ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 126 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2501 - 2520 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2501 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" พ.ศ. 2548 - 2551 | พม | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่าย
การต่างประเทศ แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติอนุมัติในหลักการโครงการบ้านมั่นคง (พ.ศ. 2548- พ.ศ. 2551) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีเป้าหมายรวมที่จะดำเนินการแก้ ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนจนในเมืองจำนวน 285,000 ครัวเรือน 1,826 ชุมชน ครอบคลุมประชากร จำนวน 1,425,000 คน ใน 200 เมือง โดยเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ. 2548 ได้กำหนดการดำเนิน การไว้รวม 50,000 หน่วย ครอบคลุมการแก้ปัญหาคนจนในเมือง 250,000 คน ใน 100 เมือง ทั้งนี้ คณะ กรรมการกลั่นกรอง ฯ มีความเห็นว่า ในแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" ควร กำหนดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่ชัดเจนไว้ในแผนปฏิบัติการด้วย และให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน-พอช.) รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องและข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า งบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการในแต่ ละปีค่อนข้างเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก โดยเฉพาะเงินอุดหนุนจากรัฐ ดังนั้น การบริหารจัดการงบประมาณ โครงการในแต่ละช่วง จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวทางของรัฐบาลในการบริหารงบประมาณในภาพรวมของ ประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการเตรียมความพร้อมขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างความเข้มแข็ง ของคนจน รวมทั้งการดำเนินโครงการ ฯ อาจต้องคำนึงถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาเฉพาะที่มีอยู่ ในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจทำให้ไม่สามารถดำเนินการไปได้ตามแผน จึง ควรมีมาตรการรองรับกรณีนี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนิน โครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 1,276.4 ล้านบาท และในปีงบประมาณพ.ศ. 2549- พ.ศ. 2551 นั้น ให้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับการดำเนินการจริงโดยให้ขอตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
2502 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (งบประมาณเพิ่มเติมกลางปี) เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 26/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เสนอมติที่ประชุม กกถ. ครั้งที่ 3 /2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 ที่มีมติให้นำเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 4,600 ล้านบาท ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำโดยจัดสรรให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่มีปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำเท่านั้น และให้เน้นการดำเนินการโครงการระบบประปา หมู่บ้าน สำหรับหลักเกณฑ์การจัดสรรให้เป็นไปตามที่ กกถ. กำหนด และหากมีเงินเหลือจ่ายจากการ ดำเนินการดังกล่าว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำไปใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อ แก้ไขปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำตามความจำเป็นและเหมาะสมได้โดยไม่ต้องส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดิน |
||||||||||||||||||||||||
2503 | ปัญหาแรงงาน | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางและมาตรการในการชดเชยหรือ
ทดแทนการขึ้นค่าจ้างแรงงานเพื่อให้ค่าจ้างแรงงานขึ้นต่ำของแรงงานไทยสูงขึ้น โดยใช้วิธียกระดับและ พัฒนาคุณภาพแรงงานไทย จากระดับแรงงานไร้ฝีมือ (unskilled labour) เป็นระดับแรงงานกึ่งฝีมือ (semi-skilledlabour) ให้มากขึ้น ดังนั้น ภาครัฐจึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขับเคลื่อนและ ขยายตัว และสร้างผู้ประกอบการขนาดเล็กให้เกิดขึ้นในชุมชนและท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการจ้างแรงงาน ในพื้นที่ จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) ซึ่งรับผิดชอบในด้านความ มั่นคงและการป้องกันแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมาย ร่วมพิจารณากับรองนายกรัฐมนตรี (นาย สุรเกียรติ์ เสถียรไทย) ซึ่งรับผิดชอบประเด็นยุทธศาสตร์เกี่ยวกับคนเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนิน การเรื่องนี้ในภาพรวมให้เป็นระบบ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2504 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบ
ประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (ตุลาคม 2547- มีนาคม 2548) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพ มหานคร และเมืองพัทยา สรุปได้ดังนี้ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้มีจำนวนทั้งสิ้น 101,610,700.00 บาท (ไม่ รวมเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548) มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 67,617,815,292 บาท โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับจำนวน 2,054,093,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 201,030,100 บาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้รับจำนวน 95,873,224,600 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 63,533,574,190 บาท กรุงเทพมหานคร ได้รับจำนวน 11,321,062,000 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 3,767,826,716 บาท และเมืองพัทยา ได้รับจำนวน 1,362,320,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 115,384,386 บาท สำหรับปัญหาอุปสรรคที่สำคัญในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ อาทิ โครงการบางโครง การไม่มีผู้ยื่นเสนอราคาทำให้ต้องมีการขออนุมัติจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ หรือต้องประกวดราคาใหม่ รวมทั้งการ เปลี่ยนแปลงระบบการเบิกจ่ายเงินจากเดิมมาเป็นระบบ GFMIS ซึ่งทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเกิดความสับสนและรอการสั่งการจากหน่วยงานต้นสังกัดทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
2505 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 1 | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการจัดสัมมนาโครง
การ "สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ภาคตะวันออก วันที่ 18 มิถุนายน 2548 ณ จังหวัด ชลบุรี โดยการจัดสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สื่อมวลชนท้องถิ่นรับทราบและเข้าใจนโยบายและแนว ทางการบริหารของรัฐบาลอย่างถูกต้องชัดเจน รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้น ในการนี้ คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำเสนอโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมและ พัฒนาภาคตะวันออก การสัมมนากลุ่มย่อยเรื่อง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนท้องถิ่น ซึ่งผลจาก การสัมมนากลุ่มย่อยในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคที่ทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงข้อ มูลข่าวสารของภาครัฐได้ รวมทั้งข้อเสนอแนะและแนวทางต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา อาทิเช่น ข้อมูลในเว็บ ไซต์ของหน่วยงานราชการไม่ทันสมัยและไม่มีข้อมูลในเชิงลึก ภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารของสื่อท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับสื่อท้องถิ่น โดยในการให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อนำเสนอข่าว เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ชี้แจงนโยบายและการบริหารงานของ รัฐบาล รวมทั้งตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนท้องถิ่นเกี่ยวกับปัญหาในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น ปัญหาน้ำ ปัญหาด้านการศึกษา ปัญหาด้านการสาธารณสุข เป็นต้น และจากการสำรวจความคิดเห็นของสื่อมวลชน ต่อการจัดสัมมนาครั้งนี้ สื่อมวลชนส่วนใหญ่เห็นว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนามากที่สุดคือ สามารถ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและซักถามข้อข้องใจที่มีต่อนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล รองลงมาคือ ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล และเห็นว่า ปัจจัยที่เป็น ปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากที่สุดคือ การขาดความเข้าใจต่อนโยบาย และการ บริหารงานของรัฐบาล และปัจจัยที่จะทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ได้มากที่สุดคือ การได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องมีความสัมพันธ์อันดีระหว่าง หน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐกับสื่อมวลชนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||
2506 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กษ | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
2507 | ขอยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น พ.ศ. 2539 | นร | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เสนอขอให้ระงับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ ภูมิภาคและท้องถิ่น พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และยกเลิกระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น พ.ศ. 2539
|
||||||||||||||||||||||||
2508 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางปะกง ประแสร์ ระยอง ลำตะคอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด) | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุม
มลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศในรอบหกเดือนหลัง ปี พ.ศ. 2547 (กรกฎาคม-ธันวา คม 2547) และแบบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรายงาน ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางประกง ประแสร์ ระยอง ลำตะ คอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด สรุปดังนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพ เสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 5 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรม คิดเป็นร้อย ละ 26 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 1.9-6.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรก ในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.7-3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 5,300- 110,000 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 46 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละ ลายอยู่ในช่วง 3.2-8.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.8-2.7 มิลลิกรัมต่อ ลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 100-32,200 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี คิดเป็นร้อยละ 23 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 3.4-8.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกใน รูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.3-2.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 140-2,800 หน่วย โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจะพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียชนิดฟีคอลโคลิฟอร์มสูง มาก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมืองต่าง ๆ แหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ อย่างหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง โดยได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยควบคุมแหล่ง กำเนิดมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตอย่างเร่ง ด่วน ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการภาย ใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ โดยสนับสนุนงบ ประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จำนวน 14 แห่ง สร้างความ พร้อมในการดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานกับสำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
2509 | ขอหารือการจัดส่งข้าวสารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาด | นร | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดส่งข้าว
สารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาดว่า องค์การตลาดได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2496 ซึ่งในขณะนั้น อาจมีความจำเป็นที่รัฐจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับตลาดเอง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ภาคเอกชนดำเนินการมากยิ่ง ขึ้น และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนด้วย แต่ปัจจุบัน ได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นและมีพื้นที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรซึ่งองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดให้มีตลาดเป็นส่วนหนึ่งแห่งภารกิจด้วย จึงสมควร มีการพิจารณาทบทวนว่า การดำรงองค์การตลาดไว้จะยังมีความจำเป็นอยู่อีกต่อไปหรือไม่ และจะสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 87 หรือไม่ โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อ สังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2510 | ความเห็นผลการพิจารณาและผลการดำเนินงานต่อความเห็นและข้อเสนอของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง รูปแบบและปัจจัยในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้วยศักยภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | สสป | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง รูปแบบและปัจจัยในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้วยศักย ภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีข้อเสนอแนะโดยสังเขปดังนี้ ด้านการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์และจิตสำนึกของชุมชนควรมีองค์ความรู้และความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ที่เอื้อต่อการเป็นประชา สังคม เพื่อเป็นพื้นฐานให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้น และมีเป้าหมายให้ชุมชนสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ คือ ต้องสร้างขึ้นจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ในส่วนของรัฐ ต้องดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง โดยส่งเสริมความปลอดภัยในชุมชนทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณใน ด้านสาธารณูปโภค และด้านสาธารณสุขเพื่อนำไปใช้พัฒนาชุมชนให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของชุมชนให้เข้มแข็ง โดยในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ควรใช้กระบวนการเครือข่ายองค์ กรชุมชน และก่อให้เกิดการขับเคลื่อนเครือข่ายการวิจัยเชิงพื้นที่ มีการจัดการและพัฒนาทีมวิจัยของชุมชน โดย พัฒนาศักยภาพของทีมที่ก่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ข้ามศาสตร์เพื่อสร้างสมรรถนะขององค์กรและมีความเข้มแข็ง เกิดขึ้นในชุมชน ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างหลากหลาย โดยให้เกิดจาก ความสมัครใจ เพื่อมีอิทธิพลในการเลือกสรรนโยบายสาธารณะและการบริหารนโยบายของรัฐ และควรมีข้อมูล พื้นฐานของชุมชนในทุก ๆ ด้าน เพื่อทราบถึงปัญหาของชุมชน เข้าใจความเชื่อมโยงภายในสังคมของตนเอง และกระตุ้นให้เกิดการร่วมคิดแก้ปัญหาของชุมชน เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้รับผิดชอบประสานการติดตามผล การดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2511 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค (Agenda based) | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล โดยการเจาะ บ่อบาดาล และทำจุดจ่ายน้ำในหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาและแหล่งน้ำผิวดิน จำนวน 12,493 หมู่บ้าน โดยเจาะบ่อบาดาลจำนวน 26,491 บ่อ ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท โดยใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับเจาะบาดาล จำนวน 1,500 บ่อ ในวงเงิน 366 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน สำหรับส่วน ที่เหลือ และการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน รวมทั้งระบบประปาบาดาล การปรับปรุงและซ่อมแซมระบบ ประปาที่มีอยู่เดิมแต่ใช้งานไม่ได้ ให้มีน้ำสะอาดใช้ได้ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ในวง เงินงบประมาณทั้งสิ้น 33,260 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงิน 8,339 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงิน 16,627 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 8,294 ล้านบาท และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำผิวดิน และก่อสร้างระบบ ประปาที่กำหนดไว้ โดยให้ตั้งงบประมาณดำเนินการตามแผนไว้ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำหรับโอนงบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเลือกดำเนินการเอง หรือซื้อ บริการของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความ พร้อมที่จะดำเนินการเอง และโดยที่โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคดังกล่าวเป็นเรื่อง จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 เห็นชอบในหลักการและ ให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดงบประมาณดำเนิน การไว้ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2512 | รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดสงขลา | กต | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไข
ปัญหาภัยแล้งจังหวัดสงขลา โดยสถานการณ์ภัยแล้งจังหวัดสงขลา เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548-16 มิถุนายน 2548 ประกอบด้วยช่วงสถานการณ์ความแห้งแล้ง เริ่มระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 มีพื้นที่ ประสบความแห้งแล้ง 13 อำเภอ 81 ตำบล 450 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 142,481 ครัวเรือน 428,228 คน พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย 23,646 ไร่ พื้นที่สวน 14,079 ไร่ และพื้นที่นา 9,567 ไร่ และ ช่วงสถานการณ์ลดความรุนแรง ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2548 เนื่องจากมีฝนตกบ้างในเขต จังหวัดสงขลา ทำให้พื้นที่ได้รับความเสียหายลดลง แต่ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภค บริโภค ในส่วน ของสถานการณ์ปริมาณน้ำ ไ ด้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองจำไหร มีน้ำใช้คงเหลือ 1.728 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่าง เก็บน้ำคลองหลา มีน้ำคงเหลือ 4.210 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างคลองสะเดา มีน้ำคงเหลือ 25.562 ล้านลูก บาศก์เมตร สำหรับการให้ความช่วยเหลือ โครงการชลประทานสงขลา ได้สูบน้ำช่วยข้าวนาปรังใน 3 อำเภอ คือ อำเภอกระแสสินธุ์ จำนวน 5,800 ไร่ อำเภอระโนด จำนวน 4,500 ไร่ และอำเภอบางกล่ำ จำนวน 500 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีแผนงาน/โครงการแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งระบบของจังหวัดสงขลา ได้แก่ โครงการประปาหมู่ บ้าน จำนวน 17 โครงการ (โครงการท้องถิ่นและงบ CEO) โครงการขุดบ่อบาดาล จำนวน 4 บ่อ (งบท้องถิ่น) และโครงการถังเก็บน้ำ จำนวน 3 โครงการ (งบท้องถิ่น)
|
||||||||||||||||||||||||
2513 | ข้อเสนอแนะจากการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยผู้นำชุมชนท้องถิ่น | นร | 21/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับข้อเสนอแนะจากการประชุมคณะ
กรรมการแห่งชาติว่าด้วยผู้นำชุมชนท้องถิ่น เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2548 ซึ่งที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะที่ เป็นประโยชน์หลายประการ ได้แก่ การถ่ายทอดประสบการณ์หรือจัดการสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้ในเรื่อง ต่าง ๆ ด้วยการลงมือทำ (learning by doing) โดยผู้นำชุมชนท้องถิ่น การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอ เพียงและแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจประณีตของปราชญ์ชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การทำประมง และ การนำมาตรฐานการดำเนินงานทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practice-GAP) มาใช้ในการเพาะ ปลูกของเกษตรกร โดยข้อเสนอแนะที่ได้จากที่ประชุม อาทิ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจประณีตของปราชญ์ชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เน้น ให้ประชาชน ชุมชน ตำบล อำเภอ ทำการเกษตรในพื้นที่ของตนเพื่อบริโภคในครัวเรือนและท้องถิ่น และ หากมีผลผลิตส่วนเกินก็นำไปจำหน่าย ทำให้มีรายได้เพียงพอเลี้ยงตัวเองและครองครัว ซึ่งจะมีส่วนช่วยลด ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า และการใช้พลังงานของประเทศในภาพรวม ส่วนการนำมาตรฐานการดำเนิน งานทางการเกษตรที่ดีมาใช้ในการเพาะปลูก โดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการสนับสนุนให้เกษตรทำ การเกษตรธรรมชาติ การเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งใช้สมุนไพรในการกำจัดแมลงศัตรูพืช เพื่อให้ผลผลิตการ เกษตรปลอดจากสารเคมีมากขึ้น เป็นต้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น รับข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2514 | รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดพัทลุง (วันที่ 1 มีนาคม - 12 พฤษภาคม 2548) | กต | 21/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไข
ปัญหาภัยแล้งจังหวัดพัทลุง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-12 พฤษภาคม 2548 สถานการณ์ความแห้งแล้งของจังหวัด พัทลุงเกิดความแห้งแล้งในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยในช่วงสถานการณ์ความแห้งแล้งวิกฤตเกิดขึ้นในพื้นที่ 7 อำเภอ 23 ตำบล 176 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 9,232 ครัวเรือน 37,537 คน พื้นที่การ เกษตรได้รับความเสียหาย รวม 1,517 ไร่ ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค โดยใช้งบประมาณฉุกเฉินของท้องถิ่น 77,125 บาท และจากสภาวะฝนตกตามธรรมชาติ และการทำฝนหลวงในพื้นที่ทำให้สถานการณ์ความแห้งแล้ง ในพื้นที่ลดลง ส่วนสภาวะอากาศและสภาพน้ำท่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำป่าพะยอม มีปริมาณอยู่ที่ 11.727 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำป่าบอน มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 15.495 ล้านลูกบาศก์เมตร สภาพน้ำท่าบริเวณอ่าง ฝายและประตูระบายน้ำต่าง ๆ มีระดับสูงกว่า และต่ำกว่าสันฝายโครงการชลประทานพัทลุงได้ส่งเครื่องสูบน้ำ เข้าประจำท่าสูบ จำนวน 15 เครื่อง ได้เตรียมแปลงเพื่อทำนาปรัง ปี 2547/2548 จำนวน 15,725 ไร่ นาน้ำ ตม 14,575 ไร่ พืชไร่ 390 ไร่ และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำท่าเชือด แผนปลูกพืชฤดูแล้ง พืชไร่-พืชผัก 480 ไร่ ผลการเพาะปลูกพืชไร่ 185 ไร่ พืชผัก 157 ไร่ สำหรับแผนงาน/โครงการแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งระบบ ของจังหวัดพัทลุง รวม 6 กิจกรรม จำนวน 205 แห่ง/โครงการ รวมงบประมาณทั้งหมด 38,064,850 บาท สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เสนอแผนงาน/โครงการดังกล่าว เพื่อบรรจุแผนแก้ไขปัญหาทั้ง ระบบของจังหวัดพัทลุง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549
|
||||||||||||||||||||||||
2515 | ผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดน ไทย - ลาว ครั้งที่ 5 | มท | 21/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัด
และเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 5 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวระหว่างวันที่ 8 -13 พฤษภาคม 2548 ณ จังหวัดชลบุรี โดยวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมเพื่อสร้างความสัมพันธ์และมิตร ภาพอันดีระหว่างจังหวัดและแขวงตามแนวชายแดนไทย-ลาว โดยได้มีการหารือในประเด็นสำคัญคือ การรักษา ความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้า -ออกบริเวณชายแดน การเปิดช่องทางผ่านแดนและระเบียบการสัญจรบริเวณชายแดน ความร่วมมือในการรักษา เส้นเขตแดนไทย-ลาว ความร่วมมือในการดูแลรักษาและป้องกันตลิ่งพังและการแก้ไขปัญหาดูดทรายในแม่น้ำโขง และแม่น้ำเหือง ความร่วมมือกรณีบุคคลของแต่ละฝ่ายถูกจับกุมคุมจัง ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือแก้ไข ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นไทย-ลาว และความร่วมมือในการป้องกันและการปราบ ปรามยาเสพติด รวมทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง และระดับปฏิบัติ ของกระทรวงมหาด ไทยและกระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้แทนตำรวจระดับสูงเพื่อปรึกษา หารือแผนความร่วมมือในการฝึกอบรมด้านต่าง ๆ สำหรับการประชุม ฯ ครั้งที่ 6 ทางฝ่ายลาวจะเป็นเจ้าภาพใน การจัดประชุม ซึ่งกำหนดเวลาและสถานที่ทางฝ่ายลาวจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2516 | ผลการประชุมปฏิบัติการเรื่อง แนวทางการพัฒนาครูและผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่ | ศธ | 21/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการประชุมปฏิบัติการเรื่อง แนวทาง
การพัฒนาครูและผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่ เมื่อวันที่ 10-11 มิถุนายน 2548 ณ โรงแรมโลตัส ปางสวน แก้ว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและแนว ทางของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาการเรียนการสอนให้ทันสมัย ตลอดจนกำหนดยุทธ ศาสตร์การพัฒนาครูและผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่ มีผู้เข้าร่วมประชุมจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือ 16 จังหวัด โดยผลการประชุมสรุปดังนี้ ที่ประชุม ฯ ได้รับทราบและแสดงความชื่นชมแนวทางการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมทั้งได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นซึ่งอาจปรับปรุงรายละ เอียดเพิ่มเติม และควรมีการเผยแพร่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจและใช้เป็นแนวทางในการทำงานร่วมกัน ส่วนการแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนครูเห็นควรให้มีการบรรจุครูในท้องถิ่นเพื่อป้องกันปัญหาการขอโยกย้ายและลดค่าใช้จ่าย ของครู จัดให้มีอัตราพนักงานธุรการของโรงเรียนอย่างน้อยโรงเรียนละ 1 คน ในด้านครูอัตราจ้างต้องมีการ สร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน โดยให้มีสัญญาจ้างในระยะยาว เช่น 1-2 ปี และมีการประเมินผลครูอัตรา จ้างที่ทุ่มเทเสียสละ และมีผลงานเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ นอกจากนี้ ได้มีการดำเนินการพัฒนาครูให้สอด คล้องกับความต้องการ และความเปลี่ยนแปลงของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา การซ่อมแซมอาคารเรียนที่ชำรุด ทรุดโทรม สร้างอาคารเรียนใหม่ เพื่อทดแทนอาคารที่ชำรุดและรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น จัดสร้างโรง เรียนขนาดเล็กรูปแบบใหม่ พัฒนาห้องสมุดให้มีมาตรฐาน โดยจัดให้มีห้องสมุดให้ครบทุกโรงเรียน และจัดให้ มีหนังสือในห้องสมุดอย่างเพียงพอ จัดหาคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้แก่โรงเรียน ส่ง เสริมให้มีสนามกีฬาของโรงเรียน จัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ให้ทั่วถึงทุกภูมิภาค จัดทำ Smart Card สำหรับ นักเรียนทุกคนเป็นรายบุคคลโดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อใช้ในการปรับระบบอุดหนุนรายหัวให้มีความ เป็นธรรมมากขึ้น รวมทั้งให้มีการสำรวจโรงเรียนในชนบทห่างไกล ทุรกันดารที่มีเด็กยากจนซึ่งมีความจำเป็น ต้องจัดหาที่พักนอนให้นักเรียนในโรงเรียน เช่นเดียวกับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนศึกษาสง เคราะห์ และให้การอุดหนุนเพิ่มเติมตามความเหมาะสม ตลอดจนการสร้างขวัญและกำลังใจครูที่อยู่ในชนบท ห่างไกล โดยการคัดเลือกครูที่มีความเสียสละมีผลงานให้ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ปีละ 100 คน โดยรัฐบาล จัดรางวัลเป็นพิเศษ ปีละ 4-5 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
2517 | โครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อ - น้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ และพื้นที่ป่าแม่สรอย อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ | ทส | 07/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ เห็นชอบหลักการ
ของโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อ-น้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ และพื้นที่ป่าแม่สร้อย อำเภอวัง ชิ้น จังหวัดแพร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความรุนแรงของภัยพิบัติธรรมชาติอย่างเร่งด่วนและฟื้นฟูความสมบูรณ์ ของพื้นที่ป่าไม้ในบริเวณดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 45,000 ไร่ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้มีการ จัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษาต้นไม้ที่ปลูก และการดูแลรักษาฝาย เพื่อให้คณะ รัฐมนตรีได้รับทราบถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดของโครงการ ฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในคราว เดียวกัน สำหรับการปลูกป่าและการบำรุงรักษาแปลงปลูกป่าในระยะต้น มอบให้ชุมชนในท้องถิ่นและราษฎร เป็นผู้รับผิดชอบภายใต้การกำกับดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ เพื่อสร้าง งาน สร้างรายได้ สร้างการมีส่วนร่วม และความรับผิดชอบของราษฎรในพื้นที่ในการรักษาระบบนิเวศน์และ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปประกอบการดำเนินการ สำหรับงบประมาณค่า ใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้ จ่ายงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรแล้วก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากงบ กลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง หนึ่ง ทั้งนี้ ให้พิจารณาเป้าหมายและความสอดคล้องของแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินกับระยะเวลา ที่เหลืออยู่ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 ส่วนที่ 2 การซื้อการจ้าง ข้อ 18-22 เพื่อ ให้สถาบันการศึกษา หน่วยงาน ชุมชนในท้องถิ่น หรือราษฎรได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการในลักษณะการ รับจ้างเหมาได้ โดยวิธีตกลงราคารายละไม่เกิน 200 ไร่ โดยไม่ถือเป็นการแบ่งจ้างด้วยการลดวงเงินที่จะซื้อ หรือจะจ้างในครั้งเดียวกัน |
||||||||||||||||||||||||
2518 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "แนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุก รุกล้ำ และละเลย 25 ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศและแหล่งน้ำสำคัญของชาติ" | สสป | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุก รุกล้ำ และละเลย 25 ลุ่มน้ำสำคัญ ของประเทศ และแหล่งน้ำสำคัญของชาติ โดยมีข้อเสนอแนะโดยสังเขปดังนี้ รัฐบาลต้องจริงจังด้วยปรัชญา หลัก การ และเหตุผล พร้อมมาตรการในการรักษา 25 ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ และแหล่งน้ำสำคัญของชาติในทุก ภูมิภาคของประเทศควบคู่กับความเป็นประเทศเกษตรกรรมของประเทศไทย รัฐบาลต้องสั่งการให้มีการสำรวจ สภาพการบุกรุก รุกล้ำ และละเลย รวมทั้งการทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่ทางระบายน้ำหลาก เพื่อ ให้ทราบสถานภาพปัจจุบันของพื้นที่ในทุกภูมิภาคของประเทศโดยการดำเนินงานต้องมีส่วนร่วมขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน และชุมชน และต้องมีการติดตามสถานภาพพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่ม และทาง ระบายน้ำหลากทุกแห่งและทุกภูมิภาคของประเทศโดยใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เพื่อทราบสถานภาพ ปัจจุบันและเป็นการตรวจสอบการบุกรุก รุกล้ำ ละเลย และการทำลายพื้นที่ทั้งสามประเภทนี้ เป็นต้น และ รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อราย งานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็น ระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2519 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลางปี | นร | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 3/ 2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 โดยที่ประชุมได้มีมติกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลางปี จำนวน 4,600,000,000 บาท โดยร้อยละ 10 จำนวน 460,000,000 บาท จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วน จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ตามสัดส่วนจำนวนประชากรในเขตจังหวัด และกรุงเทพมหานคร และร้อยละ 90 จำนวน 4,140,000,000 บาท จัดสรรให้แก่กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล และองค์การบริหารส่วน ตำบล โดยในส่วนนี้จะเป็นการจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งกรณีเร่งด่วน จำนวน 1,345,190,000 บาท ที่ เหลืออีกจำนวน 2,794,810,000 บาท จะจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||
2520 | นโยบายและพัฒนาระบบการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการดำเนินการพัฒนาระบบ
การบริหารจัดการเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและสอด คล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้จัดทำร่างคำสั่งสำนักนายก รัฐมนตรี เรื่อง นโยบายและการพัฒนาระบบการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาค ใต้ ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ด้านนโยบายกำหนดแนวทางเป้าหมายหลักให้ปฏิบัติ จำนวน 8 เป้าหมาย เรียงตามลำดับความเร่งด่วนให้หน่วยปฏิบัติ โดยหน่วยส่วนกำลังมีหน้าที่เร่งยุติสถาน การณ์การก่อความไม่สงบโดยเร็ว และเป็นฝ่ายรุก เพื่อปรับเปลี่ยนแนวความคิดและความเชื่อของผู้ก่อการ หน่วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติเกี่ยวกับการขจัดเงื่อนไขของการก่อความไม่สงบส่งเสริมการพัฒนายก ระดับมาตรฐานการครองชีพ ให้การศึกษาการใช้พลังประชาชน การดำเนินการด้านต่างประเทศ และการใช้ มาตรการด้านการข่าว การปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์ ส่วนที่ 2 การพัฒนาระบบบริหารจัดการ โดยจัดให้มีคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) จัดให้มีสำนักงานยุทธ ศาสตร์คณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กองอำนวยการเสริสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ในลักษณะพลเรือน ตำรวจ ทหาร และให้ มีกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขในระดับจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ/ตำบล ในลักษณะพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อสร้างความเข้มแข็งระดับภูมิภาคตั้งแต่ระดับท้องถิ่น (ตำบล) ขึ้นไป
|
.....