ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 149 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2961 - 2980 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2961 | แนวทางการรณรงค์ป้องกันเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด (26 มิถุนายน 2546) | ยธ | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแนวทางการรณรงค์ป้องกันเนื่องใน
วันต่อต้านยาเสพติด วันที่ 26 มิถุนายน 2546 โดยรับทราบมติการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยา เสพติด (ป.ป.ส.) ครั้งที่ 2/2546 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติการประชุมดังกล่าว โดยเน้นการขอ ความร่วมมือให้ผู้บริหารประเทศ ข้าราชการ บุคลากร เจ้าหน้าที่/พนักงานของหน่วยงาน/องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาห กิจ องค์กรส่วนท้องถิ่น และประชาชน สวมเสื้อสีขาวในวันต่อต้านยาเสพติด วันที่ 26 มิถุนายน 2546 เพื่อแสดง ความมุ่งมั่นในการเอาชนะยาเสพติด และเชิญชวนให้ประชาชนแจ้งเบาะแสข้อมูลเกี่ยวกับผู้ค้ายาและผู้เสพ/ผู้ติดยาที่ ยังไม่เข้ารับการบำบัดรักษา ตลอดจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียงกันตามแนวทางการ รณรงค์ป้องกันเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2962 | รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ของกระทรวงมหาดไทย รอบ 4 เดือน | มท | 03/06/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในภาพรวม ของศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) ทั้ง 75 จังหวัด ในรอบ 4 เดือน (ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดของ ศตส.จ. ศตส.อ/กิ่ง อ. มี ยอดการจับกุมรวมทั้งสิ้น 45,343 คน ส่วนการแสดงตน ในช่วงวันที่ 1 - 30 พฤษภาคม 2546 มีผู้ผลิต/ผู้ค้า เข้าแสดงตนต่อทางราชการเพิ่มขึ้น 117 คน และผู้เสพเพิ่มขึ้น 7,539 คน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพ มีผลการบำบัดรักษาทั้งสิ้น 264,496 คน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ได้ดำเนินการตาม กระบวนการดังกล่าวครบ 4 ขั้นตอนใน 6 ขั้นตอน จำนวน 77,197 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการครบ 5 ขั้น ตอน จำนวน 29,898 หมู่บ้าน/ชุมชน และดำเนินการครบ 6 ขั้นตอน จำนวน 15,969 หมู่บ้าน/ชุมชน (2) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ และการยึดทรัพย์สิน มีผลการปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้าราย สำคัญรวม 1,938 คน ยึดทรัพย์สินได้คิดเป็นมูลค่า 6,498.956 ล้านบาท รวมทั้งผลการปฏิบัติงานยึดทรัพย์ สินของ ป.ส.ส. ปปง. ศตส.กทม. และจังหวัดต่าง ๆ (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพ ติด จากการตรวจสอบเพิ่มเติมปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม 1,310 ราย ได้ดำเนินการทางวินัย ทางอาญา ทางปกครอง และพ้นจากหน้าที่ไปแล้ว จำนวน 709 ราย อยู่ระหว่าง ดำเนินการ 326 ราย เสียชีวิต 21 ราย และยุติเรื่อง 254 ราย ในส่วนของกรมการปกครอง มีกำนัน ผู้ใหญ่ บ้าน ฯลฯ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 345 ราย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มี บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 184 ราย นอกจากนี้ ยังมีผลการ ปฏิบัติงานการติดตามผลการดำเนินคดีกับผู้ค้า/ผู้ผลิต ยาเสพติด การประกาศเจตนารมณ์เป็นจังหวัดเข้มแข็ง เอาชนะยาเสพติด มาตรการและแนวทางในการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ในห้วงเดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน 2546 โครงการประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด และการตรวจติดตามผลการดำเนินงาน ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด และการปราบปรามผู้มีอิทธิพล |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2963 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และมอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ สรุปได้ว่า พระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้มีการปรับปรุงแก้ไขหลายครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และสอดคล้องกับกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฉบับอื่น ๆ รวมทั้ง เพื่อให้การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบทบัญญัติที่ควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เช่น เกณฑ์การยุบรวมองค์การบริหารส่วนตำบล และที่มาของ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น ที่จะได้มีการทำการศึกษาวิเคราะห์ต่อไป นอกจากนี้ กฎหมายเกี่ยว กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอยู่หลายฉบับ โครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารท้อง ถิ่นได้กำหนดไว้แตกต่างกันออกไป จึงควรให้มีการศึกษาในรายละเอียด และข้อบกพร่องต่าง ๆ ของกฎหมายที่ เกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด ซึ่งอาจจะศึกษาในลักษณะของรูปแบบประมวลกฎหมายองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และสรุปหาข้อยุติรูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เหมาะสม โดยให้ประสานงานกันใน ระหว่างผู้แทนพรรคการเมือง นักวิชาการ และองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2964 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผนปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาดประจำปี พ.ศ. 2545 | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผน
ปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาด ประจำปี พ.ศ. 2545 สรุปได้ว่า ตามที่สำนักงาน ก.พ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ส่วนราช การจัดส่งรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่งรายงานผล การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 123 แห่ง ประกอบด้วย กระทรวง ทบวง กรม 105 แห่ง ในจำนวนนี้ มี 15 แห่งที่ปรับปรุงแผนกลยุทธ์หน่วยงานใสสะอาดของตนใหม่ รัฐวิสาหกิจ 8 แห่ง มหาวิทยาลัย 9 แห่ง และองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1 แห่ง โดยรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่วนใหญ่ครอบ คลุมเนื้อหา 3 ด้าน คือ การส่งเสริมจิตสำนึกราชการใสสะอาด การป้องกันเหตุการณ์และพฤติกรรมที่อาจเป็นภัย ต่อการก้าวไปสู่ประเทศไทยใสสะอาด ในประเด็นการปรับกระบวนการให้บริการ การปรับกระบวนการบริหารงาน ภายใน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และการจัดให้มีกลไกพร้อมรับการตรวจสอบ และการจัดการกรณี ทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น สำหรับแนวการดำเนินการต่อไป สำนักงาน ก.พ. จะเผยแพร่ผลการ พิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีแก่สาธารณะ ส่วนราชการ และ หน่วยงานของรัฐ และให้ถือว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน โครงการ กิจกรรมประจำของส่วน ราชการและหน่วยงานของรัฐ โดยจะผนวกการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของมิติการประเมินผลงานเพื่อขอรับ เงินรางวัลประจำปี รวมทั้งให้เป็นเงื่อนไขประการหนึ่งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณแก่ส่วนราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2965 | รายงานผลการตรวจติดตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ (1) รับทราบ
รายงานผลการตรวจติดตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ของผู้ตรวจราช การสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของผลการดำเนินงานตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และผลการดำเนิน งานตามโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล และ (2) รับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบมอบหมายให้หน่วย งานที่รับผิดชอบโครงการ ฯ คือ คณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ (กอ.นตผ.) และ กระทรวงมหาดไทย และโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล คือ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาด ไทยรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีในรายงานผลการตรวจติดตามโครงการดัง กล่าว ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ โครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ควรจัดหาตลาดที่แน่นอน มีความมั่นคง ถาวร เพื่อเป็นหลักประกันในการรองรับสินค้า ของกลุ่มผู้ผลิตทั่วประเทศ ประสานกับภาคเอกชนในการให้ความรู้ด้านเทคนิคการผลิตต่าง ๆ แก่กลุ่มผู้ผลิตให้มีการ ฝึกอบรมแก่กลุ่มผู้ผลิตเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการ การตลาด การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ควบคู่ ไปกับการบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนประสานกับภาคเอกชนในการให้ความรู้และทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ผลิตในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิต อาทิ ภาษี ค่าเช่าสถานที่จำหน่าย ค่าขนส่ง ฯลฯ รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ผลิต ถึงยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานตามโครงการ ฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิ ปัญญาท้องถิ่น และใช้ทรัพยากรในพื้นที่เป็นปัจจัยสำคัญให้มากขึ้น ส่วนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ไทย ตำบลดอทคอม ควรปรับปรุงในเรื่องของสีสัน ความคมชัด และรูปแบบการจัดวางให้เป็นที่ดึงดูดใจมากขึ้น สำหรับ โครงการอินเทอร์เน็ตตำบล ควรพิจารณาจัดสรรเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับที่ทำการปกครองจังหวัด อำเภอฝ่ายท้อง ถิ่น และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้มีการเชื่อมโยงกันทุกระบบและครบวงจร ปรับปรุงแก้ไขปัญหากรณี เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อให้บริการมีความสะดวกรวดเร็ว จัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ อบต. เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์ของโครงการและ การให้บริการประชาชนด้านอินเทอร์เน็ตให้กว้างขวางยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ให้ผู้บริหารในระดับท้องถิ่นให้ความสำคัญ ในการกำกับดูแล กำชับ และปลูกจิตสำนึกให้ อบต. ทุกแห่งใช้คอมพิวเตอร์ตามโครงการ ฯ และเห็นความสำคัญของ การนำเอาเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาสนับสนุนการปฏิบัติงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2966 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีในการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ 3 | ทส | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมระดับ
รัฐมนตรีในการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ 3 ณ นครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 16-23 มีนาคม 2546 โดย สาระสำคัญของการประชุม ฯ ประกอบด้วย (1) สรุปแถลงการณ์รัฐมนตรี ที่เห็นควรให้มีการส่งเสริมการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำแบบผสมผสาน โดยเน้นความเป็นธรรมในการแบ่งปันประโยชน์ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมโดยต้อง ให้มีความโปร่งใสและเชื่อถือได้ ตลอดจนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ต่าง ๆ โดยเฉพาะจากท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชนและสถาบันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนทาง การเงิน (2) การประชุมกลุ่มย่อย ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นในการนำการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบผสม ผสานไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งพิจารณาจากหลักการสำคัญ คือ การรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้มีส่วนได้ส่วน เสีย และหลักการบริหารจัดการที่ดีหรือธรรมาภิบาล โดยสร้างความชัดเจนให้คนจนได้รับประโยชน์จากน้ำเท่าเทียม กับคนรวย ความชัดเจนในเรื่องราคาค่าน้ำโดยคำนึงถึงผู้ยากไร้ และการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถจะนำมาใช้ ประโยชน์อย่างกว้างขวาง และได้พิจารณาในเรื่องการมุ่งจัดหาน้ำดื่มที่สะอาดและบริการสุขอนามัยให้แก่ประชาชนที่ ยังเข้าไม่ถึง การหาทางลดการทำการเกษตร การทำประมงชายฝั่ง และประมงน้ำจืดอย่างไม่ยั่งยืน รวมทั้งการให้ ความสำคัญและการรักษาระบบนิเวศ การติดตามผลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการเกิดอุทกภัยและความ แห้งแล้ง และการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการประเมินและพยากรณ์ และ (3) วาระอื่น ๆ ในการประชุม ฯ ได้แก่ การ ประกาศรับรองแผนปฏิบัติการเรื่องน้ำ (Portfolio of Water Actions) การประชุมร่วมระหว่างผู้เข้าประชุม ฯ เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ข้อมูลต่าง ๆ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ และการนำเสนอรายงานของคณะผู้เชี่ยว ชาญโลกเรื่องการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ (World Panel on Financing Infrastructure) ทั้งนี้ จากผลการประชุม ฯ การดำเนินงานส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของประเทศไทยได้มีการพัฒนาองค์ กร เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการน้ำ โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็นระดับชาติ ระดับลุ่มน้ำ และ ระดับท้องถิ่น และเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามนัยสำคัญของแถลงการณ์รัฐมนตรี ประเทศไทยจะพิจารณาคัดเลือกลุ่มน้ำที่จะใช้เป็นกรณีศึกษาในการติดตาม ซึ่งได้คัดเลือกลุ่มน้ำปิงเป็นลุ่มน้ำที่จะใช้ เป็นกรณีศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2967 | โครงการพัฒนาบุคลากรเพื่อการปฏิรูปการศึกษาของสถาบันราชภัฏ | ศธ | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการพัฒนาบุคลากรเพื่อการปฏิรูปการศึกษาของสถาบันราชภัฏประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในวงเงินงบประมาณ 179.5 ล้านบาท ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ ได้แก่ (1) เพื่อ พัฒนา ยกระดับคุณวุฒิ ตำแหน่งทางวิชาการ และศักยภาพความสามารถทางวิชาการของคณาจารย์สถาบันราช ภัฏให้เข้าสู่มาตรฐานของสถาบันอุดมศึกษามากขึ้น (2) เพื่อพัฒนากระบวนการพัฒนาบุคลากรของสถาบันราช ภัฏให้เป็นกระบวนการพัฒนาองค์ความรู้ของท้องถิ่น พัฒนาคุณภาพ ประสิทธิภาพ การดำเนินภารกิจของสถาบัน รวมทั้งพัฒนาสถาบันราชภัฏและท้องถิ่นให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งนี้ ให้ สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามกรอบของโครงการดังกล่าวและความเหมาะสมต่อไป ส่วนโครง การพัฒนาบุคลากรเพื่อการปฏิรูปการศึกษาของสถาบันราชภัฏที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไปในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2553 ให้นำไปพิจารณารวมกับการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันอุดม ศึกษาอื่น ๆ ด้วยทั้งระบบให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติรับไป ดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอให้คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2968 | การดำเนินการเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มีมติ เห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางและมาตรการในการดำเนินการเกี่ยวกับการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของ คกก.7 รวมทั้งข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย โดยในส่วนของ คกก.7 มีความเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้เงินและการตรวจสอบการใช้เงิน ของ อปท. ควรนำเอาระบบการบริหารงบประมาณในรูปแบบใหม่ที่กำหนดให้มีสัญญาการให้บริการและการใช้จ่าย งบประมาณมาใช้กับการจัดสรรงบประมาณให้กับ อปท. โดยกำหนดให้มีสัญญาระหว่างราชการส่วนกลางกับราชการ ส่วนท้องถิ่น ในการให้บริการและการจัดสรรงบประมาณที่ราชการส่วนกลางสนับสนุน อปท. และควรให้ อปท. เบิก จ่ายเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรให้ได้โดยสะดวกและรวดเร็วขึ้นซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ ก็จะทำให้การกระจาย อำนาจเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2969 | การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในการดำเนินการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้อง
คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชน ศักยภาพความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การประสานและเชื่อม โยงอย่างเป็นระบบกับการบริหารราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค แต่ในระยะที่ผ่านมาปรากฏว่า การกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่นมีปัญหาในทางปฏิบัติอยู่พอสมควร เนื่องจากกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหลายฉบับตราออกมา ในลักษณะแยกส่วนกัน (piecemeal) ขาดการมองภาพรวมทั้งหมดอย่างเป็นระบบ จึงเกิดปัญหาหลายประการ เช่น ความไม่ชัดเจนและทับซ้อนกันของพื้นที่ ขอบเขต อำนาจหน้าที่ และภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน ระดับต่าง ๆ จะต้องปฏิบัติ รวมทั้งการประสานและเชื่อมโยงกับการบริหารส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตลอดจน การถ่ายโอนภารกิจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควบคู่ไปกับงบประมาณที่จัดสรรให้ เป็นต้น จึงขอมอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาใน ภาพรวมทั้งระบบร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการ เพื่อให้การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยหากเห็นสมควรปรับปรุงแก้ไขเรื่องใด ให้ รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2970 | การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้รายงานข้อ
มูลข้อเท็จจริง ตลอดจนประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องการได้รับการสนับสนุนให้ทราบเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2546 นั้น มีเรื่องที่สมควรจะดำเนินการได้ จึงขอมอบหมาย ดังนี้ (1) การเพิ่มศักยภาพความเป็นเมืองท่องเที่ยวของจังหวัด ภูเก็ต มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่อง เที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นระบบ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดใกล้เคียงอย่างมีบูรณาการ ทั้งนี้ เพื่อสร้างเสริมศักยภาพในด้านการ ท่องเที่ยวที่เข้มแข็ง และแข่งขันได้กับแหล่งท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้าน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ต่อไป (2) ปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พิจารณาร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ การประปาส่วนภูมิภาคและหน่วยงานอื่นเพื่อกำหนด แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของจังหวัดภูเก็ตอย่างยั่งยืน โดยพิจารณาความเหมาะสม คุ้มค่า และความเป็นไป ได้ในการนำน้ำจากเขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผ่านจังหวัดพังงา โดยระบบท่อมากักเก็บไว้ใช้ประโยชน์ ที่จังหวัดภูเก็ตด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป (3) ปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในจังหวัดภูเก็ต มอบให้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปจัดทำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่ง โดยใน หลักการให้ประกอบด้วยพลตำรวจตรี ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็น ประธาน เจ้าหน้าที่จากกรมที่ดิน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เจ้าหน้าที่จากกรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต แห่งละ 1 คน เป็นคณะทำงาน ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนและตรวจ สอบเอกสารสิทธิ์และการเข้าครอบครองที่ดินในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมดให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้สำนักงานที่ดิน จังหวัดภูเก็ตให้ความร่วมมือให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกในการเข้าไปตรวจสอบเอกสาร และเฝ้าระวังรักษาเอก สารหลักฐานต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ ณ สำนักงานที่ดิน และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดติดตามการสอบสวนจับกุม ผู้กระทำผิดในคดีฆาตรกรรมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตให้ได้โดยเร็ว และ (4) ปัญหาขยะและน้ำเสีย ในจังหวัดภูเก็ต มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เร่งรัดการจัดทำแผนปฏิบัติการกำจัดขยะ และระบบบำบัดน้ำเสียของจังหวัดภูเก็ตให้แล้วเสร็จ และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยหากภารกิจใดเป็นอำนาจหน้าที่ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะต้องดำเนินการ แต่หากยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ หาแนวทางที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2971 | รายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (เดือนเมษายน 2546) | ศธ | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการปฏิบัติงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติด (เดือนเมษายน 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การดำเนินงานด้านนโยบายและแนวทางการกำกับ ติดตาม ได้จัดประชุมผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ครู-อาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติด ให้มีการตรวจสอบระบบข้อมูล และการติดตามการปฏิบัติงานให้บรรลุผลอย่างจริงจังของ หน่วยงานในสังกัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในส่วนของผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ทุกเขตการ ศึกษา และผู้ตรวจราชการ กรมทุกกรม ได้ดำเนินการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และของ กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค และให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของสถานศึกษาทุก เขตการศึกษาทั่วประเทศ (2) การดำเนินงานในการสร้างภูมิคุ้มกันและการเฝ้าระวัง สถานศึกษาทุกแห่งได้เปิด สถานศึกษาในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนและเยาวชนได้ร่วมกิจกรรม เช่น การเล่นกีฬา บรรพ ชาสามเณร ส่งเสริมการอ่าน การเล่นดนตรี ค่ายวิชาการ ค่ายคุณธรรม ศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น กิจกรรมวัน สงกรานต์ เป็นต้น รวมทั้งการดำเนินการจัดกิจกรรมของกลุ่มเสพ/ติด (3 ) การดำเนินงานกับเจ้าหน้าที่ของ รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ได้เร่งรัดให้กรมต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ดำเนินการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและสอบสวนให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2546 จำนวน 2 กรม ได้แก่ สำนักงานคณะกรรม การการประถมศึกษาแห่งชาติ มีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 141 ราย และสังกัดกรมสามัญศึกษา มีผู้เกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด 29 ราย (4) การดำเนินงานในการจัดกิจกรรมหลักที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่ การเปิดโครง การรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยจัดตั้งชมรม To Be Number One ในสถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ กำหนดเปิดโครงการในวันที่ 9 มิถุนายน 2546 การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจ สารเสพติด ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ การจัดพิมพ์โปสเตอร์ และแผ่น ซี ดี มอบให้สถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในแนวทางการดำเนินงานป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา และการตรวจเยี่ยมโรงเรียนในกลุ่มเสี่ยงในเขตกรุงเทพ ฯ และจังหวัด ที่เป็นพื้นที่ระบาดยาเสพติดรุนแรงของผู้บริหารระดับสูง รวมทั้ง (5) การจัดกิจกรรมภาคฤดูร้อนต่าง ๆ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2972 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 656 ร. เรื่อง การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทราย บ้านศิลา - นาโพธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น) | สผ | 19/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 656 ร. เรื่อง
การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทราย บ้านศิลา-นาโพธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ของนายเปรม ศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญ ของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน มีแผนงานที่จะดำเนินการขุดลอกอ่าง เก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาตื้นเขินของอ่างเก็บน้ำ สำหรับกรณีอ่างเก็บน้ำห้วยทราย บ้าน ศิลา-นาโพธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น จะได้พิจารณาดำเนินการขุดลอกตามความเหมาะสม ของงบประมาณที่ได้ต่อไป (2) อ่างเก็บน้ำห้วยทราย มีถนนลาดยางบนหลังคันทำนบดิน ยาวรวม 1.120 กิโล เมตร และถนนลูกรังทางระบายน้ำฉุกเฉิน (Emergency Spilway) ความยาว 0.215 กิโลเมตร ซึ่งได้รับงบประมาณ เพื่อบำรุงรักษาตามสภาพการใช้งานเป็นประจำทุกปี ส่วนถนนบนคันคลองส่งน้ำเป็นถนนขนาดเล็กกว้างประมาณ 2.00 เมตร ผิวจราจรเป็นลูกรัง ปริมาณจราจรน้อย จึงไม่มีนโยบายลาดยางถนนบนคันคลองดังกล่าว และ (3) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน มีแผนการถ่ายโอนภารกิจตามการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลบำรุงรักษาและปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดเล็ก รวมทั้งการดูแลทางน้ำประเภทที่ 2 ที่มีการคมนาคมร่วมด้วย ในส่วนของอ่างเก็บน้ำห้วยทราย เป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง มีระบบส่งน้ำที่ ทางการเกษตรด้านท้ายอ่าง จำนวน 1,100 ไร่ และมีอาคารที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตัวเขื่อน จำเป็นที่จะ ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลและควบคุมอย่างเหมาะสม ซึ่งในอนาคตเมื่อกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความพร้อม ก็จะมีการพิจารณาถ่ายโอนภารกิจให้ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2973 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 757 ร. เรื่อง การเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้า) | สผ | 19/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 757 ร. เรื่อง
การเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้า ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด ขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) สาเหตุการเกิด อุบัติเหตุไฟไหม้เครื่องเล่นโบกี้รถไฟลอยฟ้าบนห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงเสียชีวิต 2 ราย จากการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากมอเตอร์ ไฟฟ้าพัดลมดูดอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องเล่นลัดวงจร ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินการกับผู้ประกอบการ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมจิก เวิลด์ จำกัด รวมทั้งผู้ควบคุมดูแลเครื่องเล่นรถไฟลอยฟ้าได้ถูกดำเนินคดีอาญาที่ สถานีตำรวจนครบาลบางชัน ส่วนคดีแพ่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้ประสานงานในเรื่องเรียกร้องค่า เสียหายแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ได้ออกคำสั่งให้ระงับการประกอบกิจการ ประเภทสวนสนุก ณ อาคารดังกล่าวแล้ว และ (2) รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือแจ้งเวียน ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดสั่งการให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบอาคารที่มีการติดตั้งเครื่องเล่น และอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการใช้อาคารและ เครื่องเล่นเพิ่มเติมจากกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2974 | การดำเนินการตามญัตติ เรื่อง การตรวจสอบการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวแห่งชาติ พ.ศ. ..... ของวุฒิสภา | สว | 19/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย [ททท.])
รายงานผลการดำเนินการตามญัตติ เรื่อง การตรวจสอบการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวแห่งชาติ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป ซึ่งผลการดำเนินการตามญัตติ ฯ ททท. ได้พิจารณาหาแนวทาง ในการขยายตลาดการท่องเที่ยว สรุปได้ดังนี้ (1) โครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ททท. ได้ดำเนินการ โดยใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน มีการจัดตั้งบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด เพื่อดำเนินการรองรับโครงการ ฯ และมีศูนย์บริการครบวงจร ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัท ดังกล่าว เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการให้บริการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวที่มีความสมบูรณ์แบบ มีมาตรฐาน และ ให้บริการครบวงจร (2) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในโครงการ ฯ โดย สนับสนุนให้มีการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท และที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่น และกำหนดจังหวัดและพื้นที่ในการรองรับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นตัวอย่างของการดำเนินงานในแต่ละภูมิภาค (3) การจัดระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการ ฯ โดยให้มีการรายงานผลการบริการจัดการโครงการ พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เดือนละ 1 ครั้ง รวมทั้งการรายงานผลการปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ ของโครงการ นอกจากนี้ ททท. ยังได้พิจารณาในส่วนของระเบียบพิธีตรวจคนเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว การ จัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว การกำหนดมาตรฐานและที่พักบริการพำนักระยะยาว และการดำเนิน งานจัดตั้งบริษัทไทยจัดการ ฯ เพื่อดำเนินการรองรับโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2975 | การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน | นร | 19/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอมติ ก.พ.ร. ครั้งที่
4/2546 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2546 เรื่อง การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ (1) ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาและดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการ ปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนลง 30 - 50 % จากที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน และให้มีผลในทางปฏิบัติก่อนเดือน ตุลาคม 2546 (2) ให้ส่วนราชการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เลือกกระบวนงานหลัก 3 - 5 กระบวนงาน ซึ่ง เป็นงานที่ประชาชนใช้บริการมาก มีผลกระทบกับประชาชนและเป็นงานที่ประชาชนร้องเรียนมาก เพื่อให้ส่วน ราชการดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ (3) ส่วนราชการที่มีงานบริการประชาชนแต่ ยังไม่มีการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการมาก่อน ให้กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติ ราชการ รวมทั้งต้องดำเนินการตามมาตรการนี้ด้วย (4) กรณีการให้บริการประชาชนที่มีความเชื่อมโยงกัน หลายส่วนราชการ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ประสานงานกับส่วนราชการดังกล่าว เพื่อร่วมกันปรับปรุงการลดขั้น ตอน และระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนในรูปของ ศูนย์บริการร่วมด้วย (5) ส่วนราชการใดที่เห็นว่าได้ปรับปรุงขั้นตอน และระยะเวลาไว้ดีแล้ว หรือไม่อาจลดขั้น ตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการตามมาตรการนี้ได้ ให้ชี้แจงเหตุผลและพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าขั้นตอน และระยะเวลาปฏิบัติราชการที่กำหนดไว้เดิมเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ ให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการ ด้วย (6) ให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับกับกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วย งานอื่นของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือกำกับดูแลของรัฐบาล รวมทั้งให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามมาตรการนี้ ด้วย (7) ให้แต่ละส่วนราชการพยายามยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการปรับปรุงการ อำนวยความสะดวก และฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการให้มุ่งเน้นในการให้บริการประชาชน และ (8) ให้ สำนักงาน ก.พ.ร. นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีมีมติสั่งการให้ส่วนราชการจัดทำข้อเสนอและแนวทางการลด ขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ ตามมาตรการดังกล่าว เสนอต่อ ก.พ.ร. ภายใน 30 วันทำการ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2976 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 1 | นร | 19/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยสำนักโฆษก รายงานผลการจัด
สัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 1 วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2546 ณ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน ซึ่งผลการจัดสัมมนาในครั้งนี้ได้รับความสนใจ จากสื่อมวลชนท้องถิ่นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้น 321 คน เป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น 138 คน โฆษก กระทรวง 19 คน ผู้ตรวจราชการ 8 คน หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่และผู้สังเกตการณ์ 107 คน เจ้าหน้าที่ผู้ ประสานงาน 46 คน และวิทยากร 3 คน โดยมีประเด็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สำคัญ ได้แก่ สื่อท้อง ถิ่นไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริหารท้องถิ่น มีปัญหาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ขอให้จัดตั้งศูนย์ผู้สื่อข่าว ประจำจังหวัดและศูนย์ข้อมูลข่าวสารระดับจังหวัด และมีข้อเสนอของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องแนว ทางการแก้ปัญหา การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร คือ ให้สื่อท้องถิ่นประสานงานโดยตรงกับสำนักโฆษกหรือโฆษก กระทรวง ฯลฯ รวมถึงมีการเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้แก่ ราคาเนื้อสุกรมีชีวิตตกต่ำ การจัดระบบชล ประทานเพื่อการเกษตร ปัญหาขยะ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเปิดจุดผ่อนปรนชายแดน การฮั้วงาน การก่อสร้าง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เป็นต้น และจากการประเมินผลการสัมมนาโดยการตอบแบบสอบถาม สื่อ มวลชนส่วนใหญ่พอใจกับการสัมมนา และเห็นว่า ได้ประโยชน์มากเพราะทำให้ได้รับทราบข้อมูลและแนวทางการ ดำเนินงานของรัฐบาลที่ถูกต้อง และสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลของหน่วยงานราชการส่วนกลางได้มากขึ้น โดยสื่อ มวลชนได้มีข้อเสนอแนะว่า ต้องการให้จัดสัมมนาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มเวลาการจัดสัมมนาให้มากขึ้น รวมทั้งต้อง การให้ผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ มาร่วมสัมมนาโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อจะได้ตอบข้อซักถามในทุกประเด็นได้ทัน ที สำหรับในส่วนของการตอบปัญหาและข้อซักถามของสื่อมวลชน บางปัญหาไม่สามารถตอบได้ทันทีและครอบ คลุมในทุกเรื่อง เนื่องจากโฆษกกระทรวงและผู้ตรวจราชการของบางกระทรวงไม่ได้เดินทางเข้าร่วมสัมมนาในครั้ง นี้ และบางหน่วยงานส่งผู้แทนในระดับที่ไม่สามารถตอบปัญหาของสื่อมวลชนได้ ทั้งนี้ ในประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่สื่อมวลชนตั้งคำถามมาและยังไม่ได้รับคำตอบ สำนักโฆษกจะดำเนินการส่งประเด็นคำถามเหล่านั้นให้กระทรวง ที่รับผิดชอบตอบคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรและจะได้ส่งคำตอบให้สื่อมวลชนท้องถิ่นทราบและเผยแพร่ให้ประชา ชนในท้องถิ่นทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2977 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 961 ร. เรื่อง การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูน บ้านหนองกะท้าว ตำบลหนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก) | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 961 ร. เรื่อง
การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูน บ้านหนองกะท้าว ตำบลหนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ของนาย นคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญ ของคำตอบสรุปได้ว่า (1) พื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูน อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง (โซนอี) ซึ่งกรมป่าไม้ได้มอบให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อนำมาปฏิรูปที่ดิน โดย บริเวณพื้นที่ที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ฯ อยู่ในพื้นที่ที่จะกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินต่อไป แต่ขณะนี้ยังมิได้มีพระ ราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสภาพป่าก่อน และหากเมื่อประกาศให้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว ส.ป.ก. จะแจ้งให้กรมชลประทานมายื่นคำขออนุญาตใช้ที่ดินให้ถูกต้อง เพื่อจะ ได้ประสานงานของบประมาณค่าใช้จ่ายจากส่วนกลางมาดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำต่อไป และกรมชลประทาน แจ้งว่าขณะนี้โครงการอ่างเก็บน้ำวังปูนปัจจุบันอยู่ระหว่างการสำรวจ ออกแบบ และได้จัดเข้าแผนงานโครงการ ก่อสร้างและปรับปรุงระบบชลประทานขนาดเล็กลงสู่ท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และ (2) เมื่อได้มีการ ตรวจสภาพป่าโดยละเอียดเรียบร้อยแล้ว ส.ป.ก. จะได้เร่งดำเนินการเสนอออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พื้นที่ ดังกล่าวเป็นเขตปฏิรูปที่ดินโดยเร็ว และดำเนินการเพื่ออนุญาตให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ต่อไป ซึ่งกรมชลประทานแจ้งว่าโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังปูนจะสามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จได้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2978 | รายงานความพร้อมด้านการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะแก่ข้าราชการในช่วงการปรับเปลี่ยนระบบราชการ | นร | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. โดยศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐ รายงาน
ความพร้อมด้านการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะแก่ข้าราชการในช่วงการปรับเปลี่ยนระบบราชการ ซึ่งวัตถุ ประสงค์ของการดำเนินการ เพื่อปรับเปลี่ยนความชำนาญ กระบวนทัศน์ของข้าราชการให้สอดคล้องกับการปฏิรูป ราชการ และให้ส่วนราชการดำเนินการส่งข้าราชการที่ประสงค์จะพัฒนาความรู้ ทักษะเพิ่มเติม ให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการต่อไป สำหรับการเตรียมความพร้อมรับการปฏิรูปดังกล่าว ศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐ มี แนวทางดำเนินการ ดังนี้ (1) กลุ่มเป้าหมายของการพัฒนา แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ พัฒนาเพื่ออยู่รับ ราชการต่อไป พัฒนาเพื่อถ่ายโอนสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพัฒนาเพื่อออกนอกระบบราชการ หรือเป็น ผู้ประกอบการใหม่ (2) ประเภทการฝึกอบรมพัฒนา ประกอบด้วย 3 ด้านสำคัญได้แก่ ด้านการปรับกระบวนทัศน์ ทัศนคติ ค่านิยม ด้านเพิ่มทักษะ สมรรถนะในการทำงาน และด้านพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการ และ (3) แนว นโยบายและแนวทางการฝึกอบรมและพัฒนา ซึ่งศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐจะประสานงานกับส่วน ราชการและสถาบันการศึกษา รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนให้มีการฝึกอบรมและพัฒนา และจะดำเนินการเองใน บางส่วน เช่น ด้านการพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการหรืออาชีพอิสระ เพื่อประกอบธุรกิจเองหรือปฏิบัติงานใน ภาคเอกชน เป็นต้น ทั้งนี้ ในการดำเนินการ สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือนจะเป็นแม่ข่ายในการพัฒนาในส่วน ของการจัดฝึกอบรมข้าราชการทั้งในส่วนกลางและการอบรมทางไกลในภูมิภาคทั่วประเทศ รวมถึงการเรียนรู้ทาง อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning) และประสานงานกับส่วนราชการเครือข่ายฝึกอบรมของสถาบันพัฒนาข้าราชการ พลเรือน ซึ่งมีมหาวิทยาลัยของรัฐและสถาบันราชภัฏที่สามารถดำเนินการฝึกอบรมได้ทั้งในส่วนกลางและในส่วน ภูมิภาค |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2979 | กระทู้ถามที่ 903 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) และขุดลอกห้วยลำพังชู | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถาม ที่ 903 ร. เรื่อง
โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) และขุดลอกห้วยลำพังชู ของนายสุรศักดิ์ นาคดี สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้พิจารณาโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นในท้องที่ตำบลบ้าน ยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะหมู่ที่ 6 8 9 10 และ 15 ที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องน้ำ อุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรกรรม แล้ว มีความเหมาะสมสามารถดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นได้ โดยโครงการจะตั้งอยู่บริเวณบ้านแคน ตำบลบ้านแคน อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจะดำเนินการสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนงาน และงบประมาณก่อสร้างตามความเหมาะสมต่อไป สำหรับโครงการขุดลอกหนอง น้ำและคลองธรรมชาติ ได้โอนภารกิจไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2980 | กระทู้ถามที่ 969 ร. เรื่อง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 969 ร. เรื่อง
การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอน แก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงเกษตร และสหกรณ์มีมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยปี พ.ศ. 2545 โดยการแจกจ่ายเป็นเงิน สดในส่วนของกระทรวงเกษตร ฯ ได้รับอนุมัติเงินงบกลางเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ วงเงิน 2,546 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือ 3 ด้าน คือ ด้านพืช ด้านปศุสัตว์ และด้านประมง และการช่วยเหลือ ดังกล่าว ต้องเป็นไปตามข้อมูลความเสียหาย และประมาณการช่วยเหลือเป็นรายจังหวัดที่แสดงพื้นที่ จำนวน เกษตรกรที่ประสบภัยและวงเงินงบประมาณที่จะให้การช่วยเหลือ สำหรับมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประสบภัยธรรมชาติ โดยจ่ายเป็นเงินสดทดแทนการจัดสรรปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก) ในปี พ.ศ. 2545 ต้องเป็น ไปตามกรอบเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือ (2) ให้หน่วยงานท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตรวจสอบมิให้มีการ ทุจริตในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมที่แจกจ่ายเป็นเงินสด และให้หน่วยงานถือปฏิบัติ อย่างชัดเจน มีขั้นตอนและวิธีการอย่างรัดกุม และ (3) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีมาตรการประสานงาน กับสถาบันการเงินเพื่อผ่อนผันการชำระหนี้เนื่องจากเกษตรกรประสบภัยน้ำท่วมปลายปี พ.ศ. 2545 โดยให้ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเลื่อนการชำระหนี้ให้แก่สมาชิกที่ประสบอุทกภัยออกไปและงดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี |