ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 124 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2461 - 2480 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2461 | การแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนสถานศึกษาไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนสถานศึกษา
ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการเกี่ยวกับการถ่ายโอนสถานศึกษาไปยังองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ในชั้นวุฒิสภา แต่ปรากฎว่ายังมีการเคลื่อนไหว คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว จึงมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสมชาย สุนทรวัฒน์) เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปร่วมกันพิจารณาดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด แล้วชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||
| 2462 | สถานการณ์โรคตาแดงระบาดในจังหวัดยะลา อำเภอรามัน อำเภอยะหาและ อำเภอเมือง | สธ | 13/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับสถานการณ์โรคตา
แดงระบาดในจังหวัดยะลา อำเภอรามัน อำเภอยะหา และอำเภอเมือง โดยสถานการณ์ในปี 2548 มีจำนวน ผู้ป่วยโรคตาแดง 1,345 ราย พบผู้ป่วยสูงสุดคือ อำเภอยะหา 369 ราย อำเภอรามัน 278 ราย อำเภอ เมืองยะลา 277 ราย และอำเภออื่น ๆ พบเล็กน้อย ในส่วนของมาตรการดำเนินการได้ออกหน่วยแพทย์ เคลื่อนที่ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลชุมชนในเขตพื้นที่ได้ดำเนินการใน 2 พื้นที่ ได้แก่ หมู่บ้านโต๊ะปาเก๊ะ อำเภอรามัน มีผู้ป่วยทั่วไป 485 ราย เป็นโรคตาแดง 125 ราย และโรงเรียนบาโงยซิแน อำเภอยะหา มีประชาชนมารับบริการ 230 ราย มีโรคตาแดง 8 ราย แนวทางการให้สุขศึกษาและควบคุม การระบาดโรคตาแดงในการสร้างพฤติกรรมแก่ประชาชน อาทิเช่น ควรล้างมือบ่อย ๆ เพราะมือไปจับสิ่ง ของต่าง ๆ อาจมีเชื้อไวรัส อย่าเอามือป้ายตาตนเองหรือไปป้ายตาคนอื่นไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่นให้ผู้ป่วย หยุดอยู่กับบ้าน หากมีการระบาดในโรงเรียนมากควรปิดเรียน น้ำที่ใช้อาบ ล้างหน้า ต้องมีระดับคลอรีนที่ เพียงพอ รวมถึงสระว่ายน้ำ เป็นต้น สำรวจแหล่งน้ำ ล้างบ่อเติมคลอรีน โดยร่วมมือกับท้องถิ่นและจังหวัด เตรียมจัดหาน้ำสะอาดในกรณีเกิดน้ำท่วมซ้ำ
|
|||||||||||||||||||||
| 2463 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองอื่นของกรุงเทพมหานคร และกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 13/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงิน
เดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการ เมืองอื่นของกรุงเทพมหานครและกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดย มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราเบี้ยประชุมกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการที่ผู้ ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อ สังเกตของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอมานี้กำหนดให้ข้าราชการ ลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือพนักงาน หรือลูกจ้างของการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ข้าราช การหรือลูกจ้างของทางราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งมิได้ เป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือพนักงาน หรือลูกจ้างของการพาณิชย์ของกรุง เทพมหานคร และบุคคลภายนอกให้ได้รับเบี้ยประชุมในอัตราที่แตกต่างกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 2464 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแบบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต และการอนุญาตสำหรับโรงงานจำพวกที่ 3 พ.ศ. .... | อก | 13/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแบบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการอนุญาตสำหรับโรงงานจำพวกที่ 3 พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแบบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต และการอนุญาตสำหรับโรงงานจำพวกที่ 3 ใน การประกอบกิจการโรงงาน การขยายโรงงาน การต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เพื่อให้เหมาะ สมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับ ประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และความเห็นของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นว่าการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรมให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ และมาตรฐานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด กระทรวงอุตสาหกรรมควรที่จะกำหนดแนวทางดำเนิน การ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความรู้ ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ วิธีการปฏิบัติ โดยเฉพาะ กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในโรงงานแต่ละประเภทเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ภารกิจใดเป็นของกระทรวงอุตสาห กรรม และส่วนใดเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2465 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานใหญ่ของสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก พ.ศ. .... | ทก | 06/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอร่างพระราช
บัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานใหญ่ของสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก พ.ศ. .... โดย มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์ฝึกอบรมการไปรษณีย์แห่ง เอเชียและแปซิฟิก โดยกำหนดให้สำนักงานใหญ่ของสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิกเป็นนิติบุคคล และให้ถือว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย กำหนดให้สำนักงานได้รับความคุ้มกันและยกเว้นเกี่ยวกับทรัพย์ สินของสำนักงาน ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีท้องถิ่น และบรรดาสิ่งของรวมถึงยานยนต์ ที่สำนักงานนำเข้าให้ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร ฯ ตามที่กำหนด รวมทั้งกำหนดให้ผู้อำนวยการ ผู้ช่วย ผู้อำนวยการ ที่ปรึกษาด้านไปรษณีย์ และคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการของสำนักงานโดยความเห็นชอบของ กระทรวงการต่างประเทศมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีศุลกากร และข้อจำกัดตาม กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตามที่กำหนด ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบุคคลผู้มีสัญชาติไทยหรือผู้มีถิ่นที่อยู่เป็นถาวรใน ประเทศไทย และกำหนดให้สำนักงานมีสิทธิได้รับบริการด้านการสื่อสารไม่น้อยกว่าที่รัฐบาลให้แก่องค์กร ระหว่างประเทศอื่นๆ ในประเทศไทยตามที่กำหนด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2466 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 | อก | 06/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ดินที่ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อ อุตสาหกรรมเซรามิกหรือเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เป็นดินอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ไม่รวมถึงดินที่ใช้ในการ ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาของประชาชนในท้องถิ่น หรือสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่น กรอง ฯ และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา โดยในส่วนของประเด็นอภิปรายคณะกรรม การกลั่นกรอง ฯ เห็นว่า การกำหนดดินชนิดใดให้เป็นแร่ ควรพิจารณากำหนดจากคุณสมบัติหรือลักษณะ ของดิน โดยอาศัยองค์ประกอบทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งควรพิจารณากำหนดการควบคุมให้ชัดเจนว่า จะ ควบคุมเฉพาะเพื่อการประกอบอุตสาหกรรมโดยไม่รวมถึงการนำดินมาใช้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาของประชา ชน (OTOP) และผู้ประกอบการ SMEs แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 2467 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 15/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการวงศึกษาธิการเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ
ประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อกำหนดเรื่องความสมัครใจของครูและผู้บริหารสถานศึกษา และคณะกรรมการ สถานศึกษาที่จะให้โอนสถานศึกษาแห่งนั้นไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้กระทรวงศึกษาธิการประสานผู้เกี่ยวข้องและส่งความเห็นของ คณะกรรมการประสานงานองค์กรครูและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีนายปองพล อดิเรกสาร อดีต รองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2548 ไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
| 2468 | สรุปผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 กรณีนางรัตนา สัจจเทพ ขอความเป็นธรรม | นร | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับผลการดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีนางรัตนา สัจจเทพ ขอความเป็นธรรม โดยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2534 นางรัตนา สัจจเทพ ได้ซื้อที่ดินพร้อมทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 19/556 ซอยบุญส่งโสพิศ ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร กับนายสุทธิจินดา พงษ์โนรี โดยนางรุ่งนภา วาสนาดำรงดี และได้ครอบครองอยู่อาศัยในบ้านดังกล่าว โดยไม่ทราบว่าบริเวณที่ปลูกบ้านอยู่บนที่ดินที่ต้องกันไว้เป็นที่ ว่างตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการพิจารณาแนวทางในการ เจรจากับผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้ขายบ้านและที่ดินให้แก่นางรัตนา สัจจเทพ เพื่อแก้ปัญหาความเดือด ร้อนให้กับนางรัตนาฯ โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายและมอบหมายให้สำนัก งานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกรมที่ดินซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ในการควบคุมการจัดสรรและออกโฉนดที่ดิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการ อนุญาตก่อสร้างเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันมิให้ผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตกระทำการอันเป็นการละเมิด สิทธิของผู้บริโภคเช่นนี้อีก และรองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ได้จัดเตรียมเงินจำนวน 6 ล้านบาท เพื่อมอบให้กับนางรัตนา สัจจเทพ และกำหนดจะมอบแคชเชียร์เช็คตามจำนวนดังกล่าวให้กับ นางรัตนา สัจจเทพ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2548 ณ ทำเนียบรัฐบาล และกำลังประสานกับภาคธุรกิจ เอกชนเพื่อสมทบเงินช่วยเหลืออีกจำนวนหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
| 2469 | การถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใน การถ่ายโอนสถานศึกษาและบุคลากรด้านการศึกษาไปให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องยึดนัก เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยคำนึงถึงคุณภาพ มาตรฐานการศึกษา และประโยชน์ที่นักเรียนจะได้เป็นสำคัญ และ พิจารณาด้านความพร้อมของ อปท. รวมทั้งสถานศึกษา และจะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้ประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของ อปท. ในการรับโอนสถานศึกษา ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นปีแรกที่จะมีการถ่ายโอน ให้กำหนดจำนวนสถานศึกษาที่จะถ่ายโอนไว้ตามที่ กกถ. เสนอ เพื่อเป็นการนำร่องและติดตามประเมินผล กับให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยว ข้องเพื่อแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการถ่ายโอนสถานศึกษาดังกล่าว และ ให้แก้ไขกำหนดเวลาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกันด้วย นอกจากนี้ โดยที่พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอน การกระจายอำนาจได้ใช้บังคับมาระยะหนึ่งแล้ว จึงให้ กกถ. รับไปพิจารณาทบทวนปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้น และแนวทางแก้ไข โดยให้พิจารณารวมถึงการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่ อปท. ด้วย แล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2470 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่อำเภอ/กิ่งอำเภอ และ โครงการพิเศษในจังหวัดนครสวรรค์ | นร | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
แนวทางและข้อสั่งการแก้ไขปัญหาของคณะรัฐมนตรีซึ่งได้เดินทางไปปฏิบัติราชการร่วมประชุมรับทราบปัญหา ของประชาชนในพื้นที่ 13 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ และตรวจเยี่ยมโครงการพิเศษ 7 แห่ง ในจังหวัดนครสวรรค์ โดย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปเร่งรัดดำเนินการ และรายงานผลต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียร ไทย) และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข นำโครงการขนาดใหญ่ที่เสนอไปพิจารณาจัดทำรายละเอียด และจัดลำดับความสำคัญของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Project) ของกระทรวง และให้จังหวัดนคร สวรรค์ปรับเปลี่ยนงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) พร้อมทั้งประสานการใช้งบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และงบประมาณโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน (SML) เพื่อดำเนินโครงการที่มี ลำดับความสำคัญสูงในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในพื้นที่และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด นอก จากนี้ ให้จัดตั้งคณะทำงานกลั่นกรองโครงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็น ทางการนอกสถานที่ในส่วนภูมิภาค เพื่อพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมและจัดลำดับความสำคัญของโครง การที่เสนอและความเหมาะสมของแหล่งงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าว และให้จังหวัด ติดตามและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันการดำเนินโครงการตามข้อสั่งการของคณะรัฐมนตรี และรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
| 2471 | การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยการจัดทำทางระบายน้ำหรือทางลอดถนน(box culvert) | นร | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอันเนื่องมาจากปัญหา
การก่อสร้างทางสายต่าง ๆ กีดขวางทางไหลของน้ำ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เร่งสำรวจข้อมูลทางไหลของน้ำและจุดตัดกับทางสายต่าง ๆ ทั่วประเทศที่จำเป็นจะต้องก่อสร้างหรือแก้ไขให้ เป็นทางระบายน้ำหรือทางลอดถนน (box culvert) โดยให้พิจารณาใช้ระบบ GPS สำรวจ ทั้งนี้ ให้ประสาน กับกระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วจัดส่งข้อมูลจากการสำรวจให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2472 | ผลการพิจารณาต่อมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับ "ยุทธศาสตร์การผังเมืองของประเทศไทย" | สสป | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การผังเมืองของประเทศไทย ใน 2 ประเด็น คือ การพิจารณาย้ายภารกิจด้าน นโยบายผังเมืองจากกระทรวงมหาดไทยไปสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การกำหนดนโยบายและการกำกับดู แลด้านผังเมือง และการจัดทำผังภาค สามารถกระทำได้ด้วยกลไกทางด้านงบประมาณ และการควบคุมทาง กฎหมายบรรลุผลตามเป้าหมายของรัฐ และเป็นอิสระจากงานด้านปฏิบัติ และการจัดสรรบุคลากรด้านผัง เมืองจากหน่วยงานส่วนกลางให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเพียงพอต่อการดำเนินงานตามบทบาท หน้าที่ ตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน ไปประกอบการพิจารณาในการปฏิรูประบบราชการ ในภาพรวมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2473 | การดำเนินการตามโครงการเร่งด่วนสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียงราย และจังหวัดตาก | นร | 25/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่าย
เศรษฐกิจ) ที่มีมติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเร่งด่วนสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียง ราย และจังหวัดตาก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยอนุมัติ ให้จังหวัดเชียงรายสามารถจ่ายเงินค่าชดเชยที่ดินเป็นกรณีพิเศษให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถส่ง มอบพื้นที่ให้กรมศุลกากรดำเนินการจัดตั้ง One Stop Service ชายแดน ณ ด่านแม่สาย 2 ได้ตามระยะเวลา ที่กำหนด ในส่วนของงบประมาณโครงการจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมแม่ระมาด จำนวน 53.16 ล้านบาท เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ประสานสำนักงบประมาณในการขอ รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางปี พ.ศ. 2549 (ค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยน แปลง วงเงิน 27,200 ล้านบาท) และประสานเทศบาลดำเนินการให้เกิดผลทางปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2474 | การจัดตั้งกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | นร | 25/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอดังนี้ เห็นชอบการจัดตั้งกรมการข้าว กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องข้าวทั้งระบบ โดยมีภารกิจ ดังนี้ ศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูปและเศรษฐกิจ ส่งเสริม ถ่ายทอดเทคโนโลยีและผลิตเมล็ดพันธุ์ ดำเนินการในการตรวจสอบรับรองมาตรฐาน คุ้มครองพันธุ์ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมทั้งอนุรักษ์วัฒน ธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ จัดตั้งกรมการข้าวขึ้นมีฐานะเป็นส่วนราชการระดับกรม และให้ ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงาน สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กรมการข้าวที่จะจัดตั้งขึ้น ใหม่ นั้น ควรกำหนดให้เป็นกรมคุณภาพเป็นตัวอย่างสำหรับกรมในอนาคต โดยให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ (function/Job Dcscription) ของหน่วยงานและบุคลากรให้มีความชัดเจน เพื่อคัดสรรบุคลากรไปปฏิบัติภารกิจได้อย่างเหมาะสม และ กำหนดช่องทางที่ให้กรมการข้าวสามารถนำเอาทรัพยากรบุคคล ตลอดจนองค์ความรู้ทางวิชาการจาก ภายนอกองค์กร เช่น สถาบันการศึกษาและวิชาการต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานของกรมได้ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2475 | รายงานผลการจัดโครงการสัมมนา "สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 2 | นร | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ
"สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล" ครั้งที่ 2 วันที่ 6 สิงหาคม 2548 ณ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อชี้แจงและสร้าง ความเข้าใจในนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาลแก่สื่อมวลชนท้องถิ่น ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ และอุทัยธานี ในการนี้ คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำเสนอนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคเหนือตอน ล่างของรัฐบาล รวมทั้งตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ซึ่งมีบางปัญหาที่จะต้องดำเนินการต่อไปโดยรับที่จะนำ มาพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ นอกจากนี้ ได้มีการสัมมนากลุ่มย่อยเรื่อง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ของสื่อมวลชนท้องถิ่น จำนวน 6 กลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงานระหว่างสื่อมวลชนกับภาครัฐ รวมทั้งหาแนวทางให้สื่อท้องถิ่นสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้นซึ่งจะเป็นผลให้ประชาชนได้ รับทราบการดำเนินงานของรัฐบาลได้ดียิ่งขึ้น โดยผลจากการสัมมนากลุ่มย่อย ได้รับทราบถึงความต้องการ ของสื่อมวลชนท้องถิ่น อาทิเช่น ให้มีการแถลงผลการดำเนินงานของภาครัฐที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นและสื่อ มวลชนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ให้ปรับปรุงข้อมูลข่าวสารภาครัฐให้ลงลึกในรายละเอียดของนโยบายสำคัญ ให้ภาครัฐส่งเสริมและพัฒนาช่องทางการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารถึงสื่อท้องถิ่น เป็นต้น และจากการสำรวจความ คิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการจัดสัมมนาครั้งนี้ สื่อมวลชนส่วนใหญ่เห็นว่า ได้รับประโยชน์จากการสัมมนามาก เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้โดยตรงและมากขึ้น สามารถสะท้อนปัญหา ความต้องการของท้องถิ่นให้รัฐบาลได้รับทราบอย่างชัดเจนและทำให้สื่อเข้าใจในนโยบายมากยิ่งขึ้น สำหรับ สิ่งที่สื่อมวลชนรู้สึกพึงพอใจในการเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้มากที่สุด คือ ได้รับฟังการชี้แจงนโยบายและการ บริหารงานของรัฐบาล รวมทั้งการตอบคำถามของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะโฆษก ฯ ส่วน ข้อเสนอแนะของสื่อมวลชนต้องการให้จัดสัมมนาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสม่ำ เสมอ และเพื่อติดตามประเมินผลการทำงานของรัฐบาลและสื่อท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||
| 2476 | รายงานสรุปความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการ CFO | กค | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปความคืบหน้าการดำเนินงานการปรับ
บทบาทและภารกิจคลังจังหวัดเป็นนักบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด (Chief Financial Officer : CFO) สรุปได้ ว่า คลังจังหวัดมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่นักบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด (CFO) เพื่อสนับสนุนการ ดำเนินงานของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยได้วิเคราะห์ เสนอแนะ และให้คำปรึกษาแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในด้าน การคลัง ด้านงบประมาณ ด้านเศรษฐกิจ ด้านบัญชี ตลอดจนประสานงานหน่วยงาน และธนาคารในสังกัด กระทรวงการคลัง เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนในจังหวัด รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาและฝึกอบรมหน่วยงาน ภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในเรื่องบัญชี ตรวจสอบภายใน กฎหมายและระเบียบการเงิน การคลัง และการพัสดุ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์ข้อมูลด้านการเงิน การคลัง การบัญชี เศรษฐกิจ และหนี้สินภาค ประชาชนในจังหวัด ทั้งนี้ ให้หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความร่วมมือใน การดำเนินงานและสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เช่น ข้อมูลด้านการเงิน การคลัง การบัญชี เศรษฐกิจ และ หนี้สินภาคประชาชนในจังหวัด เป็นต้น ให้กับคลังจังหวัดในฐานะนักบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด (CFO) เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2477 | การเตรียมรับงานด้านการปฏิบัติภารกิจการถวายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยฯ | มท | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติม
เกี่ยวกับการถ่ายโอนภารกิจด้านการถวายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในเขตพระราชฐานและที่ประทับใน เขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดไปเป็นภารกิจของสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องจัดตั้ง เป็นกองกำกับการตำรวจถวายความปลอดภัยจากสาธารณภัยและอุบัติภัยเพิ่มเติม ขึ้นในสังกัดสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติแต่ประการใด ทั้งนี้ ให้ระงับการดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็น กองบังคับการหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย พลังงาน ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ครั้งที่ 7/2548 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2548 โดยยกเว้นในส่วนที่เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง ฯ ซึ่งให้ระงับการดำเนินการแล้ว และให้รับความเห็น ของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า การจัดตั้งกองกำกับการตำรวจถวายความปลอดภัยจากสาธารณภัยและ อุบัติภัย สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ถ่ายโอนภารกิจด้านการดับเพลิง พร้อมทั้งอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการดับเพลิงและบุคลากรบางส่วนให้กับกรุงเทพมหานคร รวมทั้ง จัดบุคลากรของตำรวจดับเพลิงเดิมลงตามโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว หากกระทรวง มหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีความ พร้อมในด้านบุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จะปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ก็ให้ประสานกับสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานครเพื่อบูรณาการการปฏิบัติภารกิจ และขอรับการสนับสนุนเรื่อง บุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อไป จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีความพร้อมและ สามารถดำเนินภารกิจดังกล่าวได้ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2478 | การแก้ไขปัญหาสังคมในส่วนของเด็กและเยาวชน | ศธ | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานการแก้ไขปัญหาสังคมในส่วนของเด็ก
และเยาวชน จากรายงานการวิจัย "โครงการเฝ้าระวังรักษาคุณภาพอนาคตเด็กไทย" ของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ระบุประเด็นปัญหารุนแรงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เหล้า/บุหรี่ หนีเรียน ยาเสพติด เพศสัมพันธ์ และการพนันเฉพาะนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร และข้อมูลจากสถาบันรามจิตติ ได้ประเมินสถาน การณ์ของปัญหาเด็กและเยาวชนไทย ได้แก่ การขาดความอบอุ่นในครอบครัว ห่างไกลวัดใช้ชีวิตยามว่างตาม ห้างสรรพสินค้า ใช้มือถือและคุยผ่านอินเตอร์เน็ต ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเล่นพนัน ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้นและ ขาดความรับผิดชอบ ในการนี้ คณะกรรมการอำนวยการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเด็กและเยาวชน กระทรวง ศึกษาธิการ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเยาวชน โดยแบ่งเป็น ยุทธ ศาสตร์ทั่วไปได้เน้นการใช้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่เข้มแข็ง ครูทุกคนต้องช่วยสอดส่องเอาใจใส่ นักเรียนนักศึกษา สถานศึกษาต้องจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนไปมั่วกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม ปรับปรุงการสอนคุณธรรมจริยธรรมในรูปแบบที่เน้นการปฏิบัติจริงและทันสมัย ปรับปรุงเกณฑ์การประเมิน ผลงานครูอาจารย์ กำหนดมาตรฐานที่ชี้วัดความสำเร็จของโรงเรียน ส่งเสริมให้เกิดอาสาสมัคร พนักงานเจ้า หน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นมาทำเกณฑ์เมืองดีน่าอยู่สำหรับเด็ก และยุทธศาสตร์เฉพาะ ได้แก่ การทะเลาะวิวาทเพศ สัมพันธ์ ติดเกมและติดอินเตอร์เน็ต การพนัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ หนีเรียน ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย และ กิจกรรมเยาวชนสร้างสรรค์ สำหรับการดำเนินงานต่อไป กระทรวงศึกษาธิการจะประกาศให้สถานศึกษาและ หน่วยงานในสังกัดทุกแห่งถือเป็นความรับผิดชอบที่จะเป็นแกนนำในการรณรงค์แก้ปัญหาสังคม ที่เกี่ยวกับเด็ก และเยาวชน กำหนดเป้าหมายและแนวทางที่จะวางระบบดูแลนักเรียนนักศึกษา รณรงค์และจัดทำคู่มือเพื่อแก้ ปัญหาเยาวชนในแต่ละประเด็นให้เหมาะสม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดตั้งพัฒนาเครือข่ายผู้ปกครองที่เข้มแข็ง เป็นต้น โดยจะพัฒนาโรงเรียนนำร่องขึ้นในทุกตำบล เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นเรื่องการคิด วิเคราะห์เชิงจริยธรรม จัดให้มีศูนย์กิจกรรมรณรงค์ของชุมชนและจะ ขยายผลให้ครบทุกโรงเรียนภายในปีการศึกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2479 | การประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล | มท | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการประชุมผู้บริหาร
ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 -15 ตุลาคม 2548 ณ โรงแรมรามาการ์เดนส์ โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ได้มี การมีการมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของการ บริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด CEO การวางแผนและการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหา ความยากจนการดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การแก้ไขปัญหาสังคม ปัญหาภัยพิบัติร้ายแรงต่าง ๆ ส่วนประเด็นงานสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ โครงการ SML ที่ดินทำกิน โครงการ ต้นแบบคนรวยช่วยคนจน โครงการถนนคอนกรีตเสริมไม้ไผ่ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การก่อ สร้างฝายต้นน้ำลำธาร การป้องกันแผ่นดินไหว ภัยหนาว ไข้หวัดนกอุบัติเหตุบนถนนหลวง ประปาหมู่บ้าน เงินสะสมในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปัญหาขยะ ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ การเร่งรัดการเบิกจ่าย งบประมาณและการดำเนินการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ สำหรับ แนวทางปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในด้านสังคม ได้แก่ การให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีครอบครัวและคน ในสังคมที่เข้มแข็ง แก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน และยุทธศาสตร์การปรับปรุง คุณภาพด้านการศึกษา รวมทั้งได้ชี้แจงนโยบาย แนวทาง และมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีการผลิต ปี พ.ศ. 2548-2549 การมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ในส่วนของการปรับโครงสร้างการผลิตและแก้ไขปัญหาความยากจน การแก้ไขปัญหาไข้หวัด นก งานมหกรรมพืชสวนโลก และแนวทางการบริหารราชการและการบริหารงบประมาณ โดยที่การ บริหารงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ระบบ GFMIS เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อส่วน ราชการและจังหวัด โดยใช้บันทึกแผนข้อมูลการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณใช้อนุมัติในการจัด สรรการโอนเปลี่ยนแปลงการเบิกจ่าย และการรายงานผล ตลอดจนใช้ในการติดตามเหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง จากการประชุมดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดให้เป็นไปตาม นโยบายสำคัญของรัฐบาลและตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดโดยให้มีการติดตามและรายงานผลเป็น ระยะ
|
|||||||||||||||||||||
| 2480 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือจากพายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย" (เพิ่มเติม) | มท | 11/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย" (เพิ่มเติม) โดยสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 กันยายน-10 ตุลาคม 2548 มีพื้นที่ประ สบภัยรวม 13 จังหวัด 59 อำเภอ 7 กิ่งอำเภอ 217 ตำบล 1,173 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปางเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน กาฬสินธุ์ เพชรบูรณ์ มุกดาหาร อุตรดิตถ์ เลย และตาก ความ เสียหาย ด้านชีวิต ราษฎรเสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บ 7 คน เดือดร้อน 121,238 คน 58,710 ครัวเรือน อพยพ 2,108 คน ด้านทรัพย์สิน ถนน 182 สาย สะพาน 29 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 1 แห่ง ฝาย/พนังกั้นน้ำ 36 แห่ง บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 92 หลัง เสียหายบางส่วน 314 หลัง บ่อปลา/กุ้ง 39 แห่ง โรงเรียน 3 แห่งมูลค่าความเสียหายประมาณในเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย/จังหวัด/อำเภอ/องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเรือท้องแบน และรถยนต์บรรทุก ไปช่วยเหลือและอพยพราษฎรที่ประสบภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัย รวมทั้งสั่งการให้ผู้ว่า ราชการจังหวัดใช้จ่ายเงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านบาท) เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้าน เครื่องอุปโภคบริโภคค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ค่าจัดการศพ และซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ ชำรุดเสียหาย สำหรับพื้นที่การเกษตรและปศุสัตว์ บ่อปลาที่เสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจและจะให้ ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป นอกจากนี้ ได้วิทยุแจ้งไปยังจังหวัด/กรุงเทพมหานครและศูนย์ ปภ.เขต ที่ อยู่ในพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสภาวะน้ำในแม่น้ำ เจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่ง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
.....
