ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 146 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2901 - 2920 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
2901 | การขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงาน หอกระจายข่าว | ลต | 02/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย รับข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการการเลือก ตั้ง (สำนักงาน กกต.) เกี่ยวกับแนวทางพัฒนาแบบยั่งยืนให้หอกระจายข่าวเป็นสื่อของชุมชน ไปพิจารณาบูรณาการ ในภาพรวมทั้งในเรื่องการจัดตั้งงบประมาณใช้หอกระจายข่าว และการดูแลและซ่อมบำรุงหอกระจายข่าวให้สามารถ ใช้การได้อยู่เสมอ โดยให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เพื่อให้สามารถใช้หอกระจายข่าวและทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์อย่าง เต็มที่ โดยให้รับความเห็นของ คกก.7 เกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการ งบประมาณในการซ่อมบำรุง การเก็บค่า บริการจากผู้ขอใช้หอกระจายข่าวเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหอกระจายข่าว รวมทั้งการนำวิทยุชุมชน และเคเบิ้ลทีวีเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมของ กกต. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ให้ส่วนราชการหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือสำนักงาน กกต. ในการใช้หอกระจายข่าวเพื่อดำเนินการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร หรือให้ความรู้เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งแก่ประชาชน และให้กรมประชา สัมพันธ์พิจารณาดำเนินการให้วิทยุชุมชนและเคเบิ้ลทีวีที่เข้ามาอยู่ในระบบแล้ว หรือจะเข้ามาอยู่ในระบบในอนาคต ให้การสนับสนุนสำนักงาน กกต. ในการใช้สื่อดังกล่าวเพื่อดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือการให้ความรู้เกี่ยว กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งแก่ประชาชนด้วย |
|||
2902 | แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (เพิ่มเติม) | ทส | 02/09/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2546 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2546 ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ตกลง ในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินงบ ประมาณเหลื่อมปีให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ สำหรับมติของคณะกรรมการ ฯ มีดังนี้ เห็นชอบแผนปฏิบัติ การเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (เพิ่มเติม) จำนวน 2 โครงการ โดยใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการถ่ายโอนการสนับสนุนแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระ ดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 รวมวงเงินงบประมาณ 105,908,412 บาทได้แก่ โครงการปรับปรุง ฟื้นฟูระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ รวม 16 พื้นที่ ใน 13 จังหวัด รวม 16 โครงการ วงเงินรวม 37,837,762 บาท และโครงการแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ ของกรมควบคุม มลพิษ 3 โครงการ วงเงินรวม 68,070,650 บาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ เป็นไปตามระเบียบสำนักงบประมาณ และให้สำนักงานนโยบายและแผน ฯ นำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณดำเนินการ รวมทั้งมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณา ระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปี ไม่เกินเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 ได้เป็นกรณีพิเศษ |
|||
2903 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2546 | กค | 26/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถ
ก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2546 ตามมติของคณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐ ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2546 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ดังนี้ (1) ให้ผ่อนผันการก่อหนี้ผูกพันได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2546 เฉพาะรายการที่อยู่ในกระบวนการจัด ซื้อจัดจ้างก่อนสิ้นไตรมาสที่ 3 รายการค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของหน่วยงานที่มีผลกระทบเนื่องจากการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในข่ายได้รับการผ่อนผันต้อง รายงานสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2546 ให้กรมบัญชีกลางในฐานะฝ่าย เลขานุการคณะกรรมการ ฯ ทราบ (2) การเบิกจ่ายเงินรายการที่ได้ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึง ยกเว้นราย การที่อายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนมีนาคม 2547 ให้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกับกระทรวงการคลัง สำหรับรายการ ค่าครุภัณฑ์ตามข้อ (1) ที่อายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนตุลาคม 2546 แต่ไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคม 2547 ให้เบิกจ่าย เงินได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2547 หากอายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนมีนาคม 2547 ให้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกับ กระทรวงการคลัง (3) งบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2546 และงบอุดหนุนทั่วไปที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในลักษณะงบ ลงทุน ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง (4) วิธีการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการขยายเวลาเบิกจ่ายเงินดังกล่าว ให้ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. 2520 และที่แก้ไข เพิ่มเติม |
|||
2904 | กระทู้ถามที่ 325 เรื่อง การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และกระทู้ถามที่ 326 เรื่อง โครงการก่อสร้างสายน้ำล้น ลำน้ำคาน ตำบลหนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 26/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 325 เรื่อง
การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และกระทู้ถามที่ 326 เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้น ลำน้ำคาน ตำบล หนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยสาระ สำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 325 สรุปได้ว่า การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านลาดดื้อ ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้ตรวจสอบ และพิจารณาแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการก่อสร้างเป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง 2 โครงการ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำน้ำคาน และอ่างเก็บน้ำน้ำคานขวาง ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาความเป็นไปได้ ในเบื้องต้นกำหนดขอบเขตสำรวจภูมิประเทศ สำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา เพื่อศึกษาจัดทำรายงาน ความเหมาะสมของทั้ง 2 โครงการ ถ้ามีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมจะได้พิจารณา สำรวจ ออกแบบและ จัดเข้าแผนงานก่อสร้างต่อไป และกระทู้ถามที่ 326 สรุปได้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทาน ได้นำโครงการก่อสร้างฝายลำน้ำคาน หมู่ที่ 2 บ้านนาจาน ตำบลหนองกระท้าว อำเภอนครไทย จั งหวัดพิษณุ โลก จัดเข้าแผนงานโครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบชลประทาฯขนาดเล็กลงสู่ท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตามแผนงานส่งเสริมการผลิตการเกษตรของกรมชลประทาน เมื่อได้รับงบประมาณ สามารถดำเนินการ ก่อสร้างโครงการ ฯ ได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ทั้งนี้ รัฐบาลจะให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน ของราษฎรโดยจัดสรรน้ำตามสถานการณ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จัดส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกรที่ประ สบปัญหาความแห้งแล้ง ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้งตลอดปี |
|||
2905 | กระทู้ถามที่ 1072 ร. เรื่อง การก่อสร้างต่อเติมระบบประปาและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านนาจาน จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1075 ร. เรื่อง การดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นแม่น้ำออมสิงห์ และกระทู้ถามที่ 1077 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นขนาดกลางบ้านน้ำตอน จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 26/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1072 ร. เรื่อง
การก่อสร้างต่อเติมระบบประปาและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านนาจาน จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1075 ร. เรื่อง การดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นแม่น้ำออมสิงห์ และกระทู้ถามที่ 1077 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝาย น้ำล้นขนาดกลางบ้านน้ำตอน จังหวัดพิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 1072 ร. สรุปได้ว่า ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน ไม่มีแผนก่อสร้างต่อเติมระบบประปาและ ขุดลอกอ่างเก็บน้ำบ้านนาจาน หมู่ที่ 4 ตำบลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจาก งานขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ กรมชลประทานได้ถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ทั้งนี้ ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือราษฎรตามแหล่ง น้ำธรรมชาติ และสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค เมื่อมีการร้องขอ กระทู้ ถามที่ 1075 ร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่บริเวณที่จะดำเนิน การก่อสร้างฝายน้ำล้นแม่น้ำออมสิงห์ ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกแล้ว มีสภาพภูมิ ประเทศไม่เหมาะสม เนื่องจากพื้นที่เป็นตลิ่งสูง ไม่สามารถผันน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกได้ทั้งนี้ ได้ดำเนินการแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ดังกล่าวโดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือราษฎร ามแหล่งน้ำธรรมชาติ และสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค เมื่อมีการร้อง ขอ และกระทู้ถามที่ 1077 ร. สรุปได้ว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชล ประทาน ไม่มีแผนก่อสร้างฝายน้ำล้นขนาดกลาง บ้านน้ำตอน ตำบลนาบัว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศไม่เหมาะสม ประกอบกับด้านท้ายน้ำ มีฝายน้ำตอน (ฝายหินก่อ) ซึ่งดำเนินการ ก่อสร้างเสร็จนานแล้ว มีตะกอนทับถมอยู่เต็มหน้าฝายไม่สามารถกักเก็บน้ำและส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้ จะ ต้องดำเนินการขุดลอกตะกอนหน้าฝายและลำห้วยซึ่งงานขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติได้ถ่ายโอนภาร กิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ทั้งนี้ ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อน ที่ เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือราษฎรตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำสำหรับการ อุปโภค-บริโภค เมื่อมีการร้องขอ |
|||
2906 | กระทู้ถามที่ 1059 ร. เรื่อง การจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ | สผ | 26/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1059 ร. เรื่อง การจัด
สรรงบประมาณในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 กระทรวง เกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทาน ไม่มีแผนงานก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำในพื้นที่บริเวณบ้านถ้ำพริก หมู่ที่ 3 บ้านเกษตรสุข หมู่ที่ 5 บ้านเกษตรสัมพันธ์ หมู่ที่ 7 บ้านโป่งแค หมู่ที่ 8 บ้านทัศนานคร หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากราษฎรไม่ได้เสนอโครงการดังกล่าวผ่านตามขั้นตอนในระบบคณะกรรม การนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ทั้งนี้ การขอรับการจัดสรรงบประมาณ ราษฎรลุ่ม เกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ริเริ่มขอโครงการ โดยขอโครงการผ่านสภาตำบลอำเภอ และจังหวัด ตาม ขั้นตอนของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ในระบบคณะกรรมการ กนภ. และต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ประกอบ คือเป็นโครงการที่มีสภาพภูมิประเทศเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมตามประเภทของโครงการที่เสนอขอให้สร้างราษฎร บริเวณพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ รวมทั้งจะต้องมีความพร้อมในการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ มีการวางแผนการใช้น้ำ จัดตั้งกองทุนพัฒนาแหล่งน้ำภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จและเป็นโครงการที่ไม่มีปัญหาเรื่องที่ดิน สำหรับ แนวทางในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชล ประทาน มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรในเบื้องต้นซึ่งกรมชลประทานได้ให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เคลื่อนที่ เพื่อใช้สำหรับการสูบน้ำช่วยเหลือราษฎรตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอยู่ เพื่อการเพาะปลูกและการอุปโภค -บริโภค นอกจากนี้ ยังสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค เมื่อมีการร้องขอ โดย ขอรับการสนับสนุนได้จากโครงการชลประทานในพื้นที่นั้น ๆ |
|||
2907 | กระทู้ถามที่ 293 เรื่อง ความคืบหน้าของโครงการถนนลาดยางสายปากบาง-บ้านสวนมะม่วง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี | สผ | 19/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 293 เรื่อง ความคืบหน้าของ
โครงการถนนลาดยาง สายปากบาง-บ้านสวนมะม่วง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ของนายพายัพ ปั้นเกตุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสิงห์บุรี และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้แทน ราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ถนนลาดยางสาย สห 4106 บ้านปากบาง-บ้านสวนมะม่วง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี มีลักษณะเป็นถนนโครงข่ายสายรอง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ชนบทยังเหลือระยะทางที่ยังไม่ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางอีกประมาณ 11.143 กิโลเมตร และ เนื่องจากถนนดังกล่าว มิได้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่หากพบว่าประชาชนมีความเดือดร้อนเป็น อย่างมากในการใช้เส้นทาง สามารถประสานไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อขอความอนุเคราะห์ ในการซ่อมแซมเบื้องต้นให้สามารถใช้การได้เป็นการชั่วคราวก่อนได้ |
|||
2908 | กระทู้ถามที่ 318 เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยาง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 324 เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยางสาย พล 3046 บ้านห้วยเหิน-แก่งบัวคำ และกระทู้ถามที่ 327 เรื่อง การก่อสร้างทางในหมู่บ้าน จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 19/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 318 เรื่อง การก่อสร้างถนน
ลาดยาง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และ มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบ สรุปได้ว่า ถนนสายบ้านห้วยทรายเหนือ หมู่ที่ 6 ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นถนนดิน ลำลอง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ไม่สามารถขออนุญาตก่อสร้างถนน ได้ จนกว่าจะมีการผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ราษฎรในพื้นที่สามารถร้องขอให้องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่ ดำเนินการบำรุงรักษาถนนเดิมให้มีสภาพใช้การได้ดี หากไม่สามารถดำเนินการ ได้ สามารถร้องขอไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทพิษณุโลกเพื่อให้การสนับสนุนตามกำลังงบประมาณที่ได้รับ การจัดสรรในแต่ละปีได้เช่นกัน |
|||
2909 | กระทู้ถามที่ 401 ร. เรื่อง การแก้ไขข้อขัดแย้งกรณีโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยและระบบบ่อบำบัดน้ำเสียในเขตเทศบาลทั่วประเทศ | สผ | 19/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 401 ร.
เรื่อง การแก้ไขข้อขัดแย้งกรณีโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยและระบบบ่อบำบัดน้ำเสียในเขตเทศ บาลทั่วประเทศ ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (บัญชีรายชื่อ) และให้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) จากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้มีการปรับปรุงขั้นตอน ในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประชาชนที่มีต่อโครงการ ก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยและระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ การกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชน ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมการศึกษาความเหมาะสม และจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นกลางต่อ สาธารณชน ตลอดจนการจัดทำประชาพิจารณ์ก่อนดำเนินโครงการโดยหน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นผู้ ดำเนินการ และการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาสนับสนุนโครงการ โดยระบุให้องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นต้องเสนอข้อมูลประกอบการพิจารณา (2) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดแนวทางการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ ความขัดแย้งของประชาชนที่มีต่อโครงการ ฯ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดประโยชน์สูง สุดจากงบประมาณแผ่นดินที่ได้จัดสรรและกำลังจะจัดสรรไปยังโครงการต่าง ๆ โดยได้ประสานกับองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงานแต่ละขั้นตอนอย่างใกล้ชิดและทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านวิชาการให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ (3) การตรวจสอบการปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการทำการประชาพิจารณ์ตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ พ.ศ. 2539 หน่วยงานเจ้าของโครงการ จะต้องรายงานการดำเนินการให้แก่คณะกรรมการที่ปรึกษาว่าด้วยการประชาพิจารณ์ โดยคณะกรรมการดัง กล่าวมีหน้าที่ในการกำกับดูแล รับฟังความคิดเห็นสาธารณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย วินิจฉัย ตอบข้อหา รือตามที่กำหนดในระเบียบ และรายงานสรุปผลการทำประชาพิจารณ์ตามที่ได้รับเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||
2910 | กระทู้ถามที่ 1088 ร. เรื่อง ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ต่อภาวะกำพร้าของเด็กไทย | สผ | 19/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1088 ร.
เรื่องผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ต่อภาวะกำพร้าของเด็กไทย ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป ได้ว่า รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสำรวจตัวเลขเด็กกำพร้าที่ผู้ปกครองเสียชีวิตจากโรคเอดส์ทั่ว ประเทศ พบว่า ในระยะที่ผ่านมาถึงปี พ.ศ. 2544 มีเด็กกำพร้าจากโรคเอดส์ จำนวน 289,000 คน และใน ปีพ.ศ. 2545 มีเด็กกำพร้าที่ผู้ปกครองเสียชีวิตจากโรคเอดส์ จำนวน 34,372 คน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษา เพื่อจัดทำกรอบและแนวทางใน การสำรวจข้อมูลเด็กกำพร้า ฯ ดังกล่าว สำหรับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรม พัฒนาสังคมและสวัสดิการได้ให้การสงเคราะห์แก่เด็กกำพร้า ฯ โดยการรับเด็กเข้าอุปการะในสถานสงเคราะห์ ให้การสงเคราะห์เด็กในครอบครัวที่มีญาติพี่น้องรับอุปการะเป็นเงินหรือสิ่งของ จัดหาครอบครัวอุปการะ ครอบ ครัวทดแทน หรือครอบครัวบุญธรรม สนับสนุนทรัพยากรและงบประมาณแก่องค์กรภาคเอกชนที่รับเด็กไปดูแล อุปการะ และส่งเสริม สนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่น และชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบ จากโรคเอดส์ ส่วนการสำรวจตัวเลขเด็กเร่ร่อนที่เป็นเด็กกำพร้าเนื่องจากผู้ปกครองเสียชีวิตจากโรคเอดส์ นั้น ยัง ไม่มีการดำเนินการสำรวจตัวเลขดังกล่าว แต่ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ ดำเนินการให้ความ ช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้าให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศตามมาตรการต่าง ๆ ทั้งในด้าน การแก้ไข การป้องกัน และมาตรการกฎหมาย นอกจากนี้ รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการ ดูแลเด็กกำพร้า ฯ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดประชุมเกี่ยวกับการช่วยเหลือและ แก้ไขปัญหาเด็กกำพร้า ฯ ทั่วประเทศ ซึ่งที่ประชุมได้เสนอให้กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ รับเป็นเจ้าภาพหลัก ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากเอดส์ และให้สถาบันครอบครัวได้เข้ามามีบทบาท ด้วย พร้อมกันนี้ได้ยกร่างแนวทางการแก้ไขผลกระทบทางสังคมจากปัญหาเอดส์ สำหรับเป็นแนวทางการดำเนิน งานในอนาคตโดยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงให้มีความเหมาะสมต่อไป |
|||
2911 | กระทู้ถามที่ 497 ร. เรื่อง การติดตามตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณด้านการกำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม | สผ | 19/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 497 ร.
เรื่อง การติดตามตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณด้านการกำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (บัญชีรายชื่อ) และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาลได้สนับสนุนด้านการกำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศ ตามพระราช บัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา โดยได้สนับสนุนการดำเนินงานในลักษณะต่าง ๆ เช่น การศึกษาความเหมาะสมของระบบกำจัดขยะมูลฝอย การก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอย การจัดซื้อครุภัณฑ์ในการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอย ฯลฯ ซึ่งจากการสนับ สนุนงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2537-2545 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้สนับสนุนงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เพื่อใช้ในการจัดการขยะมูลฝอยตามเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติ ฯ ซึ่งมุ่งเน้นการกระจายอำนาจในการ บริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในวงเงินลงทุน 6,807.92 ล้านบาท สำหรับ การติดตามประเมินผลการดำเนินงาน สามารถพิจารณาจากเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนจัดการคุณภาพ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2542-2549 และนโบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างครบวงจร |
|||
2912 | กระทู้ถามที่ 750 ร. เรื่อง การชำระภาษีให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สผ | 19/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 750 ร.
เรื่องการชำระภาษีให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยามีรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรและจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาตตามที่กฎ หมายกำหนดประเภทต่าง ๆ โดยในส่วนของภาษีที่จัดเก็บเป็นรายได้ของรัฐบาลและจัดสรรให้องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหรือโรงงานตั้งอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ และมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพ มหานคร นั้น กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีรวมกันได้ ณ สำนักงานสรรพากร หรือผ่านทางธนาคารและสาขาของธนาคาร ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพ ฯ ได้ สำหรับในส่วนของการแบ่งภาษีจากส่วนกลางให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาล ได้จัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่เป็นรายได้ของรัฐบาลให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คิดเป็นร้อยละ 10.88 ของภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลกฎหมายรัษฎากร หรือคิดเป็นเงิน 19,349 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2546 ได้จัดสรรภาษีให้องค์กรปกครอง ฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20.78 หรือคิดเป็นเงิน 35,504.44 ล้านบาท เป็นผลให้องค์กรปกครอง ฯ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาล ร้อยละ 22.19 |
|||
2913 | สรุปผลการประชุมดูงานเรื่องการบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนและเทคโนโลยีพลังงานรูปแบบใหม่ ณ ประเทศเดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และฟินแลนด์ | พน | 19/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานสรุปผลการประชุมดูงานเรื่องการบริหารจัด
การพลังงานอย่างยั่งยืนและเทคโนโลยีพลังงานรูปแบบใหม่ ณ ประเทศกลุ่มประชาคมยุโรป (European Union) 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และฟินแลนด์ ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม 2546 ซึ่งผลจากการประชุมและดูงานครั้งนี้เห็นได้ว่า ประเทศกลุ่มประชาคมยุโรปทั้ง 3 ประเทศมีการกำหนดเป้า หมายในการบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ที่สำคัญ 4 ประการ คือ (1) การเพิ่มประสิทธิภาพใน การใช้พลังงาน ที่ให้ความสำคัญมากในการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน ในการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้พลังงาน โดยใช้มาตรการด้านภาษี มาตรการใช้เงินอุดหนุน มาตรการส่งเสริมโดยสมัครใจ และการ กำกับดูแล เป็นเครื่องมือเชิงนโยบาย (2) การเร่งรัดเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Resources) มีจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือการลดผลกระทบของราคาน้ำมันต่อระบบเศรษฐกิจ โดยรวม อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย และมีแนวโยบายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนจากแหล่งที่มีศักยภาพสูงสุด 3 อันดับ แรก ได้แก่ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานจากชีวมวล (3) การมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Participation) อย่างเป็นระบบ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในระดับการวางแผน กระบวนการตัดสิน ใจ และการเสริมสร้างบทบาทองค์กรปกครองท้องถิ่นให้มีความพร้อม และสามารถตอบสนองความต้องการของ ชุมชน พร้อมทั้งให้ชุมชนและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมถึงระดับของการเป็นเจ้าของ (Ownership) ในโครงการ สาธารณูปโภคด้านพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้า เป็นต้น และ (4) การพัฒนางานวิจัยควบคู่กับการพัฒนาพลังงาน (Energy Research and Development) ประเทศทั้ง 3 ให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ งานวิจัยที่สามารถนำผลงานวิจัยมาพัฒนาต่อเนื่องได้ |
|||
2914 | ขออนุมัติเงินงบประมาณงบกลาง พ.ศ. 2546 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลให้แก่ราษฎรที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และ เรื่อง ขอเว้นงบประมาณปี พ.ศ. 2546 เพิ่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลให้แก่ราษฎรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค | ทส | 13/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานการประชุมเพื่อ
พิจารณาแนวทางการดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลให้แก่ราษฎรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค โดยให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาประชุมร่วมกันให้ได้ข้อ ยุติโดยด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า โดยที่การซ่อมและการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลดังกล่าวซึ่งถือเป็นภารกิจหนึ่งที่ส่วนกลางได้ถ่ายโอนให้แก่ท้องถิ่น แล้ว และท้องถิ่นสามารถจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับภารกิจอื่น ๆ ที่ท้อง ถิ่นประสงค์จะดำเนินการ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนทั่วไปที่ท้องถิ่นได้รับการจัดสรรไว้แล้วได้ตาม ความจำเป็นเหมาะสมของท้องถิ่นเอง ดังนั้น บทบาทของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรม ทรัพยากรธรณี) จึงควรเป็นผู้แจ้งข้อมูลทางวิชาการที่กรมทรัพยากรธรณีได้จัดสำรวจไว้แล้ว ให้แต่ละท้องถิ่น ได้ทราบว่า ท้องถิ่นใดมีความเหมาะสมจะขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลหรือไม่ เพียงใด เพื่อประกอบการพิจารณา ดำเนินการในเรื่องนี้ของท้องถิ่น ตลอดจนเป็นผู้สนับสนุนทางด้านเทคนิค วิชาการ โดยระยะเริ่มแรกให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เข้าไปเสริมหรือร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและตอบ สนองความต้องการของประชาชนในบางพื้นที่ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลดัง กล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยให้สำนักงบประมาณปรับเพิ่มวงเงินงบ ประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ สำหรับรายการค่าใช้จ่าย ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล จำนวน 6,000 บ่อ วงเงินรวม 685,448,000 บาท แล้วให้นำเสนอคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดเตรียมความพร้อมของบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ในการขุดเจาะบ่อ น้ำบาดาล โดยให้กระจายความพร้อมดังกล่าวไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่มีปัญหาภัยแล้ง และมีความต้องการขุด เจาะบ่อน้ำบาดาล เพื่อให้สามารถประสานและดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วต่อไป |
|||
2915 | ขออนุมัติหลักการการขยายเวลาการจ้างครูอัตราจ้างชั่วคราวเป็นคราวละ 5 ปีต่อเนื่อง | ศธ | 13/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4)
ที่มีมติอนุมัติในหลักการตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการขยายเวลาการจ้างครูอัตราจ้างชั่วคราว จากระยะเวลา 1 ปี เป็นคราวละ 3 ปีต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป โดยให้ทำสัญญาจ้าง ในแต่ละปี ทั้งนี้ เพื่อให้มีการประเมินครูอัตราจ้างอันเป็นหลักประกันคุณภาพการเรียนการสอนให้แก่เด็กและ ผู้ปกครอง โดยให้ใช้หลักการนี้กับครูอัตราจ้างของทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และหากมี การนำระบบสัญญาจ้างมาใช้ ก็ให้กระทรวงศึกษาธิการปรับสัญญาจ้างปีต่อปีที่ใช้อยู่ให้เข้าสู่ระบบดังกล่าวต่อ ไป โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการรับความเห็น และข้อสังเกตของ คกก.4 ไปดำเนินการ ดังนี้ กรณีที่มีปัญหาไม่ทราบจำนวนครูขาดแคลนที่แท้จริง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการที่จะใช้ครูได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทราบจำนวนครูที่ขาดแคลนที่แท้จริงว่ามีจำนวนเท่าใด จึงเห็นควรให้สำนักงาน เลขาธิการสภาการศึกษาเป็นเจ้าของเรื่อง โดยอาจมอบให้สถาบันการศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่งรับไปศึกษาข้อ มูลจำนวนครูที่ขาดแคลนที่เป็นจริง โดยให้ศึกษาเชิงลึกตามประเภทการเรียนการสอนและตามประเภทพื้นที่ แล้วจัดทำเป็นภาพรวมทั้งประเทศ เพื่อใช้กำหนดมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนครูต่อไป ในระยะยาว นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงในปัจจุบันรัฐเป็นผู้จัดการศึกษากว่าร้อยละ 80 ดังนั้น ในระยะยาวควรจะ ส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีส่วนในการจัดการศึกษาเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐควรสนับสนุนภาคเอกชนในจุดที่ยังด้อย อยู่ จึงมอบให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาบทบาทการพัฒนาการศึกษาระหว่างภาครัฐและเอกชนใน อนาคต โดยการให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษามากยิ่งขึ้น รวมทั้งเร่งถ่ายโอนภารกิจด้านการ ศึกษาให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น |
|||
2916 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ของกระทรวงมหาดไทย รอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2546) | มท | 13/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในภาพรวมของศูนย์ปฏิบัติ การต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) ทั้ง 75 จังหวัด ในรอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2546) โดยการปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดของ ศตส.จ. ศตส.อ/กิ่ง อ. มียอดการจับกุมรวมทั้งสิ้น 48,559 คน การแสดงตนต่อทางราชการ ระหว่างวันที่ 3-10 สิงหาคม 2546 มีผู้ผลิต/ผู้ค้า มาแสดงตนเพิ่มขึ้น 16 คน และผู้เสพแสดงตนเพิ่มขึ้น 561 คน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพ ช่วงระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม-10 สิงหาคม 2546 มีผลการบำบัดรักษารวม 77,836 คน ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชนตาม กระบวนการเสริมสร้างหมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็งเพื่อเอาชนะยาเสพติด ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2546 จากเป้าหมาย 82,247 หมู่บ้าน/ชุมชน มีหมู่บ้าน/ชุมชนที่จังหวัดประกาศการดำเนินการผ่าน 6 ขั้นตอน รวมทั้งสิ้น 69,508 หมู่บ้าน/ชุมชน และการปฏิบัติภารกิจของผู้ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ได้จัดฝึกอบรมวิทยากรระดับ ตำบล (ครู ข) จัดประชุมชี้แจงผู้ประสานพลังแผ่นดินระดับหมู่บ้านเพื่อจัดตั้งและรับมอบภารกิจและมีผู้ผลิต/ผู้ ค้าผ่านโครงการอบรมทำความดีเพื่อแผ่นดิน จำนวน 30,151 คน ส่วนการปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้าราย สำคัญและการยึดทรัพย์สิน จากการตรวจสอบและยึดทรัพย์สินของ ศตส. 75 จังหวัด ระหว่างวันที่ 3 - 10 สิงหาคม 2546 จับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ 6 ราย ยึดทรัพย์สินได้มูลค่า 0.546 ล้านบาท และผลการปฏิบัติ งานยึดทรัพย์สินของ ป.ป.ส. และ ปปง. ในระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-10 สิงหาคม 2546 สามารถ ดำเนินการยึดทรัพย์สินผู้ผลิต/ผู้ค้า จำนวน 2,890.700 ล้านบาท สำหรับการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น 2 ราย นอกจากนี้ ยังมีผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ ยาเสพติด (Potential Demand) การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การมอบแนวทางการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและ การดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด รวมทั้งการมอบนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและการดำเนิน การต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ครั้งที่ 8 |
|||
2917 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2546 | นร | 13/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่
มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอร่างระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (แก้ไขเพิ่ม เติม) พ.ศ. 2546 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้แก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็น ของ คกก.7 เกี่ยวกับการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาจังหวัด โดยกำหนดให้มีผู้แทนจากองค์ กรส่วนท้องถิ่น และผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการได้ตามจำนวนที่กำหนด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของคณะกรรม การ ฯ ในการดำเนินการ และตรงตามลักษณะงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การกำหนดให้มีผู้แทนของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหัวหน้าส่วนราชการทุกแห่งเป็นกรรมการ จะทำให้องค์ประกอบของคณะกรรม การใหญ่เกินไปไม่อาจปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ปัจจุบันตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร องค์การบริหารส่วนตำบลได้แก้ไขปรับปรุงใหม่เป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแล้ว ควรแก้ไขให้สอดคล้อง กันด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||
2918 | ขอเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2546 เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลให้แก่ราษฎรที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และเว้นขอเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2546 เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายให้แก่ราษฎรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค | ทส | 13/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานการประชุมเพื่อ
พิจารณาแนวทางการดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลให้แก่ราษฎรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค โดยให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาประชุมร่วมกันให้ได้ข้อ ยุติโดยด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า โดยที่การซ่อมและการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลดังกล่าวซึ่งถือเป็นภารกิจหนึ่งที่ส่วนกลางได้ถ่ายโอนให้แก่ท้องถิ่น แล้ว และท้องถิ่นสามารถจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับภารกิจอื่น ๆ ที่ท้อง ถิ่นประสงค์จะดำเนินการ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนทั่วไปที่ท้องถิ่นได้รับการจัดสรรไว้แล้วได้ตาม ความจำเป็นเหมาะสมของท้องถิ่นเอง ดังนั้น บทบาทของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรม ทรัพยากรธรณี) จึงควรเป็นผู้แจ้งข้อมูลทางวิชาการที่กรมทรัพยากรธรณีได้จัดสำรวจไว้แล้ว ให้แต่ละท้องถิ่น ได้ทราบว่า ท้องถิ่นใดมีความเหมาะสมจะขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลหรือไม่ เพียงใด เพื่อประกอบการพิจารณา ดำเนินการในเรื่องนี้ของท้องถิ่น ตลอดจนเป็นผู้สนับสนุนทางด้านเทคนิค วิชาการ โดยระยะเริ่มแรกให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เข้าไปเสริมหรือร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและตอบ สนองความต้องการของประชาชนในบางพื้นที่ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลดัง กล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยให้สำนักงบประมาณปรับเพิ่มวงเงินงบ ประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ สำหรับรายการค่าใช้จ่าย ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล จำนวน 6,000 บ่อ วงเงินรวม 685,448,000 บาท แล้วให้นำเสนอคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดเตรียมความพร้อมของบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ในการขุดเจาะบ่อ น้ำบาดาล โดยให้กระจายความพร้อมดังกล่าวไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่มีปัญหาภัยแล้ง และมีความต้องการขุด เจาะบ่อน้ำบาดาล เพื่อให้สามารถประสานและดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วต่อไป |
|||
2919 | การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 05/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์
กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ (1) จำนวนบุคลากรที่ต้องถ่ายโอนรวมทั้งสิ้น 4,111 ราย แยกเป็นข้าราชการ 1,310 ราย ลูกจ้าง ประจำ 2,801 ราย ศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัด 75 จังหวัด ได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากรรวม 3 ครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้แต่งตั้งรับโอนบุคลากรแล้วรวม 3,938 ราย แยกเป็นข้าราชการ 1,253 ราย ลูกจ้างประจำ 2,685 ราย คงเหลือบุคลากรที่ยังถ่ายโอนไม่ได้รวม 173 ราย แยกเป็นข้าราชการ 57 ราย ลูก จ้างประจำ 116 ราย (2) กรุงเทพมหานครได้พิจารณารับโอนบุคลากรตามบัญชีการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้า ราชการที่ถ่ายโอนไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 9 รายแล้ว โดยมีเงื่อนไขว่าราชการส่วนกลางจะต้อง ระบุภารกิจและระยะเวลาการถ่ายโอนให้ชัดเจน (3) กรมบัญชีกลางกำลังดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของบุคลากรที่ถ่ายโอนไป ยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ยังคงสามารถเป็นสมาชิกภาพกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับลูกจ้างประจำของส่วนราชการได้ดังเดิม รวมทั้งจะได้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มี ผลใช้บังคับย้อนหลังเพื่อรองรับสิทธิของบุคลากรที่ได้ถ่ายโอนไปแล้ว (4) กระทรวงมหาดไทยได้ประมวลผลสถานภาพการจัดสรรบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นพร้อมจัดส่งบัญชีรายชื่อข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ไม่สามารถจัดสรรได้ให้ศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลา กรภาครัฐ สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการต่อไปแล้ว |
|||
2920 | การดำรงตำแหน่งกรรมการและการมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | นร | 05/08/2546 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นของคณะกรรมการ
กฤษฎีกา (คณะที่ 1) ในปัญหาข้อกฎหมาย เรื่อง การดำรงตำแหน่งกรรมการและการมอบหมายให้ทำหน้าที่ แทนกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ดังนี้ กรณีสมาชิกวุฒิสภาจะดำรง ตำแหน่งกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้หรือไม่ นั้น คณะกรรมการ ฯ เห็นว่า ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 110 (1) ได้บัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่ง หรือมีหน้าที่ใน หน่วยราชการ รวมถึงการดำรงตำแหน่งกรรมการในหน่วยราชการ ยกเว้นเฉพาะเป็นการรับหรือดำรงตำแหน่ง กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนั้น สมาชิกวุฒิสภาจึงอาจจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรม การผู้ทรงคุณวุฒิตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุขจะมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่ อาจกระทำได้ เพราะขัดกับอำนาจหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรม การผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 รวมทั้งกรณีผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นกรรมการ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะมอบให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน ได้หรือไม่ นั้น ตามพระราช บัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 13 (3) และมาตรา 48 (4) ได้กำหนดให้มีกรรมการ จากผู้แทนองค์กรปกครอง ฯ โดยให้ผู้บริหารองค์กรปกครอง ฯ แต่ละประเภทคัดเลือกกันเอง โดยอาศัยการได้ รับความไว้วางใจ หรือความรู้ความสามารถเป็นการเฉพาะตัว หากกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนองค์กรปกครอง ฯ ไม่ สามารถเข้าประชุมได้ ก็ไม่อาจมอบให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน |
.....