ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 41 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 801 - 820 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
801 | ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการที่ศาลปกครองสูงสุดแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับเลือกจากสมาคมศาลปกครองสูงสุดระหว่างประเทศให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ ครั้งที่ 9 ในปี พ.ศ. 2550 | ศป | 03/08/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการที่ศาลปกครองสูงสุดแห่งราชอาณา
จักรไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการ ครั้งที่ 9 ในปี พ.ศ. 2550 ของสมาคมศาลปกครอง สูงสุดระหว่างประเทศ โดยค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการดังกล่าว ซึ่งจะมีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2550 เป็นจำนวน 23,000,000 บาท ให้สำนักงานศาลปกครองสูงสุดเสนอ ขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 3,700,000 บาท เพื่อดำเนินการในการเตรียมการจัดการประชุมสัมมนาทางวิชา การดังกล่าว ส่วนค่าใช้จ่ายอีกจำนวน 19,300,000 บาท ที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 -2550 ให้สำนักงานศาลปกครองเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2550 ตาม ความจำเป็นและความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
802 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 27/07/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานผลการดำเนินงานในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการที่ถ่ายโอน ไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2547 พิจารณาเห็นว่า เงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อลดช่อง ว่างทางการคลังปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในส่วนที่สำรองไว้ร้อยละ 5 เพื่อแก้ไขปัญหาการกระจายอำนาจ เป็นการสำรองจากเงินอุดหนุนในส่วนที่จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตำบล ประกอบกับได้มีการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 เพิ่มเติมให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น จำนวน 12,300 ล้านบาท ดังนั้น การจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูดังกล่าว รวมไปถึง ข้าราชการที่ถ่ายโอนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อลดช่องว่าง ทางการคลัง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในส่วนที่สำรองไว้ร้อยละ 5 ให้แก่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้อง ถิ่น จำนวน 396,401,200 บาท สำหรับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาให้ใช้จ่ายจากรายได้ของตนเองหรือ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้เพิ่มเติม หรือเงินอุดหนุนอื่นใด |
|||||||||||||||||||||
803 | หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม | นร | 27/07/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนองบประมาณเพิ่มเติม
ให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด จำนวน 500 ล้านบาท จากงบประมาณเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้านบาท) โดยให้ทำความตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบ ประมาณในแต่ละรายการตามความจำเป็นต่อไป |
|||||||||||||||||||||
804 | กระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว จำนวน 2 เรื่อง 1.1 กระทู้ถามที่ 1361 ร. เรื่อง การก่อสร้างหอประชุมอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ 1.2 กระทู้ถามที่ 1362 ร. เรื่อง ปัญหาเครื่องแบบนักเรียนมีราคาแพง (กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา รวม 13 ฉบับ) | นร | 20/07/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1361 ร.
เรื่อง การก่อสร้างหอประชุมอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ของนายไพศาล จันทรภักดี สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ และคำตอบกระทู้ถามที่ 1362 ร. เรื่อง ปัญหาเครื่องแบบนักเรียนมีราคาแพง ของ นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยคำตอบกระทู้ถามที่ 1361 ร. สรุปได้ว่า กรณีการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารที่ว่า การอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้รับคำขอรับการสนับสนุน งบประมาณก่อสร้างอาคารที่ว่าการอำเภอ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา จัดลำดับความสำคัญเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณ โดยที่ว่าการอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ก็จะได้รับ การจัดสรรงบประมาณโดยเร่งด่วนเช่นกัน ส่วนคำตอบกระทู้ถามที่ 1362 ร. สรุปได้ว่า องค์การค้าของคุรุ สภาได้จัดเตรียมเครื่องแบบนักเรียนทุกระดับ ทุกชั้น ทุกขนาด ไว้อย่างเพียงพอต่อการจำหน่าย โดยไม่มีการ ปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด โดยราคาจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียนขององค์การค้าของคุรุสภามีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า ราคาของเอกชนเมื่อเทียบในขนาดเดียวกันและได้มีการพัฒนาคุณภาพเครื่องแบบนักเรียนอย่างต่อเนื่อง นอก จากนี้ องค์การค้าของคุรุสภา ได้มีการช่วยเหลือนักเรียน และผู้ปกครองในช่วงปิดภาคการศึกษาเพื่อเป็นการ แบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครอง โดยได้มีการลดราคาเครื่องแบบนักเรียนร้อยละ 30-50 และได้นำเครื่องแบบ นักเรียนไปจำหน่ายในมหกรรมสินค้าโรงเรียนและห้างสรรพสินค้า เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปกครอง อยู่แล้วเป็นประจำทุกปี |
|||||||||||||||||||||
805 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (โครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร) | มท | 20/07/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร รายงานผลการประชุม
หารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุง เทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2547 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยว กับการจัดตั้งสถาบันหรือศูนย์ฝึกอบรมการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย หรือโรงเรียนการดับเพลิง การ จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ยานพาหนะต่าง ซึ่งที่ประชุม ฯ มีมติเห็นชอบให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานดำเนินการขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมดัง กล่าว โดยให้กรุงเทพมหานครมีส่วนในการพิจารณาองค์ประกอบของสถานที่ รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่อง ใช้ต่าง ๆ ซึ่งกรุงเทพมหานครพิจารณาเห็นว่า จำเป็นต้องซื้อยานพาหนะเพิ่มจำนวน 315 คัน เรือดับเพลิง จำนวน 30 ลำ และครุภัณฑ์ที่จะต้องจัดหาตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้แล้วเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2547 เป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 133.74978 ล้านยูโร หรือ 6,687,489,000.00 บาท นอกจากนี้ ที่ ประชุม ฯ ได้พิจารณาเกี่ยวกับสัดส่วนและจำนวนเงินอุดหนุนต่อกรุงเทพมหานคร โดยมีมติรับหลักการใช้จ่าย เงินงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ร้อยละ 60 และเงินของกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 40 และ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) กับรัฐบาลออสเตรีย ซึ่งรัฐบาลออส เตรียได้แสดงเจตนาชัดเจนยินดีรับพันธะกรณี |
|||||||||||||||||||||
806 | โครงการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง "ทักษิณ คัพ" (THAKSIN CUP) (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | มท | 16/07/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานการจัดทำโครงการแข่งขันกีฬาวอล
เลย์บอลหญิง "ทักษิณ คัพ" (THAKSIN CUP) ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และสงขลา เพื่อให้ประชาชน และเยาวชน กลุ่มสตรี ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังกล่าวได้มีส่วนเข้าร่วมในกิจกรรมการกีฬา เพื่อ สร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ให้เกิดขึ้นกับประชาชนและเยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้กีฬาเป็นสื่อกลางในการประสานความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูสภาวะจิตใจของประชา ชน เยาวชน ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ โดยมีความสุขและสนุกกับการเล่นกีฬา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ บุคคลทั่วไป และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระยะเวลาดำเนิน การระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม 2547-15 มิถุนายน 2548 รวม 11 เดือน งบประมาณโครงการ จำนวน 31,981,500 บาท โดยขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล |
|||||||||||||||||||||
807 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครู ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉาย
แสง) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอขอรับเรื่องการสนับสนุนงบ ประมาณ เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปพิจารณาในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากสำนักงบประมาณมีความเห็นว่า เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น คงเหลือในจำนวนจำกัด และ ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยใช้จ่าย จากงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการใดรายการหนึ่งก่อน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องขอรับการ สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อการนี้ประการใดหรือไม่ จะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
808 | โครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (2547-2551) | กษ | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอโครงการแหล่งน้ำใน
ไร่นานอกเขตชลประทาน โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ ทำการเกษตร บรรเทาปัญหาภัยแล้ง และเพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยมีระยะเวลาดำเนิน การ 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2551 พื้นที่ดำเนินการ ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งทุกจังหวัด โดย การขุดสระน้ำในไร่นา ขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 450,000 บ่อ งบประมาณดำเนินการ จำนวน 3,285 ล้านบาท จำแนกเป็น ค่าใช้จ่ายภาครัฐ จำนวน 2,160 ล้านบาท (บ่อละ 4,800 บาท) และค่าใช้จ่าย ของเกษตรกร จำนวน 1,125 ล้านบาท (บ่อละ 2,500 บาท) โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณภาครัฐ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามความสมัครใจและความ ต้องการของเกษตรกร เพราะเกษตรกรจะต้องออกค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งนอกเหนือจากส่วนที่ทางราชการให้การ สนับสนุนด้วย จึงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่าง ๆ ให้เกษตรกรได้มีความรู้ ความ เข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการ ฯ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดการฝึกอบรมแนวทางการทำ การเกษตรที่เหมาะสม เช่น การเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรที่ผ่านการฝึกอบรม แสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมโครงการ ฯ ด้วยความสมัครใจ แล้วนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำแผนการดำเนิน การและเสนอขอสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ฯ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป |
|||||||||||||||||||||
809 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองศูนย์กลางภาคเหนือตอนบน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | นร | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ (สศช.) เสนอ และให้ สศช. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ ฯ ต่อ ไป โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน รวมทั้งความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางไปตรวจราชการ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในเร็ว ๆ นี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ต่าง ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ ฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป หลังจากที่ได้ทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์เรียบร้อยแล้วตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ ในภาพรวมของยุทธศาสตร์ ฯ ยังไม่ครอบคลุมถึงแผนงาน/โครงการที่จะแก้ ไขปัญหาสังคมต่าง ๆ ในพื้นที่ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่สูง จึงขอให้ สศช. และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการกำหนดแผนงาน/โครงการเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควรต่อ ไป และการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือตอนบนดังกล่าว จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดผลกระทบต่อเขตเมือง เก่า เขตโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งควรอนุรักษ์ไว้โดยกระทรวงมหาดไทยควรเร่งรัดดำเนินการ ให้กฎหมายเกี่ยวกับผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะแล้วเสร็จ และมีผลใช้บังคับโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครง การพัฒนาต่าง ๆ สอดคล้องกับกฎหมายผังเมืองดังกล่าว สำหรับโครงการด้านการพัฒนาระบบการจราจร และขนส่งควรคำนึงถึงการประหยัดพลังงานโดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้การขนส่งทางน้ำ ตลอด จนการสร้างทางรถจักรยานเป็นทางเลือกให้มากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันจังหวัดลำพูนมีการขยายตัวทาง ด้านอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก จึงควรพิจารณาจัดทำโครงการพัฒนาที่มีความเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดลำพูน และเชียงใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว รวมถึงโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค นอกเหนือจากโครงการในด้านการแก้ไขปัญหาการจราจร ส่วนปัญหาการจราจรติดขัดในจังหวัดเชียงใหม่ สมควรเร่งดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ในส่วนของแผน งาน/โครงการตามยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงรายทั้งหมดรวม 4 โครงการซึ่งได้แก่ โครงการปรับปรุงฝายเชียง ราย โครงการผันน้ำแม่กรณ์-แม่กก โครงการอ่างเก็บน้ำดอยงู และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สรวย มอบให้ สศช. พิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำเรื่อง ผลการพิจารณาและบูรณาการแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลางปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียงราย ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลังมารวมพิจารณา ด้วย กับเห็นชอบให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนาเมืองศูนย์กลางความเจริญภาคเหนือตอนบน เชียงใหม่-ลำพูน และการจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นฐานการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ และการ เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างเมือง โดยมอบให้ สศช. รับไปดำเนินการ โดยค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ในวงเงิน 43 ล้านบาท ให้ สศช. ขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามขั้นตอนต่อ ไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนิน งานเร่งรัดการจัดทำผังเมืองให้มีผลบังคับตามกฎหมายโดยเร็ว โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานลง ให้องค์ การบริหารส่วนจังหวัดเป็นกลไกการประสานแผนงานการพัฒนาระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย เฉพาะพื้นที่ส่วนขยายของเมืองกับเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล โดยใช้ผังเมืองเป็นกรอบ และจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาพื้นที่ระหว่างเมืองร่วมกัน คือ เชียงใหม่-ลำพูน โดยใช้ยุทธศาสตร์การ พัฒนาเมืองศูนย์กลางภาคเหนือตอนบนเป็นหลักในการพัฒนา |
|||||||||||||||||||||
810 | การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | พม | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอว่า ตามที่
รัฐบาลมีนโยบายให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดยุทธศาสตร์ด้านความมั่น คง ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ให้ การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสนับสนุนงบประมาณปกติประจำปี 2547 เพื่อดำเนิน โครงการ จำนวน 24 โครงการ เป็นเงิน 47,387,184 บาท และขอรับการสนับสนุนงบประมาณพิเศษจากคณะ กรรมการพัฒนายุทธศาสตร์สำหรับแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาส โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นาย จาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน จำนวน 3 โครงการ เป็นเงิน 27,950,000 บาท ส่วนการดำเนินงานของ หน่วยงานในความรับผิดชอบ ประกอบด้วย การเคหะแห่งชาติ ได้ดำเนินงานในพื้นที่ภาคใต้ ประจำปี 2547 จำนวน 4 โครงการ เป็นเงิน 499,899,000 บาท และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ได้ ดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ เป็นเงิน 56,851,060 บาท นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่น คงของมนุษย์ ได้ขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัดทำความเข้าใจกับประชาชนในเวที ประชาคมเกี่ยวกับโครงการด้านเศรษฐกิจและสังคมของกระทรวง และจัดทำโครงการตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ การสร้างงาน สร้างอาชีพ การแก้ไขปัญหาการว่างงาน และโครงการที่สนับสนุนเด็กและเยาวชน รวมทั้ง มอบหมายนักสังคมสงเคราะห์ทำความเข้าใจและเยี่ยมครอบครัว ผู้ปกครอง พ่อแม่ เด็ก และเยาวชน โดยให้คำ ปรึกษาแนะนำ |
|||||||||||||||||||||
811 | โครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (2547-2551) | กษ | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอโครงการแหล่งน้ำใน
ไร่นานอกเขตชลประทาน โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ ทำการเกษตร บรรเทาปัญหาภัยแล้ง และเพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยมีระยะเวลาดำเนิน การ 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2551 พื้นที่ดำเนินการ ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งทุกจังหวัด โดย การขุดสระน้ำในไร่นา ขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 450,000 บ่อ งบประมาณดำเนินการ จำนวน 3,285 ล้านบาท จำแนกเป็น ค่าใช้จ่ายภาครัฐ จำนวน 2,160 ล้านบาท (บ่อละ 4,800 บาท) และค่าใช้จ่าย ของเกษตรกร จำนวน 1,125 ล้านบาท (บ่อละ 2,500 บาท) โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณภาครัฐ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามความสมัครใจและความ ต้องการของเกษตรกร เพราะเกษตรกรจะต้องออกค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งนอกเหนือจากส่วนที่ทางราชการให้การ สนับสนุนด้วย จึงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่าง ๆ ให้เกษตรกรได้มีความรู้ ความ เข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการ ฯ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดการฝึกอบรมแนวทางการทำ การเกษตรที่เหมาะสม เช่น การเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรที่ผ่านการฝึกอบรม แสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมโครงการ ฯ ด้วยความสมัครใจ แล้วนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำแผนการดำเนิน การและเสนอขอสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ฯ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป |
|||||||||||||||||||||
812 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง ปี พ.ศ. 2547 เพื่อเป็นค่าจัดทำโครงการพัฒนาตามมาตรการผังเมืองในพื้นที่เฉพาะและจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินสองฟากถนนเลียบทางรถไฟเชียงใหม่ - ลำพูน (ระยะที่ 2) (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | มท | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
งบกลาง ปี พ.ศ. 2547 จำนวน 249,367,000 บาท เพื่อเป็นค่าจัดทำโครงการพัฒนาตามมาตรการผังเมือง ในพื้นที่เฉพาะและจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินสองฟากถนนเลียบทางรถไฟเชียงใหม่-ลำพูน (ระยะที่ 2) ประกอบด้วย การปรับปรุงถนนเดิมบางสายทาง ปรับปรุงทางร่วมทางแยกพร้อมระบบสาธารณูปโภค และ การจัดภูมิทัศน์ จำนวนเงิน 100,000,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่ง ให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในส่วนของเครื่องกั้นรถยนต์อัตโนมัติจุดตัดข้ามทางรถไฟ ระบบระบายน้ำตามแนว สายทาง โครงการพัฒนาตามมาตรการผังเมืองถนนสายดอยติ-ลำพูน-แยกเมืองง่า (ฝั่งตะวันตก) รวมทั้ง ศึกษาความเหมาะสมระบบป้องกันน้ำท่วมบริเวณชุมชนสองฟากถนน จำนวนเงิน 149,367,000 บาท ทั้งนี้ สำนักงบประมาณเห็นว่า วงเงินที่เสนอขอรับการสนับสนุนนั้นเป็นวงเงินจำนวนที่สูงมาก และงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น คง เหลือจำนวนจำกัด และยังมีภารกิจในด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นเร่งด่วนรอการจัดสรรอีกเป็นจำนวนมาก จึงไม่ สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม โครงการที่เสนอสามารถแยก ดำเนินการตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วนได้ จึงเห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำรายละเอียดค่า ใช้จ่ายและพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่ได้รับไปดำเนินการในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วนในโอกาสแรกก่อน ส่วนที่เหลือให้ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามความจำเป็นและความเหมาะสมในการ ดำเนินงานต่อไป |
|||||||||||||||||||||
813 | ผลการพิจารณาและบูรณาการแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง ปีงบประมาณ 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียงราย (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กษ | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง ผลการพิจารณาและบูรณาการแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณ งบกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียง ราย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า กรมชลประทานโดยโครงการชลประทานเชียงรายได้ร่วมประชุม คณะทำงานการแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรณีเร่งด่วนลุ่มน้ำลาวและลุ่มน้ำกรณ์เพื่อบูรณาการแผนงานโครงการป้อง กันน้ำท่วมในเขตพื้นที่เศรษฐกิจชุมชน ณ จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2546 โดยที่ประชุมได้กำหนด มาตรการไว้ 2 มาตรการคือ มาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง เป็นมาตรการด้านการจัดการน้ำ และมาตรการใช้สิ่งก่อ สร้าง เพื่อพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ประเภทอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำ ประเภทฝายน้ำล้น และได้กำหนดเป็นแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ งบ ประมาณรวมทั้งสิ้น 4,326.68 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ระยะเร่งด่วน จำนวน 31 โครงการ วงเงิน 420.10 ล้าน บาท ระยะสั้น จำนวน 23 โครงการ วงเงิน 649.77 ล้านบาท และระยะยาว จำนวน 158 โครงการ วงเงิน 3,256.81 ล้านบาท ซึ่งตามแผนงานทั้ง 3 ระยะ มีงานที่กรมชลประทานเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลางในปี พ.ศ. 2547 อยู่จำนวน 4 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 170.119 ล้านบาท คือ โครงการปรับปรุง ฝายเชียงราย โครงการผันน้ำแม่กรณ์-แม่กก โครงการอ่างเก็บน้ำดอยงู และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สรวย นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า ในส่วนของแผนงาน/โครงการ ตามยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงรายทั้ง 4 โครง การ โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมในภาพรวมร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำผลการพิจารณาและบูรณา การแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียงรายให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในครั้งนี้ รวมทั้งความเห็นของกระทรวง การคลัง มารวมพิจารณาด้วย ดังนี้ มาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นมาตรการในการบริหารจัดการน้ำ เช่น การตรวจสอบและสำรวจพื้นที่ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุและแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา การปลูกต้นไม้บริเวณ ต้นน้ำ การติดตั้งระบบเตือนภัย โดยกำหนดเป็นยุทธศาสตร์และแผนงานหลักในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยตาม สภาพพื้นที่ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวที่ช่วยทำให้ไม่เกิดปัญหาเดิมซ้ำอีก ส่วนมาตรการ ใช้สิ่งก่อสร้าง เป็นมาตรการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำมีแนวทางแก้ไขในการที่จะพัฒนาและปรับปรุงแหล่ง เก็บกักน้ำประเภทอ่างเก็บน้ำ และฝายน้ำล้น เพื่อเก็บกักน้ำและชะลอการไหลของน้ำ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะ หน้าที่มีความจำเป็นเร่งด่วน รวมไปถึงการจัดทำแผนงาน/โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยโดยแบ่งแผนงานออก เป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว เป็นการจัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นเร่ง ด่วนและให้เหมาะสมกับเงินงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปี สำหรับโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้ง 4 โครงการ เป็นโครงการที่ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย การแก้ไขจึงต้องมีการวางแผนทั้งระบบแบบบูรณาการทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว โดย จัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน และการขอจัดตั้งงบ ประมาณ นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวเป็นภารกิจหลักของกรมชลประทาน และเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้อง ใช้เงินงบประมาณค่อนข้างสูง โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547-2549 การใช้เงินงบประมาณงบ กลาง ปี พ.ศ. 2547 กรมชลประทานอาจไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ เนื่องจากมีระยะเวลา ที่เหลือในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ประมาณ 3 เดือนเศษเท่านั้น จึงเห็นควรให้กรมชลประทานขอจัดตั้งงบ ประมาณรายจ่ายในปีต่อไปในแผนงานปกติตามความจำเป็นเร่งด่วนของแต่ละโครงการต่อไป ประกอบกับการ จัดทำแผนบูรณาการของกรมชลประทาน ยังไม่มีความชัดเจนในการศึกษาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสามารถดำเนินงานให้ เป็นระบบทั้งในเรื่องแผนงานและระยะเวลาดำเนินการ ดังนั้น เพื่อให้ผลประโยชน์ที่จะเกิดจากโครงการเป็นไป ตามวัตถุประสงค์ที่คาดหมายไว้ เห็นควรให้กรมชลประทานทบทวนแผนบูรณาการในแต่ละโครงการดังกล่าว ให้มีความสมบูรณ์และชัดเจนยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
814 | การสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ สหภาพสากลไปรษณีย์ | ทก | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอให้
ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ของสหภาพสากลไปรษณีย์ รวมทั้ง มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกสหภาพสากลไปรษณีย์ในการ สมัครเข้ารับการเลือกตั้งดังกล่าว ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการด้วยว่าการ แจ้งการสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ของประเทศไทยในครั้งนี้ค่อนข้างล่าช้า เมื่อ เทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่สมัครเข้ารับเลือกตั้งในตำแหน่งต่าง ๆ ของสหภาพสากลไปรษณีย์ ซึ่งได้ดำเนินการ หาเสียงสนับสนุนเป็นการล่วงหน้ามานานแล้ว และการสมัครเข้ารับเลือกตั้งดังกล่าวควรมีการวางแผนล่วง หน้าอย่างน้อย 1 ปี เพื่อป้องกันมิให้มีการแย่งคะแนนเสียงสนับสนุน โดยควรจะหารือกับกระทรวงการต่าง ประเทศเป็นการล่วงหน้าเพื่อให้ทราบถึงภาพรวมของการเลือกตั้งในกรอบสหประชาชาติและองค์การระหว่าง ประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายให้ดำเนินการขอรับการสนับ สนุนจากประเทศสมาชิกของสหภาพสากลไปรษณีย์แล้ว กระทรวงการต่างประเทศขอสงวนสิทธิ์ที่จะเป็นผู้ ตัดสินใจในการให้การสนับสนุนประเทศผู้สมัครอื่น ๆ รวมทั้งการแลกเสียงสนับสนุนข้ามองค์การระหว่าง ประเทศอื่น ๆ เพื่อผลประโยชน์ของการได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนในองค์กรที่มีความสำคัญ อาทิเช่น การ สมัครของไทยในตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม (ECOSOC) ต่อไป นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือเป็นหลักปฏิบัติว่า การสมัครเข้ารับเลือกตั้งใน ตำแหน่งต่าง ๆ ขององค์การระหว่างประเทศ ควรมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี เพื่อป้องกันมิให้มี การแย่งคะแนนเสียงสนับสนุนที่ไทยควรจะได้รับในการสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งที่มีความสำคัญ ดังนั้น จึงควรที่หน่วยงานต่าง ๆ จะได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศเป็นการล่วงหน้าเพื่อให้ทราบถึงภาพรวม ของการเลือกตั้งในกรอบสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
815 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้และวงเงินบาทสมทบโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการพัฒนา ฝีมือแรงงาน | รง | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้และวงเงินบาท
สมทบโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการพัฒนาฝีมือแรงงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2539 จากกรอบวงเงินกู้ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกรอบวงเงินกู้ 66.494 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกรอบวงเงินบาท สมทบ 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกรอบวงเงินบาทสมทบ 53.236 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอนุมัติตามความเห็น ของสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงแรงงานเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำนวน 1,184,909.45 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 47,396,378 บาท (ใช้อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 40 บาท) เพื่อชำระ หนี้ตามสัญญา โดยให้มีการเพิ่ม-ลดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันชำระ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานปรับแผนการปฏิบัติ งานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยปรับลดกิจกรรม/โครงการที่มีความจำเป็น ในลำดับต่ำหรือหมดความจำเป็น โดยชะลอ ปรับลดเป้าหมาย หรือยกเลิกการดำเนินงานเพื่อนำงบประมาณดัง กล่าวมาใช้จ่ายในการนี้เป็นลำดับแรก และหากดำเนินการปรับแผนแล้วยังมีงบประมาณไม่เพียงพอก็ให้กระทรวง แรงงานเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในส่วนที่ยังขาดอยู่ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
816 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 3 และขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 4 | พม | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยว
กับการขอก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 3 และขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครง การบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 4 โดยในส่วนของโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะ 3 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อ วันที่ 7 สิงหาคม 2546 ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และโดยที่การเคหะ ฯ ได้รับการ จัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้าง ศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 1,000 ล้านบาท รวมทั้งได้พิจารณาให้ความ เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ในเบื้องต้น จำนวน 3,600 ล้านบาท รวมกับงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 1 และ 2 จำนวน 67.122 ล้านบาท รวมเป็นงบประมาณที่การเคหะ ฯ จะนำมาดำเนินการได้ เป็นงบประมาณทั้งสิ้น 4,667.122 ล้าน บาท หรือประมาณ 60,000 หน่วย ซึ่งหากการเคหะ ฯ มีความจำเป็นเร่งด่วนจะต้องดำเนินการโดยทำสัญญา ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามความจำเป็นของการปฏิบัติงาน ก็เห็นเป็นการสมควรที่กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะนำเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามนัยมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธี การงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 4 คณะรัฐมนตรีได้ ให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว ซึ่งการเคหะ ฯ จะต้องจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ พร้อมจะดำเนินการ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีในรายละเอียดเพื่อให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะดำเนิน การต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
817 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการป้องกันอุทกภัย จังหวัดปทุมธานี | กษ | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย
กรมชลประทาน ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อ การเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 57,000,000 บาท เพื่อ ดำเนินการก่อสร้างระบบป้องกันอุทกภัยตามโครงการป้องกันอุทกภัยจังหวัดปทุมธานี เพิ่มเติมจากที่ได้รับ การจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไว้แล้ว ส่วนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งและอาคาร ประกอบคลองบางนางจีน วงเงิน 18,056,000 บาท และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
818 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย เพื่อดำเนินงาน/โครงการ ตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) | คค | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ ยั่งยืนของประเทศ (งบกลางปี 2547) เพื่อให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการตามมติคณะกรรมการจัดระบบ การจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 ในส่วนของสำนักงานนโยบายและ แผนการขนส่งและจราจร จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ งานศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครงการระบบขนส่ง ทางรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน และบางซื่อ-หัวลำโพง งานศึกษาและออกแบบรายละเอียดศูนย์ คมนาคมตากสินและทางรถไฟสายแม่กลอง (ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย) งานศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครง การระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณ ฑล (รังสิต-สถานีบ้านภาชี, มักกะสัน-ฉะเชิงเทรา, ตลิ่งชัน-นครปฐม และมหาชัย-ปากท่อ) กรมทางหลวง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างเส้น ทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) โครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อควบคุมผู้ออกแบบและพิจารณา ข้อเสนอของผู้ลงทุนโครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) และการรถไฟฟ้าขนส่ง มวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจ้างที่ปรึกษาทบทวนและจัดทำแบบกรอบ รายละเอียด (Definitive Design) และเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและสายใหม่ของ รฟม. และโครงการว่าจ้างดำเนินการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ตามแนวสายทางโครงการส่วนต่อขยายและสาย ใหม่ของ รฟม. รวม 7 โครงการ วงเงินรวม 1,612.436 ล้านบาท โดยให้ทั้ง 3 หน่วยงานขอทำความตกลงราย ละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงการทั้ง 7 โครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่ ดังนั้น หากโครงการใดยังไม่ได้ทำการศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของ โครงการ (feasibility study) ก็ให้ดำเนินการเพิ่มเติมด้วย โดยให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและ แผนการขนส่งและจราจร) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปตรวจสอบ และในกรณีที่โครงการใดต้องมีการศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการเพิ่มเติมก็อาจดำเนินการควบ คู่ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการได้ สำหรับการจ้างออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างเส้นทางลัดสู่ภาค ใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) ควรพิจารณาให้มีการรับประกันทางวิชาชีพ (Professional Indemnity Insurance หรือ P.I.) จากผู้ออกแบบเพื่อรับผิดชอบต่อความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการออกแบบไปพิจารณา ดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
819 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย เพื่อดำเนินงาน/โครงการ ตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) | คค | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ ยั่งยืนของประเทศ (งบกลางปี 2547) เพื่อให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการตามมติคณะกรรมการจัดระบบ การจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 ในส่วนของสำนักงานนโยบายและ แผนการขนส่งและจราจร จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ งานศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครงการระบบขนส่ง ทางรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน และบางซื่อ-หัวลำโพง งานศึกษาและออกแบบรายละเอียดศูนย์ คมนาคมตากสินและทางรถไฟสายแม่กลอง (ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย) งานศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครง การระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณ ฑล (รังสิต-สถานีบ้านภาชี, มักกะสัน-ฉะเชิงเทรา, ตลิ่งชัน-นครปฐม และมหาชัย-ปากท่อ) กรมทางหลวง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างเส้น ทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) โครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อควบคุมผู้ออกแบบและพิจารณา ข้อเสนอของผู้ลงทุนโครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) และการรถไฟฟ้าขนส่ง มวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจ้างที่ปรึกษาทบทวนและจัดทำแบบกรอบ รายละเอียด (Definitive Design) และเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและสายใหม่ของ รฟม. และโครงการว่าจ้างดำเนินการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ตามแนวสายทางโครงการส่วนต่อขยายและสาย ใหม่ของ รฟม. รวม 7 โครงการ วงเงินรวม 1,612.436 ล้านบาท โดยให้ทั้ง 3 หน่วยงานขอทำความตกลงราย ละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงการทั้ง 7 โครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่ ดังนั้น หากโครงการใดยังไม่ได้ทำการศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของ โครงการ (feasibility study) ก็ให้ดำเนินการเพิ่มเติมด้วย โดยให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและ แผนการขนส่งและจราจร) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปตรวจสอบ และในกรณีที่โครงการใดต้องมีการศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการเพิ่มเติมก็อาจดำเนินการควบ คู่ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการได้ สำหรับการจ้างออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างเส้นทางลัดสู่ภาค ใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) ควรพิจารณาให้มีการรับประกันทางวิชาชีพ (Professional Indemnity Insurance หรือ P.I.) จากผู้ออกแบบเพื่อรับผิดชอบต่อความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการออกแบบไปพิจารณา ดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
820 | กระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว จำนวน 3 เรื่อง 1.1 กระทู้ถามที่ 1105 ร. เรื่อง ส่งเสริมการเลี้ยงอูฐ 1.2 กระทู้ถามที่ 1309 ร. เรื่อง ส่งเสริมการท่องเที่ยวไร่องุ่น จังหวัดชัยภูมิ 1.3 กระทู้ถามที่ 1315 ร. เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยว "ดอกกระเจียวบาน" จังหวัดชัยภูมิ | นร | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามของนายนิยม
วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี รวม 3 เรื่อง ได้แก่ กระทู้ถามที่ 1105 ร. เรื่อง ส่งเสริมการ เลี้ยงอูฐ กระทู้ถามที่ 1309 ร. เรื่อง ส่งเสริมการท่องเที่ยวไร่องุ่น จังหวัดชัยภูมิ และกระทู้ถามที่ 1315 ร. เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยว "ดอกกระเจียวบาน" จังหวัดชัยภูมิ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดย สาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามดังกล่าวสรุปได้ดังนี้ คำตอบกระทู้ถามที่ 1105 ร. กรมปศุสัตว์ได้มีการนำอูฐ เข้ามาในประเทศไทยเพื่อการทำวิจัยเมื่อปี พ.ศ. 2538 ซึ่งผลการวิจัยพบว่า การผลิตอูฐภายใต้สภาพแวดล้อม ภูมิอากาศของประเทศไทย สามารถเลี้ยงและขยายพันธุ์ได้เช่นเดียวกับการเลี้ยงในแถบทะเลทราย สำหรับโครง การวิจัยเพื่อการผลิตอูฐในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาค้นคว้าเพื่อหาแนวทางและความเป็นไปได้ใน การส่งเสริมการเลี้ยงให้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ คำตอบกระทู้ถามที่ 1309 ร. การพัฒนาไร่องุ่นให้เป็นแหล่งท่อง เที่ยวของจังหวัดชัยภูมิ ให้มีความสะดวกสบายและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทยยินดีที่จะประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไร่องุ่น จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนในวงกว้างต่อ ไป อย่างไรก็ตาม การพัฒนาไร่องุ่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ชัยภูมิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถตั้งงบประมาณเสนอโครงการพร้อมรายละเอียดที่จะขอรับการสนับ สนุนต่อคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัด และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบ ก็จะเสนอ โครงการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของโครงการงบประมาณเชิงบูรณา การเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2549 ต่อไป ส่วนกระทู้ถามที่ 1315 ร. รัฐบาลมีนโยบาย ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดชัยภูมิ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จังหวัดได้ส่งแผนงาน/โครงการเพื่อ ขอรับการสนับสนุนเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ส่วนการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยว ดอกกระเจียวบาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จังหวัดชัยภูมิ โดยผู้ว่าราชการจังหวัด (CEO) ได้มอบหมาย ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิเป็นเจ้าภาพจัดงานร่วมกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงามและกรมป่าไม้ อำเภอ เทพสถิต ตำรวจ เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งในพื้นที่อำเภอเทพสถิต หอการค้า จังหวัดชัยภูมิ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ โดยมีการแบ่งความรับผิดชอบหลัก ดังนี้ งานประชาสัมพันธ์ แถลงข่าวติดตั้งป้าย มอบหมายให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้รับผิดชอบ งานพิธีเปิด มอบหมาย ให้หอการค้าจังหวัดชัยภูมิ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้รับผิดชอบ งานการเจรจาและการอำนวย ความสะดวกอื่น ๆ มอบหมายให้ตำรวจ เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล และอำเภอเทพสถิตเป็นผู้รับ ผิดชอบ และงานสถานที่มอบหมายให้อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และกรมป่าไม้ เป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับกรณี ที่จะให้กองทัพภาคที่ 2 มาร่วมกันเพื่อสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวก็จะมีส่วนสำคัญที่จะ ให้มีการประชาสัมพันธ์ แ ละมีกิจกรรมเพิ่มเพื่อเสริมสร้างให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้นโดยอาจ มีการเพิ่มกิจกรรมต่าง ๆ ของกองทัพภาคที่ 2 เข้ามาเสริมในงาน เช่น กิจกรรมการโดดร่ม การจัดนิทรรศการ แสดงยุทโธปกรณ์ในงาน เป็นต้น |
.....