ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 129 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2561 - 2580 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2561 | รายงานการดำเนินการฟื้นฟู พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบธรณีพิบัติภัย ครั้งที่ 4 | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เสนอดังนี้ รับทราบรายงาน
การดำเนินการของ อนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการอำนวยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่ง แวดล้อมและชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ในคราวประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 โดยที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการประสานความ ร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการประเมินความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ณ วันที่ 26 มกราคม 2548 และผลการดำเนินการของคณะทำ งานประสานชุมชนและประชาสังคม เพื่อจัดทำแผนพัฒนาและฟื้นฟูนิเวศชุมชน ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 และให้ยกเว้น การดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจนกว่าการปฏิบัติ ภารกิจเร่งด่วนจะเสร็จสิ้น เนื่องจากการดำเนินการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรแหล่งน้ำ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ อุปโภคบริโภค และน้ำสะอาดในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย เป็นการดำเนินการเฉพาะกิจและต้องดำเนินการ อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการฟื้น ฟูและพัฒนาแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งจัดหาน้ำสะอาดในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย และให้กรมทรัพยา กรน้ำบาดาล ดำเนินการโครงการ/กิจกรรม เพื่อสำรวจ จัดหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ตั้งของโรงเรียน และ ชุมชนที่สร้างใหม่ จัดหา ซ่อมแซม ปรับปรุงในพื้นที่อื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการในช่วงแรก รวมทั้งให้เร่ง สำรวจ ฟื้นฟู และจัดหาแหล่งน้ำ จำนวน 2 โครงการ ภายใต้กรอบโครงการ/กิจกรรม ตามอนุมัติมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 ระยะเร่งด่วน ในส่วนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับกรอบโครงการ/กิจกรรมที่ได้รับ อนุมัติตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือและแก้ไข ปัญหาจากธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติในหลักการ และให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ฯ ต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงาน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ/กิจกรรม ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานก่อน หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับการดำเนินการตามแผนงานปกติ และเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2562 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 24 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 -24 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 62 จังหวัด 600 อำเภอ 55 กิ่งอำเภอ 4,503 ตำบล 43,623 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,279,527 ครัวเรือน 8,339,670 คน แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด และภาคใต้ 7 จังหวัด พื้นที่การ เกษตรเสียหาย 13,251,741 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,942,541 ไร่ พืชไร่ 2,962,393 ไร่ พืชสวน 346,807 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,537,780,440 บาท ด้านการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อ การเกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็น เงินทั้งสิ้น 716,113,238 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 541,991,214 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 117,435,302 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 56,686,722 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2563 | รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 9) | มท | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาไทยรายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วย
เหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 9) ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปได้ดังนี้ พื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548) มีพื้นที่ประสบภัยพิบัติ รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 412 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,480 ครอบครัว เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,925 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน) บาด เจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,965 คน (คนไทย 2,023 คน คนต่างประเทศ 942 คน) และเด็กกำพร้าที่บิดาหรือมารดาหรือผู้อุปการะเดิมเสียชีวิต มีจำนวนทั้งสิ้น 882 คน ความเสียหายต่อทรัพย์สินประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6,824 หลัง (เสียหายทั้งหลัง 3,615 หลัง เสียหายบางส่วน 3,209 หลัง) พื้นที่การเกษตรเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท พื้นที่เพาะ เลี้ยงสัตว์น้ำและเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,757,453,403 บาท ปศุสัตว์เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605 บาท สถานประกอบการเสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท ความเสียหายด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำ จืด แนวปะการัง และเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ ในด้านการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต สามารถ ยืนยันได้แล้ว (Identified) 1,870 ศพ (ไทย 1,471 ศพ ต่างชาติ 399 ศพ) ญาติรับศพไปแล้วเป็นคนไทย 1,260 คน คนต่างชาติ 280 คน และยังยืนยันไม่ได้ (Unidentified) 2,873 ศพ (ไทย 1 ศพ ต่างชาติ 1,279 ศพ ระบุไม่ได้ 1,593 ศพ) ส่วนการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลศพคนต่างชาติ ณ สุสานไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ขณะนี้มีศพคนต่างชาติคงเหลือเพื่อตรวจพิสูจน์ 1,487 ศ พ สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้มีการจ่าย เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน 283,704,356 บาท จ่ายเงินช่วย เหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน 232,796,143 บาท และจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนัก นายกรัฐมนตรี 100,000,000 บาท และจากกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น 83,810,000 บาท นอก จากนี้ ยังมีผลการดำเนินการช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ อาทิ การจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย อยู่ระหว่าง จัดหาพื้นที่ที่เหาะสมเพื่อก่อสร้างบ้านถาวร 281 หลัง และประชาชนผู้ประสบภัยขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 178 หลัง การฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบ ชายหาด ในส่วนของการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักผัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้น ฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงาา รวมทั้งการยุติการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่น ยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือของศูนย์ ฯ ในด้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่ดำเนิน การเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจัดระบบการบริหารจัดการมอบให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามภารกิจอำนาจหน้าที่แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2564 | หลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอแนวทางการเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบล เป็นกรณีพิเศษ ตามผลการประชุมร่วมระหว่างสำนักงาน ก.พ. กับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงาน ก.พ.ร. ดังนี้ การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนขององค์การบริหารส่วนตำบลขนาดใหญ่ (ที่มีจำนวนพนักงานตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป) ให้คงใช้แนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 สำหรับพนักงานส่วนตำบล ในอบต. ขนาดเล็ก ให้คณะกรรมการกลางองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลงาน ของ อบต. โดยให้มีตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (Key Performance Indicator) ในด้านต่างๆ ตามที่กระทรวงมหาด ไทยได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี และกำหนดให้ อบต. ที่มีจำนวนพนักงานตั้งแต่ 6 คนลงมาซึ่งมีผลงานดีเด่น ตามหลักเกณฑ์การประเมินผลงานที่คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลกำหนด มีโควตาการเลื่อนขั้น เงินเดือนเป็นกรณีพิเศษทั้งปี 2 ขั้นได้ 1 คน โดย อบต. ที่มีพนักงานจำนวน 1-5 คน ให้เลื่อนได้ปีเว้นปี และ อบต. ที่มีพนักงานจำนวน 6 คน ให้เลื่อนได้ทุกปี ทั้งนี้ ให้ใช้งบประมาณของ อบต. ที่ได้รับโควตาเลื่อน ขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษในการเลื่อนขั้นเงินเดือนดังกล่าว โดยเมื่อรวมงบประมาณการเลื่อนขั้นเงินเดือน กับรายจ่ายด้านเงินเดือน ค่าจ้าง และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 40 ของงบประมาณ รายจ่ายประจำปี ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2565 | การแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งกรณีเร่งด่วน | ทส | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอ
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็น วงเงิน 823,980,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้ง เป็นกรณีเร่งด่วน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ ทุกแห่งที่มีความพร้อมในด้านบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง กลาโหม (หน่วยทหารพัฒนาและทหารช่าง) เป็นต้น เพื่อร่วมดำเนินการ โดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ของกิจกรรมและการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงแล้วดำเนินการให้เต็มศักยภาพ โดยให้ขอตกลง ในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ประสานและเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ ให้ความร่วมมือและรับผิดชอบ ในการบูรณะฟื้นฟู บำรุงรักษาบ่อน้ำบาดาล อ่างเก็บน้ำ และเครื่องสูบน้ำ อันเป็นภารกิจที่หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||||||||
2566 | การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านน้ำเสียและขยะมูลฝอย | ทส | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอวิธีการปฏิบัติ
เพื่อการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะมูลฝอย โดยสังเขปดังนี้ การจัดการน้ำเสีย ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนด เป็นนโยบายเพื่อให้ท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นควบคุมให้บ้านเรือนและอาคารติดตั้งบ่อดักไขมันและระบบ บำบัดน้ำเสียเพื่อลดปริมาณความสกปรกในเบื้องต้นก่อนที่จะระบายลงท่อระบายน้ำหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ และส่งเสริมให้มีการใช้การผลิตที่สะอาด (Cleaner Production) ในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และ ภาคบริการในชุมชนเพื่อลดปริมาณน้ำเสียและมลพิษจากแหล่งกำเนิด รวมทั้งใช้มาตรการทางสังคมควบคู่กับ การบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการมลพิษจากแหล่งกำเนิด และ ให้การประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวงร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อ รวมองค์กรที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำประปาและจัดการน้ำเสียไว้ในหน่วยงานเดียวกัน ส่วนการจัดการขยะมูลฝอย ให้มีการเก็บรวบรวมและกำจัดขยะมูลฝอยด้วยวิธีการที่ถูกต้อง โดยเฉพาะขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในเทศบาลทั่ว ประเทศ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีการคัดแยกและนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ และกำหนด เป็นแนวนโยบายให้ทุกจังหวัดจัดหาสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยเพื่อรองรับขยะมูลฝอยในระยะยาว และจัดให้มี ระบบคัดแยก และรวบรวมของเสียอันตรายจากชุมชนต่างหากจากขยะมูลฝอยทั่วไป เพื่อนำไปกำจัดที่สถาน ที่กำจัดของเสียอันตรายของเอกชน รวมถึงให้มีสถานที่กำจัดมูลฝอยติดเชื้อในลักษณะศูนย์รวมที่สามารถใช้ ร่วมกับหลายท้องถิ่น และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาค รับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย และหน่วยงานของรัฐสนับสนุนการนำปุ๋ยอินทรีย์จาก ขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาด้านขยะมูลฝอย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประเมินเทคโนโลยีในการ กำจัดขยะมูลฝอยที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 382/2547 ลง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2547 ไปประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะใช้ในการดำเนินการต่อไป ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2567 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงินเหลือจ่าย/เงินที่ลดได้มาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจและการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | กค | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงิน เหลือจ่าย/เงินที่ลดได้มาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ และการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัด ซื้อจัดจ้าง โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. แจ้งผลการประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการให้กระทรวงการ คลังทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดำเนินการจัดสรรเงินดังกล่าวให้ส่วนราชการนำไปใช้จ่ายเพื่อการ พัฒนาบุคลากรและหรือพัฒนาองค์กรได้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2541 เพื่อให้กระทรวงการคลังอนุมัติการกันเงินงบประมารเหลือจ่ายไว้เบิกเหลื่อม ปีรายการเพื่อพัฒนาบุคลากรและหรือรายการเพื่อพัฒนาองค์กร สำหรับการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบ ประมาณเหลือจ่าย ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณถือปฏิบัติตามนัยข้อ 25 ของระเบียบว่าด้วย การบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2546 และให้โอนเปลี่ยนแปลงเงินงบประมาณเหลือจ่ายที่ได้รับอนุมัติให้กัน เงินเป็นรายการใด ๆ ไปเพื่อพัฒนาบุคลากรและหรือเพื่อพัฒนาองค์กรโดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนัก งบประมาณ และแจ้งกรมบัญชีกกลางเพื่อเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ส่วนกรณีมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ หรือวงเงินงบประมาณเหลือจ่ายเพื่อนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ มอบให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ ร่วมกันพิจารณากำหนดตามความเหมาะสม และสำหรับกรณีที่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นจะนำแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงินเหลือจ่ายดังกล่าวมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจมาอนุโลมใช้ นั้น ให้ กระทรวงมหาดไทยพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อหาแนวทางในการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมิน ผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลัก Good Governance ก่อน แล้วรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปดำเนินการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยว่า ควรประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดสรรเงินเหลือจ่าย/เงินที่ลดหรือ ประหยัดเพื่อเป็นสิ่งจูงใจและเงินรางวัลให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุก ภาคส่วนได้ร่วมมือกันบริหารงบประมาณของหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยจะต้องมีกลไกและ หลักเกณฑ์ในการควบคุม ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานอย่างเหมาะสมด้วย เช่น การ กำหนดราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2568 | มาตรการและโครงการตามกรอบยุทธศาสตร์การฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 6 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน | นร | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธาน
กรรมการฟื้นฟูการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันเสนอมาตรการและโครงการตามกรอบยุทธศาสตร์การฟื้น ฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 6 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วย มาตรการด้านการฟื้นฟูและพัฒนา 3 แผนงาน 14 โครงการ มาตรการด้านการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 3 แผนงาน 12 โครง การ มาตรการด้านการฟื้นฟูส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวของกระทรวงวัฒนธรรม 12 โครงการ และ มาตรการด้านความปลอดภัย 2 โครงการ และมาตรการระยะยาวเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันอย่างยั่งยืน 4 โครงการ โดยในชั้นนี้ให้ดำเนินการเฉพาะมาตรการและโครง การที่มุ่งฟื้นฟูบูรณะให้สภาพธรรมชาติ สิ่งก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่จำเป็นในพื้นที่ 6 จังหวัดดังกล่าวกลับสู่สภาพเดิม มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น สำหรับการดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากกรอบหลักการดังกล่าวให้ชะลอไว้ก่อน โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รับไปพิจารณาทบทวนกิจกรรม/โครงการให้สอดคล้อง กับกรอบหลักการที่เสนอ พร้อมรายละเอียดค่าใช้จ่าย และความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการดำเนินการ โครงการนั้น ๆ ร่วมกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า โครงการฝึกอบรมบุคลากร (โครง การที่ 21) ที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องตัดโครงการทิ้งนั้น ควรปรับให้มีแผนงานหรือโครงการเพิ่มเติมทางด้าน การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของท้องถิ่นที่ครบถ้วน (Capacity Building) ครอบคลุมมากกว่าบุคลากร ทางด้านการท่องเที่ยว เช่น การฝึกอบรมผู้ประกอบการ แรงงาน และอาชีพ รวมทั้งบุคลากรภาครัฐที่เกี่ยว ข้องกับการดูแลเฝ้าระวังภัยธรรมชาติ เช่น พนักงานช่วยเหลือชายฝั่ง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา และ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องสินค้าปลอดอากร (duty free) ให้กระทรวงการ คลังพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องการก่อสร้างศูนย์ประชุม และแสดงสินค้าจังหวัดภูเก็ต ให้ระงับไว่ก่อน นอกจากนี้ โครงการบางโครงการอาจมีวงเงินที่ค่อนข้างสูงเกิน จำเป็นเช่น โครงการฟื้นฟูภูมิทัศน์หาดป่าตอง (500 ล้านบาท) และโครงการฟื้นฟูภูมิทัศน์หาดกมลา (333 ล้านบาท) เป็นต้น ควรดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางเท่าที่จำเป็น |
||||||||||||||||||||||||||||||
2569 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 17 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 -17 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 61 จังหวัด 587 อำเภอ 57 กิ่งอำเภอ 4,363 ตำบล 38,703 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,967,860 คน 2,189,251 ครัวเรือน แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด และภาคใต้ 6 จังหวัด พื้นที่การ เกษตรเสียหาย 13,133,982 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 9,876,221 ไร่ พืชไร่ 2,945,500 ไร่ พืชสวน 312,261 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,514,823,634 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการ เกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 663,951,937 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 491,529,040 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 115,766,175 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 56,656,722 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2570 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 8) | มท | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่น
ดินไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 8) จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 412 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,480 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,911 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,531 คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,991 คน (คนไทย 2,032 คน คนต่างประเทศ 959 คน) บ้านเรือนเสียหาย 6,824 หลัง แยกเป็นเสียหายทั้งหลัง 3,615 หลัง เสียหาย บางส่วน 3,209 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และ เครื่องมือประมงเสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,757,453,403 บาท ด้านปศุสัตว์เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,506 บาท สถานประกอบการเสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท ส่วนความเสียหายด้านสิ่งสาธารณ ประโยชน์ ได้แก่ ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ พนัง/เขื่อน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และอื่น ๆ ได้รับความเสียหายประเมินในขั้นต้นประมาณ 1,060.74 ล้านบาท และความเสียหาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลสำรวจพบความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำจืด แนวปะการัง และเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย การ จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2548) เป็นเงิน 281,690,056 บาท การจ่ายเงิน ช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548) เป็นเงิน 214,597,868 บาท การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย (จนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 4,221 ราย เป็นเงิน 83,590,000 บาท และการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย (บ้านพักถาวร) จังหวัดพังงา อยู่ ระหว่างก่อสร้าง 760 หลัง จังหวัดระนอง ก่อสร้างแล้วเสร็จ 65 หลัง จังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างก่อสร้าง 81 หลัง จังหวัดกระบี่ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 8 หลัง จังหวัดตรัง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 19 หลัง และจังหวัดสตูล ราษฎร ขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอ ง จำนวน 2 ราย นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินการให้ ความช่วยเหลือในส่วนของการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้าง พื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผลการติดตามให้ความช่วยเหลือและกำหนดมาตรการฟื้นฟูแก่ผู้ ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2571 | ร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. .... | นร | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1.2 ที่มีมติ
เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. .... โดย สาระสำคัญของร่างระเบียบทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว เป็นการปรับปรุงระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 เพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ รวมทั้งปรับ ปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546 เพื่อให้การ บริหารงบประมาณระดับจังหวัดสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาในระดับรากหญ้าของประชาชนใน เชิงมิติพื้นที่ระดับภูมิภาคและท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่าการบริหารงบประมาณของจังหวัด ควรระบุให้ชัดเจนว่า หมายถึงจังหวัดที่ตั้งของโครงการ มิใช่จังหวัดที่ตั้งของหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ ส่วน การพิจารณาให้ความดีความชอบแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพตามยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ให้กำหนดตัวชี้วัดผลงาน (Key Performance Indicators : KPI) ร่วมกันระหว่างส่วนราชการซึ่ง เป็นราชการบริหารส่วนกลางที่ตั้งในจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ไปพิจารณาประกอบด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2572 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 7) | มท | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่น
ดินไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุ การณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ ครั้งที่ 7 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปดังนี้ พื้นที่ประสบภัยพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล รวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 91 ตำบล 401 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 55,892 คน 12,455 ครอบครัว ผู้เสียชีวิตรวม 5,395 คน บาดเจ็บรวม 8,457 คน รับแจ้งสูญหายรวม 2,995 คน บ้านเรือนราษฎรเสียหายรวม 6,813 หลัง มูลค่าความเสียหายต่อ ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพของราษฎรทั้ง 6 จังหวัด ประเมินในขั้นต้นประมาณ 14,636.19 ล้าน บาท ความเสียหายด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ประเมินในขั้นต้น ประมาณ 1,054.75 ล้านบาท ความเสียหาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นการประเมินเบื้องต้นที่สามารถสังเกตได้ ได้รับความเสียหายทั้ง ด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำจืด แนวปะการัง รวมทั้งเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่ ซึ่ง จังหวัดได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขแล้ว ส่วนการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลมีผู้เสียชีวิต จากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ (Tsunami) เป็นจำนวน 5,395 คน สามารถยืนยันพิสูจน์ตัวบุคคลหรือญาติยืนยันแล้ว จำนวน 1,869 ศพ ยังยืนยันไม่ได้จำนวน 2,874 ศพ สำหรับผลคืบหน้าการเคลื่อนย้ายศพจากจังหวัดพังงา ไปยังสุสานไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ได้ขนย้ายศพคนต่างชาติจากวัดบางม่วงและวัดย่านยาว ไปยังสุสานไม้ขาวแล้ว รวม 1,561 ศพ มีญาติมารับศพแล้ว 60 ศพ คงเหลือศพต่างชาติ ณ สุสานไม้ขาว 1,503 ศพ ด้านการช่วย เหลือคนไทยกรณีที่สูญหายโดยไม่พบศพ รายละไม่เกิน 15,000 บาท และในกรณีผู้ประสบภัยที่สูญหายเป็น หัวหน้าครอบครัว หรือเป็นผู้หารายได้เลี้ยงครอบครัวให้พิจารณาช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ครอบครัวอีกไม่เกิน รายละ 25,000 บาท ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้วรวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 276,592,770 บาท จ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมเป็นเงิน 203,198,724 บาท จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายก รัฐมนตรี จำนวน 100,000,000 บาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 83,530,000 บาท การก่อ สร้างบ้านพักถาวร ข้อมูลสำรวจความต้องการมีเป้าหมายยอดรวมทั้งสิ้น 2,805 หลัง การฟื้นฟูจัดระเบียบ การก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบชายหาด ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยในภาพรวมประมาณ 90% ส่วนกรมที่ดิน ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดเขตที่ ดินที่หลักเขตสูญหาย ตลอดจนช่วยเหลือการจัดระเบียบที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2573 | แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพและความสามารถ
ในการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติม เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อม ที่จะดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับถ่ายโอน รวมทั้งใช้จ่ายเงินที่ได้รับการจัดสรรให้แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้น การที่รัฐบาลจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น อาจก่อให้เกิดปัญหาในด้าน การดำเนินกิจการบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น และอาจจะนำไปสู่ปัญหาทุจริต ประพฤติมิชอบได้ง่าย จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณากำหนดแนวทาง การดำเนินการที่เหมาะสม แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2574 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวสำหรับบุคลากรท้องถิ่นที่ได้รับเงินเดือนค่าจ้างจากงบประมาณรัฐ | นร | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็น เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวสำหรับครูผู้ดูแลเด็กที่เป็นบุคลากรซึ่งถ่ายโอนมาจากส่วนราชการ และครูอัตรา จ้างในโรงเรียนเทศบาลที่ได้รับค่าจ้างจากเงินอุดหนุนของรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 คนละ 1,000 บาทต่อเดือน โดยให้สำนักงบประมาณประสานกับกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) เพื่อพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งเงินงบประมาณและวงเงินงบประมาณที่จะใช้เพื่อการนี้ แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2575 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 3 กุมภาพันธ์ 2548) | มท | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 557 อำเภอ 54 กิ่งอำเภอ 4,265 ตำบล 38,387 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,380,453 คน 2,133,610 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตร เสียหาย 13,281,498 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 10,011,104 ไร่ พืชไร่ 2,958,742 ไร่ พืชสวน 311,652 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,570,089,969 บาท ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการ เกษตร รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 488,923,764 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 347,096,108 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 88,688,656 บาท และงบประมาณอื่นๆ เช่น งบจังหวัด CEO 53,139,000 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2576 | รายงานสรุปผลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 6) | มท | 08/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดิน
ไหวและคลื่นยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครั้งที่ 6 ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548 ในส่วนของพื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย พื้นที่ประสบภัยพิบัติ บริเวณพื้นที่ ชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และ สตูล รวม 24 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 83 ตำบล 332 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 59,561 คน 14,266 ครอบครัว จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 5,393 คน บาดเจ็บรวม 8,457 คน รับแจ้งสูญหายรวม 3,062 คน เด็กกำพร้า ที่บิดาหรือมารดาหรือผู้อุปการะเดิมเสียชีวิตรวม 848 คน บ้านเรือนราษฎรเสียหายรวม 6,728 หลัง พื้นที่การ เกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,380,360.75 บาท ด้านประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,730,861,458 บาท ด้านปศุสัตว์ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 17,625,605 บาท รวมทั้งด้านสถานประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า 12,852,617,712 บาท รวมมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินเกี่ยวกับการประกอบอาชีพประมาณ 14,609.48 ล้านบาท สิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหายประเมินในขั้นต้นประมาณ 1,053.85 ล้านบาท ส่วนการ ตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต โดยยอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ (Tsunami) มีจำนวน 5,393 คน สามารถยืนยันพิสูจน์ตัวบุคคล หรือญาติยืนยันแล้ว จำนวน 1,861 ศพ ยังยืนยันไม่ได้ 2,882 ศพ ได้ขนย้ายศพ จากวัดบางม่วง และวัดย่านยาว ไปยังสุสานไม้ขาวแล้วรวม 1,556 ศพ สำหรับด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 259,736,695 บาท การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมง และผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมเป็นเงิน 196,549,293 บาท การจัดบ้านพักชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน พื้นที่ 3 จังหวัด ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ การก่อสร้างบ้านพักถาวรในพื้นที่ประสบภัย 6 จังหวัด ข้อมูลสำรวจ ความต้องการ มียอดรวมทั้งสิ้น 2,896 หลัง การช่วยเหลือซ่อมเรือผู้ประสบภัย จังหวัดกระบี่ ซ่อมเครื่องยนต์ เรือหางยาวแล้วเสร็จ 168 เครื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 13 เครื่อง การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการราย ย่อย รวมเป็นเงิน 83,110,000 บาท นอกจากนี้ ได้ดำเนินการฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้าง และการจัดระเบียบชายหาดใน 4 ภารกิจ ได้แก่ การทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักพัง ขยะมูลฝอย การจัด ระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ โครงสร้างพื้นฐานและอาคารสิ่งก่อสร้าง การจัดระเบียบชายหาด และ การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวจัดทำภูมิทัศน์ชายหาด ส่วนกรมที่ดินได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิ ชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดปูเขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย ตลอดจนช่วยเหลือการจัดที่ดิน วางผังในการก่อ สร้างบ้านพักถาวรให้แก่ผู้ประสบภัย ส่วนจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่างการพิจารณาเร่งรัดการจัด ระเบียบที่ดินร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้ประสบภัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2577 | การแข่งขันกีฬาแห่งชาติปีละครั้ง | กก | 01/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการ
ต่างประเทศ วัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา) ที่มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ จากเดิมสองปีต่อครั้ง เป็นหนึ่งปีต่อครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็น ต้นไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำบทสรุป ผู้บริหาร พร้อมรายละเอียดประมาณการงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และให้การ กีฬาแห่งประเทศไทยประกาศจังหวัดที่จะเป็นเจ้าภาพล่วงหน้า เช่น อาจจะประกาศ 3 ปีล่วงหน้า เพื่อให้จังหวัด ที่จะเป็นเจ้าภาพมีเวลาในการเตรียมตัว การสร้างความตื่นตัว และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมทั้งปรับ เปลี่ยนกฎเกณฑ์การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันของจังหวัด โดยมีหลักเกณฑ์คือ การใช้งบประมาณจาก ภาครัฐในการจัดการแข่งขันให้น้อยที่สุดเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณา ขณะเดียวกันก็ควรคำนึงถึงความเสมอ ภาคและการกระจายตัวของจังหวัดที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยให้จังหวัดเล็ก ๆ ได้มีโอกาสด้วย และให้ คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติพิจารณานำเงินจากกองทุน ฯ มาจ่ายเป็นรางวัลให้กับ นักกีฬาที่สามารถทำลายสถิติกีฬาประเภทต่าง ๆ และกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อจ่ายรางวัลให้นักกีฬาในประเภท กีฬาที่ไม่มีฐานอ้างอิง เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล เป็นต้น นอกจากนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทยควรมีแผน ปฏิบัติการในเชิงรุกสำหรับการบริหารจัดการกองทุน ฯ เช่น ปีไหนจะเน้นกีฬาด้านใด ก็ควรมีแผนการดำเนิน การ ตลอดจนการติดตามประเมินผล และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไป ประสานและดำเนินการด้วยว่า การจัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติของจังหวัดเจ้าภาพควรยึดหลัก ความเหมาะสมและประหยัด โดยมุ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ ประเพณี และวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของจังหวัดหรือ ท้องถิ่นเป็นสำคัญ เพื่อให้เหลืองบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการแข่งขันกีฬาโดยตรง ซึ่งจะสอดคล้อง กับวัตถุประสงค์ในการพัฒนาการกีฬา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2578 | แนวทางการปฏิบัติสำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้ง | มท | 01/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการปฏิบัติสำหรับข้าราชการและเจ้า
หน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนและประสานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงมหาดไทย เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและประสานการปฏิบัติกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมทั้งได้เน้น ย้ำการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครองตามบทบาทอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบทุกระดับ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 3 ระยะคือ ก่อนวันเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง และหลังวันเลือกตั้ง ตามมาตรการ ต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย มาตรการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ความสำคัญของบัตร ประจำตัวประชาชน มาตรการเข้มงวดในการวางตัวเป็นกลาง มาตรการประชาสัมพันธ์ "ข้าราชการวางตัวเป็น กลาง เป็นตัวอย่างที่ดี ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง" มาตรการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด มาตรการศูนย์สนับสนุนและ ประสานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมาตรการในการเฝ้าระวังเลือกตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2579 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง (วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 29 มกราคม 2548) | มท | 01/02/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 29 มกราคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 55 จังหวัด 552 อำเภอ 54 กิ่งอำเภอ 4,249 ตำบล 38,053 หมู่ บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 7,312,468 คน 2,098,517 ครัวเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหาย 13,020,259 ไร่ แยกเป็นนาข้าว 9,813,411 ไร่ พืชไร่ 2,896,557 ไร่ พืชสวน 310,291 ไร่ มูลค่าความ เสียหายประมาณ 6,523,528,206 บาท การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้ง แจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค และเร่งรัดได้ให้จังหวัดที่ประสบภัยใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการป้องกันและแก้ไข ปัญหาความแห้งแล้งไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 411,672,582.88 บาท จำแนกเป็น งบฉุกเฉินทดรองราชการของ จังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) เป็นเงิน 291,598,639 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเงิน 76,985,443.88 บาท และงบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO เป็นเงิน 43,088,500 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2580 | รายงานความก้าวหน้าเรื่องดินถล่ม รอยแยกและหลุมยุบ | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าเรื่อง ดินถล่ม รอยแยกและหลุมยุบ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (Tsunami) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ได้เกิดผลกระทบทางธรณีพิบัติภัยเป็นวงกว้างเช่น หลุมยุบในบริเวณใกล้เขาหินปูน รอย แยกตามชั้นดินและดินถล่มบริเวณไหล่เขา กรมทรัพยากรธรณีได้สำรวจธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ พร้อมทั้ง วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและดาวเทียม พบว่า บริเวณเกาะระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีร่องรอยดิน ถล่มภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์มากกว่า 70 แห่ง และมีแนวโน้มจะเกิดการถล่มของชั้นดิน และชั้นหินอีก จึงกำหนดพื้นที่เกาะระให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังภัยจากดินถล่ม และขอความอนุเคราะห์จังหวัด ชะลอการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความลาดชันสูงเป็นการ ชั่วคราวก่อน จนกว่ากรมทรัพยากรธรณีจะได้เข้าไปตรวจสอบในรายละเอียด และจากการสำรวจทางธรณี ฟิสิกส์บริเวณแนวคลองลาวนอน อ่าวอ่าง และเกาะหมู ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ไม่ พบรอยเลื่อนในชั้นตะกอนใต้ทะเลแต่อย่างใด ส่วนก๊าซที่ผุดในชั้นดินใต้ท้องทะเล พบว่า เป็นก๊าซมีเทนที่ สามารถติดไฟได้ เกิดการสะสมตัวอยู่ในชั้นโคลนป่าชายเลนเก่า ซึ่งปิดทับด้วยชั้นทรายเมื่อคลื่นยักษ์พาตะ กอนทรายออกไปทำให้ก๊าซมีเทนที่ถูกปิดทับผุดขึ้นมา สำหรับหลุมยุบที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งสิ้น 24 หลุม ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประจำการสำรวจธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์ ในจังหวัดทางภาคใต้ จำนวน 10 คณะ เพื่อตรวจสอบหลุมยุบทันทีที่ได้รับการแจ้งพร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและประชาชนในเบื้องต้นเพื่อลดความกังวลของประชาชนที่เกรงกลัวต่อพิบัติภัยที่อาจเกิด ขึ้นใกล้ตัว นอกจากนี้ ได้ทำการสำรวจโพรงใต้ดินบริเวณอาคารเรียนโรงเรียนกาแนะ อำเภอเมือง จังหวัด สตูล พบว่า รอยแตกร้าวของอาคารเรียนที่เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กับโพรงใต้ดินที่อยู่ใต้อาคารในระดับ ความลึกประมาณ 18 เมตรจากผิวดิน โพรงใต้ดินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอาคารเรียน จึงแจ้งให้จังหวัดสตูลพิจารณาระงับการใช้อาคารเรียนดังกล่าวเป็นการถาวรพร้อมประกาศและกั้นเขตเป็น พื้นที่อันตราย ส่วนโพรงใต้ดินบริเวณอาคารเรียนโรงเรียนบ้านควน เป็นรอยแตกร้าวของอาคารเรียนที่ เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กับโพรงใต้ดินที่อยู่ใต้อาคารในระดับความลึกประมาณ 18 เมตรจากผิวดิน ได้แจ้ง ให้จังหวัดสตูลพิจารณาระงับการใช้อาคารเรียนดังกล่าวเป็นการถาวร พร้อมประกาศและกั้นเขตเป็นพื้นที่ อันตราย
|
.....