ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 127 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2521 - 2540 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2521 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง"แนวทางการจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุในชนบทของภาครัฐ" | นร | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุในชนบทของภาครัฐ" โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ การจัดสวัสดิการสงเคราะห์ของรัฐ ควรมีการทบทวนการ เพิ่มบริการสถานสงเคราะห์หรือบ้านพักคนชราที่แยกผู้สูงอายุออกจากชุมชน แต่ควรส่งเสริมบริการที่มีลักษณะ หลากหลายในชุมชน โดยรัฐสนับสนุนด้านงบประมาณให้ชุมชนดำเนินการ เป็นต้น การจัดระบบคุ้มครองดูแล ผู้สูงอายุของรัฐ ควรเน้นระบบการคุ้มครองผู้สูงอายุระยะยาว รวมทั้งขยายและกระจายบริการสวัสดิการที่ตอบ สนองความต้องการพื้นฐานให้ผู้สูงอายุในชนบทให้ครอบคลุมกว้างขวางทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ต้องทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดาร และจัดทำระบบฐานข้อมูลผู้สูงอายุในชนบททั้งประเทศ เพื่อแยกแยะ จัดประเภท ระดับการจัดบริการผู้สูงอายุในชนบทให้มีหลายระดับทั้งในระยะวิกฤต ระยะสั้น และระยะยาว เป็นต้น การส่ง เสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ ควรเตรียมความพร้อมของบริการในอนาคตเพื่อรองรับกับแนวโน้มที่ผู้สูงอายุจะ มีอายุยืนยาวและมีจำนวนมากขึ้น ส่งเสริมบริการการจัดหางานที่สร้างรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุที่เหมาะสมและสอด คล้องกับวัยของผู้สูงอายุ และควรเพิ่มสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นต้น การประสาน ความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการ ส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีความเข้มแข็งเป็นกลไกหลักในการดูแลผู้สูงอายุและผู้คนในชุมชนและจัดทำฐาน ข้อมูลผู้สูงอายุเพื่อจำแนกกลุ่มปัญหา จัดระบบความช่วยเหลืออย่างมีคุณภาพ ปรับรื้อโครงสร้างและทบทวน ภารกิจใหม่ของศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำหมู่บ้าน เป็นต้น การจัดสรรงบประมาณให้แก่ผู้สูงอายุ ควรทบ ทวนระบบการพิจารณาและกระบวนการจ่ายเบี้ยยังชีพ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุเองและชุมชน เพื่อ ให้บริการถึงมือผู้ที่เดือดร้อนและจำเป็นจริง ๆ เพื่อให้ตรงตามเจตนารมณ์และเกิดความเป็นธรรม และมีมาตร การในการลดหรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับบุตรที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลบิดามารดา สำหรับการบังคับใช้ตามกฎ หมาย ควรส่งเสริมการจัดบริการพื้นฐานสำหรับผู้สูงอายุตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 โดยส่งเสริม การจัดสวัสดิการทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุที่ครอบคลุมทั่วถึงต่อเนื่องและเป็นธรรม นอกจากนี้ การมีส่วนร่วม ของประชาชนรัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ควรสนับสนุนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัว เครือญาติ เพื่อน บ้านเพื่อนผู้สูงอายุในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน โดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจและทักษะการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วย ด้วยโรคต่าง ๆ เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับผิดชอบ ประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2522 | ร่างระเบียบว่าด้วยการจ่ายค่าจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 24/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบว่าด้วยการจ่ายค่าจ้าง
ลูกจ้างของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบว่าด้วยการจ่ายค่าจ้าง ลูกจ้างของส่วนราชการ พ.ศ. 2526 โดยกำหนดให้ส่วนราชการในต่างประเทศกำหนดวันเริ่มจ่ายค่าจ้างเกินกว่า เดือนละครั้งได้ตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หรือขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นของ ต่างประเทศที่ส่วนราชการนั้นตั้งอยู่ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2523 | การตรวจสอบการจัดซื้อรถยนต์ของเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา | ตผ | 24/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2 (ฝ่าย
กฎหมาย ระบบราชการ และการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินราย งานการตรวจสอบการจัดซื้อรถยนต์ของเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามนัยพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 มาตรา 44 วรรคท้าย โดยไม่ต้อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2543 ที่ให้ระงับการจัดซื้อรถรับรอง และให้กระทรวงมหาด ไทยรับไปพิจารณาแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ของหน่วยบริหารราชการ ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่ แก้ไขเพิ่มเติมและแจ้งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับทราบต่อไป รวมทั้งรับทราบรายงานผลการตรวจ สอบการจัดซื้อรถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติมรวม 19 ราย ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่น ดินและแจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2524 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการตรวจสอบสภาพป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่จะกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ระยะที่ 1 | วท | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับผลการ
ดำเนินงานโครงการตรวจสอบสภาพป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่จะกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ระยะที่ 1 จำนวน 79 ป่า ดังนี้ กรมป่าไม้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้ร่วมกันตรวจสอบ และพิจารณาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่จะกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินแล้วเสร็จ จำนวน 79 ป่า แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ไม่มีสภาพป่า ปี พ.ศ. 2536 มีจำนวน 5 ป่า และปี พ.ศ. 2546 มีจำนวน 6 ป่า กลุ่มที่มี สภาพป่าเห็นชัดเจนจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม โดยไม่มีข้อสงสัย ปี พ.ศ. 2536 มีจำนวน 56 ป่า และปี พ.ศ. 2546 มีจำนวน 55 ป่า และกลุ่มที่มีสภาพป่าแต่ปรากฏไม่ชัดเจนจากภาพถ่ายดาวเทียม และมีข้อสงสัย มีจำนวน 18 ป่า ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานได้ร่วมลงนามรับรองผลการตรวจสอบสภาพป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่จะกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ระยะที่ 1 จำนวน 79 ป่า และร่วมลงนามรับรองกำกับไว้ที่ท้ายแผนที่ และ จากผลการตรวจสอบสภาพป่าในพื้นที่ทั้ง 79 ป่า จะมีประโยชน์ในการจัดการและปรับแผนในการปฏิรูปที่ ดินส่วนพื้นที่ป่าขนาดใหญ่สามารถนำไปใช้ในการวางแผนเพื่ออนุรักษ์ให้คงอยู่สภาพเดิมต่อไป สำหรับพื้นที่ ป่าที่มีขนาดเล็กสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันในลักษณะป่าชุมชน และเพื่อเพิ่มจิตสำนึกให้ประชาชนในท้องถิ่น ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไว้
|
||||||||||||||||||||||||
2525 | การพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ (Agenda based) | นร | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เสนอแนวทาง
การพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน โดยการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิตการเกษตร การพัฒนาการท่องเที่ยว โดยการพัฒนาเมืองพนมรุ้งและปรับปรุงเส้นทางคมนาคม ที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดบุรีรัมย์ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์เร่ง จัดทำสรุปข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค ตลอดจนแผนงานโครงการที่สมควรจะดำเนินการในพื้นที่เสนอนายก รัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อพิจารณา และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) นำไปประกอบการพิจารณา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง เพื่อพิจารณาปรับปรุงแนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น และอนุมัติวงเงินเบื้องต้น เพื่อดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2,303.912 ล้านบาท โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณาในรายละเอียดของการจัดงบประมาณค่าใช้จ่ายร่วมกับสำนักงบประมาณ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ความจำเป็นเร่งด่วน กำลังเงินงบประมาณของรัฐ รวมทั้งงบ ประมาณที่จะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2526 | กรอบแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | พณ | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) เกี่ยวกับกรอบ
แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อยกระดับคุณภาพ ข้าวหอมมะลิให้เป็นข้าวที่มีคุณภาพสูง (Premium Grade) และเป็นสินค้าประจำท้องถิ่น โดยจังหวัดได้คัดเลือก โรงสีสหกรณ์/โรงสีเอกชนที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการ และพัฒนาคุณภาพในการแปรสภาพ การรักษาคุณ ภาพและการบรรจุหีบห่อจากเดิมที่บรรจุกระสอบเป็นขนาดบรรจุที่เล็กลงสวยงามหลายขนาด และให้การรับ รองคุณภาพโดยสร้างตรา/เครื่องหมายรับรองในระดับจังหวัด ซึ่งกรมการค้าภายในได้ให้เครื่องหมายรับรอง "รูปพนมมือ" สำหรับตลาดภายในประเทศ รวมทั้งให้การสนับสนุนการทำการตลาดภายในประเทศด้วยการ เชื่อมโยงตลาดกับห้างสรรพสินค้า Discount Store Supermarket และจัดงานแสดงสินค้า โดยให้ความสำคัญ ในตลาดกรุงเทพและปริมณฑลเป็นลำดับแรก และขยายไปในภูมิภาคอื่น ๆ เป็นลำดับต่อไป สำหรับการส่ง ออกข้าวหอมมะลิสู่ผู้ซื้อในต่างประเทศ นั้น กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้การรับรอง มาตรฐาน "Thai Hom Mali Rice" ในการส่งออก (Country Image) พร้อมทั้งเชื่อมโยงจัดหาตลาดต่างประเทศ และจัดงานแสดงสินค้า โดยพื้นที่ที่ดำเนินการ ได้แก่ ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 19 จังหวัด ระยะ เวลา 4 ปี โดยปี พ.ศ. 2548 จะนำร่องในจังหวัดบุรีรัมย์ ปี พ.ศ. 2549 จำนวน 5 จังหวัด ปี พ.ศ. 2550 จำนวน 6 จังหวัด และปี พ.ศ. 2551 จำนวน 7 จังหวัด
|
||||||||||||||||||||||||
2527 | แนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเชิงบูรณาการ(Agende based) | นร | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเชิงบูรณาการ ดังนี้ เห็นชอบในหลักการให้
จัดให้มีระบบประปาหมู่บ้านให้แก่หมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ที่สะอาดให้ครบ 14,580 หมู่บ้าน ภายในปี พ.ศ. 2551 โดยให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาบรรจุโครงการและงบประมาณไว้ในแผนปฏิบัติการภายใต้แผน การบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2551 ต่อไป โดยงบประมาณเพื่อการนี้ในส่วนใดหรือท้องที่ใด ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับผิดชอบและมีความพร้อม ให้ใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้น ๆ ทั้งนี้ อาจเร่งดำเนินการในส่วนของจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อให้เป็นตัวอย่างนำร่องก่อน และเห็นชอบในหลัก การโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ของกระทรวงอุตสาหกรรม และให้กระทรวงการคลัง พิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อีกครั้งหนึ่งต่อไป สำหรับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากภาวะภัยแล้ง ของกระทรวง มหาดไทย ซึ่งเป็นการขอความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด เป็น ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ในวงเงิน 177.78 ล้านบาท มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุ สมบัติ) รับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน เนื่องจากยังมีพืชเกษตรชนิดอื่น ๆ ที่ประสบภาวะภัยแล้งกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นอีกมาก และหากเป็นกรณี จำเป็น ให้ใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการที่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณ ภัย ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเจ้า ภาพหลักตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2551 ร่วมกับกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ เร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำ 2 ลุ่มน้ำตัวอย่างแบบบูรณากร โดยพิจารณารวมข้อเสนอการขอ งบกลางเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง วงเงิน 1,238.38 ล้านบาท ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย และให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณา แก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ตั้งแต่แหล่งน้ำต้นทุน แหล่งกักเก็บน้ำต่าง ๆ ตลอดจนควบคุม ดูแลการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเหมาะสม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้อง กับสภาพแต่ละพื้นที่ รวมทั้งประสานความร่วมมือในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เร่งพิจารณาร่วมกับรอง นายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดซื้อ ระบบ GIS ให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสม และแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำระบบดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับลุ่มน้ำและภัยแล้ง ตลอดจนที่ดินทำกินของประชาชนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2528 | การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | คค | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนคร
ศรีอยุธยา ของกระทรวงคมนาคม สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ปัจจุบันของจังหวัดปทุมธานี น้ำในคลองต่าง ๆ ยัง สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่เกษตรกรรม และมีการดำเนินการรองรับกรณีเกิดขาดแคลนน้ำ โดยมีเครื่องสูบน้ำสนับ สนุนรองรับอยู่ รวมทั้งมีโครงการชลประทานที่สำคัญๆ จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการชลประทานปทุมธานี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองพระยาบรรลือ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ และโครงการส่งน้ำ และบำรุงรังสิตใต้ ส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังประสบปัญหาภัยแล้ง 5 อำเภอ ซึ่งทางจังหวัดและองค์การ บริหารส่วนท้องถิ่นกำลังดำเนินการให้ความช่วยเหลือ สำหรับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้ให้ความ ช่วยเหลือในเรื่องการใช้เครื่องจักรกลในการเก็บกักน้ำ ขุดลอก บำรุงรักษาร่องน้ำ และกำจัดผักตบชวา ตลอดจน การขยายเขตทางที่คับแคบ การสร้างทางขึ้น-ลงเส้นทางยกระดับโทลเวย์ที่รังสิต การสร้างทางเชื่อมต่อในแนว ขนานลำคลองชลประทาน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
2529 | การตรวจราชการเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด | พน | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดจันทบุรี
และจังหวัดตราด ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) สรุปได้ดังนี้ การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำ เพื่อการเกษตร ก่อสร้างฝายชั่วคราว (ฝายกระสอบดิน) ขุดลอกบ่อ ขุดบ่อน้ำตื้น และเป่าล้างบ่อบาดาล โดยใช้ เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด (50 ล้านบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (กรณีภัยแล้ง) ไปแล้ว 14.23 ล้านบาท งบฉุก เฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.90 ล้านบาท และงบของหน่วยราชการอื่น ๆ (งบปกติ) 14.07 ล้านบาท ในการนี้ จังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว อาทิ โครงการวางท่อกระจายน้ำจากโรงสูบ น้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัด โครงการปรับปรุงและเปลี่ยนฝายยางกั้นแม่น้ำจันทบุรี โครงการก่อสร้างอ่าง เก็บน้ำคลองวังโตนด เป็นต้น สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดตราด จังหวัดได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำเพื่อการเกษตร สูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่ การเกษตร และจังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ได้แก่ โครงการก่อสร้างเขื่อนดินปิดกั้นลำคลองสะพานหิน ก่อสร้างเขื่อนสะตอ และก่อสร้างฝายตามลำน้ำคลอง สะตอ โดยสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาภัยแล้งได้คลี่คลายและทุเลาลงแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
2530 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส | คค | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ในส่วนของการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตก่อให้เกิดรายได้ ตลอดจน ให้มีการจ้างแรงงานในท้องถิ่น โดยข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม 2548 มีกิจกรรมที่ดำเนินการแล้วเสร็จอาทิ โครง การจัดจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่เป็นแรงงานท้องถิ่นเพื่อปฏิบัติงานที่ท่าอากาศยานนราธิวาสและปัตตานีจำนวน 25 อัตรา ของกรมการขนส่งทางอากาศ โครงการฝึกอบรมหลักสูตรพนักงานขับและบังคับใช้เครื่องจักรในงานก่อ สร้างทางใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รุ่นที่ 1 ของกรมทางหลวง ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ฝึกอบรมเกี่ยวกับการขับรถ และบังคับใช้เครื่องจักรกลงานก่อสร้าง จำนวน 5 ประเภท คือ รถดิน รถเกลี่ย รถขุด รถตัก และรถปั่นจั่น และ โครงการ "เชื่อมฟ้า เชื่อมใจ เด็กไทยทุกภาค ฉลอง 1 ปี แพนด้ามาไทย" ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเด็กด้อยโอกาสจากทุกภูมิภาคเดินทางไปทัศนศึกษา ณ สวนสัตว์เชียงใหม่ โดยทางเครื่อง บินเพื่อเป็นการปลอบขวัญเด็กใน 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
2531 | ขอให้พิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา | มท | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 โดยผลการประชุมสรุปได้ว่า เทศบาลนครนครราชสีมายินดีสมทบงบประมาณดำเนินโครงการ ฯ จากเดิม ร้อยละ 20 วงเงิน 760 ล้านบาท เป็นร้อยละ 30 วงเงิน 1,140 ล้านบาท และจะดำเนินการปรับปรุงอัตราค่าใช้ น้ำประปาให้สามารถบริการกิจการประปาให้มีกำไร เพื่อให้ถึงจุดคุ้มการลงทุนโดยเร็ว พร้อมทั้งได้ขอให้รัฐบาล จัดสรรงบประมาณ ในส่วนที่นอกเหนือจากเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับ สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โครงการที่เสนอมีความ จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในเขตชุมชนเมืองของนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันมี การขยายตัวมากและมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จึงเห็นชอบในหลักการในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการ ฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 วงเงิน 2,660 ล้านบาท โดยให้ถือว่า วงเงิน จำนวนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และให้สำนัก งบประมาณรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และเพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯ เกิดประโยชน์แก่ประชา ชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่น จังหวัดนครราชสีมาและเทศ บาลนครราชสีมาจึงควรพิจารณาดำเนินการให้ท้องที่ซึ่งเป็นทางผ่านท่อส่งน้ำดิบได้ร่วมใช้ประโยชน์เพื่อการอุป โภคและบริโภคด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2532 | การแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งระบบในภาพรวม | อก | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการติดตามดูแลการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งระบบในภาพ
รวมในเขตพื้นที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดตรัง ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยในเขตพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้มีการ แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคในทุกอำเภอ รวมทั้งขุดลอกแหล่งน้ำ และซ่อมสร้างทำนบ ฝาย ขณะนี้สถานการณ์ ภัยแล้งของจังหวัดได้พ้นวิกฤติแล้ว แต่ยังมีการแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคบางพื้นที่ สำหรับในเขตพื้นที่ จังหวัดตรัง ได้มีการช่วยเหลือเช่นเดียวกับจังหวัดกระบี่ ขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลายเนื่องจากมีฝนตกใน พื้นที่ แต่ทุกส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
2533 | สรุปปัญหาภัยแล้งและการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี | ศธ | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปปัญหาภัยแล้งและการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่
จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกระทรวงศึกษาธิการ สรุปได้ดังนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วงที่ประสบภัยแล้ง เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2548 เป็นต้นมา มีพื้นที่ได้รับความเสียหายในระดับเล็กน้อย 21 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ราษฎรได้รับความเสียหาย 1,034 หมู่บ้าน 317,707 คน 659,762 ครัวเรือน มูลค่าเสีย หายเบื้องต้น 14,745,784 บาท พื้นที่เกษตรกรได้รับความเสียหาย จำแนกเป็น พื้นที่นา 5,121 ไร่ พื้นที่ไร่ 5,589 ไร่ และพื้นที่สวน 42,355 ไร่ การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และแจกจ่ายน้ำ อุปโภค บริโภค โดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการฉุกเฉิน 341,344 บาท เงินงบฉุกเฉินของท้องถิ่น 601,406 บาท และงบอื่น ๆ 562,435 บาท สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ช่วงที่ประสบภัยแล้งอยู่ระหว่างเดือนธันวาคม 2547-มกราคม 2548 มีพื้นที่ได้รับความเสียหายระดับปานกลาง 4 อำเภอ คือ อำเภอพุนพิน อำเภอไชยา อำเภอเกาะพะงัน และกิ่งอำเภอวิภาวดี ราษฎรได้รับความเสียหาย 123 หมู่บ้าน 65,726 คน 22,073 ครัว เรือน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงาน นอกจากนี้มี 11 อำเภอได้รับความเสียหายระดับเล็กน้อย ราษฎรได้รับความเสียหาย 262 หมู่บ้าน 62,033 คน 15,653 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นยังไม่ได้ รับรายงาน พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย จำแนกเป็น พื้นที่สวน 192 ไร่ ส่วนพื้นที่นาและพื้นที่ไร่ยังไม่ได้รับ รายงานความเสียหาย การให้ความช่วยเหลือมีเฉพาะการแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค
|
||||||||||||||||||||||||
2534 | ขอรับการสนับสนุนงบกลางเพื่อจ่ายเป็นเงินบำเหน็จบำนาญและเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่บุคลากรท้องถิ่นที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ | นร | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรม
การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญและเงินบำเหน็จ ดำรงชีพให้แก่ข้าราชการครู กรุงเทพมหานคร จำนวน 879,555,700 บาท พนักงานครูเทศบาลและภารโรง จำนวน 350,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,229,555,700 บาท สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบและ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2535 | การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | คค | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับผลการดำเนินการแก้ไขปัญหา
ภัยแล้งในจังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน สรุปได้ดังนี้ การแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดลำปาง ทางจังหวัดได้ใช้เงิน ฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เป็นเงินประมาณ 18 ล้านบาทเศษ เพื่อใช้เป็นค่าน้ำมันรถบรรทุกน้ำ เครื่อง สูบน้ำ กระสอบทรายสำหรับกั้นน้ำ และก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร (ฝายแม้ว) เพิ่มเติม และจัดทำโครงการเพื่อ จัดสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่สำคัญ รวมทั้งโครงการขุดลอกพัฒนาแหล่งน้ำและปรับปรุงถนน สำหรับการแก้ไข ปัญหาภัยแล้งจังหวัดลำพูน ได้มีการแจกจ่ายน้ำเพื่อการเกษตรกรรม น้ำอุปโภคบริโภค เป่าล้างบ่อบาดาล โดย ใช้งบประมาณฉุกเฉินขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เป็นเงินประมาณ 820,000 บาทเศษ และเสนอโครงการ แก้ไขปัญหาภัยแล้ง และจัดทำแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรจังหวัดลำพูน พ.ศ. 2548- 2550
|
||||||||||||||||||||||||
2536 | การกำกับ ติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการกำกับ ติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดฉะเชิง
เทราและจังหวัดนครนายก ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) สรุปได้ดังนี้ การ แก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ติดตั้งจุดจ่ายน้ำ และรับน้ำที่ระบายจากเขื่อน บางปะกง และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ส่งเข้าคลองหลักและคลองย่อยเพื่อใช้ในการเกษตร เป่าล้างบ่อบาดาลและซ่อม เครื่องสูบน้ำ ขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติม และก่อสร้างประตูระบายน้ำ อาคารบังคับน้ำ และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้น ที่ที่เป็นต้นน้ำ ส่วนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดนครนายก ได้ให้ความช่วยเหลือน้ำอุปโภคบริโภค และประสาน งานกับโครงการส่งน้ำรังสิตเหนือเพื่อขอน้ำมาเติมในคลองส่งน้ำสายใหญ่เพื่อให้มีน้ำใช้ในการเกษตร และดำเนิน การเป่า ล้างบ่อบาดาล ซ่อมบ่อบาดาล ติดตั้งจุดจ่ายน้ำ และเจาะบ่อบาดาล รวมทั้งดำเนินโครงการแก้ไขปัญหา ขาดแคลนน้ำใช้-น้ำเพื่อการปศุสัตว์แบบยั่งยืน โดยขุดสระน้ำประจำไร่-นา หมู่บ้านละ 10 ครัวเรือน เพื่อใช้เป็น แหล่งน้ำกิน และการปศุสัตว์ ในการนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา ระยะยาว โดยภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนควรเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนทั้งในด้านการ กำจัดผักตบชวา การสร้างอ่างเก็บน้ำ การขุดลอก การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและอื่นๆ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดฉะเชิงเทราในฐานะหัวหน้ากลุ่มจังหวัดประชุมร่วมกับจังหวัดในกลุ่มเพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำอย่าง เป็นระบบทั้งในด้านการวางแผนแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว โดยดูเป็นลุ่มน้ำเพื่อจะได้แก้ปัญหา ครบถ้วน และเชิญทุกภาคส่วนคือ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ามา มีส่วนร่วมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2537 | ขอให้พิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา | มท | 26/04/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการแก้ไขปัญหาการขาด
แคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำอุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบ โดยให้รอง นายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) รับไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดร่วมกับรัฐมนตรีว่า กระทรวงยุติธรรม (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และ การมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินโครงการ ฯ เช่น สัดส่วนงบประมาณลงทุนโครง การ ฯ ที่รัฐบาลสมควรอุดหนุนและที่เทศบาลจะสมทบ การจัดหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติม และการกำหนดราคา จำหน่ายน้ำประปาที่เหมาะสม เป็นต้น โดยให้รับความเห็นของ สศช. และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกต ของคณะรัฐมนตรี โดยในส่วนของคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า โครงการ ฯ ที่เสนอเป็นโครงการขนาดใหญ่ มี วงเงินดำเนินการสูง และมิได้บรรจุอยู่ในพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 หากจะ ดำเนินการโดยใช้งบกลางบางส่วน และให้ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ต่อไป ควรแสดงเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนของการดำเนินโครงการนี้ให้ชัดเจน เนื่องจากเป็นลักษณะโครง การที่อาจจะมีปัญหาความจำเป็นในพื้นที่อื่น ๆ ลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน และกรณีเงินอุด หนุนจากรัฐบาลดังกล่าว จะถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรงบประมาณตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้ สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2538 | รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 15) | มท | 19/04/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสรุปข้อมูลความเสียหายและ
การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ครั้งที่ 15) จนถึงวันที่ 18 เมษายน 2548 ดังนี้ พื้นที่ประสบภัยพิบัติบริเวณ พื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล มีพื้นที่ประสบภัย รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 407 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,017 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,961 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,481 คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,845 คน (คนไทย 1,937 คน คนต่างประเทศ 908 คน) และเด็กกำพร้ามีจำนวนทั้งสิ้น 1,221 คน ด้านความ เสียหายต่อทรัพย์สิน ประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้งหลัง 3,302 หลัง และเสียหายบางส่วน 1,504 หลัง พื้นที่การเกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า 6,625,174.50 บาท พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,808,891,883 บาท ปศุสัตว์ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605.50 บาท และสถาน ประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 13,101,249,720 บาท ด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ ได้แ ก่ ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ พนัง/เขื่อน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และอื่น ๆ ได้รับความเสีย หายประเมินขั้นต้นประมาณ 1,057.39 ล้านบาท และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสีย หายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจ่ายเงินช่วย เหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 12 เมษายน 2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 319,220,471 บาท การจ่ายเงินช่วย เหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 17 เมษายน 2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 439,434,110 บาท และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย จำนวน 4,237 ราย เป็นเงิน 83,910,000 บาท ในส่วน ฃของการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัยได้สำรวจจำนวนความต้องการ (ณ วันที่ 8 เมษายน 2548) มีเป้า หมายยอดรวมทั้งสิ้น 2,786 หลัง โดยก่อสร้างเสร็จแล้ว 433 หลัง และราษฎรขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 547 ราย นอกจากนี้ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อ สร้างอาคารสิ่งก่อสร้าง และการจัดระเบียบชายหาด โดยทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่เขาหลัก และช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด สูญหาย ทำการรังวัดปู เขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย และการจัดระเบียบที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||
2539 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 12/04/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยแบ่งการจัดสรรออกเป็น ดังนี้ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 17,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวัดสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ จำนวน 15,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาศักยภาพ ของหมู่บ้านหรือชุมชน (SML) จำนวน 9,400 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความ ยากจนของประชาชน จำนวน 4,000 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการ ตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จำนวน 4,600 ล้านบาท และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2540 | ส่งรายงานประจำปี 2546 | นร | 12/04/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2546 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจ
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยรายงาน ฯ เป็นการนำเสนอผลการปฏิบัติงาน อาทิ การกระจายอำนาจด้าน ภารกิจ อำนาจหน้าที่ การกระจายอำนาจด้านการเงิน การคลัง งบประมาณ และการถ่ายโอนบุคลากร เป็นต้น และผลการดำเนินงานในด้านอื่นๆ อาทิ การศึกษาปรับปรุงกฎหมายกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น สรุปผลการประชุมระดมความคิดเห็น "ระบบจูงใจเพื่อการถ่ายโอนบุคลากรไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" และ สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานกระจายอำนาจ รวมทั้งปัญหา และ อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดำเนินการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
.....