ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 126 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2501 - 2520 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2501 | ผลการเยือนอินเดียและภูฎานของนายกรัฐมนตรี | นร | 23/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเยือนอินเดีย
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2548 และภูฏาน เมื่อวันที่ 4-5 มิถุนายน 2548 ของนายกรัฐมนตรี โดยในส่วน ของผลการเยือนอินเดีย นายกรัฐมนตรีได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับนายกรัฐมนตรีอินเดียในเรื่อง ที่สำคัญ ได้แก่ การเร่งกระบวนการเจรจา FTA ให้คืบหน้าตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ การเสนอตั้งเป้าหมาย มูลค่าการค้าในปี 2550 เป็น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การผลักดันนโยบายการเปิดน่านฟ้าเสรีให้มีผลใน ทางปฏิบัติ การผลักดันให้พม่าดำเนินการสร้างถนนเชื่อมเส้นทางคมนาคมอินเดีย-พม่า-ไทย การเชื่อม โยงระบบเตือนภัยสึนามิและแผ่นดินไหวระหว่างไทย - อินเดีย การเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสน เทศ วิศวกรคอมพิวเตอร์ของอินเดียมาพัฒนาทรัพยากรบุคคลของไทย และได้มีการลงนามในบันทึกความ เข้าใจทางการศึกษาระหว่างไทย-อินเดีย ส่วนผลการเยือนภูฏาน ได้มีการหารือข้อคิดเห็นในเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการแก่ภูฏาน การช่วยขายเห็ด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นใน ลักษณะสินค้า OTOP หรือการผลิตสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์สองประเทศ การติดตั้งระบบเชื่อมโยง โทรคมนาคม ความร่วมมือในการวิจัยสมุนไพร การร่วมลงทุนสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำ และการจ้างครูสอนภาษาอังกฤษจากภูฏาน และได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ ด้านวัฒนธรรมระหว่างไทย-ภูฏาน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานการดำเนินการดังกล่าว จากการ เยือนอินเดียและภูฏานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี ในส่วนของอินเดียเป็นการรักษา momentum ความสัมพันธ์ทางการเมืองระดับสูง เพื่อช่วยผลักดันเรื่องที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อไป สำหรับภูฏาน เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าไทยมีนโยบายที่จะผูกมิตรกับประเทศที่แม้จะไม่มีผลประโยชน์มากนัก เป็น การสะท้อนให้เห็นว่าไทยเอาใจใส่ต่อมิตรประเทศ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งรัดการดำเนินการตามผล การเยือนในประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 2502 | แรงงานไทยในไต้หวันก่อการประท้วงผู้ดูแลแคมป์ที่พัก | รง | 23/08/2548 | |||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับกรณีแรงงานไทยในไต้หวันก่อ
การประท้วงผู้ดูแลแคมป์ที่พัก และทำลายทรัพย์สินในแคมป์ที่พัก เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2548 ซึ่งจากเหตุการณ์ ดังกล่าวอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดเกาสง เจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานท้องถิ่นจังหวัดเกาสง รวมทั้งตัวแทนนายจ้างได้ประชุมหารือถึงแนวทางในการแก้ไข ปัญหา และรับฟังข้อเรียกร้องของแรงงานไทยที่ขอให้นายจ้างแก้ไขระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นการลิดรอนเสรีภาพของ แรงงานไทย อาทิ ให้นายจ้างรับดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีนายจ้างคิดจำนวนชั่วโมงทำงานล่วงเวลาให้ไม่ครบ ถ้วน และให้มีใบแสดงรายการจ่ายเงินเดือน รายการหักค่าใช้จ่าย โดยมีรายละเอียดที่ชัดเจนและถูกต้อง กับให้ ยกเลิกการห้ามแรงงานไทยใช้โทรศัพท์มือถือในแคมป์ที่พัก แก้ไขปัญหาเรือนพักนอนซึ่งมีความแออัด และมีการ ปิดน้ำ ปิดไฟ ในเวลา 22.00 น. เป็นต้น ซึ่งนายจ้างได้รับข้อเรียกร้องดังกล่าวไปพิจารณา และรับจะดำเนินการ ให้เป็นไปตามที่แรงงานไทยเรียกร้อง ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สาเหตุปัญหาเกิดจากนายจ้างดูแล แรงงานไทยไม่ดี และในเบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการแรงงานจะพิจารณาตัดโควต้าแรงงานต่างชาติของนาย จ้างรายนี้ จำนวน 800 คน และจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยแต่งตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนเข้าร่วม เป็นกรรมการด้วย และกระทรวงแรงงานจะได้ติดตามและให้ความช่วยเหลือต่อแรงงานไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 2503 | รายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ | กษ | 16/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์อุทกภัยใน
ภาคเหนือ ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2548 เนื่องจากมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2548 เป็นต้นมา ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งและท่วมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน และลำปาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการแจ้งเตือนจังหวัดและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ทราบเป็นการล่วงหน้าประมาณ 1 วัน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ ผ่านทางสถานีวิทยุในพื้นที่ เกี่ยวกับปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดการณ์ระยะ เวลาที่น้ำจะท่วมล้นตลิ่ง การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ จัดเตรียมเครื่อง สูบน้ำขนาด 6-12 นิ้ว 80 เครื่อง ไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการเร่งระบายน้ำแก้ไขปัญหา จาก การสำรวจเบื้องต้น ยังไม่ครบทุกพื้นที่ ของกรมส่งเสริมการเกษตรพบว่า มีพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 6 จังหวัด 33 อำเภอ 140 ตำบล พื้นที่การเกษตรประสบภัย 142,805 ไร่ ด้านพืช เกษตรกร 4,243 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 141,420 ไร่ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 7,281 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ153,744 ตัว ด้านประมง เกษตรกร 3,246 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 678 ไร่ 735 บ่อ และกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ โดยศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
|
||||||||||||||||||
| 2504 | แนวทางการแก้ไขปัญหาวิทยุชุมชน | นร | 16/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์
เวชชาชีวะ) เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาวิทยุชุมชน ดังนี้ ยืนยันในหลักการการสนับสนุนให้ชุมชนมีกลไกใน การสื่อสารภายในชุมชน, ยืนยันแนวทางการดำเนินการวิทยุชุมชนภายใต้โครงการจุดปฏิบัติการเตรียมความ พร้อมวิทยุชุมชน, ยืนยันการอนุญาตให้โฆษณาได้ไม่เกินชั่วโมงละ 6 นาที, บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อ เนื่อง, ให้มีการติดตามตรวจสอบเนื้อหาการจัดรายการ, สนับสนุนให้มีการสัมมนาระดมความคิดเห็น และติด ตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคต ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็น เพิ่มเติมว่า การกำหนดให้วิทยุชุมชนสามารถโฆษณาได้ไม่เกินชั่วโมงละ 6 นาที ในหลักการควรให้ดำเนินการ ได้เฉพาะการโฆษณาภาพลักษณ์ของสินค้าหรือกิจการซึ่งเป็นของท้องถิ่นหรือในชุมชนนั้น ๆ เท่านั้น จึงขอให้ รับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาประกอบกับความเห็นของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดยให้ หารือรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ด้วย ส่วนการแก้ไขปัญหาโดยจัดให้วิทยุชุมชนเข้าอยู่ในระบบ วิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ จะเป็นการแก้ไขปัญหาส่วนหนึ่งได้ โดยให้ประสานงานร่วมกับกรม ประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พิจารณาดำเนินการ โดยให้หารือ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ด้วย
|
||||||||||||||||||
| 2505 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 09/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมาย จัดตั้ง มีอำนาจในการกำหนดและจัดเก็บค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 2506 | รายงานการส่งเสริมให้เยาวชน และประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ตามมติคณะรัฐมนตรี | กก | 09/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการจัดกิจกรรมส่ง
เสริมให้เยาวชนและประชาชน มีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2547 ตาม ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การใช้และบริหารสนามกีฬาของสถานศึกษาและหน่วยงาน ราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน ได้มีการเปิดสนามกีฬาภายในศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา และ นันทนาการจังหวัด 75 แห่ง ศูนย์กีฬา (กกท.) 5 ภาค วิทยาลัยพลศึกษา 17 แห่ง โรงเรียนกีฬา 13 แห่ง และสนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ ให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เล่น กีฬา ออกกำลังกาย มีผู้ใช้บริการ 27,538,854 คน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาบุคลากรกีฬาอย่างเป็น ระบบ ได้จัดอบรม สัมมนา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา สุขภาพ นันทนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา มีผู้ เข้าร่วมกิจกรรม 120,519 คน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบูรณาการการกีฬาทุกระดับให้ต่อเนื่องและยั่งยืน ได้ส่งเสริม สนับสนุน และจัดกิจกรรมกีฬา ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 15,924,823 คน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารองค์กรเครือข่ายกีฬาของประเทศอย่างเป็นระบบ โดย จัดประชุม สัมมนาคณะกรรมการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายคณะกรรมการกีฬา สมาคมกีฬา ผู้บริหารระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ผู้จัดการสถานกีฬา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 49,000 คน และยุทธศาสตร์ที่ 5 การช่วยเหลือนักกีฬาซึ่งทำคุณประโยชน์และชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ โดยการ จัดจ้างนักกีฬาทีมชาติ หรือนักกีฬาที่ทำคุณประโยชน์และสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศชาติเข้าทำงานรวมทั้ง สิ้น 3,119 คน
|
||||||||||||||||||
| 2507 | ขออนุมัติงบประมาณดำเนินงานโครงการพัฒนาการศึกษาโรงเรียนในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ | ศธ | 09/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3.1 (ฝ่าย
การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการพัฒนา การศึกษาโรงเรียนในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีวัตถุ ประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาของโรงเรียนให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่มีคุณภาพสอดคล้องกับ สภาพของโรงเรียน และความต้องการของท้องถิ่น ให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถมีคุณภาพทัดเทียมโรง เรียนชั้นนำ ส่งเสริม สนับสนุนความพร้อมของสถานศึกษาตามโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งส่งเสริมพัฒนาคุณ ภาพการศึกษา ตลอดจนเผยแพร่รูปแบบการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพโดยให้ดำเนินโครง การ ฯ ในกรอบวงเงิน 113,200,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (พ.ศ. 2548-2550) โรงเรียนกลุ่ม เป้าหมายในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง จำนวน 8 โรงเรียน และให้กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติไปทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมโดยให้ใช้ งบประมาณตามที่จ่ายจริง และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง ฯ อาทิเช่น ความเห็นของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ โครงการ พัฒนาดอยตุง และชุมชน ร่วมกันกำหนดรูปแบบและรายละเอียดกิจกรรมของโรงเรียน โดยในระยะเร่งด่วน ควรให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งจูงใจแก่บุคลากรเพื่อให้เข้ามาสอนอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะยาวควรให้ ทุนการศึกษาและฝึกอบรมแก่นักเรียนและบุคลากรในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการศึกษาและฝึกอบรม เพื่อกลับ มาเป็นครูต่อไป และควรประเมินความพร้อมของสถานศึกษาทั้งบุคลากร นักเรียน และสภาพแวดล้อมก่อน การนำระบบ ICT มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน นอกจากนี้ ยังเห็นว่ากิจกรรมในแผนงบประมาณยังขาด ความชัดเจนในเหตุผลความจำเป็นของการขอใช้งบประมาณ เช่น กิจกรรมด้านการพัฒนาคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้เข้มแข็งในการมีส่วนร่วมจัดการศึกษา การศึกษาดูงานในต่างประเทศ การจัดมห กรรมจัดแสดงผลงาน เป็นต้น ไปประกอบการทำความตกลงกับสำนักงบประมาณด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงบ ประมาณพิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายและแผนการใช้จ่ายของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็น แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
| 2508 | โครงการพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ | มท | 09/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เสนอโครง
การพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยได้จัด ทำแผนผังพัฒนาพื้นที่เพื่อปรับปรุงฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกาะพีพี บริเวณอ่าว โละดาลัม และอ่าวต้นไทร และทำการออกแบบเบื้องต้นทางเท้า ทางหนีภัย และภูมิทัศน์ โดยประมาณการ งบประมาณค่าก่อสร้างเบื้องต้นรวมทั้งสิ้น 259,199,000 บาท ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ราคาต่อหน่วย และวงเงินค่าก่อสร้างของโครงการดังกล่าวสูงมาก จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รับไป พิจารณาทบทวนรายละเอียดและความจำเป็นเหมาะสมของราคาต่อหน่วยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรม โยธาธิการและผังเมือง) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยอาจหารือรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ด้วย และควรพิจารณาใช้วัสดุที่เหมาะสมกับภูมิประเทศ และเป็นวัสดุที่ผลิตใน ประเทศเป็นหลัก เช่น อิฐบล๊อค ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น ซึ่งจะ ประหยัดการใช้ซิเมนต์ได้มาก เป็นต้น แล้วให้กรมโยธาธิการและผังเมืองขอทำความตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการต่อไป โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ และให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เห็นว่า การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกาะพีพี ควรคำนึงถึงการออกแบบก่อสร้างที่กลมกลืนกับสภาพธรรมชาติ และ ควรปลูกต้นไม้ท้องถิ่น เพื่อให้มีสุนทรียภาพ และภูมิทัศน์ที่สวยงาม สร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจแก่นัก ท่องเที่ยว และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควร ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งประชาสัมพันธ์ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงผล ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 ไปประกอบการ ดำเนินการด้วย สำหรับวิธีดำเนินโครงการนั้น เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องใช้วิธีจ้างเหมาแบบ Turnkey และวิธีพิเศษ และให้ใช้วิธีสำรวจออกแบบควบคู่ไปกับการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน พื้นที่ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ประสาน และพิจารณาร่วมกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อให้การก่อสร้างดังกล่าวไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสภาพภูมิทัศน์บริเวณแนวชาย หาดของเกาะด้วย |
||||||||||||||||||
| 2509 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" พ.ศ. 2548 - 2551 | พม | 02/08/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่าย
การต่างประเทศ แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติอนุมัติในหลักการโครงการบ้านมั่นคง (พ.ศ. 2548- พ.ศ. 2551) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีเป้าหมายรวมที่จะดำเนินการแก้ ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนจนในเมืองจำนวน 285,000 ครัวเรือน 1,826 ชุมชน ครอบคลุมประชากร จำนวน 1,425,000 คน ใน 200 เมือง โดยเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ. 2548 ได้กำหนดการดำเนิน การไว้รวม 50,000 หน่วย ครอบคลุมการแก้ปัญหาคนจนในเมือง 250,000 คน ใน 100 เมือง ทั้งนี้ คณะ กรรมการกลั่นกรอง ฯ มีความเห็นว่า ในแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" ควร กำหนดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่ชัดเจนไว้ในแผนปฏิบัติการด้วย และให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน-พอช.) รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องและข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า งบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการในแต่ ละปีค่อนข้างเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก โดยเฉพาะเงินอุดหนุนจากรัฐ ดังนั้น การบริหารจัดการงบประมาณ โครงการในแต่ละช่วง จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวทางของรัฐบาลในการบริหารงบประมาณในภาพรวมของ ประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการเตรียมความพร้อมขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างความเข้มแข็ง ของคนจน รวมทั้งการดำเนินโครงการ ฯ อาจต้องคำนึงถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาเฉพาะที่มีอยู่ ในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจทำให้ไม่สามารถดำเนินการไปได้ตามแผน จึง ควรมีมาตรการรองรับกรณีนี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนิน โครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 1,276.4 ล้านบาท และในปีงบประมาณพ.ศ. 2549- พ.ศ. 2551 นั้น ให้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับการดำเนินการจริงโดยให้ขอตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
| 2510 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (งบประมาณเพิ่มเติมกลางปี) เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 26/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เสนอมติที่ประชุม กกถ. ครั้งที่ 3 /2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 ที่มีมติให้นำเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 4,600 ล้านบาท ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำโดยจัดสรรให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่มีปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำเท่านั้น และให้เน้นการดำเนินการโครงการระบบประปา หมู่บ้าน สำหรับหลักเกณฑ์การจัดสรรให้เป็นไปตามที่ กกถ. กำหนด และหากมีเงินเหลือจ่ายจากการ ดำเนินการดังกล่าว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำไปใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อ แก้ไขปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำตามความจำเป็นและเหมาะสมได้โดยไม่ต้องส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดิน |
||||||||||||||||||
| 2511 | ปัญหาแรงงาน | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางและมาตรการในการชดเชยหรือ
ทดแทนการขึ้นค่าจ้างแรงงานเพื่อให้ค่าจ้างแรงงานขึ้นต่ำของแรงงานไทยสูงขึ้น โดยใช้วิธียกระดับและ พัฒนาคุณภาพแรงงานไทย จากระดับแรงงานไร้ฝีมือ (unskilled labour) เป็นระดับแรงงานกึ่งฝีมือ (semi-skilledlabour) ให้มากขึ้น ดังนั้น ภาครัฐจึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขับเคลื่อนและ ขยายตัว และสร้างผู้ประกอบการขนาดเล็กให้เกิดขึ้นในชุมชนและท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการจ้างแรงงาน ในพื้นที่ จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) ซึ่งรับผิดชอบในด้านความ มั่นคงและการป้องกันแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมาย ร่วมพิจารณากับรองนายกรัฐมนตรี (นาย สุรเกียรติ์ เสถียรไทย) ซึ่งรับผิดชอบประเด็นยุทธศาสตร์เกี่ยวกับคนเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนิน การเรื่องนี้ในภาพรวมให้เป็นระบบ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2512 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบ
ประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (ตุลาคม 2547- มีนาคม 2548) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพ มหานคร และเมืองพัทยา สรุปได้ดังนี้ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้มีจำนวนทั้งสิ้น 101,610,700.00 บาท (ไม่ รวมเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548) มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 67,617,815,292 บาท โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับจำนวน 2,054,093,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 201,030,100 บาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้รับจำนวน 95,873,224,600 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 63,533,574,190 บาท กรุงเทพมหานคร ได้รับจำนวน 11,321,062,000 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 3,767,826,716 บาท และเมืองพัทยา ได้รับจำนวน 1,362,320,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 115,384,386 บาท สำหรับปัญหาอุปสรรคที่สำคัญในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ อาทิ โครงการบางโครง การไม่มีผู้ยื่นเสนอราคาทำให้ต้องมีการขออนุมัติจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ หรือต้องประกวดราคาใหม่ รวมทั้งการ เปลี่ยนแปลงระบบการเบิกจ่ายเงินจากเดิมมาเป็นระบบ GFMIS ซึ่งทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเกิดความสับสนและรอการสั่งการจากหน่วยงานต้นสังกัดทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า เป็นต้น |
||||||||||||||||||
| 2513 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 1 | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการจัดสัมมนาโครง
การ "สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ภาคตะวันออก วันที่ 18 มิถุนายน 2548 ณ จังหวัด ชลบุรี โดยการจัดสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สื่อมวลชนท้องถิ่นรับทราบและเข้าใจนโยบายและแนว ทางการบริหารของรัฐบาลอย่างถูกต้องชัดเจน รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้น ในการนี้ คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำเสนอโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมและ พัฒนาภาคตะวันออก การสัมมนากลุ่มย่อยเรื่อง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนท้องถิ่น ซึ่งผลจาก การสัมมนากลุ่มย่อยในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคที่ทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงข้อ มูลข่าวสารของภาครัฐได้ รวมทั้งข้อเสนอแนะและแนวทางต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา อาทิเช่น ข้อมูลในเว็บ ไซต์ของหน่วยงานราชการไม่ทันสมัยและไม่มีข้อมูลในเชิงลึก ภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารของสื่อท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับสื่อท้องถิ่น โดยในการให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อนำเสนอข่าว เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ชี้แจงนโยบายและการบริหารงานของ รัฐบาล รวมทั้งตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนท้องถิ่นเกี่ยวกับปัญหาในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น ปัญหาน้ำ ปัญหาด้านการศึกษา ปัญหาด้านการสาธารณสุข เป็นต้น และจากการสำรวจความคิดเห็นของสื่อมวลชน ต่อการจัดสัมมนาครั้งนี้ สื่อมวลชนส่วนใหญ่เห็นว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนามากที่สุดคือ สามารถ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและซักถามข้อข้องใจที่มีต่อนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล รองลงมาคือ ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล และเห็นว่า ปัจจัยที่เป็น ปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากที่สุดคือ การขาดความเข้าใจต่อนโยบาย และการ บริหารงานของรัฐบาล และปัจจัยที่จะทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ได้มากที่สุดคือ การได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องมีความสัมพันธ์อันดีระหว่าง หน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐกับสื่อมวลชนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||
| 2514 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กษ | 12/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
| 2515 | ขอยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น พ.ศ. 2539 | นร | 12/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เสนอขอให้ระงับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ ภูมิภาคและท้องถิ่น พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และยกเลิกระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น พ.ศ. 2539
|
||||||||||||||||||
| 2516 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางปะกง ประแสร์ ระยอง ลำตะคอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด) | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุม
มลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศในรอบหกเดือนหลัง ปี พ.ศ. 2547 (กรกฎาคม-ธันวา คม 2547) และแบบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรายงาน ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางประกง ประแสร์ ระยอง ลำตะ คอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด สรุปดังนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพ เสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 5 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรม คิดเป็นร้อย ละ 26 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 1.9-6.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรก ในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.7-3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 5,300- 110,000 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 46 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละ ลายอยู่ในช่วง 3.2-8.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.8-2.7 มิลลิกรัมต่อ ลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 100-32,200 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี คิดเป็นร้อยละ 23 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 3.4-8.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกใน รูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.3-2.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 140-2,800 หน่วย โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจะพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียชนิดฟีคอลโคลิฟอร์มสูง มาก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมืองต่าง ๆ แหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ อย่างหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง โดยได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยควบคุมแหล่ง กำเนิดมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตอย่างเร่ง ด่วน ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการภาย ใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ โดยสนับสนุนงบ ประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จำนวน 14 แห่ง สร้างความ พร้อมในการดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานกับสำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||
| 2517 | ขอหารือการจัดส่งข้าวสารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาด | นร | 05/07/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดส่งข้าว
สารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาดว่า องค์การตลาดได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2496 ซึ่งในขณะนั้น อาจมีความจำเป็นที่รัฐจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับตลาดเอง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ภาคเอกชนดำเนินการมากยิ่ง ขึ้น และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนด้วย แต่ปัจจุบัน ได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นและมีพื้นที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรซึ่งองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดให้มีตลาดเป็นส่วนหนึ่งแห่งภารกิจด้วย จึงสมควร มีการพิจารณาทบทวนว่า การดำรงองค์การตลาดไว้จะยังมีความจำเป็นอยู่อีกต่อไปหรือไม่ และจะสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 87 หรือไม่ โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อ สังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2518 | ความเห็นผลการพิจารณาและผลการดำเนินงานต่อความเห็นและข้อเสนอของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง รูปแบบและปัจจัยในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้วยศักยภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | สสป | 28/06/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง รูปแบบและปัจจัยในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้วยศักย ภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีข้อเสนอแนะโดยสังเขปดังนี้ ด้านการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์และจิตสำนึกของชุมชนควรมีองค์ความรู้และความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ที่เอื้อต่อการเป็นประชา สังคม เพื่อเป็นพื้นฐานให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้น และมีเป้าหมายให้ชุมชนสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ คือ ต้องสร้างขึ้นจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ในส่วนของรัฐ ต้องดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง โดยส่งเสริมความปลอดภัยในชุมชนทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณใน ด้านสาธารณูปโภค และด้านสาธารณสุขเพื่อนำไปใช้พัฒนาชุมชนให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของชุมชนให้เข้มแข็ง โดยในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ควรใช้กระบวนการเครือข่ายองค์ กรชุมชน และก่อให้เกิดการขับเคลื่อนเครือข่ายการวิจัยเชิงพื้นที่ มีการจัดการและพัฒนาทีมวิจัยของชุมชน โดย พัฒนาศักยภาพของทีมที่ก่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ข้ามศาสตร์เพื่อสร้างสมรรถนะขององค์กรและมีความเข้มแข็ง เกิดขึ้นในชุมชน ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างหลากหลาย โดยให้เกิดจาก ความสมัครใจ เพื่อมีอิทธิพลในการเลือกสรรนโยบายสาธารณะและการบริหารนโยบายของรัฐ และควรมีข้อมูล พื้นฐานของชุมชนในทุก ๆ ด้าน เพื่อทราบถึงปัญหาของชุมชน เข้าใจความเชื่อมโยงภายในสังคมของตนเอง และกระตุ้นให้เกิดการร่วมคิดแก้ปัญหาของชุมชน เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้รับผิดชอบประสานการติดตามผล การดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||
| 2519 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค (Agenda based) | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล โดยการเจาะ บ่อบาดาล และทำจุดจ่ายน้ำในหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาและแหล่งน้ำผิวดิน จำนวน 12,493 หมู่บ้าน โดยเจาะบ่อบาดาลจำนวน 26,491 บ่อ ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท โดยใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับเจาะบาดาล จำนวน 1,500 บ่อ ในวงเงิน 366 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน สำหรับส่วน ที่เหลือ และการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน รวมทั้งระบบประปาบาดาล การปรับปรุงและซ่อมแซมระบบ ประปาที่มีอยู่เดิมแต่ใช้งานไม่ได้ ให้มีน้ำสะอาดใช้ได้ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ในวง เงินงบประมาณทั้งสิ้น 33,260 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงิน 8,339 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงิน 16,627 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 8,294 ล้านบาท และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำผิวดิน และก่อสร้างระบบ ประปาที่กำหนดไว้ โดยให้ตั้งงบประมาณดำเนินการตามแผนไว้ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำหรับโอนงบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเลือกดำเนินการเอง หรือซื้อ บริการของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความ พร้อมที่จะดำเนินการเอง และโดยที่โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคดังกล่าวเป็นเรื่อง จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 เห็นชอบในหลักการและ ให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดงบประมาณดำเนิน การไว้ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
| 2520 | รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดสงขลา | กต | 28/06/2548 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไข
ปัญหาภัยแล้งจังหวัดสงขลา โดยสถานการณ์ภัยแล้งจังหวัดสงขลา เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548-16 มิถุนายน 2548 ประกอบด้วยช่วงสถานการณ์ความแห้งแล้ง เริ่มระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 มีพื้นที่ ประสบความแห้งแล้ง 13 อำเภอ 81 ตำบล 450 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 142,481 ครัวเรือน 428,228 คน พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย 23,646 ไร่ พื้นที่สวน 14,079 ไร่ และพื้นที่นา 9,567 ไร่ และ ช่วงสถานการณ์ลดความรุนแรง ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2548 เนื่องจากมีฝนตกบ้างในเขต จังหวัดสงขลา ทำให้พื้นที่ได้รับความเสียหายลดลง แต่ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภค บริโภค ในส่วน ของสถานการณ์ปริมาณน้ำ ไ ด้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองจำไหร มีน้ำใช้คงเหลือ 1.728 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่าง เก็บน้ำคลองหลา มีน้ำคงเหลือ 4.210 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างคลองสะเดา มีน้ำคงเหลือ 25.562 ล้านลูก บาศก์เมตร สำหรับการให้ความช่วยเหลือ โครงการชลประทานสงขลา ได้สูบน้ำช่วยข้าวนาปรังใน 3 อำเภอ คือ อำเภอกระแสสินธุ์ จำนวน 5,800 ไร่ อำเภอระโนด จำนวน 4,500 ไร่ และอำเภอบางกล่ำ จำนวน 500 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีแผนงาน/โครงการแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งระบบของจังหวัดสงขลา ได้แก่ โครงการประปาหมู่ บ้าน จำนวน 17 โครงการ (โครงการท้องถิ่นและงบ CEO) โครงการขุดบ่อบาดาล จำนวน 4 บ่อ (งบท้องถิ่น) และโครงการถังเก็บน้ำ จำนวน 3 โครงการ (งบท้องถิ่น)
|
||||||||||||||||||
.....
