ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 130 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2581 - 2600 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2581 | แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพและความสามารถ
ในการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติม เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อม ที่จะดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับถ่ายโอน รวมทั้งใช้จ่ายเงินที่ได้รับการจัดสรรให้แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้น การที่รัฐบาลจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น อาจก่อให้เกิดปัญหาในด้าน การดำเนินกิจการบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น และอาจจะนำไปสู่ปัญหาทุจริต ประพฤติมิชอบได้ง่าย จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณากำหนดแนวทาง การดำเนินการที่เหมาะสม แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2582 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวสำหรับบุคลากรท้องถิ่นที่ได้รับเงินเดือนค่าจ้างจากงบประมาณรัฐ | นร | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็น เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวสำหรับครูผู้ดูแลเด็กที่เป็นบุคลากรซึ่งถ่ายโอนมาจากส่วนราชการ และครูอัตรา จ้างในโรงเรียนเทศบาลที่ได้รับค่าจ้างจากเงินอุดหนุนของรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 คนละ 1,000 บาทต่อเดือน โดยให้สำนักงบประมาณประสานกับกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) เพื่อพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งเงินงบประมาณและวงเงินงบประมาณที่จะใช้เพื่อการนี้ แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2583 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 3 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 557 อำเภอ 54 กิ่งอำเภอ 4,265 ตำบล 38,387 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,380,453 คน 2,133,610 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตร เสียหาย 13,281,498 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 10,011,104 ไร่ พืชไร่ 2,958,742 ไร่ พืชสวน 311,652 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,570,089,969 บาท ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการ เกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 488,923,764 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 347,096,108 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 88,688,656 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 53,139,000 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2584 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 6) | มท | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดิน
ไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครั้งที่ 6 ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548 ในส่วนของพื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย พื้นที่ประสบภัยพิบัติ บริเวณพื้นที่ ชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และ สตูล รวม 24 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 83 ตำบล 332 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 59,561 คน 14,266 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 5,393 คน บาดเจ็บรวม 8,457 คน รับแจ้งสูญหายรวม 3,062 คน เด็กกำพร้า ที่บิดาหรือมารดาหรือผู้อุปการะเดิมเสียชีวิตรวม 848 คน บ้านเรือนราษฎรเสียหายรวม 6,728 หลัง พื้นที่การ เกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,380,360.75 บาท ด้านประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,730,861,458 บาท ด้านปศุสัตว์ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605 บาท รวมทั้งด้านสถานประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท รวมมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินเกี่ยวกับการประกอบอาชีพประมาณ 14,609.48 ล้านบาท สิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหายประเมินในขั้นต้นประมาณ 1,053.85 ล้านบาท ส่วนการ ตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต โดยยอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ (Tsunami) มีจำนวน 5,393 คน สามารถยืนยันพิสูจน์ตัวบุคคล หรือญาติยืนยันแล้ว จำนวน 1,861 ศพ ยังยืนยันไม่ได้ 2,882 ศพ ได้ขนย้ายศพ จากวัดบางม่วง และวัดย่านยาว ไปยังสุสานไม้ขาวแล้วรวม 1,556 ศพ สำหรับด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 259,736,695 บาท การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมง และผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมเป็นเงิน 196,549,293 บาท การจัดบ้านพักชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน พื้นที่ 3 จังหวัด ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ การก่อสร้างบ้านพักถาวรในพื้นที่ประสบภัย 6 จังหวัด ข้อมูลสำรวจ ความต้องการ มียอดรวมทั้งสิ้น 2,896 หลัง การช่วยเหลือซ่อมเรือผู้ประสบภัย จังหวัดกระบี่ ซ่อมเครื่องยนต์ เรือหางยาวแล้วเสร็จ 168 เครื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 13 เครื่อง การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการราย ย่อย รวมเป็นเงิน 83,110,000 บาท นอกจากนี้ ได้ดำเนินการฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้าง และการจัดระเบียบชายหาดใน 4 ภารกิจ ได้แก่ การทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การจัด ระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ โครงสร้างพื้นฐานและอาคารสิ่งก่อสร้าง การจัดระเบียบชายหาด และ การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวจัดทำภูมิทัศน์ชายหาด ส่วนกรมที่ดินได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิ ชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดปูเขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย ตลอดจนช่วยเหลือการจัดที่ดิน วางผังในการก่อ สร้างบ้านพักถาวรให้แก่ผู้ประสบภัย ส่วนจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่างการพิจารณาเร่งรัดการจัด ระเบียบที่ดินร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้ประสบภัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2585 | การแข่งขันกีฬาแห่งชาติปีละครั้ง | กก | 01/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการ
ต่างประเทศ วัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา) ที่มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ จากเดิมสองปีต่อครั้ง เป็นหนึ่งปีต่อครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็น ต้นไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำบทสรุป ผู้บริหาร พร้อมรายละเอียดประมาณการงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และให้การ กีฬาแห่งประเทศไทยประกาศจังหวัดที่จะเป็นเจ้าภาพล่วงหน้า เช่น อาจจะประกาศ 3 ปีล่วงหน้า เพื่อให้จังหวัด ที่จะเป็นเจ้าภาพมีเวลาในการเตรียมตัว การสร้างความตื่นตัว และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมทั้งปรับ เปลี่ยนกฎเกณฑ์การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันของจังหวัด โดยมีหลักเกณฑ์คือ การใช้งบประมาณจาก ภาครัฐในการจัดการแข่งขันให้น้อยที่สุดเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณา ขณะเดียวกันก็ควรคำนึงถึงความเสมอ ภาคและการกระจายตัวของจังหวัดที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยให้จังหวัดเล็ก ๆ ได้มีโอกาสด้วย และให้ คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติพิจารณานำเงินจากกองทุน ฯ มาจ่ายเป็นรางวัลให้กับ นักกีฬาที่สามารถทำลายสถิติกีฬาประเภทต่าง ๆ และกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อจ่ายรางวัลให้นักกีฬาในประเภท กีฬาที่ไม่มีฐานอ้างอิง เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล เป็นต้น นอกจากนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทยควรมีแผน ปฏิบัติการในเชิงรุกสำหรับการบริหารจัดการกองทุน ฯ เช่น ปีไหนจะเน้นกีฬาด้านใด ก็ควรมีแผนการดำเนิน การ ตลอดจนการติดตามประเมินผล และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไป ประสานและดำเนินการด้วยว่า การจัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติของจังหวัดเจ้าภาพควรยึดหลัก ความเหมาะสมและประหยัด โดยมุ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ ประเพณี และวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของจังหวัดหรือ ท้องถิ่นเป็นสำคัญ เพื่อให้เหลืองบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการแข่งขันกีฬาโดยตรง ซึ่งจะสอดคล้อง กับวัตถุประสงค์ในการพัฒนาการกีฬา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2586 | แนวทางการปฏิบัติสำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้ง | มท | 01/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการปฏิบัติสำหรับข้าราชการและเจ้า
หน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนและประสานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงมหาดไทย เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและประสานการปฏิบัติกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมทั้งได้เน้น ย้ำการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครองตามบทบาทอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบทุกระดับ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 3 ระยะคือ ก่อนวันเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง และหลังวันเลือกตั้ง ตามมาตรการ ต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย มาตรการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ความสำคัญของบัตร ประจำตัวประชาชน มาตรการเข้มงวดในการวางตัวเป็นกลาง มาตรการประชาสัมพันธ์ "ข้าราชการวางตัวเป็น กลาง เป็นตัวอย่างที่ดี ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง" มาตรการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด มาตรการศูนย์สนับสนุนและ ประสานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมาตรการในการเฝ้าระวังเลือกตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2587 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 29 มกราคม 2548) | มท | 01/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 29 มกราคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 552 อำเภอ 54 กิ่งอำเภอ 4,249 ตำบล 38,053 หมู่ บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,312,468 คน 2,098,517 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหาย 13,020,259 ไร่ แยกเป็นนาข้าว 9,813,411 ไร่ พืชไร่ 2,896,557 ไร่ พืชสวน 310,291 ไร่ มูลค่าความ เสียหายประมาณ 6,523,528,206 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้ง แจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค และเร่งรัดได้ให้จังหวัดที่ประสบภัยใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการป้องกันและแก้ไข ปัญหาความแห้งแล้งไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 411,672,582.88 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของ จังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) เป็นเงิน 291,598,639 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเงิน 76,985,443.88 บาท และงบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO เป็นเงิน 43,088,500 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2588 | รายงานความก้าวหน้าเรื่องดินถล่ม รอยแยกและหลุมยุบ | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าเรื่อง ดินถล่ม รอยแยกและหลุมยุบ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (Tsunami) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ได้เกิดผลกระทบทางธรณีพิบัติภัยเป็นวงกว้างเช่น หลุมยุบในบริเวณใกล้เขาหินปูน รอย แยกตามชั้นดินและดินถล่มบริเวณไหล่เขา กรมทรัพยากรธรณีได้สำรวจธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ พร้อมทั้ง วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและดาวเทียม พบว่า บริเวณเกาะระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีร่องรอยดิน ถล่มภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์มากกว่า 70 แห่ง และมีแนวโน้มจะเกิดการถล่มของชั้นดิน และชั้นหินอีก จึงกำหนดพื้นที่เกาะระให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังภัยจากดินถล่ม และขอความอนุเคราะห์จังหวัด ชะลอการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความลาดชันสูงเป็นการ ชั่วคราวก่อน จนกว่ากรมทรัพยากรธรณีจะได้เข้าไปตรวจสอบในรายละเอียด และจากการสำรวจทางธรณี ฟิสิกส์บริเวณแนวคลองลาวนอน อ่าวอ่าง และเกาะหมู ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ไม่ พบรอยเลื่อนในชั้นตะกอนใต้ทะเลแต่อย่างใด ส่วนก๊าซที่ผุดในชั้นดินใต้ท้องทะเล พบว่า เป็นก๊าซมีเทนที่ สามารถติดไฟได้ เกิดการสะสมตัวอยู่ในชั้นโคลนป่าชายเลนเก่า ซึ่งปิดทับด้วยชั้นทรายเมื่อคลื่นยักษ์พาตะ กอนทรายออกไปทำให้ก๊าซมีเทนที่ถูกปิดทับผุดขึ้นมา สำหรับหลุมยุบที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งสิ้น 24 หลุม ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประจำการสำรวจธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์ ในจังหวัดทางภาคใต้ จำนวน 10 คณะ เพื่อตรวจสอบหลุมยุบทันทีที่ได้รับการแจ้งพร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและประชาชนในเบื้องต้นเพื่อลดความกังวลของประชาชนที่เกรงกลัวต่อพิบัติภัยที่อาจเกิด ขึ้นใกล้ตัว นอกจากนี้ ได้ทำการสำรวจโพรงใต้ดินบริเวณอาคารเรียนโรงเรียนกาแนะ อำเภอเมือง จังหวัด สตูล พบว่า รอยแตกร้าวของอาคารเรียนที่เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กับโพรงใต้ดินที่อยู่ใต้อาคารในระดับ ความลึกประมาณ 18 เมตรจากผิวดิน โพรงใต้ดินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอาคารเรียน จึงแจ้งให้จังหวัดสตูลพิจารณาระงับการใช้อาคารเรียนดังกล่าวเป็นการถาวรพร้อมประกาศและกั้นเขตเป็น พื้นที่อันตราย ส่วนโพรงใต้ดินบริเวณอาคารเรียนโรงเรียนบ้านควน เป็นรอยแตกร้าวของอาคารเรียนที่ เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กับโพรงใต้ดินที่อยู่ใต้อาคารในระดับความลึกประมาณ 18 เมตรจากผิวดิน ได้แจ้ง ให้จังหวัดสตูลพิจารณาระงับการใช้อาคารเรียนดังกล่าวเป็นการถาวร พร้อมประกาศและกั้นเขตเป็นพื้นที่ อันตราย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2589 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะของตลาด พ.ศ. .... | สธ | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.1 (ฝ่าย
การศึกษาและการสาธารณสุข) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วย สุขลักษณะของตลาด พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการควบคุมหรือกำกับ ดูแลกิจการตลาด ตลอดจนกำหนดมาตรฐานสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน วิธี การดำเนินการเพื่อตรวจสอบควบคุม หรือกำกับดูแล แก้ไขสิ่งที่จะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะ สมกับการดำรงชีพของประชาชน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ปรับปรุง ร่างกฎกระทรวง ฯ ข้อ 31 ที่กำหนดให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นอาศัยอำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ออกคำสั่งให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการตลาดเอกชน ซึ่งการออกคำสั่งให้ พักใช้ใบอนุญาตต้องอาศัยอำนาจตามมาตรา 59 ด้วย ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2590 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 13 มกราคม 2548) | มท | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่าย
พลเรือนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547-13 มกราคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 543 อำเภอ 53 กิ่งอำเภอ 4,322 ตำบล 38,502 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,272,739 คน 2,011,509 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวัน ออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหาย 12,576,338 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,744,168 ไร่ พืชไร่ 2,591,809 ไร่ พืชสวน 240,061 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,409,057,884 บาท การ ให้ความช่วยเหลือได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรรวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบ ประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 311,184,725.88 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉิน ทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 206,343,036 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น 76,985,443.88 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 27,856,246 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2591 | รายงานผลการติดตามการดำเนินงานปัญหา อุปสรรค การใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 (ตุลาคม 2546 - มีนาคม 2547) | นร | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการติดตามการใช้
จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานเพิ๋มเติม ณ วันสิ้นปี งบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยเงินอุดหนุนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภทได้รับประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 รวมทั้งสิ้น 79,136.94 ล้านบาท (ไม่รวมเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2547) โดยมีการเบิกจ่ายไปแล้ว 65,049.33 ล้านบาท จำแนกตามส่วนราชการ ได้ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับจัดสรร 1,791.82 ล้านบาท เบิกจ่าย 1,195.57 ล้านบาท กรมส่งเสริมการปก ครองท้องถิ่น ได้รับจัดสรร 66,066.13 ล้านบาท เบิกจ่าย 56,753.84 ล้านบาท กรุงเทพมหานคร ได้รับ จัดสรร 9,982.48 ล้านบาท เบิกจ่าย 6,552.85 ล้านบาท และเมืองพัทยา ได้รับจัดสรร 1,296.51 ล้าน บาท เบิกจ่าย 547.07 ล้านบาท ส่วนปัญหาอุปสรรคที่ทำให้มีการเบิกจ่ายเงินล่าช้า ได้แก่ ปัญหาจากการ เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น เนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 มีการเลือกตั้งคณะผู้บริหารและสมาชิกสภา ท้องถิ่นหลายแห่ง และมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนมากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผลการ เลือกตั้งไม่ครบทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมสภาท้องถิ่นเพื่อพิจารณาอนุมัติร่างข้อบัญญัติงบประมาณประจำ ปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น เช่น สภาพพื้นที่ก่อสร้างบางแห่งมีปัญหาภูมิประเทศซึ่งเป็นอุปสรรคทำให้การก่อสร้างและการเบิกจ่าย เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นล่าช้า และปัญหาความเข้าใจของบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องวัตถุประสงค์ของเงินอุดหนุน ทั่วไป เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2592 | สรุปผลการปฏิบัติงานการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานการพัฒนา
การศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยผลการดำเนินงานช่วงเดือนตุลาคม -พฤศจิกายน 2547 ได้มีการจัดประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อวางยุทธศาสตร์พัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะ ในด้าน ต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างและพัฒนาทางกายภาพ ด้านการพัฒนาหลักสูตร และด้าน การพัฒนาบุคลากร พร้อมทั้งจัดศูนย์อำนวยการเพื่อเป็นหน่วยประสานงาน จัดตั้งสถาบันศึกษาปอเนาะ ต้นแบบ จังหวัดละ 1 แห่ง รวม 3 จังหวัด และจัดตั้งคณะกรรมการจากผู้รู้ในท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้อง รวม 4 คณะ และได้จัดสรรงบอุดหนุนทางราชการให้สถาบันศึกษาปอเนาะ จำนวน 255 แห่ง เพื่อใช้ในการปรับ ปรุงทางด้านกายภาพของสถาบันศึกษาปอเนาะแต่ละแห่ง และปรับปรุงการใช้แรงงานในท้องถิ่น นอกจาก นี้ ได้ดำเนินการจัดทำหลักสูตรโดยประมวลหลักสูตรสถาบันศึกษาปอเนาะให้เป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้ง บูรณาการหลักสูตรอิสลามศึกษา พ.ศ. 2546 กับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 และได้ดำเนิน การจัดตั้งศูนย์อำนวยการ และติดตาม ดูแลประจำเขตตรวจราชการที่ 12 จังหวัดยะลา เพื่อทำหน้าที่แทน กระทรวงศึกษาธิการในการประสานการดำเนินงานให้เกิดความเป็นเอกภาพ และประสานการปฏิบัติงาน กับองค์กรหลักในพื้นที่ รวมถึงพัฒนาบุคลากรเพื่อให้มีการเทียบวุฒิ และเพิ่มวุฒิ เพื่อให้ครูได้มีวุฒิทางสาย สามัญระดับปริญญาตรีและประกาศนียบัตรชั้นสูง (ป.บัณฑิต)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2593 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพของข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธี
การรับบำเหน็จดำรงชีพของข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดอัตราและวิธีการรับ บำเหน็จดำรงชีพของข้าราชการส่วนท้องถิ่น โดยกำหนดให้จ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพไม่เกิน 15 เท่าของบำนาญ รายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และในการขอรับบำเหน็จดำรงชีพให้ขอรับได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม- 31 ธันวาคม ของทุกปี ส่วนกรณีผู้รับบำนาญออกจากราชการโดยต้องหาว่ากระทำผิดวินัยหรืออาญาก่อนออก จากราชการจะขอรับบำเหน็จดำรงชีพได้เมื่อคดีถึงที่สุดและมีสิทธิรับบำนาญ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราช การส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 7) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2594 | การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ 2548 เพื่อแก้ปัญหาธรณีพิบัติภาคใต้ | นร | 11/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอให้จัดสรร
เงินอุดหนุนปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวนเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในเขตพื้นที่ประสบธรณีพิบัติ ฟื้นฟูสภาพจิตใจของประชาชนและโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้จ่าย จากเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อแก้ไขปัญหาการกระจายอำนาจ จำนวน 500 ล้านบาท เงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อปรับปรุงเส้นทางคมนาคมและเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อก่อสร้างฝายทดน้ำ จำนวน 1,000 ล้านบาท และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าวประกอบด้วย หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีใน เขตจังหวัดที่ประสบธรณีพิบัติ สำนักงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมบัญชีกลาง กรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้แทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมเป็นอนุกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2595 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 6 มกราคม 2548) | มท | 11/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 6 มกราคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 547 อำเภอ 51 กิ่งอำเภอ 4,166 ตำบล 37,402 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,518,739 คน 2,043,542 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตร เสียหาย 11,750,518 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,417,267 ไร่ พืชไร่ 2,223,198 ไร่ พืชสวน 110,053 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,262,762,149 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อ การเกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 296,400,420.88 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 191,867,465 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 76,985,443.88 บาท และงบประมาณ อื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 27,547,512 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2596 | แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ | นร | 11/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอ ดังนี้ รับทราบการดำเนิน
งานของกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดย ณ วันที่ 10 มกราคม 2548 มียอดเงินบริจาคเข้ากองทุน ฯ เป็นเงิน 606,696,596.48 บาท เบิกจ่ายจากกองทุน ฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยไปแล้ว 163,750,000 บาท คงเหลือเงินกองทุน ฯ 442,946,596.48 บาท และจะขอใช้เงินกองทุน ฯ อีก 322,060,000 บาท และเห็นชอบกรอบวงเงินช่วยเหลือจากงบกลางปี พ.ศ. 2548 จำนวน 5,252,555,269 บาท รวมทั้งอนุมัติกรอบวงเงินสินเชื่อตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ สินเชื่อเงื่อนไข ผ่อนปรน (Soft Loan) จำนวน 37,500 ล้านบาท สินเชื่อเพิ่มเติมของแต่ละสถาบันการเงิน จำนวน 12,000 ล้านบาท กองทุนรวมเพื่อร่วมลงทุน 5,000 ล้านบาท และกองทุนประกันสังคมร่วมลงทุนในกองทุนรวมเพื่อ ร่วมลงทุน 5,000 ล้านบาท และอีก 5,000 ล้านบาท นำไปสมทบกับสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน และให้ดำเนิน การต่อไปได้ โดยให้ถือว่าหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ ฯ ดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานของทางราชการ หาก มีหลักฐานแน่ชัดว่า ผู้ประสบภัยรายใดได้รับความเสียหายมากกว่านั้น และควรจะได้รับความช่วยเหลือใด ๆ อย่างใดเพิ่มเติม ก็ให้ผู้ประสบภัยรายนั้น อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย เพิ่มเติมในระดับจังหวัด แล้วเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) อนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณ/ ฃเงินช่วยเหลือโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ธรณีพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และให้ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่ง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย สำหรับด้านการจัดหาที่พักอาศัยแก่ผู้ประสบภัยหากที่ดินที่จะใช้ก่อสร้างที่ พักอาศัยเป็นที่ดินบุกรุก และผู้ประสบภัยมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาที่ดินให้ถูกต้องเหมาะ สมก่อน ในกรณีที่ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือโดยตรงจากภาคเอกชนแล้ว ให้ผู้ประสบภัยสละสิทธิ์ที่จะ ขอรับความช่วยเหลือในเรื่องเดียวกันจากภาครัฐอีก และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่ง รัดยืนยันการขอรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการจัดเก็บข้อมูลอย่างละเอียด และการสื่อ สารช้อมูลแบบไร้สายที่ปลอดภัยที่ได้รับบริจาคจากบริษัท IBM และให้ประสานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อ จัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประสบภัยในด้านต่าง ๆ ให้ครบถ้วน และเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวไปยังจังหวัด ต่าง ๆ ในลักษณะ online และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้นายอำเภอเป็นผู้ประสาน ติดต่อ และ อำนวยความสะดวกให้แก่ญาติของผู้ประสบภัยที่มีภูมิลำเนาอยู่ในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2597 | ร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... (Agenda based) | นร | 11/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่างพระราชบัญญัติเขต
เศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ที่คณะทำงานด้านกฎหมาย ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้ยกร่างและแก้ไข เพิ่มเติมตามผลการประชุมหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครือ งาม) เป็นประธาน โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขึ้นเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เฉพาะสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ และความต้องการของประชาชน และเพื่อ ให้การพัฒนาระบบบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการ แข่งขันของประเทศให้สูงขึ้น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็น และข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องการถือครองที่ดิน และการเช่าที่ดินของคนต่างด้าว ตามข้อสังเกตกรมที่ดิน เรื่องการอุดหนุนซึ่งอาจขัดต่อพันธกรณีใน WTO ตามข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ และเรื่องแรงงานต่างด้าวตามข้อสังเกตของกระทรวงแรงงาน รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณา ด้วยดังนี้ โดยที่ในบางเรื่องอาจมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เช่น การกำหนดให้เป็นเขตเกษตรเศรษฐกิจ ตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ. 2522 เป็นต้น จึงสมควรพิจารณาว่า หากจะยกเลิกกฎหมาย ดังกล่าว แล้วใช้กฎหมายในเรื่องนี้เพียงฉบับเดียว จะเหมาะสมหรือไม่ ควรกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐบาลกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นองค์การมหาชนในลักษณะ ที่ให้สามารถกำกับดูแลการดำเนินงานของสำนักงาน ห้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลได้ นอกจากนี้ให้พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษกับรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระ ราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย รวมทั้งกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษใน พื้นที่ที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาให้ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดความสับสนหรือขัดแย้งกับอำนาจหน้าที่ของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ในกรณีเป็นที่ดินขององค์กรทางศาสนา ควรดำเนินการตามแนว ทางในกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดิน เมื่อตรวจร่างเสร็จแล้ว ควรมีการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนและ ภาครัฐอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2598 | รายงานผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) (1 ตุลาคม - 26 พฤศจิกายน 2547) | พม | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการดำเนิน
งานการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) โดยผลการดำเนินงานปี พ.ศ. 2547 โครงการที่ใช้งบประมาณปกติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้แก่ การให้บริการสวัสดิการสังคม แก่กลุ่มเป้าหมาย เด็ก เยาวชน สตรี ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ จัดสวัสดิการในสถานสงเคราะห์ ฝึก อบรมอาชีพให้ความรู้แก่เยาวสตรี สงเคราะห์เงินทุนประกอบอาชีพแก่ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีรายได้น้อย จ้างงาน ราษฎรผู้ประสบปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พัฒนาศักยภาพกลุ่มเป้าหมายและเครือข่าย เป็นจำนวน เงิน 68,833,597 บาท โครงการที่ดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในสังกัด ได้แก่ การเคหะแห่ง ชาติ อยู่ระหว่างการดำเนินการโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะ 2 โครงการลานกีฬาในเคหะชุมชน และโครงการสี ขาวต้านยาเสพติด เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 446,778,000 บาท สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน อยู่ระหว่างการเตรียม การโครงการบ้านมั่นคง และโครงการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 19,626,925 บาท และโครงการที่ใช้งบกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ของหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 1 โครง การ ได้แก่ โครงการส่งเสริมเครือข่ายเพื่อการพัฒนาสตรีและพัฒนาครอบครัวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นจำนวนเงิน 6,140,000 บาท และโครงการภาคประชาคมจำนวน 10 โครงการเป็นจำนวนเงิน 19,136,200 บาท สำหรับผลการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 26 พฤศจิกายน 2547 ได้ ให้บริการสวัสดิการสงเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริมเครือข่าย และช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาด เจ็บจากเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นจำนวนเงิน 1,724,800 บาท และมีแผน การดำเนินงาน อาทิเช่น การจัดบริการสวัสดิการสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและครอบครัว ส่งเสริมอบรมอาชีพ ส่งเสริมศักยภาพเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ ผู้สูงอายุ สตรี และครอบครัว เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ดำเนิน การจ้างงานเยาวชน ตามนโยบายการสร้างงานเร่งด่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 450 คน เป็น จำนวนเงิน 18,225,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2599 | โครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัดตราด | พณ | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับโครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัด ตราด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเห็นชอบในหลักการให้มีการสร้างตลาดกลางสินค้าเกษตรเพื่อแก้ไข ปัญหาผลผลิตด้านการเกษตร โดยเฉพาะในเรื่องผลไม้ของเกษตรกรในภาคตะวันออกเพื่อเชื่อมโยงการส่งออก สำหรับสถานที่จัดตั้ง มอบให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพร่วมกับจังหวัดในกลุ่มภาคตะวันออก 3 จังหวัด คือ จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาเปรียบเทียบการตั้งตลาดกลางสินค้า เกษตร ที่จังหวัดตราดและจันทบุรีว่า มีประโยชน์ที่จะเป็นกลไกสนับสนุนระบบการรับซื้อและจัดจำหน่าย การ กระจายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ในภาคตะวันออกซึ่งอาจรวมถึงสินค้าประเภทอื่น ๆ อาทิ ไม้และผลิต ภัณฑ์จากไม้ สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อสนองวัตถุประสงค์ของตลาดภายในประเทศและเพื่อการส่ง ออกมากน้อยกว่าอย่างไร ซึ่งจากผลการศึกษา เห็นว่า ควรกำหนดให้ตลาดกลางที่จังหวัดตราด หรือจังหวัด จันทบุรีแห่งใดเป็นตลาดหลักเพื่อการซื้อขายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ในภาคตะวันออก เพื่อสนองความ ต้องการในท้องถิ่นและภายในประเทศ และตลาดใดควรเป็นตลาดกลางเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะการส่งออก ไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศกัมพูชา และเวียดนาม เป็นต้น โดยพิจารณาปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ระบบสนับสนุน (Logistics) รวมทั้งพิจารณาเปรียบเทียบการขนส่งสินค้าเกษตรไปประเทศ กัมพูชา และเวียดนาม ทั้งทางบกและทางทะเลประกอบด้วย และพิจารณาจัดทำแผนงานและโครงการดำเนิน การจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตร ทั้งที่เป็นตลาดเพื่อการส่งออก และตลาดที่เน้นตอบสนองความต้องการ ภายในซึ่งจะสนับสนุนตลาดเพื่อการส่งออกดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์แต่ละประเภท โดยให้มีรายละเอียดและกรอบระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน และเรียงลำดับความสำคัญของการจัดหาเครื่อง มืออุปกรณ์และระบบสนับสนุน อาทิ การจัดทำห้องเย็นเก็บรักษาผลไม้ ระบบการป้องกันการแพร่เชื้อโรค (Quarantine) รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการ ทั้งนี้ ให้คำนึงว่าการดำเนินโครงการเกษตร กรจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้นควรพิจารณาปรับปรุงระบบการขนส่งทางน้ำโดยเฉพาะท่าเทียบ เรือสินค้า ให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าในพื้นที่จังหวัดที่จะจัดตั้งตลาดกลางเพื่อการส่งออก ให้ เหมาะสมด้วย สำหรับชื่อตลาดกลางสินค้าเกษตรที่เชื่อมโยงการส่งออก นั้น ควรสะท้อนเป้าหมายการจัดตั้ง ตลาด เช่น อาจใช้ชื่อว่า ตลาดกลางเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2600 | แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ | นร | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และการจัดการ 25 ลุ่มน้ำ สำคัญของประเทศ และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ อาทิเช่น รัฐควรดำเนินการแบ่ง 25 แม่น้ำสำคัญเป็น 9 กลุ่มลุ่มน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนิน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้เป็นระบบทั้งลุ่มน้ำที่เกี่ยวเนื่องกัน และควรดำเนินการให้มียุทธศาสตร์การ จัดการลุ่มน้ำเพื่อตอบสนองความจำเป็นเพื่อการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ โดยใช้กระบวนการรับฟังความคิดเห็น สาธารณะจากประชาชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมรับผิดชอบการรักษาความอุดมสมบูรณ์ ของลุ่มน้ำ รวมทั้งทบทวนกรอบการทำงานและการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนด นโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรดิน และทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กันเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และมอบให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดทำข้อมูลตามประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ได้แก่ การกำหนดวิธีการและแสดงผลการศึกษาให้ทราบถึงต้นตอและ สาเหตุแห่งปัญหาน้ำของประเทศ การบริหารจัดการน้ำ การจัดทำระบบการโยกย้ายน้ำ (Water rid) และข้อ เสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรให้มีพระราชบัญญัติน้ำและจัดตั้งกระทรวงน้ำ และการปรับปรุงองค์กร บริหารจัดการน้ำในระดับต่าง ๆ แล้วเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลุ่มน้ำของ ประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำ แบบบูรณาการเพื่อประโยชน์ในการผลิต การบริโภค และการป้องกันอุทกภัยต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
