ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 123 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2441 - 2460 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2441 | ยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548 - 2551) | นร | 07/03/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอดังนี้ รับทราบผลการ
พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการของโครงการและวงเงินงบประมาณประจำปีตามยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬา ชาติ (พ.ศ. 2548-2551) จากเดิม 14,174.01 ล้านบาท เป็นวงเงิน 13,067.58 ล้านบาท และให้หน่วย งานที่รับผิดชอบดำเนินการขอตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เป็นเงิน 4,181.54 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นเงิน 8,295.37 ล้านบาท รวมทั้งให้พิจารณาจากแหล่งเงินอื่น หรือขอให้ ภาคเอกชน ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการและสนับสนุนค่าใช้จ่าย ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และอนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 590.67 ล้าน บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 4 ปี ฯ และหากมีงบประมาณไม่เพียงพอ หรือไม่ สามารถจัดสรรให้ได้ให้แจ้งกระทรวงการคลังเพื่อรับไปประสานและขอสนับสนุนงบประมาณส่วนที่ขาดจาก เงินรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไป ตามความจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2442 | โครงการประติมากรรมบนถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่ - สันกำแพง (ยกเลิกโดยมติครม.วันที่ 25 ธันวาคม 2550) | วธ | 21/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอโครงการประติมากรรมบน
ถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำแพง เพื่อจัดการภูมิทัศน์และติดตั้งงานประติมากรรมบริเวณสองข้าง ทางตลอดถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำแพง งบประมาณดำเนินการในวงเงิน 110 ล้านบาท โดย ให้ตัดรายการค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าจัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรมจำนวน 65,000,000 บาทออกไปก่อน และให้กระทรวงวัฒนธรรมทบทวนความเหมาะสมของการก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรม ในบริเวณอื่น หรือปรับแผนการดำเนินการใหม่ เพื่อไม่ให้ทางราชการต้องจัดซื้อที่ดินสำหรับการก่อสร้าง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำหนดแผนการดำเนินงาน และแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณของ โครงการ ฯ ให้ชัดเจน แล้วขอทำความตกลงทางด้านการเงินกับสำนักงบประมาณ โดยให้เสนอขอตั้งงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และเพื่อให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ควรให้ภาค เอกชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและสนับสนุนในการดำเนินงาน รวมถึงการสนับสนุน/อุดหนุนงบ ประมาณจาก อปท. อีกทางหนึ่งด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำรายละ เอียดของโครงการ ฯ เพิ่มเติมเพื่อขอรับการสนสนับสนุนงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2550 ได้แก่ รายละ เอียดในส่วนของการออกแบบการใช้พื้นที่ทั้งในส่วนพื้นที่บริเวณสี่แยกของโครงการ ฯ และบริเวณภายใน สำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรม และรายละเอียดด้านการเงินและประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการ ฯ รวมทั้งการให้ อปท. มีส่วนร่วมในการลงทุนและการดูแล บำรุงรักษา ภายหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้น และ จัดให้มีการรับฟังข้อคิดเห็นของประชาชน หรือประชาพิจารณ์ต่อแนวคิดและรูปแบบโครงการ ฯ ที่จะก่อ ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงาน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินงานด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2443 | ขอความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานเพื่อมีรายได้เสริมระหว่างเรียน | ศธ | 21/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงานและแนวทาง
ดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน และ อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการโครงการ ฯ ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2549 เป้าหมาย 115,958 คน เพื่อขยายผลในกลุ่มเด็กยากจนที่ยังไม่ได้รับบริการ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ จำนวนประมาณ 200 ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงการคลังประสานเพื่อขอความสนับสนุนจากเงินรายได้ของ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ กรณีที่ต้องจัดการปฐมนิเทศนักเรียน นักศึกษา ก่อนเริ่มดำเนิน โครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงในช่วงเวลาดังกล่าวให้แก่นักเรียน นักศึกษา ด้วย รวมทั้งเห็นชอบเป็นหลักการให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการโครงการ ฯ อย่างเต็มที่ โดยหากมีงาน/กิจกรรมใดของหน่วย งาน ซึ่งสามารถจ้างนักเรียนและนักศึกษาได้ เช่น งานมัคคุเทศก์ การจัดนิทรรศการ เป็นต้น ขอให้พิจารณา ดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2444 | ยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548 - 2551) | นร | 07/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอยุทธศาสตร์
4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548-2551) ที่ได้ปรับปรุงตามที่ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 14 ธันวาคม 2547 แล้ว และให้คณะกรรมการ เพื่อกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำนินงานตาม ยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548-2551) รับไปจัดทำข้อมูลรายละเอียดของการดำเนินการ ตามแผนงาน โครงการ/กิจกรรม ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงลักษณะกิจ กรรม สถานที่ ระยะเวลา หน่วยงานที่รับผิดชอบ จำนวนงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับ ข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี รวมทั้งความเห็นของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาประกอบการ ดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีมีดังนี้ สถานที่ตั้งของศูนย์กีฬาหรือสนามกีฬา ควรมีการกระจายตัวอย่างเหมาะสม โดยมีสำรวจตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับอาคาร สถานที่ และสนามกีฬา ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วประกอบการพิจารณาด้วย และในกรณีที่จะต้องก่อสร้าง ขึ้นใหม่ ก็จะต้องเป็นไปตามรูปแบบและมาตรฐานที่เป็นยอมรับกันทั่วไป อย่างไรก็ตาม ควรใช้ทรัพยากร ต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์มากที่สุดก่อน เช่น อาคารสถานที่ และสนามกีฬา เป็นต้น ส่วนการก่อ สร้างหรือจัดหาใหม่ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และให้ขอความร่วมมือและขอรับการสนับสนุนจาก ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเอกชน โดยให้องค์กร หน่วยงาน และภาคเอกชน เข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการและสนับสนุนค่าใช้จ่าย โดยกรณีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาระงบ ประมาณที่ต้องใช้อาจเป็นส่วนหนึ่งของเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะจัดสรรให้ สำหรับภาคเอกชน รัฐบาลอาจ ให้การสนับสนุนจูงใจให้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานและมีผู้รับผิดชอบดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โครงการ/กิจกรรมใดมีความจำเป็นเร่งด่วนหรือต้องดำเนินการต่อเนื่อง และใช้ งบประมาณจำนวนไม่สูงมาก ให้เสนอขอใช้จ่ายจากเงินงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ได้ตาม ความจำเป็น โดยขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2445 | รายงานผลการดำเนินงานของศูนย์บริการร่วมรูปแบบเคาน์เตอร์บริการประชาชน | นร | 31/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรายงานผลการดำเนินงานของศูนย์บริการร่วมรูปแบบ เคาน์เตอร์บริการประชาชน โดยได้ทำการศึกษาและพัฒนาเพื่อจัดตั้งศูนย์บริการร่วมรูปแบบเคาน์เตอร์บริการ ประชาชน (Government Counter Service : GCS) เป็นต้นแบบในการขยายผลการดำเนินการต่อไป รวม 2 แห่ง ได้แก่ เคาน์เตอร์บริการประชาชนบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต กรุงเทพ ฯ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอก ชนที่เข้าร่วมให้บริการ 17 หน่วยงาน มีงานบริการต่าง ๆ รวม 22 งานบริการ ซึ่ง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุง เทพ และบริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด ให้ใช้พื้นที่โดยไม่คิดค่าเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปี จนถึงสิ้นเดือน มกราคม 2549 และได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 แล้ว มีประชาชนใช้บริการรวมทั้งสิ้น 46,879 ราย งานบริการที่ประชาชนใช้บริการมากที่สุด คือ งานบริการไปรษณีย์/Pay at Post 18,742 ราย รองลงมาเป็นงานจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน 9,534 ราย และมีการสำรวจความพึงพอใจของประชาชน คิด เป็นร้อยละ 96.56 และเคาน์เตอร์บริการประชาชนบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ตพลาซา จังหวัดเชียง ใหม่ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดให้บริการ 27 หน่วยงาน มีงานบริการต่าง ๆ รวม 33 งาน บริการ ซึ่งศูนย์การค้าเซ็นทรัล ฯ ให้ใช้พื้นที่โดยไม่คิดค่าเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยได้เปิดบริการในช่วง 3 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2548 มีประชาชนใช้บริการรวมทั้งสิ้น 21,881 ราย งานบริการที่ ประชาชนใช้บริการมากที่สุด คือ งานบริการไปรษณีย์ 20,266 ราย รองลงมาเป็นงานจัดทำบัตรประจำตัว ประชาชน 1,345 ราย และจะมีการเปิดเคาน์เตอร์บริการประชาชนอย่างเป็นทางการได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549 และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับประเด็นปภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่าการจัดหาสถาน ที่ในการดำเนินการจัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ควรพิจารณาจากสถานที่ที่เจ้าของพื้นที่ ยกเว้นค่าเช่าพื้นที่ให้เพื่อมิให้เป็นภาระผูกพันงบประมาณระยะยาว และควรคำนึงถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งชุมชน หรือทีมีประชาชนมาใช้บริการต่าง ๆ อยู่แล้ว เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการบริการประชาชน เช่น ห้างสรรพ สินค้า เป็นต้น และขณะนี้กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกำหนดรับรองการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์มีผลใช้บังคับแล้ว ภาครัฐสามารถดำเนินการได้โดยพระราชกฤษฎีกา หากพระราชกฤาฎีกาใน เรื่องดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว ประชาชนจะสามารถติดต่อทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานของรัฐ ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้หน่วยงานของรัฐสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้กว้างขวางขึ้น และสามารถแบ่ง เบาภาระและปริมาณงานของเคาน์เตอร์บริการประชาชนได้ ควรนำไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงการดำเนินการ ของเคาน์เตอร์บริการประชาชนด้วย สำหรับบริการประชาชนในเรื่องใดที่ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นรับไปดำเนินการแล้ว ควรพิจารณาส่งเสริมสนับสนุนให้ท้องถิ่นตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนในท้อง ถิ่นด้วย โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปพิจารณาดำเนินการแทน ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับบริการ จากรัฐได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยื่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำนักงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้จ่าย ให้ ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความเหมาะสมเป็นแห่ง ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2446 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 31/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอข้อสังเกตของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทน ราษฎร ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ เสนอให้มีการแก้ไขเหตุผลให้สอดคล้องกับการเพิ่มความเป็นวรรค สามของมาตรา 9 เพื่อให้อำนาจแก่รัฐมนตรีในการที่จะประกาศกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ซึ่งมีความพร้อมเป็นสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ เพื่อรับจดทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่ของตนได้โดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา และเห็นชอบให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ของ สภาผู้แทนราษฎรแก้ไขเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2447 | สรุปผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาศักยภาพของผู้นำการเปลี่ยนแปลงในหมู่บัาน/ชุมชน | นร | 31/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) รายงานสรุป
ผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาศักยภาพของผู้นำการเปลี่ยนแปลงในหมู่บัาน/ชุมชน เมื่อวันที่ 23-24 มกราคม 2549 ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาผู้นำในการเปลี่ยนแปลง การดำเนินการสัมมนา ฯ ดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลล้านนาวิทยาเขตพายัพ สภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด และสำนักงาน SML หลักสูตรของ การสัมมนา ประกอบด้วย SML กับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ปาถกฐาพิเศษ โดยนายกรัฐมนตรี พลังขับ เคลื่อนการพัฒนาศักยภาพของชุมชน บูรณาการสู่เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อตอบโจทย์สำคัญว่าการพัฒนาชุมชนสู่ ความเข้มแข็งและยั่งยืนต้องบูรณาการทรัพยากรและงบประมาณที่มีในท้องถิ่นโดยยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเพื่อถอดรหัสแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง และการแปลงสู่การปฏิบัติทั้งมวลชนและผู้นำ ฯ ได้มีการแลก เปลี่ยนกันทั้ง 2 ทาง บันไดสู่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงาน ทุกภาคส่วนผ่านสถานีศึกษาเรียนรู้จากผู้ที่ประสบผลสำเร็จตามบันได 3 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การพึ่งพาตนเอง ขั้นที่ 2 การพึ่งพากันเอง และขั้นที่ 3 การเชื่อมโยงพัฒนาอาชีพเป็นสถาบัน การเติมพลังสร้างศักยภาพ (Leadership /Networking/Project Management) และผู้นำชุมชนเสนอ Proposal เรื่องแนวทางการพัฒนาศักยภาพของหมู่ บ้าน/ชุมชน และนำสู่การบูรณาการนโยบายรัฐบาล เพื่อสร้างแผนพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง และแผนพัฒนา เพิ่มรายได้ จากการสัมมนา ฯ ดังกล่าวผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีความเข้าใจในหลักสูตรเป็นอย่างดี อีกทั้งสื่อมวล ชนให้ความสนใจในการสัมมนาครั้งนี้เป็นอย่างดี สำนักงาน ฯ และภาคีพันธะมิตรได้เตรียมการขับเคลื่อนชุมชน ให้เต็มรูปแบบให้ครบ 79,000 หมู่บ้าน และในส่วนของกลไกของภาคราชการด้วยเพื่อสอดคล้อง และสนับสนุน การดำเนินของชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2448 | มติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) | นร | 24/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะ รัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ กับเห็นชอบในหลักการโครงการออกแบบ ก่อสร้าง ลานเฉลิม พระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง จำนวน 21.12 ล้านบาท ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการ สำหรับค่าใช้ จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2551 ให้กระทรวงวัฒนธรรมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทั้งนี้ ให้หารือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) และขอทำความกตลงในรายละ เอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณลานพลับ พลามหาเจษฎาบดินทร์ และโดยที่กรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่รัฐบาลจัด สรรเงินอุดหนุนให้ตามสัดส่วนที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด และมีรายได้เป็นของตนเอง จึงให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานกับกรุงเทพมหานครเพื่อดำเนินโครงการ นี้ โดยใช้จ่ายจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลได้จัดสรรให้แล้วก่อนแต่หากไม่มีงบประมาณหรือมีไม่พอเพียง ให้สำนัก งบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง เพิ่มเติมให้ในส่วนที่ขาดใน วงเงินไม่เกิน 23.10 ล้านบาท โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2449 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 17/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอยุทธศาสตร์การจัดสรรและวง
เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยให้สำนักงบประมาณประสานสำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องเพื่อจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะอีกครั้งหนึ่งก่อน ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) และสำนักงบ ประมาณ รับข้อสังเกตจากคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการจัดเตรียมข้อมูลประกอบการพิจารณา ดังนี้ การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 30 (4) กำหนดให้ในช่วงระยะเวลาไม่ เกิน พ.ศ. 2549 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาลในอัตรา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 นั้น รัฐบาลได้กำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล เพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 หากมีการจัดงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่ม มากขึ้น เช่น งบประมาณด้านสาธารณสุขและการศึกษา เป็นต้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีรายได้ คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 จึงควรตรวจสอบข้อมูลในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง และให้หารือรองนายก รัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว นอกจากนี้ ในส่วนของวงเงิน งบประมาณที่เป็นรายจ่ายประจำขั้นต่ำที่จำเป็น (ค่าใช้จ่ายบุคลากร) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ตามที่ สำนักงบประมาณเสนอมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ประมาณร้อยละ 14.4 จึงขอให้สำนัก งบประมาณพิจารณารายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2450 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวนายช่างและบัตรประจำตัวนายตรวจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท | 10/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตร
ประจำตัวนายช่างและบัตรประจำตัวนายตรวจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ให้อธิบดีกรมโยธาธิการและ ผังเมืองเป็นผู้ออกบัตรประจำตัวนายช่างซึ่งแต่งตั้งจากวิศวกรหรือสถาปนิก รวมทั้งให้พนักงานท้องถิ่น เป็นผู้ออกบัตรประจำตัวนายช่างซึ่งแต่งตั้งจากข้าราชการ หรือพนักงานของราชการส่วนท้องถิ่น และ ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2451 | รายงานผลการจัดโครงการสัมมนา "สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 3 | นร | 10/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานผลการจัดสัมมนาโครง
การ "สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 3 ซึ่งสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมกับกรมประชา สัมพันธ์ จัดโครงการสัมมนาดังกล่าวขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2548 ณ จังหวัดสุราษฎร์ ธานี โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) เป็นประธานการสัมมนา สำหรับ ประเด็นหัวข้อการสัมมนาในครั้งนี้ประกอบด้วย การชี้แจงนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ตอนบนของ รัฐบาลแก่สื่อมวลชนท้องถิ่น และการสัมมนากลุ่มย่อยเรื่อง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนท้องถิ่น เพื่อ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงานระหว่างสื่อมวลชนกับภาครัฐ และหาแนวทางให้สื่อท้องถิ่นสามารถเข้าถึง ข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้น รวมทั้งตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนในประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ อาทิเช่น ข้อเสนอแนะที่อยากให้สื่อรัฐเปิดโอกาสให้สื่อท้องถิ่นมีช่วงเวลาได้นำเสนอรายการมากขึ้น และไม่เห็น ด้วยกับการกำหนดกรอบ 30-30-15 เพราะเป็นข้อจำกัดขอบเขตการกระจายเสียงรายการที่มีเนื้อหาสาระดี ๆ เป็นต้น โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นปัญหาที่สื่อมวลชนท้องถิ่นภาคใต้ตอนบนนำเสนอในการสัมมนา ไปพิจารณาดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่น และให้กระทรวงต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์และเผย แพร่ข้อมูลข่าวสารการดำเนินงานของรัฐบาลให้สื่อมวลชนได้รับทราบอย่างถูกต้องชัดเจนและทั่วถึงเพื่อถ่ายทอด ให้ประชาชนทราบและเกิดความเข้าใจต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2452 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 10/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การโอน การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษาไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปโดยความสมัครใจ ของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้ ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2453 | ผลการดำเนินงานของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ส่วนแยกจังหวัดยะลา (สทท.11 ยะลา) | นร | 27/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการดำเนินงานของ
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดยะลา ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2548 คณะที่ปรึกษาด้านการ พัฒนารายการทาง สทท. 11 ยะลา ได้มีการประชุม ฯ เห็นควรขยายช่วงเวลาการออกอากาศรายการท้องถิ่น ของ สทท.11 ยะลา จากวันละ 3 ชั่วโมง เป็น 8 ชั่วโมง และควรออกอากาศเป็น 2 ภาษา คือ ภาษาไทยและ มลายูถิ่น รายการที่ออกอากาศจะต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดย ปัจจุบัน สทท.11 ยะลา ได้มีการปรับปรุงผังรายการแล้ว และได้ออกอากาศรายการท้องถิ่นวันละ 8 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00-12.00 น. และช่วงเวลา 13.00-18.00 น. รายการที่ได้รับความนิยม ได้แก่ รายการ ถ่ายทอดสดการละหมาดดารอเวียะจากกรุงเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในช่วงเดือนรอมฎอน รายการริน น้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้เพื่อสอนเสริมในวิชาต่าง ๆ ช่วงเตรียมตัวสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย หลังจากได้มี การปรับผังรายการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 ปรากฎว่า มีการตอบรับที่ดี ทั้งจากหน่วยงานในพื้นที่ อาทิ จังหวัดยะลา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และหน่วยงานผู้ร่วมผลิตรายการ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้ ทำการประเมินผล "รายการรินน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้ ฯ" พบว่า คุณภาพในการถ่ายทอดสัญญาณเสียงและ ภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีนักเรียนที่รับชมรายการประมาณ 70% ของนักเรียนที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย และนักเรียน ครู อาจารย์ ผู้ปกครองมีความพึงพอใจมาก และต้องการให้ดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2454 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนคณะกรรม การตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ ยกเลิกบัญชีอัตราค่าตอบแทนที่กำหนดในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนกรรมการตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2543 และกำหนดให้ประธานกรรม การได้รับค่าตอบแทน 10,000 บาท ต่อเดือน (เดิม 5,000 บาท) และกรรมการได้รับค่าตอบแทน 8,000 บาทต่อเดือน (เดิม 4,000 บาท) แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไข เพิ่มเติมอัตราค่าตอบแทนของเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการเป็นให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ครั้งละไม่ เกิน 1,000 บาท แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2455 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (การชำระค่าธรรมเนียมรายปีโรงงาน) | อก | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมายฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 โดยมีสาระสำคัญคือ ให้โรงงานที่ถ่ายโอนภารกิจให้ แก่กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) (เมืองพัทยา เทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตำบล) สามารถชำระค่าธรรมเนียมรายปีผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรุงเทพมหานคร หรือ อปท. นั้นได้ แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปราย และ ความเห็นของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ที่เห็นว่า ควรกำ หนดให้ค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่ง อปท. ได้รับชำระจากผู้ประกอบกิจการโรงงานประเภทที่ถ่ายโอนภารกิจ ให้แก่ อปท. เป็นรายได้ของ อปท. นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับมติ กกถ. เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งเห็นชอบให้บรรดาค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้น จากการถ่ายโอนภารกิจตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอน การกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เป็นรายได้ อปท. และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการแก้ไขกฎ หมายดำเนินการได้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไป ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2456 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้วยศักยภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | พม | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการ
ดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ของชุมชนด้วยศักยภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และ จิตสำนึกของชุมชน จำนวน 34 โครงการ ประกอบด้วย โครงการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 26 โครง การและโครงการพัฒนาจิตสำนึกชุมชน 8 โครงการ ด้านการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ในการทำงานของ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง จำนวน 13 โครงการ ประกอบด้วย โครงการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของข้าราชการ 8 โครงการ ผู้นำและเครือข่ายภาคประชาชน 5 โครงการ ด้านการสนับสนุนให้มีรูปแบบการพัฒนาสังคม ระดับ ตำบล และปรับแผนทุกรอบ 4 ปี จำนวน 12 โครงการ ด้านการสนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ การพัฒนาครอบครัว จำนวน 11 โครงการ สำหรับการดำเนินงานเพื่อให้มียุทธศาสตร์การพัฒนาทุนทาง สังคมขณะนี้ยังไม่ได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีโครงการที่เกี่ยวข้อง จำนวน 12 โครงการ ด้านการเสริม สร้างคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดี จำนวน 10 โครงการ อาทิ โครงการเยาวชนพัฒนาชาติ "คาราวาน ความดี" การดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและปราบปรามทุจริตและคอร์รัปชันโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียน ในฝัน เป็นต้น และด้านการติดตาม/ประเมินผลวิทยุชุมชนจำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดรายการวิทยุ ชุมชน จังหวัดสระแก้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2457 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินและการดำเนินการมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 | นร | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย พลังงาน ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรีเสนอมติคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติในส่วนของงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ โดยให้จังหวัด เร่งรัดการดำเนินการให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการที่ใช้จ่ายจากงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศ (5,000 ล้านบาท) งบประมาณ รายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 รายการค่าใช้จ่ายการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การ พัฒนาจังหวัดแบบบูรณาการสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัด (15,000 ล้านบาท) โดยเร็ว ในกรณีงบประมาณ ดังกล่าวมีปัญหาอุปสรรคที่ไม่สามารถดำเนินการได้หรือไม่มีความพร้อมแต่ยังไม่มีคุณลักษณะเฉพาะรูปแบบ รายการละเอียดพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ให้จังหวัดปรับโครงการไปสนับสนุนมาตรการกระตุ้นการใช้ จ่ายภาครัฐที่เน้นการจ้างแรงงาน สร้างกิจกรรมและสินทรัพย์ของเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่สามารถเบิกจ่ายงบ ประมาณได้เร็วกว่าโครงการเดิม และรายงานให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ทราบ กรณีงบประมาณดังกล่าวมีเงินเหลือจ่ายก็ให้จังหวัดพิจารณานำไปใช้สำหรับโครงการอื่นที่สนับสนุน ยุทธศาสตร์จังหวัด ซึ่งสามารถดำเนินการแล้วเสร็จโดยเร็ว และจะต้องเน้นโครงการที่เป็นการจ้างแรงงาน และใช้วัสดุในท้องถิ่น ตามมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 โดยถือ ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และรายงานรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการปฏิบัติราชการในภูมิภาคทราบ ด้วย สำหรับงบประมาณปี พ.ศ. 2549 ให้จังหวัดเตรียมการไปพิจารณาปรับปรุงแผนงาน เพื่อให้มีการเพิ่ม โครงการที่เน้นการจ้างงาน การสร้างกิจกรรม และสินทรัพย์ของเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่สามารถดำเนินการ ได้ในช่วงไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 (ตุลาคม-ธันวาคม) ตามมาตรการสร้างเสถียรภาพ ทางเศรษฐกิจ ฯ และเร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐไปสู่พื้นที่ได้เร็วขึ้นให้มาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้ดำเนิน การต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2458 | การปรับปรุงโครงสร้างกรมประชาสัมพันธ์ | นร | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอการแปรสภาพวิทยุกระจาย
เสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) และสถาบันการประชาสัมพันธ์ เป็น หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับการโฆษณา นั้น ให้สถานี วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) มีโฆษณาได้เฉพาะ โฆษณาที่เป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ขององค์กร (corporate image) เท่านั้น โดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจให้ความสนับสนุนในการจัดทำรายการได้ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ ฯ ควรให้ความสำคัญกับการออกอากาศรายการที่เป็น การเสริมสร้างศักยภาพขององค์กร (capacity building) การสาธิต หรือฝึกปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับ ประเพณีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ อันเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของไทย เพื่อเผยแพร่แก่ชาวต่างชาติด้วย เช่น การปรุงอาหารไทย เป็นต้น โดยให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) รับไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ว่าการการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2459 | การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 (ระหว่างวันที่ 2 - 4 กันยายน 2548) | ทส | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยว
กับผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 (Second Ministerial Meeting on Managing Water Resources in Southeast Asia) ณ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่าง วันที่ 2-4 กันยายน 2548 โดยมีรัฐมนตรีและ/หรือผู้แทนรัฐมนตรีจากประเทศในภูมิภาคเข้าร่วมประชุม จำนวน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียด นาม ในการนี้รัฐมนตรีได้เน้นถึงพันธกิจที่มีตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ในแถลงการณ์เชียงใหม่ แถลงการณ์แห่ง สหัสวรรษ การประชุมสุดยอดโลกด้านการพัฒนาแบบยั่งยืนรวมทั้งแผนงานโยฮันเนสเบิรก์โดยเน้นย้ำเรื่อง การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กับการรักษาความสมดุลย์ของสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการมีส่วน ร่วมจากทุกฝ่ายในการพัฒนาทรัพยากรน้ำ การจัดหาเครื่องมือเพื่อบรรลุแผนการดำเนินการบริหารจัด การน้ำแบบผสมผสาน และการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ รัฐมนตรีได้บรรลุ ข้อตกลงที่จะปฏิบัติตามแผนปฏิบัติงานรวม 5 ด้าน ได้แก่ การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำแบบผสมผสาน (IWRM) ทั้งในระดับนานาชาติและระดับ ท้องถิ่น/ภูมิภาค การจัดการน้ำและสุขาภิบาลสำหรับทุกคน การบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างความมั่นคง ด้านอาหาร ความมั่นคงด้านน้ำ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2460 | สรุปความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดภาคใต้ | คค | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับสรุปความเสียหายและการให้
ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดภาคใต้ ดังนี้ สภาพความเสียหาย มีถนนในความรับผิด ชอบของกรมทางหลวง จำนวน 77 สายทาง 120 แห่ง ถนนในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบทจำนวน 74 สายทาง ทางรถไฟ มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 8,195,241.00 บาท ในส่วนของกรมการขนส่งทางน้ำ และพาณิชยนาวีได้สำรวจพื้นที่ที่ประสบภัยที่อยู่ในความรับผิดชอบ คือ จังหวัดชุมพร เกิดน้ำเซาะชายฝั่งทะเล และน้ำเซาะตลิ่งแม่น้ำหลังสวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดความเสียหายในพื้นที่รวม 10 อำเภอ 34 ตำบล 201 หมู่บ้าน จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดความเสียหายในพื้นที่รวม 22 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 151 ตำบล 1,103 หมู่ บ้าน จังหวัดสงขลามีระดับน้ำขึ้นสูงในพื้นที่ 9 อำเภอ จังหวัดพัทลุง มีระดับน้ำขึ้นสูงในพื้นที่ รวม 8 อำเภอ จังหวัดปัตตานี เกิดความเสียหายในพื้นที่ 6 อำเภอ จังหวัดนราธิวาส เกิดความเสียหายในพื้นที่รวม 8 อำเภอ จังหวัดตรัง เกิดน้ำท่วมขังบริเวณ 9 อำเภอ จังหวัดสตูลเกิดความเสียหายในพื้นที่ 6 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ราษฎรได้รับความเสียหาย 11,754 ครัวเรือน ถนนในหมู่บ้านเสียหาย 79 สายทาง สะพานเสียหาย 3 แห่ง ส่วนด้านท่าอากาศยาน ไม่มีความเสียหายใดๆ สำหรับการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องจักร ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งดำเนิน การซ่อมแซมสะพานเหล็กชั่วคราว สะพานรถไฟในจุดที่น้ำท่วม พร้อมทั้งได้ประสานหน่วยงานทหาร เพื่อนำ รถยนต์มาขนถ่ายผู้โดยสารท้องถิ่นที่ประสงค์จะเดินทางระหว่างสถานีเทพากับสถานีปัตตานีที่ถูกน้ำท่วม ให้ สามารถเดินทางได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
