ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 147 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2921 - 2940 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2921 | รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่พร้อมข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปี 2545 | ปช | 05/08/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(สำนักงาน ป.ป.ช.) รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปี พ.ศ. 2545 โดยผลการตรวจสอบและการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย การ ปราบปรามการทุจริต การป้องกันการทุจริต การตรวจสอบทรัพย์สิน และการบริหารจัดการองค์กร สำหรับข้อ สังเกตและข้อเสนอแนะ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะรวม 5 เรื่อง ได้แก่ (1) การประสาน ความร่วมมือในการใช้อำนาจระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภากับคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการเปิดเผยข้อ มูลตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 บางครั้งยังมีข้อจำกัดของกฎหมาย (2) มาตรการ ป้องกันการทุจริตที่ให้ความสำคัญในเรื่องความสัมฤทธิผลของมาตรการป้องกันการทุจริตในแต่ละเรื่อง (3) การ บริหารงบประมาณในเรื่องการจัดกลุ่มการบริหารงบประมาณที่มุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ (4) การกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องคำนึงถึงความสมดุลของค่าตอบแทนกับความรับผิดชอบ และ (5) การจัดทำรายงานเสนอความเห็นต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น |
|||||||||||||||
2922 | แนวทางการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพระดับท้องถิ่น | ทส | 05/08/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปแนวทาง
การสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพระดับท้องถิ่น โดยในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาพบว่า ความหลากหลายทาง ชีวภาพทุกระดับอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมและลดปริมาณลงหลายพื้นที่ไม่อยู่ในสภาพที่จะให้ชุมชนท้องถิ่นได้พึ่ง พา ส่งผลให้ละทิ้งความรู้พื้นฐานและภูมิปัญญาท้องถิ่น ประกอบกับการบริหารทรัพยากรธรรมชาติแนวใหม่ มุ่งเน้นที่จะให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและตามแผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) และนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ดังนั้น จึงควรดำเนินการสำรวจรวบรวมข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ และภูมิ ปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเชิงวิชาการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุด ดังนี้ (1) เตรียม ความพร้อมของท้องถิ่นให้สามารถทำการวางแผน สำรวจ รวบรวม จำแนก วิเคราะห์ และจัดทำฐานข้อมูล เบื้องต้น (2) ทำการวางแผน สำรวจ รวบรวมจำแนก วิเคราะห์ และจัดทำฐานข้อมูลเบื้องต้นโดยชุมชนท้องถิ่น (3) สนับสนุนการดำเนินงานด้านวิชาการโดยหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ องค์กรพัฒนา เอกชน และผู้เชี่ยวชาญ หรือสถาบันการศึกษา (4) พัฒนาฐานข้อมูลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ และเผย แพร่ผลงานเพื่อการใช้ประโยชน์ต่อไป (5) ระยะดำเนินงาน 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2550 (6) ดำเนินการในท้องที่ 4,088 ตำบล ใน 70 จังหวัดทั่วประเทศครอบคลุมพื้นที่ป่าทั้งสิ้น 164,000 ตาราง กิโลเมตร (7) งบประมาณสำหรับดำเนินการทั้งสิ้น 460.50 ล้านบาท ทั้งนี้ ประโยชน์ที่จะได้รับคือ เป็น ส่วนหนึ่งของการปรับกลไก และกระบวนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เน้นการมีส่วนร่วม ของทุกฝ่าย และสอดคล้องกับเงื่อนไขในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการลดความยากจน |
|||||||||||||||
2923 | ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย - กัมพูชา | นร | 29/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม
ไทย - กัมพูชา ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา และจังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2546 และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามผลการประชุมต่อไป รวมทั้ง ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดติดตามการดำเนินการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย โดย สาระสำคัญของการประชุมดังกล่าวได้แบ่งการประชุมออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มความมั่นคง พิจารณา เรื่อง เอกสารผ่านแดน การเปิดจุดผ่านแดน Concept Paper on Thailand - Combodia Border Pointof Entry ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคง และกลไกประสานความร่วมมือระดับท้องถิ่น และปัญหาเขตแดน กลุ่มเศรษฐกิจ พิจารณาเรื่อง การค้าชายแดน สินค้าเกษตร คณะกรรมาธิการร่วมด้านการค้า (JIC) โครงการ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอื่น ๆ การพัฒนาเส้นทางถนน การพัฒนาพลังงานไฟฟ้า และการคลัง กลุ่มการ ศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว พิจารณาเรื่อง โครงการโรงเรียนพระราชทานตามพระราชดำริของสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จังหวัดกำปงธม การแลกเปลี่ยนการเยือนการฝึกอบรมครูโครง การร่วมมือด้านการศึกษาอื่น ๆ ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านโบราณวัตถุ คณะกรรมการ สมาคมวัฒนธรรมไทย - กัมพูชา โครงการ Two Kingdoms One Destination การเปิดช่อง "เขาพระวิหาร" ความร่วมมือ "สามเหลี่ยมมรกต" การอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน และ MOU ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว กลุ่มพัฒนาสังคม แรงงาน และสาธารณสุข พิจารณาเรื่อง ความร่วม มือด้านการป้องกันการค้าเด็กและสตรี ความร่วมมือด้านแรงงาน การฝึกอบรมอาชีพ ความร่วมมือด้าน สาธารณสุข และความร่วมมือด้านปราบปรามยาเสพติด กลุ่มวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม พิจารณา เรื่อง ความร่วมมือด้าน IT การพัฒนาบุคลากร ปัญหาคลื่นความถี่รบกวนบริเวณชายแดน ความร่วมมือด้านการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการป่าไม้ข้ามพรมแดน การจัดการสัตว์ป่าข้ามพรมแดน การแก้ไขปัญหามล พิษตามแนวชายแดน การถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร และการบริการข้อมูลดาวเทียมจากสถานีภาคพื้น ดินรับสัญญาณข้อมูลดาวเทียมสำรวจโลกของไทย
|
|||||||||||||||
2924 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบรับรอง และค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือนอกสถานที่ราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยกักพืช พ.ศ. .... | กษ | 29/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรม
เนียมใบอนุญาตและใบรับรอง และค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลา ราชการ หรือนอกสถานที่ราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยกักพืช พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติหลักการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างกฎ กระทรวงฉบับนี้เป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบรับรอง และค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้า ที่ซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือนอกสถานที่ราชการ ดังนี้ (1) ใบอนุญาตนำเข้าหรือนำผ่านสิ่งต้องห้าม ฉบับละ 100 บาท (2) ใบอนุญาตนำเข้าหรือส่งออกเชื้อพันธุ์พืช ฉบับละ 100 บาท (3) ใบรับรองปลอดศัตรูพืช ฉบับละ 100 บาท (4) ใบแทนใบรับรองปลอดศัตรูพืช ฉบับละ 50 บาท ทั้งนี้ บุคคลใดประสงค์จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือ นอกสถานที่ราชการไม่ว่าในหรือนอกเวลาราชการต้องเสียค่าป่วยการให้สำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปฎิบัติ งานตามอัตราที่กำหนด โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวแก่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราช การแทนพระองค์ กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ |
|||||||||||||||
2925 | ข้อพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายในการแก้ปัญหารถจักรยานยนตร์รับจ้าง | นร | 29/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
ที่มีมติเกี่ยวกับข้อพิจารณามาตรการทางกฎหมายในการแก้ปัญหารถจักรยานยนตร์รับจ้าง โดยเห็นว่า มาตรการ ดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมรับไป ดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอรวม 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวง แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2524) (ข้อ 1 (4)) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 (1) แห่งพระราช บัญญัติรถยนตร์พ.ศ. 2522 เพื่อกำหนดลักษณะ ขนาดหรือกำลังของเครื่องยนตร์ของรถจักรยานยนตร์สาธารณะ แยกจากรถจักรยานยนตร์ส่วนบุคคล ร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 25 (พ.ศ. 2539) (ข้อ 2) เพื่อกำหนดลักษณะแผ่นป้ายทะเบียนรถสำหรับรถจักรยานยนตร์ทั้งสองประเภทให้แตกต่างกันโดยอาศัยอำนาจ ตามมาตรา 5 (4) แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 และร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับ ที่ 22 (พ.ศ. 2537) (ข้อ 6) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 (2) และมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 กำหนดให้รถจักรยานยนตร์สาธารณะต้องมีเครื่องอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของคนโดย สารได้ แล้วเสนอ คกก.7 พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อออกข้อบัญญัติหรือข้อบังคับท้องถิ่นเกี่ยวกับการจัดระเบียบการจอดยานยนตร์ต่อไป |
|||||||||||||||
2926 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทยรอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2546) | มท | 29/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในภาพรวม ของศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) ทั้ง 75 จังหวัด ในรอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดของ ศตส.จ. ศตส.อ./กิ่ง อ. มียอดการจับกุมรวมทั้ง สิ้น 48,015 คน ส่วนการแสดงตน ในช่วงวันที่ 21-27 กรกฎาคม 2546 มีผู้ผลิต/ผู้ค้าเข้าแสดงตนต่อทางราช การเพิ่มขึ้น 6 คน และผู้เสพแสดงตนเพิ่มขึ้น 68 คน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพ มีผลการบำบัดรักษา ทั้งสิ้น 285,469 คน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ได้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าว ครบ 6 ขั้นตอน จำนวน 41,448 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการในขั้นตอนที่ 5 จำนวน 19,661 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการในขั้นตอนที่ 4 จำนวน 797 หมู่บ้าน/ชุมชน และดำเนินการในขั้นตอนที่ 2 จำนวน 6 หมู่บ้าน/ ชุมชน (2) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ และการยึดทรัพย์สิน มีผลการปราบปรามจับกุม ผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-27 กุมภาพันธ์ 2546 รวม 1,997 คน การตรวจยึดทรัพย์ สินได้มูลค่า 6,728.236 ล้านบาท สำหรับผลการปฏิบัติงานยึดทรัพย์สินของ ป.ป.ส. และ ปปง. ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-27 กรกฎาคม 2546 สามารถดำเนินการยึดทรัพย์สินผู้ผลิต/ผู้ค้า จำนวน 2,786.160 ล้านบาท (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากการตรวจสอบเพิ่มเติมปรากฏ ว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 1,351 ราย และจากรายงานของกรม การปกครอง มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 359 ราย และกรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่น มีบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 201 ราย นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการในส่วนของการปฏิบัติงานด้านการป้องกันกลุ่มเสี่ยง การจัดงาน "12 สิงหาสร้างมหาอภัยทานต้านยาเสพติด" มาตรการเร่งรัดผู้เสพ/ผู้ติด ยาเสพติดเข้ารับการ บำบัด ฟื้นฟูและพัฒนา และการมอบนโยบายและแนวทางการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและการดำเนินการต่อ สู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด |
|||||||||||||||
2927 | การรายงานของคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2545 | กก | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอสรุปผลการดำเนินงานของคณะ
กรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 โดยผลการดำเนินงานของการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) ในภาพรวม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ เดินทางมายังประเทศไทย มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10.87 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2544 ร้อยละ 7.31 มีรายได้ เข้าประเทศประมาณ 332,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และในส่วนของนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางท่อง เที่ยวในประเทศ ปี พ.ศ. 2545 เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2544 ร้อยละ 4.96 โดยมีปริมาณการเดินทาง 61.53 ล้าน คน-ครั้ง ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนภายในประเทศประมาณ 308,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 37.66 สำหรับผลการดำเนินงานแยกตามกลยุทธ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 สรุปได้ดังนี้ (1) กลยุทธ์ด้าน การพัฒนา ได้แก่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตามกลุ่มพื้นที่ การพัฒนากิจกรรมทางการท่องเที่ยวเฉพาะอย่าง การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ การรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว การพัฒนา การท่องเที่ยงโดยมุ่งสู่ชุมชนท้องถิ่น การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการสร้างมาตรฐานการผลิตและ จำหน่ายสินค้าที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวเกิดความพึงพอใจ และ (2) กลยุทธ์ด้านการตลาด โดยในส่วนของตลาด ต่างประเทศ ได้เสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และเป็นประตูสู่ภูมิภาค อินโดจีน แก้ไขภาพลักษณ์ด้านลบของประเทศไทย ตลอดจนเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศไทย และดำเนินการเชิงรุกไปยังกลุ่มประเทศตลาดเป้าหมายและกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่มีความ พร้อม ส่วนตลาดในประเทศ ได้เปลี่ยนทัศนคติและสร้างค่านิยมในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่ง เสริมการตลาดเชิงรุก การส่งเสริมให้เกิดการเดินทางแลกเปลี่ยนระหว่างภูมิภาคและการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในช่วง Low Season การประชาสัมพันธ์จิตสำนึกในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี และเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมใน การดำเนินการด้านการตลาดเพื่อเสนอขายพื้นที่ของตนเองมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||
2928 | ขอความเห็นชอบแผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-2549 | พม | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
แผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการ หน่วย งานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านจัดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และที่เป็นเจ้าของที่ดิน ให้การสนับสนุนโครงการบ้านเอื้ออาทร และให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความ เห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ส่วนเรื่องการเงินให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช. ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับ ควบคู่ไปกับการใช้งบประมาณของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ คงคุณภาพ มาตรฐาน ในการก่อสร้างไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถลดภาระของรัฐในการให้ความสนับสนุนค่าใช้จ่าย จากเดิมในอัตราไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหน่วยลงได้ ผู้ซื้อสามารถผ่อนชำระต่อเดือนในอัตราต่ำ ภายในระยะ เวลาที่กำหนดไว้ 30 ปี สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. กระจายการดำเนินการโครงการ โดย ให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการก่อสร้างให้มากที่สุด โดยการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ในการก่อสร้างทั้งหมด กคช. ควรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการดังกล่าว ในส่วนของรูปแบบของบ้าน เอื้ออาทร ควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ล้าสมัยแล้ว ก็ไม่ควรนำมาเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้าง นอกจากนี้ พื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการภายในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและต่างจังหวัดควรพิจารณาเลือกทำเลให้เหมาะสม โดยประสานขอความร่วมมือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน และติดต่อเจรจากับธนาคารของรัฐและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มี อสังหาริมทรัพย์ในครอบครองให้ได้เงื่อนไขที่ดีเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ในการดำเนิน โครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. ดำเนินโครงการโดยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2536 แต่จะต้องประสานการดำเนินการกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยเร็วต่อ ไป กับให้ กคช. เร่งรัดการดำเนินโครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนต่าง ๆ จำนวน 270 แห่ง ซึ่งได้รับ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว เช่น โครงการปรับปรุงอาคารที่พักแฟลตดินแดง เป็นต้น ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว |
|||||||||||||||
2929 | การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ | กต | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอผลการดำเนินการของกระทรวงการ
ต่างประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ ระหว่างเดือนเมษายน 2545 - มีนาคม 2546 ซึ่งได้ดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลในการ "ส่งเสริม รักษา และคุ้มครองสิทธิ และผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งของภาคเอกชนไทย แรงงานไทย และคนไทยในต่างประเทศ" ตามที่ได้ แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2544 สรุปได้ดังนี้ (1) การให้ความช่วยเหลือและรักษาผล ประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ได้ให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 5,737 คน ประกอบด้วยการ ช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยาก (ถูกหลอกลวงไปทำงาน ค้าประเวณี เจ็บป่วย ถูกทอดทิ้งในต่างประเทศ และตก ทุกข์ในลักษณะอื่น) ช่วยเหลือและรักษาผลประโยชน์แรงงานไทย ช่วยเหลือชาวประมงไทยที่ถูกจับกุมคุมขังใน ต่างประเทศ รับเรื่องร้องทุกข์ ติดตามหาคนไทยในต่างประเทศ หรือแรงงานไทยที่เสียชีวิตในต่างประเทศ ติด ตามเงินพึงได้จากการเสียชีวิตของแรงงานไทยในต่างประเทศให้กับทายาทหรือผู้มีสิทธิได้รับเงินพึงได้ นอกจาก นี้ ยังมีงานดูแลนักเรียนทุนรัฐบาลไทยและข้าราชการที่ไปฝึกอบรมในต่างประเทศ (2) การดำเนินงานตาม นโยบายเข้าถึงประชาชน ได้จัดให้มีโครงการกงสุลสัญจรไปยังจังหวัดสกลนคร และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา เพื่อรับฟังเรื่องราวร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือจากผู้นำท้องถิ่นและประชาชนโดยตรง จัดให้มีโครง การบัวแก้วสัญจร ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โครงการทำหนังสือเดินทางสัญจรในจังหวัดต่าง ๆ และ สนับสนุนการดำเนินการของรัฐมนตรีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ในการรับเรื่องราวร้อง เรียนจากระดับท้องถิ่น (3) การอพยพคนไทยในอิรักและคูเวตกลับประเทศไทย เนื่องจากได้รับผลกระทบ จากกรณีที่สหรัฐ ฯ จะโจมตีอิรัก โดยได้เตรียมการให้ความช่วยเหลือ โดยการจัดเตรียมแผนเพื่อให้พร้อมต่อ การช่วยเหลืออพยพคนไทยและนักเรียนไทยออกจากประเทศดังกล่าวก่อนเกิดสงคราม และ (4) การปราบ ปราม ได้ดำเนินการประสานงานและขอความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการหลายคณะของรัฐสภา รวมไปถึง ส่วนราชการและหนวยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการปราบปรามเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายกับขบวน การหลอกลวงคนงานและการค้ามนุษย์ข้ามชาติ พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานของต่างประเทศในการ ช่วยเหลือและคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ |
|||||||||||||||
2930 | ขอความเห็นชอบโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย "โครงการบ้านเอื้ออาทร" ระยะ 3 และเรื่อง ขอความเห็นชอบแผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546 - 2549 | พม | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
แผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการ หน่วย งานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านจัดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และที่เป็นเจ้าของที่ดิน ให้การสนับสนุนโครงการบ้านเอื้ออาทร และให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความ เห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ส่วนเรื่องการเงินให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช. ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับ ควบคู่ไปกับการใช้งบประมาณของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ คงคุณภาพ มาตรฐาน ในการก่อสร้างไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถลดภาระของรัฐในการให้ความสนับสนุนค่าใช้จ่าย จากเดิมในอัตราไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหน่วยลงได้ ผู้ซื้อสามารถผ่อนชำระต่อเดือนในอัตราต่ำ ภายในระยะ เวลาที่กำหนดไว้ 30 ปี สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. กระจายการดำเนินการโครงการ โดย ให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการก่อสร้างให้มากที่สุด โดยการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ในการก่อสร้างทั้งหมด กคช. ควรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการดังกล่าว ในส่วนของรูปแบบของบ้าน เอื้ออาทร ควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ล้าสมัยแล้ว ก็ไม่ควรนำมาเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้าง นอกจากนี้ พื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการภายในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและต่างจังหวัดควรพิจารณาเลือกทำเลให้เหมาะสม โดยประสานขอความร่วมมือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน และติดต่อเจรจากับธนาคารของรัฐและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มี อสังหาริมทรัพย์ในครอบครองให้ได้เงื่อนไขที่ดีเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ในการดำเนิน โครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. ดำเนินโครงการโดยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2536 แต่จะต้องประสานการดำเนินการกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยเร็วต่อ ไป กับให้ กคช. เร่งรัดการดำเนินโครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนต่าง ๆ จำนวน 270 แห่ง ซึ่งได้รับ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว เช่น โครงการปรับปรุงอาคารที่พักแฟลตดินแดง เป็นต้น ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว |
|||||||||||||||
2931 | กระทู้ถามที่ 879 ร. เรื่อง ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรจากการปิดเส้นทางสัญจรเดิมระหว่างชุมชนของศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 13 จังหวัดกาฬสินธุ์ | สผ | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 879 ร. เรื่อง ปัญหา
ความเดือดร้อนของราษฎรจากการปิดเส้นทางสัญจรเดิมระหว่างชุมชนของศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 13 จังหวัดกาฬสินธุ์ ของนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดย สาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2528 กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินราช พัสดุ ในการจัดตั้งศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 13 จังหวัดกาฬสินธุ์ (ศูนย์ขยายเมล็ดพันธุ์พืชที่ 13 จังหวัดกาฬสินธุ์) ต่อมา ในปี พ.ศ. 2543-2545 กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับงบประมาณดำเนินการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ตามโครงการ เพิ่มศักยภาพการผลิตและขยายพันธุ์พืช จึงได้ขยายพื้นที่ดำเนินการ โดยได้ขอแบ่งพื้นที่มาจากสำนักงานเกษตรและ สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ และได้กั้นรั้วเป็นแนวทางเพื่อป้องกันทรัพย์สิน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางที่ราษฎรใช้สัญจรไป มาระหว่างชุมชนบริเวณรอบๆ ซึ่งเมื่อมีการขยายพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้าง จำเป็นต้องรื้อรั้วที่กันบริเวณดังกล่าว และได้ทำการกั้นรั้วใหม่ ทำให้ปิดกั้นถนนทางเดินเดิม อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ถนนบริเวณวัดห้วยสีทนและ ศูนย์ ฯ ดังกล่าว ได้รับการพัฒนาเป็นถนนลาดยางและถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้ราษฎรได้หันไปใช้ถนนดังกล่าว ซึ่งมีความสะดวกและปลอดภัยกว่า จึงได้ปิดเส้นทางสัญจรไปมาระหว่างชุมชนบริเวณรอบ ๆ ศูนย์ ฯ เป็นการถาวร ทั้งนี้ ศูนย์ ฯ ได้ชี้แจงและประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรในท้องถิ่นและราษฎร ถึงความจำเป็น ที่ต้องใช้พื้นที่ในการก่อสร้างเพื่อขยายการผลิตเมล็ดพันธุ์ และการป้องกันดูแลรักษาความปลอดภัยต่อทรัพย์สิน ราชการ และกรมส่งเสริมการเกษตรได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และเจรจา ทำความเข้าใจกับราษฎรจนผู้ร้องเรียนพอใจและได้ทำบันทึกข้อตกลงไว้เป็นหลักฐานแล้ว |
|||||||||||||||
2932 | กระทู้ถามที่ 1068 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยดู่ จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1069 ร. เรื่อง โครงการขุดลอกคลองห้วยตูบผ้าห่ม จังหวัดพิษณุโลก และกระทู้ถามที่ 1070 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กลำห้วยไคร้ จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1068 ร. เรื่อง
โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยดู่ จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1069 ร. เรื่อง โครงการขุดลอกคลองห้วยตูบผ้า ห่ม จังหวัดพิษณุโลก และกระทู้ถามที่ 1070 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กลำห้วยไคร้ จังหวัด พิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 1068 ร. สรุปได้ว่า โครงการฝายน้ำล้นห้วยดู่ หมู่ที่ 1 บ้าน ห้วยตีนตั่ง ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีสภาพพื้นที่เหมาะสมสามารถที่จะดำเนินการก่อ สร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบส่งน้ำได้ ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการจัดทำรายงานพิจารณาโครงการเบื้องต้น ถ้ามีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม จะได้พิจารณาสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนงาน และงบประมาณก่อ สร้างต่อไป ในกรณีที่ราษฎรในพื้นที่ขาดแคลนน้ำกรมชลประทานได้ให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อ สูบน้ำช่วยเหลือราษฎรตามแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อการเพาะปลูกและการอุปโภค-บริโภค และในระยะต่อไป จะ ดำเนินการพิจารณาจัดหาน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่นั้น ๆ ตามความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นการถาวรต่อไป กระทู้ถามที่ 1069 ร. สรุปได้ว่า ปัจจุบันโครงการขุดลอกหนอง น้ำและคลองธรรมชาติ กรมชลประทานได้ถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว และหากไม่ สามารถขุดลอกคลองห้วยตูบผ้าห่มในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้ การแก้ไขปัญหาราษฎรขาดแคลนน้ำเป็น อำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะพิจารณาดำเนินการ และกระทู้ถามที่ 1070 ร. สรุปได้ ว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำห้วยไคร้ หมู่ที่ 2 บ้านหนองขาหย่าง ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก มีสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมที่จะสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชล ประทาน ได้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของราษฎรโดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อสูบน้ำช่วย เหลือราษฎรตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และรถยนต์บรรทุกน้ำสำหรับแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค |
|||||||||||||||
2933 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ จัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ปรับปรุงแก้ ไขร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ตามความเห็นและข้อสังเกตของ คกก.3 ดังนี้ (1) อำนาจกระทำการต่าง ๆ ขององค์การ จัดการน้ำเสีย (อจน.) ตามมาตรา 7 ให้คงข้อความใน (13) เรื่องการประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ไว้เช่น เดิม ส่วนข้อความในร่าง (13) ที่เสนอควรให้เพิ่มเป็น (15) (2) แก้ไขข้อความในมาตรา 10(2) เป็น "ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม และค่าตอบแทน" เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มมาตรา 7(15) เรื่องการบริหารงาน และ (3) ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ อจน. ตามมาตรา12 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเปลี่ยน ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข เป็น ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม กับเพิ่มผู้แทนการประปาส่วนภูมิภาคเป็นกรรม การด้วย และปรับลดจำนวนกรรมการอื่นจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกินเจ็ดคน เป็น ไม่เกินหกคน ทั้งนี้ ในการแต่งตั้ง กรรมการดังกล่าวควรให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของ คกก.3 ที่เห็นควรให้ อจน. เร่งรัดจัดทำแผน การดำเนินงานเชิงธุรกิจ (Business Plan) ให้มีแนวทางการบริหารจัดการแบบเอกชนที่มีการวางแผนการดำเนิน งานหรือการลงทุนเพื่อก่อให้เกิดรายได้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด โดย ให้มีการกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานและตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนด้วย สำหรับการจัดเก็บค่าบริการหรือค่า ธรรมเนียมในการบำบัดน้ำเสีย ควรพิจารณาว่าจะให้การประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นผู้ ดำเนินการในการจัดเก็บค่าน้ำประปาอยู่แล้ว เป็นผู้จัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสีย โดยอาจให้ค่าตอบแทนในการ เรียกเก็บด้วยหรือไม่ หรือหาก อจน. เป็นผู้จัดเก็บเอง จะมีวิธีการดำเนินการและคำนวณอัตราส่วนการใช้น้ำอย่าง ไร หรืออาจจะโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ ไปเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนธุรกิจ ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเสนอ คกก.3 ภายใน 1 เดือน |
|||||||||||||||
2934 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย รอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2546) | มท | 22/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในภาพรวม ของศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) ทั้ง 75 จังหวัด ในรอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดของ ศตส.จ. ศตส.อ./กิ่ง อ. มี ยอดการจับกุมรวมทั้งสิ้น 47,713 คน การแสดงตน มีผู้ผลิต/ผู้ค้า และผู้เสพ เข้าแสดงตนต่อทางราชการตั้งแต่ วันที่ 12 - 20 กรกฎาคม 2546 โดยมีผู้ผลิต/ผู้ค้า มาแสดงตนเพิ่มขึ้น 80 คน ส่วนผู้เสพแสดงตนเพิ่มขึ้น 151 คน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพ มีผลการบำบัดรักษา รวมทั้งสิ้น 283,551 คน การเสริมสร้าง ความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ได้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าวครบ 4 ขั้นตอนใน 6 ขั้นตอน จำนวน 81,021 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการครบ 5 ขั้นตอน จำนวน 22,787 หมู่บ้าน/ชุมชน และดำเนินการครบ 6 ขั้นตอน จำนวน 39,825 หมู่บ้าน/ชุมชน (2) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ และการยึดทรัพย์ สิน มีผลการปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 20 กรกฎาคม 2546 รวม 1,990 คน การตรวจยึดทรัพย์สินได้มูลค่า 6,667.584 ล้านบาท สำหรับผลการปฏิบัติงานยึดทรัพย์สินของ ป.ป.ส. และ ปปง. ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-20 กรกฎาคม 2546 สามารถดำเนินการยึดทรัพย์สินผู้ผลิต/ผู้ค้า จำนวน 2,085.193 ล้านบาท (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากการตรวจ สอบเพิ่มเติมปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม 1,353 ราย และจากราย งานของกรมการปกครอง มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 359 ราย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม ทั้งสิ้น 201 ราย นอกจากนี้ ยังมีผลการปฏิบัติงานการติดตามผลการดำเนินคดีกับผู้ค้า/ผู้ผลิต ยาเสพติดใน ส่วนของการมอบนโยบายและแนวทางการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพ ติด การกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด และประเมินผลการปราบปรามผู้มีอิทธิพลการดำเนินคดีกับผู้มีพฤติการณ์ หลอกลวงคนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ และการปรับหลักเกณฑ์จังหวัดเข้มแข็งเพื่อเอาชนะยาเสพติด |
|||||||||||||||
2935 | กระทู้ถามที่ 883 ร. เรื่อง ขอทราบความคืบหน้ากรณีกรมโยธาธิการ กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท กรมทางหลวงชนบทสำรวจออกแบบ เข้าแผนโครงการลาดยางถนนในอำเภอโคกเจริญ อำเภอหนองม่วง อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโคกสำโรง อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎร | สผ | 08/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 883 ร. เรื่อง
ขอทราบความคืบหน้ากรณีกรมโยธาธิการ กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท กรมทางหลวงชนบทสำรวจออกแบบ เข้า แผนโครงการลาดยางถนนในอำเภอโคกเจริญ อำเภอหนองม่วง อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโคกสำโรง อำเภอชัย บาดาล จังหวัดลพบุรี เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎร ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) การ ดำเนินการสำรวจออกแบบเข้าแผนโครงการลาดยางถนนสายจากกุดตะเข้-กุดหว้า เป็นเส้นทางที่ไม่มีแนวถนน เดิม และไม่ได้เชื่อมกับเส้นทางหลัก จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ถนนสายห้วยเขว้า-เชื่อมต่อกับถนนของกรมทาง หลวงในพื้นที่บ้านวังไผ่ได้รับการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ระยะทาง 1.500 กิโล เมตร คงเหลือระยะทางยังไม่ก่อสร้าง 1.000 กิโลเมตร กรมทางหลวง ฯ จะได้ดำเนินการจัดเข้าแผนการก่อสร้าง เพื่อสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป ถนนสายบ้านคลองมะเกลือ-โรงเรียนคลองมะเกลือ-บ้าน ทุ่งท่าช้าง ยังไม่ได้ทำการสำรวจออกแบบ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนั้น ท้องถิ่นจะเป็นหน่วยในการสำรวจออกแบบและจัดเข้าแผนการก่อสร้างต่อไป ถนนสายวัดกุ่มสูงคลองมะเกลือได้ ทำการสำรวจออกแบบ พร้อมทั้งจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไปแล้ว ถนนสายวังมโนราห์- วังวัด-วังตาอินทร์ ช่วงวังมโนราห์-วังวัด ยังไม่ได้สำรวจออกแบบ กรมทางหลวง ฯ จะทยอยดำเนินการสำรวจ ออกแบบสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบตามลำดับต่อไป และช่วงวังวัด-วังตาอินทร์ ได้ทำการสำรวจออกแบบ แล้วและจะจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป ถนนสายยางราก-เขาราบ-โคกเจริญ ระยะทาง ตลอดสาย 15.410 กิโลเมตร จะจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างในระยะ 7.300 กิโล เมตรก่อน เมื่อได้รับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างแล้วจะสำรวจออกแบบในส่วนที่เหลือต่อไป ถนนสายชอน สมบูรณ์-คุ้งลาน-หนองอีเก้ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้รับเงินจัดสรรให้ก่อสร้างทางลาดยาง 1.500 กิโล เมตร คงเหลือระยะทางที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง 3.950 กิโลเมตร กรมทางหลวง ฯ จะดำเนินการจัดเข้าแผนการ ก่อสร้าง เพื่อสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป ถนนสายหนองบุ-หนองตาปัง-ห้วยเขว้า-หนอง สำราญ จากบ้านหนองบุ-บ้านหนองตาปัง อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นจะ เป็นหน่วยในการสำรวจออกแบบและจัดเข้าแผนการก่อสร้างต่อไป จากบ้านหนองปัง-บ้านป่าเขว้า ยังไม่ได้ทำ การสำรวจออกแบบเป็นถนนลาดยาง จะทำการสำรวจความเหมาะสมด้านวิศวกรรมในเบื้องต้นก่อน และจาก บ้านป่าเขว้า-บ้านหนองสำราญ ยังไม่ได้สำรวจออกแบบเป็นทางลาดยาง กรมทางหลวง ฯ จะทยอยดำเนิน การสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบตามลำดับต่อไป และถนนสายทุ่งท่าช้าง-ห้วยใหญ่-ชอนสารเดช จากบ้าน ทุ่งท่าช้าง-บ้านห้วยใหญ่ อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นจะเป็นหน่วยในการ สำรวจออกแบบและจัดเข้าแผนการก่อสร้างต่อไป จากบ้านห้วยใหญ่-บ้านวังทอง และจากบ้านสามแยกมาเจริญ -บ้านชอนสารเดช ได้ดำเนินการลาดยางแล้วตลอดทั้งสองสาย และ (2) การดำเนินการสำรวจออกแบบถนน ทั้ง 9 สายดังกล่าว เพื่อเข้าแผนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถดำเนินการสั่งการได้ในทันที พร้อมทั้งทำการศึกษา โดยครอบคลุมถึงประโยชน์ที่แท้จริงที่ประชาชนใน พื้นที่จะได้รับเทียบกับวงเงินลงทุนที่รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนด้วย |
|||||||||||||||
2936 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง การสอบสวนโครงการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | สว | 08/07/2546 | ||||||||||||
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง การสอบสวนโครงการ
จัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา และมอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่ง ผลการพิจารณาศึกษา ฯ ของคณะกรรมาธิการ ฯ เห็นว่า การดำเนินการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก) มีความไม่ เหมาะสมหลายประการ เช่น การอนุมัติโครงการและการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ การ กำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา เป็นต้น ซึ่งสามารถแยกผู้กระทำได้เป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายข้าราชการ เห็นว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนในการกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา คณะทำงาน ตรวจสต๊อกปุ๋ยอินทรีย์ของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด และคณะกรรมการพิจารณาผลการ ประกวดราคา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจนถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรผู้อนุมัติจัดซื้อครั้งนี้เป็นการใช้ อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบอันเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริตเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับชุมนุมสหกรณ์ ฯ ฝ่ายการเมือง เห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการ สมคบกันอันเป็นการสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำความผิด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้บุคคลใดบุคคล หนึ่งได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรได้รับโดยชอบด้วยกฎหมาย และฝ่ายเอกชน เห็นว่า มีข้อพิรุธอันควรสงสัยว่ามีการ สมคบกันอันเป็นการสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำความผิดเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการ ฯ มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ (1) กรณีการทุจริตการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก) รัฐบาลต้องดำเนินการส่งเรื่องให้สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการสอบสวนทางวินัยเจ้า น้าที่ที่เกี่ยวข้อง และ (2) กรณีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติของกรมส่งเสริมการเกษตรและกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ โดยมอบภารกิจในการให้ความช่วยเหลือ ฯ แก่องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น จัดให้มีกองทุนเพื่อประกัน ภัยความเสี่ยงของพืชผล (Crop Insurance) รวมทั้งให้มีโครงการระยะยาวในการพัฒนาพื้นที่เสียหายซ้ำซาก และ ปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการในการให้ความช่วยเหลือ |
|||||||||||||||
2937 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว พ.ศ. .... | ศธ | 08/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) ที่
มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบ ครัว พ.ศ. .... (กำหนดหลักเกณฑ์การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่บัญญัติว่า นอกจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ครอบ ครัวมีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาปรับปรุงในประเด็น ต่าง ๆ ตามมติ คกก.4 แล้วดำเนินการต่อไปได้ เกี่ยวกับเจตนารมณ์ในหลักการของร่างกฎกระทรวง ฯ ในการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว สิทธิโดยพื้นฐานของการจัดการศึกษาโดยครอบครัว (สิทธิโดยพื้นฐานตาม ธรรมชาติและวัฒนธรรม) วุฒิทางการศึกษา และหรือประสบการณ์ของบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง บุคคลที่มี อำนาจหน้าที่รับหรือไม่รับการจดทะเบียนและเพิกถอนการจดทะเบียนการศึกษา รวมทั้งการเพิ่มเติมกรณีให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองที่จัดการศึกษาโดยครอบครัวได้สิทธิประโยชน์ การสนับสนุนทางด้านวิชาการ ความรู้ ความสามารถในการจัดกระบวนการศึกษาเรียนรู้ให้กับบุตร เงินอุดหนุนจากรัฐและการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยคำว่า "ตามที่กฎหมายกำหนด" ที่เพิ่มเติม ให้ใช้ถ้อย คำที่แสดงลำดับของกฎหมายที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ กับให้สลับหมวด 4 ที่ว่าด้วยการ ส่งเสริม สนับสนุน ติดตาม และรายงาน ไปเป็นหมวด 2 ที่ว่าด้วยการจดทะเบียนการจัดการศึกษาโดยครอบครัว และหมวด 2 ไปเป็นหมวด 4 และให้บัญญัติความให้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 เป็นต้นไป |
|||||||||||||||
2938 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ของกระทรวงมหาดไทย รอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2546) | มท | 08/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในภาพรวม ของศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) ทั้ง 75 จังหวัด ในรอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดของ ศตส.จ. ศตส.อ./กิ่งอ. มี ยอดการจับกุมรวมทั้งสิ้น 47,193 คน การแสดงตน มีผู้ผลิต/ผู้ค้า และผู้เสพ เข้าแสดงตนต่อทางราชการตั้งแต่ วันที่ 29 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2546 โดยผู้ผลิต/ผู้ค้า ไม่มีผู้มาแสดงตน ส่วนผู้เสพเข้าแสดงตน จำนวน 4,486 คน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพ มีผลการบำบัดรักษาทั้งสิ้น 283,551 คน การเสริมสร้าง ความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ได้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าวครบ 4 ขั้นตอนใน 6 ขั้นตอน จำนวน 81,021 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการครบ 5 ขั้นตอน จำนวน22,787 หมู่บ้าน/ชุมชน และดำเนินการครบ 6 ขั้นตอน จำนวน 39,825 หมู่บ้าน/ชุมชน (2) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ และการยึดทรัพย์ สิน มีผลการปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 6 กรกฎาคม 2546 รวม 2,008 คน การตรวจยึดทรัพย์สินได้มูลค่า 6,570.678 ล้านบาท สำหรับผลการปฏิบัติงานยึดทรัพย์สินของ ป.ป.ส. และ ปปง. ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 6 กรกฎาคม 2546 สามารถดำเนินการยึดทรัพย์สินผู้ผลิต/ผู้ค้า จำนวน 1,956.983 ล้านบาท (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากการตรวจ สอบเพิ่มเติมปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม 1,353 ราย และจากราย งานของกรมการปกครอง มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 359 ราย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม ทั้งสิ้น 201 ราย นอกจากนี้ ยังมีผลการปฏิบัติงานการติดตามผลการดำเนินคดีกับผู้ค้า/ผู้ผลิต ยาเสพติดใน ส่วนของการมอบนโยบายและแนวทางการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพ ติดในภาคใต้ การปฏิบัติงานด้าน Potential Demand และการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด |
|||||||||||||||
2939 | รายงานความก้าวหน้าในการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าใน
การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การปรับปรุงระบบการ วิเคราะห์ดังกล่าว นอกจากจะมุ่งเน้นความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้ว ให้คำนึงถึงความรวดเร็ว และความถูกต้องของการวิเคราะห์ด้วย สำหรับรายงานความก้าวหน้าในการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม สรุปได้ว่า คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้แต่ง ตั้งขึ้นจำนวน 4 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการโครงสร้างองค์กรและพัฒนาระบบการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการด้านกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการด้านเทคนิคและ แนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้มีการประชุมร่วมกับคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการ ฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ ฯ ดังนี้ (1) รูปแบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้ปรับปรุงให้มีการจัดทำ 4 รูปแบบ คือ รายงานการวิเคราะห์ผล กระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Evaluation, IEE) การรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อม (Environmental Impact Assessment, EIA) กรณีโครงการขนาดใหญ่ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลังการดำเนินงาน (post EIA) และการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงกล ยุทธ์หรือการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับการจัดทำแผนหรือนโยบาย(Strategic Environmental Assess ment, SEA) (2) การกำหนดประเภทและขนาดโครงการ ได้ปรับปรุงการกำหนดประเภทและขนาดของโครง การให้ครอบคลุมโครงการที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (3) การพิจารณารายงาน ได้มีการพิจารณาแนวทาง การปรับปรุงกลไกการพิจารณารายงานโดยคณะผู้ชำนาญการ โดยมีองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาร่วมใน การพิจารณารายงาน รวมทั้งการมอบอำนาจให้หน่วยงานระดับภูมิภาคหรือท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณารายงานและ การพิจารณาเกี่ยวกับการมีใบอนุญาตสำหรับรายงานดังกล่าว (4) การติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการเปิดเผยผลการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานให้สาธารณชนทราบ พร้อมทั้งพัฒนาระบบติดตามตรวจสอบ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (5) กลไกการสนับสนุน ได้พิจารณาความจำเป็นในการจัดทำคู่มือหรือหลักเกณฑ์ ต่าง ๆ รองรับการปฏิบัติงาน และกลไกการสนับสนุนกระบวนการวิเคราะห์ และ (6) การมีส่วนร่วมของประชา ชน โดยการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นต้นของกระบวนการ |
|||||||||||||||
2940 | แนวทางการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน | ศธ | 01/07/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแนวทางการบริหารจัดการโครงการอาหาร
เสริม (นม) โรงเรียน ซึ่งแนวทางการบริหารจัดการโครงการ ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเขตพื้นที่การผลิต การ จำหน่าย และการกระจายนม โดยจัดทำข้อมูลแหล่งผลิตน้ำนมดิบ แหล่งแปรรูปนม และโรงเรียนที่มีนักเรียนเป็น ผู้บริโภค ให้ทราบสถานที่ตั้งของทั้ง 3 องค์ประกอบที่อยู่ในรัศมี 100 กิโลเมตร เพื่อเป็นการลดปัญหาการขนส่ง น้ำนมดิบและนมพร้อมดื่มไปให้ผู้บริโภคในระยะทางไกล ทำให้นมพร้อมดื่มจัดส่งให้เด็กนักเรียนดื่มมีความสดใหม่ สามารถควบคุมดูแลได้อย่างใกล้ชิด และประหยัดงบประมาณ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รวบรวมข้อมูลรายชื่อที่ ตั้งแหล่งผลิตนมพร้อมดื่ม จำนวน 85 แห่ง และรายชื่อโรงเรียน จำนวน 28,729 โรงเรียน ที่อยู่ในรัศมีห่างไม่เกิน 100 กิโลเมตร ของแต่ละแหล่งผลิต ตลอดจนรายชื่อโรงเรียนที่อยู่ห่างเกินรัศมี 100 กิโลเมตร รวมทั้งจำนวน นักเรียน จำนวนนมที่นักเรียนดื่มและจำนวนงบประมาณที่จะใช้ในโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวง มหาดไทยรับแนวทางดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้โครงการ ฯ เหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่เด็กนักเรียนและเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนมให้มากที่สุด โดยยึดเป้าหมายว่า นมที่จะแจกให้แก่เด็กนักเรียนตามโครงการ ฯ นี้ จะต้องเป็นนมที่มี คุณภาพ เกิดจากผลผลิตของเกษตรกรหรือสหกรณ์โคนม จากแหล่งผลิตในพื้นที่หรือมีที่ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนมาก ที่สุด และจัดส่งให้แก่เด็กนักเรียนเป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์เร่งรัดการผลิตเครื่อง พาสเจอร์ไรซ์นมสด เพื่อสนับสนุนการดำเนินการเรื่องนี้ให้เพียงพอแก่ความต้องการของสหกรณ์และเกษตรกรผู้ ผลิตนมด้วย
|
.....