ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 129 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2561 - 2580 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2561 | การยกฐานะสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานระดับกรมในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และการจัดทำและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระ จายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... และตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ รวม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่างพระราช บัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ตั้งคณะกรรมการคณะพิเศษตรวจพิจารณา ทั้งนี้ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประ เด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ อาทิเช่น ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตราขึ้นในวาระที่แตกต่างกัน ทำให้มีภารกิจ และอำนาจหน้าที่ไม่สอดคล้อง และเป็นแนวทางเดียวกัน ควรพิจารณาในเรื่องของการนำกฎหมายหลาย ฉบับมารวมกัน อาจทำให้เกิดปัญหาการทับซ้อนด้านพื้นที่ อำนาจหน้าที่ การเก็บภาษี การจัดตั้งรัฐวิสาห กิจท้องถิ่น องค์การมหาชนท้องถิ่นจะมีความเหมาะสม หรือทับซ้อน หรือทำให้เกิดความสับสนกับรัฐวิสาห กิจของรัฐ หรือองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนหรือไม่ การใช้ชื่อกฎหมายว่าประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีความเหมาะสม และสอดคล้องกับความหมายของประมวลกฎ หมาย หรือไม่ เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย และหากมีความจำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติม ให้เชิญผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอความเห็นเพื่อประกอบการตรวจ พิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป และเห็นควรให้ ก.พ.ร. รับประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรให้ ก.พ.ร. รับไปพิจารณาในภาพรวมโครงสร้างระบบ ราชการทั้งหมดว่า สมควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจ เป็นหน่วยงานที่มีฐานะ เป็นกรม หรือหน่วยงานที่มีสถานะอย่างอื่นหรือไม่ ระดับไหน และสังกัดอยู่ในสังกัดใด เพื่อให้สอดคล้อง กับการปฏิรูประบบราชการ ไปพิจารณา แล้วแจ้งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบการ ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2562 | การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ | อก | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่ายการ
เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการแก้ไขปัญหา ความล่าช้าในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ ตามผลการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยปรับลดขั้นตอนกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี จากที่กำหนด ไว้ในปัจจุบัน จะลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตการต่ออายุประทานบัตร และการขอประทานบัตรในขั้นตอน การขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ดังกล่าวจากคณะรัฐมนตรีลงเหลือไม่เกิน 150 วัน และให้กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดพื้นที่เขตศักยภาพแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ (Mining Zone) ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี (ยกเว้นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ ป่า) เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อให้สามารถอนุญาตประทานบัตรและต่ออายุประทานบัตรได้อย่าง เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น แทนการขอผ่อนผันการทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวจากคณะรัฐมนตรีเป็นแต่ละรายคำขอ หรือรายผู้ประกอบการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงทบทวนระเบียบปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาความล่า ช้าในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตร และให้ดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวโดยเร็วต่อไป และให้รับประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นควรกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้หลักฐานหรือข้อมูลเอกสาร ประกอบการพิจารณาอนุญาต ที่หน่วยงานแต่ละแห่งจะสอบถามไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถใช้ เอกสารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่แจ้งไปยังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ร่วมกันได้ โดยให้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ กำหนดแบบพิมพ์ ที่สามารถเก็บรายละเอียดในเรื่องที่จะขอความเห็นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุม ทุกประเด็นที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องการในแบบพิมพ์เดียวกัน และควรกำหนดระยะเวลาการดำเนิน การของเจ้าหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน โดยให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาหลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และระเบียบ ก.พ.ร ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้มีการรายงานเหตุที่ไม่สามารถดำเนิน การตามกำหนดเวลาต่อผู้บังคับบัญชา ตลอดจนแจ้งผู้ที่ขออนุญาตให้ทราบโดยพลันเมื่อได้รับการสอบสวน ไป พิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาห กรรมรับไปพิจารณาร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างระบบและกติกาสำหรับใช้ประกอบ การพิจารณาของหน่วยงานของรัฐกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเห็นไม่สอดคล้องกับหน่วยงานของ รัฐหรือผู้ประกอบการในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ว่า จำเป็นต้องหยุดดำเนินการเนื่องจากหลักกฎ หมายใด และหากไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ดำเนินการตามความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงาน ของรัฐหรือผู้ประกอบการควรมีแนวทางดำเนินการอย่างใดต่อไปโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมการประกอบกิจการที่มี ผลต่อความเจริญของประเทศโดยรวม และเป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอีกโสดหนึ่งด้วย โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและนำเสนอคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2563 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การอนุรักษ์ เผยแพร่ และใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมท้องถิ่น | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการ
ต่างประเทศ วัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา) ที่มีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับการอนุรักษ์ เผยแพร่ และใช้ประโยชน์ จากวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการกำหนดนิยาม ขอบเขต และเป้าหมายของการดำเนินงาน ด้านวัฒนธรรมอย่างชัดเจน จัดทำระบบข้อมูลพื้นฐานทางวัฒนธรรม พัฒนาวัฒนธรรมท้องถิ่นควบคู่การอนุ รักษ์และฟื้นฟูความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นและชาติพันธุ์ กระจายอำนาจและบทบาทการดำเนินงาน ด้านวัฒนธรรมของรัฐ ส่งเสริมศักยภาพหน่วยงานด้านวัฒนธรรมของท้องถิ่น ส่งเสริม "สิทธิทางวัฒนธรรม" "ความหลากหลายทางวัฒนธรรม" และ "การมีส่วนร่วม" ของประชาชน ส่งเสริมการลงทุนทางวัฒนธรรมเพื่อ เป็นทุนทางสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน สร้างการเห็นคุณค่าวัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างวัฒนธรรมที่ปลูกฝังคุณ ธรรมและค่านิยมที่ดี รวมทั้งรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อส่งเสริมองค์ ประกอบของวัฒนธรรมที่สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาประเทศ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคน และความเข้ม แข็งของชุมชนท้องถิ่น และต้องไม่ทำลายความหลากหลายทางวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นและแต่ละชาติพันธุ์ และควรกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนกิจกรรมและผลงานด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีศักยภาพและไม่มีศักย ภาพในการสร้างผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ออกจากกัน ส่วนจัดทำระบบข้อมูลพื้นฐานทางวัฒนธรรม ได้มีการ จัดทำเป็นระบบข้อมูลพื้นฐานทางด้านวัฒนธรรมในเรื่องต่าง ๆ เช่น ข้อมูลทางวัฒนธรรม 76 จังหวัด ข้อมูล แหล่งโบราณสถานและโบราณคดีทั่วประเทศ ฯลฯ และเห็นด้วยกับการพัฒนาวัฒนธรรมท้องถิ่นควบคู่การ อนุรักษ์และการฟื้นฟูความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นและชาติพันธ์ โดยวิธีการอนุรักษ์วัฒนธรรมได้ดีที่ สุด คือ การพัฒนาวัฒนธรรมดั้งเดิมและสร้างสรรค์วัฒนธรรมใหม่ โดยยังคงความเป็นเอกลักษณะของแต่ละ วัฒนธรรมท้องถิ่นและชาติพันธุ์ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง ไป เป็นต้น โดยให้กระทรวงวัฒนธรรมรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภา ที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2564 | ผลการประชุมปฏิบัติการเรื่องแนวทางการพัฒนาการศึกษาของชาติ | ศธ | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พิ้นฐานรายงานผลการประชุมปฏิบัติการเรื่องแนวทางการพัฒนาการศึกษาของชาติ ระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2548 ณ โรงแรมโซฟิเทล จังหวัดขอนแก่น โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณรวมทั้งสิ้น 150 คน จากจังหวัดต่าง ๆ วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา ของการจัดการศึกษา และแสดงความต้องการแนวทางในการพัฒนาการศึกษาของชาติ และของภูมิภาคใน เรื่องของหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน การพัฒนาครู สถานศึกษา และแนวทางการบริหารจัดการ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และกำหนดแนวทางในการ พัฒนายุทธศาสตร์ของการพัฒนาการศึกษาของชาติและภูมิภาค โดยผลการประชุมเป็นที่น่าพอใจ ผู้เข้า ร่วมประชุมส่วนใหญ่ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาที่เป็นประ โยชน์ต่อการวางแผนยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และในการประชุมได้มีการ กล่าวถึงเรื่องสำคัญๆ ได้แก่ การส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน การสร้างและซ่อมแซมอาคาร เรียนเพื่อทดแทนอาคารที่ชำรุด และรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู การพัฒนาด้านคุณภาพของหลักสูตรปฐมวัย การดูแลเด็กยากจน ด้อยโอกาส และผู้พิการเป็นพิเศษ เรื่อง การขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 และเรื่องถ่ายโอนสถานศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2565 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "ยุทธศาสตร์การผังเมืองของประเทศไทย | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การผังเมืองของประเทศไทย และรับทราบตาม ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย อาทิ ข้อ เสนอให้ย้ายภารกิจด้านนโยบายผังเมืองจากกระทรวงมหาดไทยไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การกำหนด นโยบายและการกำกับดูแลด้านผังเมือง และการจัดทำผังภาคสามารถกระทำได้ด้วยกลไกทางด้านงบประมาณ และการควบคุมทางกฎหมาย บรรลุผลตามเป้าหมายของรัฐและเป็นอิสระจากงานด้านปฏิบัติ เห็นว่า การวาง และจัดทำผังเมืองมี 2 ระดับ คือ ผังระดับนโยบาย ได้แก่ ผังประเทศ ผังภาค ผังอนุภาค และผังระดับปฏิบัติ ได้แก่ ผังเมืองรวมจังหวัด ผังเมืองรวมระดับเมืองหรือชุมชน ผังเมืองเฉพาะและผังอื่น ๆ ซึ่งการดำเนินงานทั้ง 2 ระดับมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในเชิงพื้นที่เป็นลำดับชั้น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ทั้งในเชิงการกำหนด นโยบาย การกำกับดูแล และการปฏิบัติ หากแยกภารกิจทั้ง 3 ด้านออกจากกันจะทำให้กรอบแนวทางการ พัฒนาพื้นที่ในผังทุกระดับขาดการบูรณาการ เกิดความซ้ำซ้อนและสูญเสียงบประมาณ ประกอบกับระบบการ วางผังเมืองในเชิงสากลต้องอยู่ในระบบเดียวกันทั้งกระบวนการ จึงเห็นควรดำรงสถานะเป็น "หน่วยงานระดับ กรม" และขณะที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนถ่ายภารกิจ จึงเห็นควรให้ภารกิจดังกล่าวอยู่กับกระทรวงมหาดไทยไป ก่อน และข้อเสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความต่อเนื่องของพื้น ที่เมือง ดำเนินการวางและจัดทำผังเมืองรวมที่มีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่ต้น โดยมีรายละ เอียดของแผนผังและข้อกำหนด (Zoning) อย่างครบถ้วนและถูกต้องนั้น เห็นว่า การดำเนินการวางและจัดทำ ผังเมืองรวม ประชาชนและกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมในกระบวนการวางผังเมืองอยู่แล้วตาม พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 และได้พยายามส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และกลุ่มองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้าใจและมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จัดให้มีกฎหมายที่ เหมาะสมกับการเพิ่มรายได้ของท้องถิ่น เช่น ภาษีทรัพย์สิน การประเมินพิเศษ รวมทั้งแหล่งที่มาของรายได้ อื่น ๆ สำหรับการดำเนินการให้เป็นไปตามผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะ เป็นต้น โดยให้กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2566 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การกระจายอำนาจการจัดการการศึกษาสู่ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของประชาชน | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การกระจายอำนาจการจัดการการศึกษาสู่ท้องถิ่นและการมีส่วน ร่วมในการจัดการศึกษาของประชาชน โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นปัญหาต่าง ๆ อาทิ ภาครัฐยัง ขาดความชัดเจนในภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งเสริมให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน และองค์กรทางสังคม มีส่วนร่วมจัด การศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎกระทรวงเพื่อรองรับระบบการจัดการศึกษาโดยบุคคล ครอบครัว และองค์กร อื่นยังไม่ประกาศใช้ รวมทั้งการให้มีครู 2 ระบบ คือ ข้าราชการครูเดิมยังคงเป็นข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิ การ ในขณะที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่รับเข้าใหม่จะเป็นบุคคลในสังกัดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดตั้งกองทุนพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา การจัดตั้งสภาการศึกษาของท้องถิ่น การยกเลิกการผูก ขาดการจัดทำสื่อการเรียนการสอน และการกระจายครูและบุคลากรที่มีคุณภาพสู่ท้องถิ่นโดยการกำหนดโควตา ให้อยู่ในตำแหน่งกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาหรือกรรมการสถานศึกษา เป็นต้น และรับทราบตามที่กระทรวง ศึกษาธิการเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ และเห็นชอบให้ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณา ดำเนินการต่อไป โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้ สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2567 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค : การวิเคราะห์ประสิทธิภาพและการเข้าถึงบริการของประชาชนระดับล่าง" | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับ "โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค : การวิเคราะห์ประสิทธิ ภาพและการเข้าถึงบริการของประชาชนระดับล่าง" โดยมีความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การมีส่วนร่วมของ ภาคประชาชน การพัฒนาคุณภาพบริการโดยเฉพาะหน่วยบริการปฐมภูมิ การจัดสรรงบประมาณ และการแก้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เสมอภาคของการกระจายบุคลากรและสถานบริการ รวมทั้งรับทราบตามที่กระทรวง สาธารณสุขเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง อาทิ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ได้ให้ตัวแทนจากภาคประชาชนเข้ามาเป็นคณะกรรมการเพื่อ ให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ตลอดจนกำหนดทิศทางในการดำเนินงานและควบคุมกำกับในทุกระดับทั้ง ในส่วนกลาง จังหวัด อำเภอ และตำบล ทั้งในรูปองค์กรและบุคคล และมีการประสานการดำเนินงานร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรท้องถิ่นและองค์กรชุมชนในการช่วยเหลือสนับสนุนในด้านการบริหารจัดการใน รูปคณะกรรมการในแต่ละระดับ ส่วนการจัดสรรงบประมาณ ที่ผ่านมาได้มีการจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วย งานระดับจังหวัด คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สำนักงานสาขา) และจัดสรรต่อไปยังหน่วยบริการระดับ อำเภอ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดในการจัดสรรในระยะแรกของการเริ่มโครงการเนื่องจากอัตรางบประมาณ เหมาจ่ายรายหัวและงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวจะรวมเงินเดือนของบุคลากรและจัดสรรตามประชากรที่แต่ละ จังหวัดหรือหน่วยบริการรับผิดชอบ จึงจำเป็นต้องมีการปรับเกลี่ยงบประมาณให้สามารถดำเนินงานได้ในทุก หน่วยบริการก่อนการจัดสรรลงไปสู่หน่วยบริการในระยะเปลี่ยนผ่าน เป็นต้น โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับ ผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2568 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน กรณีโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน กรณีโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" โดยสภาที่ปรึกษา ฯ มีความเห็นเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแนวคิดของชุมชนในการพึ่งพาตนเอง การยอมรับภูมิปัญญา/ศักยภาพของตนเอง การสร้างการยอมรับในผลิตภัณฑ์ชุมชน การแลกเปลี่ยนสินค้าภาย ในชุมชน และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นรากฐานในการดำรงชีวิต และข้อเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐ กิจชุมชนและการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและการพัฒนาโดยยึดหลักชุมชนเป็น ศูนย์กลางและยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกระบวนการ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุ รักษ์วัฒนธรรมโดยกระตุ้นให้ท้องถิ่นเห็นความสำคัญของวัฒนธรรม และถ่ายทอดให้คนภายนอกได้รับรู้ถึงความ สำคัญและเรียนรู้โดยการสัมผัสจริง ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ชุมชนสู่สากล ซึ่งต้องมีมาตรการ ที่ชัดเจนส่งเสริม สนับสนุน การส่งออกสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการส่งออก ใด ๆ ทั้งสิ้น ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ชุมชน โดยให้มีหลักสูตรชุมชนในระบบโรงเรียน และ สอน โดยคนในชุมชนเองเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาไปสู่คนรุ่นหลัง ยุทธศาสตร์การส่งเสริมด้านการบริหารจัดการ รัฐจะต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจในการบริหารจัดการที่ดี รู้จักใช้ระบบฐานข้อ มูลเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนดำเนินการให้ชุมชนสามารถนำกองทุนต่าง ๆ เข้ามา บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการรู้จักใช้ระบบฐานข้อมูลเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุม ชน และยุทธศาสตร์การรักษาดุลยภาพภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ให้ชุมชนมีส่วนดูแล บำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ที่จำเป็นต่อการประกอบดำรงชีพและโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ นโยบายใด ๆ ของรัฐที่จะกระทบต่อ ความหลากหลายทางชีวภาพต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เป็นต้น และรับทราบตามที่คณะกรรมการ อำนวยการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนิน การของ กอ.นตผ. โดยให้ กอ.นตผ. ประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2569 | รายงานการดำเนินการฟื้นฟู พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบธรณีพิบัติภัย ครั้งที่ 4 | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เสนอดังนี้ รับทราบรายงาน
การดำเนินการของ อนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการอำนวยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่ง แวดล้อมและชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ในคราวประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 โดยที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการประสานความ ร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการประเมินความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ณ วันที่ 26 มกราคม 2548 และผลการดำเนินการของคณะทำ งานประสานชุมชนและประชาสังคม เพื่อจัดทำแผนพัฒนาและฟื้นฟูนิเวศชุมชน ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 และให้ยกเว้น การดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจนกว่าการปฏิบัติ ภารกิจเร่งด่วนจะเสร็จสิ้น เนื่องจากการดำเนินการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรแหล่งน้ำ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ อุปโภคบริโภค และน้ำสะอาดในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย เป็นการดำเนินการเฉพาะกิจและต้องดำเนินการ อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการฟื้น ฟูและพัฒนาแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งจัดหาน้ำสะอาดในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย และให้กรมทรัพยา กรน้ำบาดาล ดำเนินการโครงการ/กิจกรรม เพื่อสำรวจ จัดหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ตั้งของโรงเรียน และ ชุมชนที่สร้างใหม่ จัดหา ซ่อมแซม ปรับปรุงในพื้นที่อื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการในช่วงแรก รวมทั้งให้เร่ง สำรวจ ฟื้นฟู และจัดหาแหล่งน้ำ จำนวน 2 โครงการ ภายใต้กรอบโครงการ/กิจกรรม ตามอนุมัติมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 ระยะเร่งด่วน ในส่วนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับกรอบโครงการ/กิจกรรมที่ได้รับ อนุมัติตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือและแก้ไข ปัญหาจากธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติในหลักการ และให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ฯ ต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงาน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ/กิจกรรม ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานก่อน หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับการดำเนินการตามแผนงานปกติ และเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2570 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 24 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 -24 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 62 จังหวัด 600 อำเภอ 55 กิ่งอำเภอ 4,503 ตำบล 43,623 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,279,527 ครัวเรือน 8,339,670 คน แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด และภาคใต้ 7 จังหวัด พื้นที่การ เกษตรเสียหาย 13,251,741 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,942,541 ไร่ พืชไร่ 2,962,393 ไร่ พืชสวน 346,807 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,537,780,440 บาท ด้านการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อ การเกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็น เงินทั้งสิ้น 716,113,238 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 541,991,214 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 117,435,302 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 56,686,722 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2571 | รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 9) | มท | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาไทยรายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วย
เหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 9) ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปได้ดังนี้ พื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548) มีพื้นที่ประสบภัยพิบัติ รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 412 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,480 ครอบครัว เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,925 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน) บาด เจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,965 คน (คนไทย 2,023 คน คนต่างประเทศ 942 คน) และเด็กกำพร้าที่บิดาหรือมารดาหรือผู้อุปการะเดิมเสียชีวิต มีจำนวนทั้งสิ้น 882 คน ความเสียหายต่อทรัพย์สินประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6,824 หลัง (เสียหายทั้งหลัง 3,615 หลัง เสียหายบางส่วน 3,209 หลัง) พื้นที่การเกษตรเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท พื้นที่เพาะ เลี้ยงสัตว์น้ำและเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,757,453,403 บาท ปศุสัตว์เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605 บาท สถานประกอบการเสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท ความเสียหายด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำ จืด แนวปะการัง และเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ ในด้านการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต สามารถ ยืนยันได้แล้ว (Identified) 1,870 ศพ (ไทย 1,471 ศพ ต่างชาติ 399 ศพ) ญาติรับศพไปแล้วเป็นคนไทย 1,260 คน คนต่างชาติ 280 คน และยังยืนยันไม่ได้ (Unidentified) 2,873 ศพ (ไทย 1 ศพ ต่างชาติ 1,279 ศพ ระบุไม่ได้ 1,593 ศพ) ส่วนการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลศพคนต่างชาติ ณ สุสานไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ขณะนี้มีศพคนต่างชาติคงเหลือเพื่อตรวจพิสูจน์ 1,487 ศ พ สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้มีการจ่าย เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน 283,704,356 บาท จ่ายเงินช่วย เหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน 232,796,143 บาท และจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนัก นายกรัฐมนตรี 100,000,000 บาท และจากกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น 83,810,000 บาท นอก จากนี้ ยังมีผลการดำเนินการช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ อาทิ การจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย อยู่ระหว่าง จัดหาพื้นที่ที่เหาะสมเพื่อก่อสร้างบ้านถาวร 281 หลัง และประชาชนผู้ประสบภัยขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 178 หลัง การฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบ ชายหาด ในส่วนของการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักผัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้น ฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงาา รวมทั้งการยุติการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่น ยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือของศูนย์ ฯ ในด้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่ดำเนิน การเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจัดระบบการบริหารจัดการมอบให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามภารกิจอำนาจหน้าที่แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2572 | หลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอแนวทางการเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบล เป็นกรณีพิเศษ ตามผลการประชุมร่วมระหว่างสำนักงาน ก.พ. กับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงาน ก.พ.ร. ดังนี้ การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนขององค์การบริหารส่วนตำบลขนาดใหญ่ (ที่มีจำนวนพนักงานตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป) ให้คงใช้แนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 สำหรับพนักงานส่วนตำบล ในอบต. ขนาดเล็ก ให้คณะกรรมการกลางองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลงาน ของ อบต. โดยให้มีตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (Key Performance Indicator) ในด้านต่างๆ ตามที่กระทรวงมหาด ไทยได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี และกำหนดให้ อบต. ที่มีจำนวนพนักงานตั้งแต่ 6 คนลงมาซึ่งมีผลงานดีเด่น ตามหลักเกณฑ์การประเมินผลงานที่คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลกำหนด มีโควตาการเลื่อนขั้น เงินเดือนเป็นกรณีพิเศษทั้งปี 2 ขั้นได้ 1 คน โดย อบต. ที่มีพนักงานจำนวน 1-5 คน ให้เลื่อนได้ปีเว้นปี และ อบต. ที่มีพนักงานจำนวน 6 คน ให้เลื่อนได้ทุกปี ทั้งนี้ ให้ใช้งบประมาณของ อบต. ที่ได้รับโควตาเลื่อน ขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษในการเลื่อนขั้นเงินเดือนดังกล่าว โดยเมื่อรวมงบประมาณการเลื่อนขั้นเงินเดือน กับรายจ่ายด้านเงินเดือน ค่าจ้าง และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 40 ของงบประมาณ รายจ่ายประจำปี ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2573 | การแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งกรณีเร่งด่วน | ทส | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอ
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็น วงเงิน 823,980,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้ง เป็นกรณีเร่งด่วน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ ทุกแห่งที่มีความพร้อมในด้านบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง กลาโหม (หน่วยทหารพัฒนาและทหารช่าง) เป็นต้น เพื่อร่วมดำเนินการ โดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ของกิจกรรมและการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงแล้วดำเนินการให้เต็มศักยภาพ โดยให้ขอตกลง ในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ประสานและเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ ให้ความร่วมมือและรับผิดชอบ ในการบูรณะฟื้นฟู บำรุงรักษาบ่อน้ำบาดาล อ่างเก็บน้ำ และเครื่องสูบน้ำ อันเป็นภารกิจที่หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2574 | การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านน้ำเสียและขยะมูลฝอย | ทส | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอวิธีการปฏิบัติ
เพื่อการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะมูลฝอย โดยสังเขปดังนี้ การจัดการน้ำเสีย ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนด เป็นนโยบายเพื่อให้ท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นควบคุมให้บ้านเรือนและอาคารติดตั้งบ่อดักไขมันและระบบ บำบัดน้ำเสียเพื่อลดปริมาณความสกปรกในเบื้องต้นก่อนที่จะระบายลงท่อระบายน้ำหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ และส่งเสริมให้มีการใช้การผลิตที่สะอาด (Cleaner Production) ในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และ ภาคบริการในชุมชนเพื่อลดปริมาณน้ำเสียและมลพิษจากแหล่งกำเนิด รวมทั้งใช้มาตรการทางสังคมควบคู่กับ การบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการมลพิษจากแหล่งกำเนิด และ ให้การประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวงร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อ รวมองค์กรที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำประปาและจัดการน้ำเสียไว้ในหน่วยงานเดียวกัน ส่วนการจัดการขยะมูลฝอย ให้มีการเก็บรวบรวมและกำจัดขยะมูลฝอยด้วยวิธีการที่ถูกต้อง โดยเฉพาะขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในเทศบาลทั่ว ประเทศ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีการคัดแยกและนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ และกำหนด เป็นแนวนโยบายให้ทุกจังหวัดจัดหาสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยเพื่อรองรับขยะมูลฝอยในระยะยาว และจัดให้มี ระบบคัดแยก และรวบรวมของเสียอันตรายจากชุมชนต่างหากจากขยะมูลฝอยทั่วไป เพื่อนำไปกำจัดที่สถาน ที่กำจัดของเสียอันตรายของเอกชน รวมถึงให้มีสถานที่กำจัดมูลฝอยติดเชื้อในลักษณะศูนย์รวมที่สามารถใช้ ร่วมกับหลายท้องถิ่น และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาค รับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย และหน่วยงานของรัฐสนับสนุนการนำปุ๋ยอินทรีย์จาก ขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาด้านขยะมูลฝอย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประเมินเทคโนโลยีในการ กำจัดขยะมูลฝอยที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 382/2547 ลง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2547 ไปประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะใช้ในการดำเนินการต่อไป ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2575 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงินเหลือจ่าย/เงินที่ลดได้มาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจและการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | กค | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงิน เหลือจ่าย/เงินที่ลดได้มาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ และการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัด ซื้อจัดจ้าง โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. แจ้งผลการประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการให้กระทรวงการ คลังทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดำเนินการจัดสรรเงินดังกล่าวให้ส่วนราชการนำไปใช้จ่ายเพื่อการ พัฒนาบุคลากรและหรือพัฒนาองค์กรได้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2541 เพื่อให้กระทรวงการคลังอนุมัติการกันเงินงบประมารเหลือจ่ายไว้เบิกเหลื่อม ปีรายการเพื่อพัฒนาบุคลากรและหรือรายการเพื่อพัฒนาองค์กร สำหรับการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบ ประมาณเหลือจ่าย ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณถือปฏิบัติตามนัยข้อ 25 ของระเบียบว่าด้วย การบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2546 และให้โอนเปลี่ยนแปลงเงินงบประมาณเหลือจ่ายที่ได้รับอนุมัติให้กัน เงินเป็นรายการใด ๆ ไปเพื่อพัฒนาบุคลากรและหรือเพื่อพัฒนาองค์กรโดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนัก งบประมาณ และแจ้งกรมบัญชีกกลางเพื่อเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ส่วนกรณีมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ หรือวงเงินงบประมาณเหลือจ่ายเพื่อนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ มอบให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ ร่วมกันพิจารณากำหนดตามความเหมาะสม และสำหรับกรณีที่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นจะนำแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงินเหลือจ่ายดังกล่าวมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจมาอนุโลมใช้ นั้น ให้ กระทรวงมหาดไทยพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อหาแนวทางในการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมิน ผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลัก Good Governance ก่อน แล้วรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปดำเนินการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยว่า ควรประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดสรรเงินเหลือจ่าย/เงินที่ลดหรือ ประหยัดเพื่อเป็นสิ่งจูงใจและเงินรางวัลให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุก ภาคส่วนได้ร่วมมือกันบริหารงบประมาณของหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยจะต้องมีกลไกและ หลักเกณฑ์ในการควบคุม ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานอย่างเหมาะสมด้วย เช่น การ กำหนดราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2576 | มาตรการและโครงการตามกรอบยุทธศาสตร์การฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 6 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน | นร | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธาน
กรรมการฟื้นฟูการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันเสนอมาตรการและโครงการตามกรอบยุทธศาสตร์การฟื้น ฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 6 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วย มาตรการด้านการฟื้นฟูและพัฒนา 3 แผนงาน 14 โครงการ มาตรการด้านการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 3 แผนงาน 12 โครง การ มาตรการด้านการฟื้นฟูส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวของกระทรวงวัฒนธรรม 12 โครงการ และ มาตรการด้านความปลอดภัย 2 โครงการ และมาตรการระยะยาวเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันอย่างยั่งยืน 4 โครงการ โดยในชั้นนี้ให้ดำเนินการเฉพาะมาตรการและโครง การที่มุ่งฟื้นฟูบูรณะให้สภาพธรรมชาติ สิ่งก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่จำเป็นในพื้นที่ 6 จังหวัดดังกล่าวกลับสู่สภาพเดิม มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น สำหรับการดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากกรอบหลักการดังกล่าวให้ชะลอไว้ก่อน โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รับไปพิจารณาทบทวนกิจกรรม/โครงการให้สอดคล้อง กับกรอบหลักการที่เสนอ พร้อมรายละเอียดค่าใช้จ่าย และความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการดำเนินการ โครงการนั้น ๆ ร่วมกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า โครงการฝึกอบรมบุคลากร (โครง การที่ 21) ที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องตัดโครงการทิ้งนั้น ควรปรับให้มีแผนงานหรือโครงการเพิ่มเติมทางด้าน การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของท้องถิ่นที่ครบถ้วน (Capacity Building) ครอบคลุมมากกว่าบุคลากร ทางด้านการท่องเที่ยว เช่น การฝึกอบรมผู้ประกอบการ แรงงาน และอาชีพ รวมทั้งบุคลากรภาครัฐที่เกี่ยว ข้องกับการดูแลเฝ้าระวังภัยธรรมชาติ เช่น พนักงานช่วยเหลือชายฝั่ง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา และ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องสินค้าปลอดอากร (duty free) ให้กระทรวงการ คลังพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องการก่อสร้างศูนย์ประชุม และแสดงสินค้าจังหวัดภูเก็ต ให้ระงับไว่ก่อน นอกจากนี้ โครงการบางโครงการอาจมีวงเงินที่ค่อนข้างสูงเกิน จำเป็นเช่น โครงการฟื้นฟูภูมิทัศน์หาดป่าตอง (500 ล้านบาท) และโครงการฟื้นฟูภูมิทัศน์หาดกมลา (333 ล้านบาท) เป็นต้น ควรดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางเท่าที่จำเป็น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2577 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 17 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 -17 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 61 จังหวัด 587 อำเภอ 57 กิ่งอำเภอ 4,363 ตำบล 38,703 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,967,860 คน 2,189,251 ครัวเรือน แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด และภาคใต้ 6 จังหวัด พื้นที่การ เกษตรเสียหาย 13,133,982 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,876,221 ไร่ พืชไร่ 2,945,500 ไร่ พืชสวน 312,261 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,514,823,634 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการ เกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 663,951,937 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 491,529,040 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 115,766,175 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 56,656,722 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2578 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 8) | มท | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่น
ดินไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 8) จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 412 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,480 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,911 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,531 คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,991 คน (คนไทย 2,032 คน คนต่างประเทศ 959 คน) บ้านเรือนเสียหาย 6,824 หลัง แยกเป็นเสียหายทั้งหลัง 3,615 หลัง เสียหาย บางส่วน 3,209 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และ เครื่องมือประมงเสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,757,453,403 บาท ด้านปศุสัตว์เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,506 บาท สถานประกอบการเสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท ส่วนความเสียหายด้านสิ่งสาธารณ ประโยชน์ ได้แก่ ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ พนัง/เขื่อน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และอื่น ๆ ได้รับความเสียหายประเมินในขั้นต้นประมาณ 1,060.74 ล้านบาท และความเสียหาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลสำรวจพบความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำจืด แนวปะการัง และเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย การ จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2548) เป็นเงิน 281,690,056 บาท การจ่ายเงิน ช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548) เป็นเงิน 214,597,868 บาท การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย (จนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 4,221 ราย เป็นเงิน 83,590,000 บาท และการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย (บ้านพักถาวร) จังหวัดพังงา อยู่ ระหว่างก่อสร้าง 760 หลัง จังหวัดระนอง ก่อสร้างแล้วเสร็จ 65 หลัง จังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างก่อสร้าง 81 หลัง จังหวัดกระบี่ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 8 หลัง จังหวัดตรัง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 19 หลัง และจังหวัดสตูล ราษฎร ขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอ ง จำนวน 2 ราย นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินการให้ ความช่วยเหลือในส่วนของการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้าง พื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผลการติดตามให้ความช่วยเหลือและกำหนดมาตรการฟื้นฟูแก่ผู้ ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2579 | ร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. .... | นร | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1.2 ที่มีมติ
เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. .... โดย สาระสำคัญของร่างระเบียบทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว เป็นการปรับปรุงระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 เพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ รวมทั้งปรับ ปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546 เพื่อให้การ บริหารงบประมาณระดับจังหวัดสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาในระดับรากหญ้าของประชาชนใน เชิงมิติพื้นที่ระดับภูมิภาคและท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่าการบริหารงบประมาณของจังหวัด ควรระบุให้ชัดเจนว่า หมายถึงจังหวัดที่ตั้งของโครงการ มิใช่จังหวัดที่ตั้งของหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ ส่วน การพิจารณาให้ความดีความชอบแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพตามยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ให้กำหนดตัวชี้วัดผลงาน (Key Performance Indicators : KPI) ร่วมกันระหว่างส่วนราชการซึ่ง เป็นราชการบริหารส่วนกลางที่ตั้งในจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ไปพิจารณาประกอบด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2580 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 7) | มท | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่น
ดินไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุ การณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ ครั้งที่ 7 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปดังนี้ พื้นที่ประสบภัยพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 91 ตำบล 401 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 55,892 คน 12,455 ครอบครัว ผู้เสียชีวิตรวม 5,395 คน บาดเจ็บรวม 8,457 คน รับแจ้งสูญหายรวม 2,995 คน บ้านเรือนราษฎรเสียหายรวม 6,813 หลัง มูลค่าความเสียหายต่อ ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพของราษฎรทั้ง 6 จังหวัด ประเมินในขั้นต้นประมาณ 14,636.19 ล้าน บาท ความเสียหายด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ประเมินในขั้นต้น ประมาณ 1,054.75 ล้านบาท ความเสียหาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นการประเมินเบื้องต้นที่สามารถสังเกตได้ ได้รับความเสียหายทั้ง ด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำจืด แนวปะการัง รวมทั้งเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ ซึ่ง จังหวัดได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขแล้ว ส่วนการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลมีผู้เสียชีวิต จากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ (Tsunami) เป็นจำนวน 5,395 คน สามารถยืนยันพิสูจน์ตัวบุคคลหรือญาติยืนยันแล้ว จำนวน 1,869 ศพ ยังยืนยันไม่ได้จำนวน 2,874 ศพ สำหรับผลคืบหน้าการเคลื่อนย้ายศพจากจังหวัดพังงา ไปยังสุสานไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ได้ขนย้ายศพคนต่างชาติจากวัดบางม่วงและวัดย่านยาว ไปยังสุสานไม้ขาวแล้ว รวม 1,561 ศพ มีญาติมารับศพแล้ว 60 ศพ คงเหลือศพต่างชาติ ณ สุสานไม้ขาว 1,503 ศพ ด้านการช่วย เหลือคนไทยกรณีที่สูญหายโดยไม่พบศพ รายละไม่เกิน 15,000 บาท และในกรณีผู้ประสบภัยที่สูญหายเป็น หัวหน้าครอบครัว หรือเป็นผู้หารายได้เลี้ยงครอบครัวให้พิจารณาช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ครอบครัวอีกไม่เกิน รายละ 25,000 บาท ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้วรวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 276,592,770 บาท จ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมเป็นเงิน 203,198,724 บาท จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายก รัฐมนตรี จำนวน 100,000,000 บาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 83,530,000 บาท การก่อ สร้างบ้านพักถาวร ข้อมูลสำรวจความต้องการมีเป้าหมายยอดรวมทั้งสิ้น 2,805 หลัง การฟื้นฟูจัดระเบียบ การก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบชายหาด ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยในภาพรวมประมาณ 90% ส่วนกรมที่ดิน ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดเขตที่ ดินที่หลักเขตสูญหาย ตลอดจนช่วยเหลือการจัดระเบียบที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
