น ทั้งนี้ ในการดำเนินการ สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือนจะเป็นแม่ข่ายในการพัฒนาในส่วน ของการจัดฝึกอบรมข้าราชการทั้งในส่วนกลางและการอบรมทางไกลในภูมิภาคทั่วประเทศ รวมถึงการเรียนรู้ทาง อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning) และประสานงานกับส่วนราชการเครือข่ายฝึกอบรมของสถาบันพัฒนาข้าราชการ พลเรือน ซึ่งมีมหาวิทยาลัยของรัฐและสถาบันราชภัฏที่สามารถดำเนินการฝึกอบรมได้ทั้งในส่วนกลางและในส่วน ภูมิภาค |
|||||||||||||||
2986 | กระทู้ถามที่ 903 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) และขุดลอกห้วยลำพังชู | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถาม ที่ 903 ร. เรื่อง
โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) และขุดลอกห้วยลำพังชู ของนายสุรศักดิ์ นาคดี สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้พิจารณาโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นในท้องที่ตำบลบ้าน ยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะหมู่ที่ 6 8 9 10 และ 15 ที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องน้ำ อุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรกรรม แล้ว มีความเหมาะสมสามารถดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นได้ โดยโครงการจะตั้งอยู่บริเวณบ้านแคน ตำบลบ้านแคน อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจะดำเนินการสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนงาน และงบประมาณก่อสร้างตามความเหมาะสมต่อไป สำหรับโครงการขุดลอกหนอง น้ำและคลองธรรมชาติ ได้โอนภารกิจไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว |
|||||||||||||||
2987 | กระทู้ถามที่ 969 ร. เรื่อง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 969 ร. เรื่อง
การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอน แก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงเกษตร และสหกรณ์มีมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยปี พ.ศ. 2545 โดยการแจกจ่ายเป็นเงิน สดในส่วนของกระทรวงเกษตร ฯ ได้รับอนุมัติเงินงบกลางเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ วงเงิน 2,546 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือ 3 ด้าน คือ ด้านพืช ด้านปศุสัตว์ และด้านประมง และการช่วยเหลือ ดังกล่าว ต้องเป็นไปตามข้อมูลความเสียหาย และประมาณการช่วยเหลือเป็นรายจังหวัดที่แสดงพื้นที่ จำนวน เกษตรกรที่ประสบภัยและวงเงินงบประมาณที่จะให้การช่วยเหลือ สำหรับมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประสบภัยธรรมชาติ โดยจ่ายเป็นเงินสดทดแทนการจัดสรรปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก) ในปี พ.ศ. 2545 ต้องเป็น ไปตามกรอบเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือ (2) ให้หน่วยงานท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตรวจสอบมิให้มีการ ทุจริตในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมที่แจกจ่ายเป็นเงินสด และให้หน่วยงานถือปฏิบัติ อย่างชัดเจน มีขั้นตอนและวิธีการอย่างรัดกุม และ (3) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีมาตรการประสานงาน กับสถาบันการเงินเพื่อผ่อนผันการชำระหนี้เนื่องจากเกษตรกรประสบภัยน้ำท่วมปลายปี พ.ศ. 2545 โดยให้ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเลื่อนการชำระหนี้ให้แก่สมาชิกที่ประสบอุทกภัยออกไปและงดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี |
|||||||||||||||
2988 | กระทู้ถามที่ 978 ร. เรื่อง โครงการขุดลอกคลองเฉงอะ | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 978 ร. เรื่อง
โครงการขุดลอกคลองเฉงอะ ของนายโกเมศ ขวัญเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรม ชลประทาน ได้ถ่ายโอนภารกิจ โครงการขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้ว ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 งบประมาณรายจ่ายของกรมชลประทานจึงไม่มีโครงการขุดลอกคลองเฉงอะ หมู่ที่ 4 ตะเคียนทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังนั้น การขอรับการสนับสนุนโครงการขุด ลอกคลองดังกล่าว สามารถประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ที่ ตั้งโครงการได้โดยตรง |
|||||||||||||||
2989 | การปรับโครงสร้างแผนงานของสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 13/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 เนื่องจากขณะนี้การจัดทำงบประมาณ ฯ พ.ศ. 2547 ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว จึงจำเป็นต้องตั้ง งบประมาณสำหรับแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 30,000 ล้านบาท ไว้ที่กระทรวงมหาดไทย ตามที่สำนักงบ ประมาณได้ดำเนินการไว้แล้วแต่ขอให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 เป็นผู้พิจารณาทางด้านนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการกระจายอำนาจ ฯ เช่น การปรับปรุงสัด ส่วนภาษีอากร รายได้ระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกัน เอง เป็นต้น สำหรับในปีต่อ ๆ ไป กกถ. จะรับไปพิจารณาวางระบบเพื่อกำหนดหน้าที่ระหว่าง กกถ. และกระทรวง มหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ให้ชัดเจน เพื่อให้มีการตั้งงบประมาณที่สอดคล้องกับภาระหน้าที่ ต่อไป |
|||||||||||||||
2990 | การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 13/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ครั้งที่ 3/2546 วันที่ 9 พฤษภาคม 2546 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ มีมติ ดังนี้ (1) เห็นชอบหลักเกณฑ์การ จัดสรรภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (2) เห็นชอบกรอบวงเงินจัดสรรเงินอุดหนุน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 79,138 ล้านบาท โดยปรับลดวงเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่จัดสรรสำหรับ โครงการตามยุทธศาสตร์และนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จำนวน 3,000 ล้านบาท ไปเพิ่มเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อลดช่องว่างทางการคลัง ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การจัดสรรเงินอุดหนุน ฯ ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปหรือ เป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจต่างก็มีข้อดีข้อเสีย เนื่องจากการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจอาจมีการกระจุกตัว ขณะที่ การจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นการลดช่องว่างทางการคลังของท้องถิ่นได้ ท้องถิ่นสามารถใช้ดุลยพินิจในการ นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปดำเนินการตามความต้องการของท้องถิ่น แต่อาจไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และ นโยบายในภาพรวม รวมทั้งอาจไม่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างเต็มที่เพราะยังขาดการติดตามและประเมินผล ที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริม การปกครองส่วนท้องถิ่น) และสำนักงบประมาณ รับข้อเสนอของคณะกรรมการ ฯ ที่จะปรับลดวงเงินอุดหนุน เฉพาะกิจไปเพิ่มเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปดังกล่าวไปพิจารณา แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และให้ ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย |
|||||||||||||||
2991 | ความก้าวหน้าของ "โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีโรงงานต้นแบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี และปุ๋ยชีวภาพ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า" | วท | 06/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานความก้าวหน้าของ "โครง
การถ่ายทอดเทคโนโลยีโรงงานต้นแบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมีและปุ๋ยชีวภาพ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับ รากหญ้า" โดยร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ทำการเปิดโรงงานผลิตปุ๋ย อินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี และปุ๋ยชีวภาพ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2546 จำนวน 2 โรงงาน คือ โรงงานผลิตปุ๋ย อินทรีย์คุณภาพสูง บ้านกำปัง อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา และโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี และปุ๋ยชีวภาพ บ้านหายโศก อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งการบริหารโรงงานและการดำเนินการผลิตของ โรงงานดังกล่าวจะดำเนินการโดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจากเกษตรกรในท้องถิ่น โดย วว. ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอด เทคโนโลยีการผลิต รวมทั้งวิธีการใช้ ส่วนสถาบันการศึกษาท้องถิ่นจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานด้านวิชาการ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และสนับสนุนด้านห้องปฏิบัติการ เครื่องมืออุปกรณ์ในการตรวจวิเคราะห์ดิน พืช ปุ๋ย ทั้งนี้ จะ มีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานในช่วง 6 เดือน และ 9 เดือน โดยผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นแก่เกษตร กรในระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง และเป็นทั้งเจ้าของวัตถุดิบ ผู้ผลิต และผู้ใช้ผลผลิต คือ ปุ๋ย กับไร่นาของตนเอง เพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมี และจากการดำเนินโครงการดังกล่าวสรุปโดยรวม ประเทศชาติจะได้รับประโยชน์จาก การลดการสูญเสียดุลการค้าต่างประเทศจากการนำเข้าปุ๋ยเคมี และจะทำให้เกษตรกรระดับรากหญ้าสามารถพึ่ง พาตนเองในการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต ทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก |
|||||||||||||||
2992 | ร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 06/05/2546 | ||||||||||||
อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การ
บริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และโดยที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติ (28 เมษายน 2546) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาแล้ว เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเกี่ยวกับที่มาของผู้บริหารท้องถิ่นทั้งระบบให้ สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำ เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยด่วนต่อไป สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับ นี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล เกี่ยวกับที่มาของผู้บริหารท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสภาท้องถิ่นกับผู้บริหารท้องถิ่น การเลือกตั้ง การพ้นจากตำแหน่ง การยุบรวมหรือยกฐานะ และผลบังคับใช้ |
|||||||||||||||
2993 | กระทู้ถามที่ 699 ร. เรื่อง มาตรการความปลอดภัยที่เกิดจากอาคารร้างและป้ายโฆษณา | สผ | 06/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 699 ร. เรื่อง มาตรการ
ความปลอดภัยที่เกิดจากอาคารร้างและป้ายโฆษณา ของนายศิริ หวังบุญเกิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด กรุงเทพมหานคร และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวง มหาดไทยมีนโยบายและมาตรการในการตรวจสอบสภาพอาคารร้างและป้ายโฆษณาที่อาจจะก่อให้เกิดความเสีย หายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยกำหนดมาตรการไว้ในมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แล้ว ส่วนมาตรการและแนวทางดำเนินการตรวจสอบสภาพอาคารร้างและป้ายโฆษณา เฉพาะในเขต กรุงเทพมหานคร ได้มีการดำเนินการ ดังนี้ กรณีป้ายโฆษณา หากพบว่ามีป้ายโฆษณาไม่มั่นคงแข็งแรงหรืออยู่ ในสภาพที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรืออาจเป็นปัญหาต่อการจราจร หรือกรณี ที่ป้ายโฆษณาที่ติดประกาศอย่างไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย และดูสกปรกรกรุงรัง ให้สำนักงานเขตพื้นที่แจ้งให้เจ้า ของหรือผู้ครอบครองอาคารดำเนินการแก้ไข สำหรับอาคารร้าง หากพบว่ามีอาคารที่อาจก่อให้เกิดอันตราย แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้แจ้งเจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารดำเนินการแก้ไข โดยให้สำนัก งานเขตติดตามผลการดำเนินการ และ (2) กรณีที่ตรวจสอบพบว่าอาคารร้างหรือป้ายโฆษณามีสภาพที่ไม่มั่น คงแข็งแรง ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในเขตพื้นที่มีอำนาจสั่งการให้ดำเนินการแก้ไขตามมาตรา 46 แห่งพระราช บัญญัติ ฯ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 |
|||||||||||||||
2994 | กระทู้ถามที่ 945 ร. เรื่อง การบูรณะซ่อมแซมถนนสายพนา - สว่างใต้ อำเภอพนา และอำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ กระทู้ถามที่ 947 ร. การก่อสร้างถนนลาดยางสายสามแยกชมภู อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ และกระทู้ถามที่ 955 ร. การก่อสร้างถนนลาดยางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน | สผ | 06/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 945 ร. เรื่อง การบูรณะซ่อม
แซมถนนสายพนา-สว่างใต้ อำเภอพนา และอำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ กระทู้ถามที่ 947 ร. เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยางสายสามแยกชมภู อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ของนายไพศาล จันทวารา สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอำนาจเจริญ และกระทู้ถามที่ 955 ร. เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยางเพื่อบรรเทาความ เดือดร้อนให้กับประชาชน ของนายกริช กงเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม และให้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาต่อไป รวม 3 เรื่อง โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ดังนี้ (1) คำตอบกระทู้ถามที่ 945 ร. สรุป ได้ว่า กระทรวงคมนาคมได้มอบโอนถนนสายพนา-สว่างใต้ อำเภอพนา และอำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจ เจริญ ให้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ ถนนสายนี้จึงไม่ได้อยู่ในภารกิจของกรม ทางหลวงชนบท และไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2546 เพื่อดำเนินการบำรุงรักษา จึงไม่สามารถคาด การณ์ได้ว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการได้เมื่อใด (2) กระทู้ถามที่ 947 ร. สรุปได้ว่า ถนนงานสายสาม แยกชมภู อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็น ถนนประเภทโครงข่ายสายรอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณลาดยางแล้ว 31.699 กิโลเมตร คงเหลือเป็นถนน ลูกรังอีก 12.544 กิโลเมตร ในงบประมาณปี พ.ศ. 2546 ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างถนนลาดยาง เพิ่มเติม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อบรรจุถนนสายทางต่าง ๆ ที่เป็นภารกิจด้านการก่อสร้างถนนโครง ข่ายสายรองเข้าไว้ในแผนเพื่อรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป และ (3) กระทู้ถามที่ 955 ร. สรุปได้ว่า ถนนสาย ทางโคกสูง-ขามเปี้ย อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้วทั้งสิ้น 14.283 กิโลเมตร เหลือระยะทางที่เป็นถนนลูกรังอีก 7.975 กิโลเมตร เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรม ทางหลวงชนบท ซึ่งจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและจัดเข้าแผนในการของบประมาณเพื่อสนับสนุนต่อไป หาก ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการใช้เส้นทางดังกล่าว ก็สามารถประสานไปยังสำนักงานต่าง ๆ ของกระทรวง คมนาคมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้ โดยสำนักงาน ฯ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ตามกำลังงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร |
|||||||||||||||
2995 | กระทู้ถามที่ 987 ร. เรื่อง การสนับสนุนให้สถานที่เสียชีวิตของ จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว | สผ | 06/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 987 ร. เรื่อง
การสนับสนุนให้สถานที่เสียชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ขณะ นี้รัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่จะให้สถานที่เสียชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์ ที่บ้านหนองกุง ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางจิตวิญญาณ ในโอกาสครบรอบ 72 ปี ของจิตร ภูมิศักดิ์ อย่างไรก็ตาม ชุมชนท้องถิ่นที่ให้การยอมรับอาจกำหนดสถานที่และป้ายอนุสรณ์ในการแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น |
|||||||||||||||
2996 | กระทู้ถามที่ 990 ร. เรื่อง การดำเนินงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย | สผ | 06/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 990 ร. เรื่อง การดำเนิน
งานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอน แก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวน 12 เขต เพื่อ รับผิดชอบพื้นที่ในเขตจังหวัดของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเป็นศูนย์กลางจังหวัดในการประสาน งานกับหน่วยงานในระดับจังหวัด (2) กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้กำหนด ยุทธศาสตร์การประสานความร่วมมือจากทุกภาค โดยการสร้างระบบเชื่อมโยงเครือข่ายตั้งแต่ระดับชาติถึงระดับ ท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 12 เขตดังกล่าว เป็นศูนย์กลาง ในการประสานความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน องค์กรท้องถิ่น องค์กรเอกชน หรือสมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน และ องค์กรอาสาสมัครต่าง ๆ เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทในการดำเนินงานป้องกันอุบัติภัย และ (3) ในส่วน ของงบประมาณดำเนินงาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ใช้งบประมาณจากหน่วยงานที่อยู่ในแผนงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่มารวมกันเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 1,066,412,900 บาท แยกเป็น งบบริหารร้อยละ 90.83 ที่เหลือเป็นงบเงินอุดหนุนและงบลงทุน โดยสำนักงบประมาณได้จัดสรร งบประมาณเพิ่มให้ในรูปของเงินงบกลาง เงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้จ่ายเมื่อเกิดภัยเป็นครั้ง ๆ ไป ตามสภาพภัยนั้น ๆ สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้มีการวางแนวการจัดทำงบประมาณแบบมุ่งเน้น ผลงานเชิงยุทธศาสตร์ โดยได้กำหนดตัวชี้วัดผลงานด้านการป้องกันสาธารณภัย ด้านการบรรเทาสาธารณภัย และด้านการฟื้นฟู |
|||||||||||||||
2997 | แผนการแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งอย่างถาวร | ทส | 06/05/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการแก้ไขปัญหา
หมู่บ้านภัยแล้งอย่างถาวร และตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เสนอเพิ่มเติมข้อความในเอก สารกรอบแผนการแก้ไขปัญหา ฯ ซึ่งเป็นเอกสารประกอบหนังสือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ด่วนที่สุดที่ ทส 0701/940 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2546 หน้า 4 ข้อ 4.2 ปัญหาการถ่ายโอน โดยให้เพิ่มคำว่า "และกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น" ต่อจากข้อความว่า "จำเป็นต้องขอทำความตกลงกับคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น" ทั้งนี้ สาระสำคัญของแผนการแก้ไขปัญหา ฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ได้ตั้งเป้าหมาย ตามแผนการแก้ไข ดังนี้ (1) ประชาชนในหมู่บ้านชนบททุกหมู่บ้าน จะมีระบบประปาชนบท จ่ายน้ำสำหรับการ อุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอทุกฤดูกาล โดยประชาชนสามารถเปิดก๊อกน้ำภายในบ้านและจะต้องจ่ายค่าใช้น้ำตาม ปริมาณการใช้น้ำ ในราคาที่ถูกกว่าน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค โดยระบบประปาดังกล่าวบริหารงานโดย กรรมการหมู่บ้าน หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และ (2) ประชาชนที่อาศัยในเขตพื้นที่ อบต. หรือหมู่บ้าน ขนาดใหญ่ จะสามารถซื้อน้ำดื่มจากตู้บริการน้ำดื่ม ที่ผ่านการกรองน้ำระบบ reverse osmosis (R.O.) ซึ่งถือได้ว่าเป็น น้ำดื่มที่มีคุณภาพสูงกว่าน้ำดื่มบรรจุขวดหลายยี่ห้อที่วางจำหน่ายในท้องตลาด โดยราคาน้ำดื่มจากตู้บริการน้ำดื่ม จำหน่ายในราคาลิตรละไม่เกิน 1 บาท โดยตู้บริการน้ำดื่มดังกล่าว บริหารงานโดยกรรมการหมู่บ้าน หรือ อบต.
|
|||||||||||||||
2998 | การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 28/04/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ (1) จำนวนบุคลากรที่ต้องถ่ายโอนรวมทั้งสิ้น 4,111 คน มีข้าราชการขอโอนไปสังกัดกรุงเทพมหานคร 9 คน คงเหลือ 4,102 คน แยกเป็นข้าราชการ 1,301 คน ลูก จ้างประจำ 2,801 คน ศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัด 75 จังหวัด ได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากรรวม 2 ครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้แต่งตั้งรับโอนบุคลากรแล้ว รวม 3,807 คน แยกเป็นข้าราชการ 1,210 คน ลูกจ้างประจำ 2,597 คน คงเหลือบุคลากรที่ยังถ่ายโอนไม่ได้รวม 295 คน แยกเป็นข้าราชการ 91 คน ลูกจ้าง ประจำ 204 คน (2) คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายโอนบุคลากรและอำนาจหน้าที่ในการประชุมครั้งที่ 2/2546 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2546 ได้มีมติให้กำหนดมาตรการเร่งด่วนสำหรับบุคลากรที่ยังไม่อาจจัดสรรไปองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมอบให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการดังกล่าว (3) คณะกรรม การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการประชุมครั้งที่ 1/2546 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 มีมติเห็นชอบให้รวมคณะกรรมการกำกับศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัดและศูนย์ปฏิบัติการถ่าย โอนบุคลากรจังหวัด รวมเป็นชุดเดียวกัน เรียกว่า คณะกรรมการบริหารการถ่ายโอนภารกิจ บุคลากร และงบ ประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดใน 75 จังหวัด ส่วนกรุงเทพมหานคร ให้ตั้งคณะกรรมการ ในลักษณะทำนองเดียวกันกับคณะกรรมการดังกล่าว (4) คณะกรรมการการกระจายอำนาจ ฯ ในการประชุมครั้ง ที่ 2/2546 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2546 มีมติเห็นชอบการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อการถ่ายโอนบุคลากร โดยให้ ขยายระยะเวลาการสนับสนุนงบประมาณด้านบุคลากรแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี แรก ไปจนกว่าผู้นั้นจะพ้นจากราชการ ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ กระจายอำนาจ ฯ ได้มอบนโยบายให้คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายโอน ฯ พิจารณาในภาพรวมเกี่ยวกับเรื่องการ ถ่ายโอนเพื่อทำให้เกิดแรงจูงใจที่ข้าราชการจะไปอยู่ได้ หรือผู้ที่ทำงานให้ท้องถิ่นสามารถมีความเจริญก้าวหน้าได้ และ (5) สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจ ฯ และสำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 57 กรม เพื่อเตรียมความพร้อมร่วมกันสำหรับการถ่ายโอนภารกิจและบุคลากร ภายใต้กรอบของแผนปฏิบัติการที่ได้ปรับ ปรุงให้สอดคล้องกับโครงสร้าง กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งปรับปรุงใหม่ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ในวันที่ 25 เมษายน 2546 |
|||||||||||||||
2999 | การดำเนินงานตามวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์เร่งด่วนเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย | มท | 28/04/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ผู้อำนวยการศูนย์ความ ปลอดภัยทางถนนเสนอแนวทางการดำเนินงานเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย และที่เสนอเพิ่มเติม และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ (1) ยุทธศาสตร์การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและต่อ เนื่อง ให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 เป็นต้นไป ประกอบด้วย มาตรการการปฏิบัติตามกฎ หมาย/นโยบายความปลอดภัยทางถนนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มาตรการจับปรับผู้กระทำผิดกฎ หมายจราจร " 3 ม.1 ข." และมาตรการความปลอดภัยด้านใบอนุญาตขับรถ (2) ยุทธศาสตร์การแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการในทุกจังหวัดในระบบการรักษา 30 บาท โดยในเบื้องต้นให้ดำเนิน การในจังหวัดนำร่อง 7 จังหวัด (จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา ลำปาง นครสวรรค์ เพชรบุรี สงขลา และกรุง เทพมหานคร) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 เป็นต้นไป (3) ยุทธศาสตร์/มาตรการแต่ละด้านที่จะดำเนินการ ระยะต่อไป ให้กำหนดการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work Shop) โดยเชิญคณะกรรมการ ส่วนราชการ นักวิชา การ ผู้เชี่ยวชาญ มูลนิธิ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อทำการศึกษา วิเคราะห์ในภาพรวมทั้งระบบ กำหนดเป้าหมายและมาตรการเฉพาะที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นขั้นตอน กับให้คณะทำงานแต่ละ ยุทธศาสตร์ไปดำเนินการกำหนดมาตรการ แนวทางดำเนินการ แผนงาน/โครงการ กรอบวงเงินงบประมาณ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป และ (4) ยุทธศาสตร์ด้านวิศวกรรมการจราจร ให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ดำเนินการตามมาตรการจุด เสี่ยงภัยและวิธีการแก้ปัญหาอย่างถาวรในถนนสายหลักและถนนสายรอง เพื่อลดอุบัติเหตุจากการเดินทางของ ประชาชน รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการตามมาตรการในเขตพื้นที่รับผิด ชอบด้วย
|
|||||||||||||||
3000 | การพัฒนาลุ่มน้ำมูล | นร | 22/04/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่
42/2546 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการปฏิบัติราชการในส่วน ภูมิภาค ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำมูล โดยมี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กรรมการ นายกร ทัพพะรังสี รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก 30 คน มี อำนาจหน้าที่ ดังนี้ (1) รวบรวม และวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาลุ่มน้ำมูล ศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำแผน แม่บทและฐานข้อมูลในการตัดสินใจกำหนดแนวทางการพัฒนาและการบริหาร จัดการลุ่มน้ำเชิงบูรณาการ (2) เสนอแนวนโยบายและทิศทางการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) กำหนดกรอบและอนุมัติ แผนงาน โครงการพัฒนาลุ่มน้ำมูล และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของหน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชนและภาคีชุมชน และ (4) กำกับ ตรวจสอบและติดตามประเมินผลการ ปฏิบัติงาน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น |