คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 881 ร. เรื่อง กรณีส่วนบริหาร
เครื่องจักรกล  สำนักเครื่องกล และสื่อสาร กรมทางหลวงเช่าเครื่องจักรและรถต่าง  ๆ  กับเอกชน   และกรณีกรมทาง
หลวงให้เอกชนเช่า  ของนายนิยม  วรปัญญา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  กระทู้ถามที่ 902 ร. เรื่อง การ
แก้ไขปัญหาน้ำท่วมอันเนื่องมาจากถนนลาดยางของกรมทางหลวงของนายสุรศักดิ์ นาคดี  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดบุรีรัมย์  และกระทู้ถามที่  912  ร. เรื่อง การก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงชนบทสาย นศ. 4132 บ้านคลอง
โสม - บ้านลานช้าง  อำเภอทุ่งสง  จังหวัดนครศรีธรรมราช  ของนายประกอบ  รัตนพันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดนครศรีธรรมราช  รวม  3  เรื่อง  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป
ได้ดังนี้ (1)  กระทู้ถามที่  881  ร.  ปัจจุบันส่วนบริหารเครื่องจักรกล  สำนักเครื่องกลและสื่อสาร  กรมทางหลวง  มี
เครื่องจักรให้เช่าใช้งาน 14,929 คัน/เครื่อง  อยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ 119 หน่วยงาน  โดยอัตราค่าเช่า
เครื่องจักรแยกเป็นเครื่องจักรกลรายปี รายวัน  และรายชั่วโมง  ส่วนนโยบายที่จะให้เอกชนเช่ารถเพื่อใช้งานก่อสร้าง
ได้ชลอโครงการนี้ไว้ก่อน  รวมไปถึงการขอเช่ารถบดดิน  รถบดอัดลูกรังและหินคลุกจากเอกชน  ขณะนี้มีเพียงพอต่อ
การใช้งานจึงไม่มีความจำเป็นที่จะเช่าจากเอกชน   สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2543  มีรายได้
826.36 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย 1,020.42 ล้านบาท  ปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  มีรายได้ 811.02 ล้านบาท  มีค่าใช้
จ่าย 843.08 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  มีรายได้ 791.08 ล้านบาท  มีค่าใช้จ่าย 963.08 ล้านบาท  และ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายได้ค่าเช่าในส่วนของงานบำรุงทาง 510,584,000.00
บาท และงานก่อสร้างทาง  รวม  810,678,000.00  บาท  (2)  กระทู้ถามที่  902  ร. กรมทางหลวงจะดำเนินการ
แก้ไขปรับปรุงถนนสายสตึก - ทางพาด ช่วงที่ผ่านกลางเทศบาลแคนดง กิ่งอำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์  เพื่อแก้ไข
ปัญหาน้ำท่วมในปี พ.ศ. 2546 โดยขยายเป็น 4 ช่องจราจร มีท่อระบายน้ำ พร้อมทางเท้าและไฟฟ้าแสงสว่าง วงเงิน
ค่าก่อสร้าง  19.9941  ล้านบาท  อยู่ระหว่างประกวดราคาหาตัวผู้รับจ้าง  และ  (3)  กระทู้ถามที่ 912 ร. องค์การ
บริหารส่วนตำบลได้ก่อสร้างทางหลวงชนบท รพช.  สาย 4132 (สายบ้านคลองโสม - บ้านลานช้าง) อำเภอทุ่งสง 
จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นถนนลาดยางเพิ่มเติมอีก  1.650  กิโลเมตร  เหลือระยะทางที่เป็นลูกรังอีกราว  2.250 
กิโลเมตร ซึ่งจะได้พิจารณาจัดเข้าแผนงาน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 370 เรื่อง ขอให้ลาดยาง
ถนนภายในหมู่บ้าน  ของนายสมชัย   ฉัตรพัฒนศิริ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา  และมอบให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป   โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้
ว่า  (1)  ถนนสาย นม 2010 บ้านหญ้าคา-บ้านหนองหัวฟาน  ตำบลเมืองนาท  อำเภอขามสะแกแสง  จังหวัด
นครราชสีมา ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว เหลือระยะทางที่เป็นถนนลูกรัง 8.225 กิโลเมตร
เป็นถนนโครงข่ายสายรอง  ประชาชนสามารถใช้สัญจรไปมาเชื่อมโยงกับเส้นทางอื่น ๆ ได้จัดลำดับความสำคัญ
เพื่อจัดเข้าแผนงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขีดความสามารถของงบประมาณของประเทศต่อไป (2)
ถนนสาย นม 3197 บ้านโนนเต็ง-บ้านหนองม่วง ตำบลหนองมะนาว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา  ได้รับงบ
ประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว เหลือระยะทางที่เป็นถนนดิน 8.70 กิโลเมตร เป็นประเภทถนนในท้อง
ถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องพิจารณาถึงความจำเป็นในการก่อสร้างของท้องถิ่นตนเอง ทั้งนี้ ท้องถิ่น
ที่ขาดแคลนงบประมาณและบุคลากร สามารถร้องขอให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาบรรจุโครงการถนนที่ได้
จัดลำดับความสำคัญแล้วในท้องถิ่นของตนเอง (3) ถนนสาย นม 2297 บ้านโนนเต็ง-บ้านโนนปอแดง ตำบล
หนองบัว  อำเภอคง  จังหวัดนครราชสีมา   ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว   เหลือระยะทางที่
เป็นถนนดิน  15.23  กิโลเมตร  เป็นถนนโครงข่ายสายรอง  สามารถเชื่อมออกไปสู่ถนนทางหลวงแผ่นดิน ได้
จัดลำดับความสำคัญเพื่อจัดเข้าแผนงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขีดความสามารถของงบประมาณ
ของประเทศต่อไป  (4)  ถนนสาย  นม  3262  บ้านกุดไผ่-บ้านห้วยสามขา  ตำบลทัพรั้ง  กิ่งอำเภอพระทอง
คำ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว เหลือระยะทางที่เป็นถนนดิน 9.340
กิโลเมตร เป็นประเภทถนนในท้องถิ่น จะพิจารณาดำเนินการในลักษณะเดียวกับ สาย นม 3197  ทั้งนี้  ถนน
สายทางทั้ง 4 สาย  อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลและจัดลำดับความสำคัญให้เหมาะสมกับกรอบงบประมาณ
ปี  พ.ศ. 2547  จึงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าถนนดังกล่าวจะได้รับจัดสรรงบประมาณในปี  พ.ศ. 2547  หรือ
ปีต่อไป หากประชาชนมีความเดือดร้อนหรือไม่สะดวกในด้านการใช้ถนนสามารถร้องขอผ่านองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นไปยังสำนักงานสาขาของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทในจังหวัดนั้น ๆ เพื่อขอความร่วม
มือในการปรับปรุงถนนดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 915 ร. เรื่อง  การก่อสร้าง
และปรับปรุงทางหลวงชนบทสาย นศ. 4110  บ.คลองจัง-บ.สหกรณ์  อำเภอทุ่งสง  จังหวัดนครศรีธรรมราช  ของ
นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น กระทู้ถามที่ 916 ร. เรื่อง การก่อสร้างและปรับ
ปรุงทางหลวงชนบทสาย นศ. 3194 บ้านหนองเหรียง-บ้านคลองจัง อำเภอทุ่งสง อำเภอนาบอน  จังหวัดนครศรี
ธรรมราช และกระทู้ถามที่ 917 ร. เรื่อง  การก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงชนบทสาย  นศ. 4186  บ.ทุ่งควาย-
บ.ไสส้าน  อำเภอทุ่งสง  จังหวัดนครศรีธรรมราช  ของนายประกอบ  รัตนพันธ์   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด
นครศรีธรรมราช รวม 3 เรื่อง และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ดังนี้
(1)  กระทู้ถามที่  915  ร.   การขอปรับปรุงถนนลูกรังให้เป็นถนนลาดยาง   กรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาจัด
เข้าแผนงาน/โครงการต่าง ๆ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป  ส่วนการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวง
ชนบทรพช.  สาย นศ. 4110 (สายบ้านคลองจัง-บ้านสหกรณ์) กรมทางหลวงชนบทได้ก่อสร้างเป็นทางลาดยาง
แล้วระยะทาง 1.775 กิโลเมตร และได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 1.300 กิโลเมตร คงเหลือ
ระยะทางที่เป็นลูกรัง 8.925 กิโลเมตร  จะจัดเข้าแผนงานเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป  (2)
กระทู้ถามที่ 916 ร. กรมทางหลวงชนบทได้ตรวจสอบทางหลวงชนบท  รพช. สาย 3194 (สายบ้านหนองเหรียง
-บ้านคลองจัง) อำเภอทุ่งสง  จังหวัดนครศรีธรรมราช   ซึ่งได้รับงบประมาณก่อสร้างปรับปรุงเป็นถนนลาดยาง
แล้ว 3.550 กิโลเมตร  คงเหลือระยะทางอีกประมาณ 4.300 กิโลเมตร  กรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาถึงความ
จำเป็นเร่งด่วน    แล้วจัดลำดับความสำคัญเพื่อจัดเข้าแผนงานตามงบประมาณที่จะได้รับจัดสรรจากรัฐบาลต่อไป
(3) กระทู้ถามที่ 917 ร. กรมทางหลวงชนบทได้ตรวจสอบทางหลวงชนบท รพช. สาย 4186 (สายบ้านทุ่งควาย
-บ้านไสส้าน) อำเภอทุ่งสง   จังหวัดนครศรีธรรมราช   ซึ่งได้รับงบประมาณก่อสร้างปรับปรุงเป็นถนนลาดยาง
แล้ว 2.900 กิโลเมตร คงเหลือระยะทางอีกประมาณ 15.600 กิโลเมตร กรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาถึงความ
จำเป็นเร่งด่วน แล้วจัดลำดับความสำคัญเพื่อจัดเข้าแผนงานตามงบประมาณที่จะได้รับจัดสรรจากรัฐบาลต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  859 
ร. เรื่อง การก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงสายบ้านดาหลำ-บ่อหิน ตำบลเขาขาว อำเภอละงู  จังหวัดสตูล 
และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป   โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า   (1)   ถนนสายบ้านดา
หลำ-บ่อหิน เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท แต่เนื่องจากการปรับปรุงกระทรวง
ทบวง  กรม   โดยกรมทางหลวงชนบทเป็นหน่วยงานที่เกิดจากการรวมหน่วยงานด้านถนนของกรมโยธาธิ
การ และกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท จึงจำเป็นจะต้องจัดระบบการบริหารงานให้สอดคล้องกับภารกิจตาม
ที่กฎกระทรวงกำหนด  และกำลังจะดำเนินการศึกษาถนนทั้งหมดที่เคยอยู่ในความรับผิดชอบว่าสอดคล้อง
กับภารกิจหลักหรือไม่  หากสายทางดังกล่าวมีความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ  แล้ว  กรมทางหลวงชนบทจะ
พิจารณาจัดลำดับความสำคัญและจัดเข้าแผนในการของบประมาณเพื่อสนับสนุนต่อไป  (2) การปรับปรุง
ถนนลูกรังให้เป็นถนนลาดยาง     ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในอันที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านคมนาคม   แต่เนื่องจากงบประมาณที่จำกัดและภาระที่จะต้องพัฒนาประเทศอีกหลายด้าน ซึ่งทุกด้าน
ก็จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาทั้งสิ้น  หากถนนดังกล่าวมีความเหมาะสมในด้านต่าง  ๆ   แล้ว 
กรมทางหลวง ฯ จะพิจารณาจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่  860  ร. 
เรื่อง การก่อสร้างปรับปรุงทางหลวงสายบ้านห้วยไทร-บ้านผัง 41-บ้านผัง 36 ของนายสนั่น สุธากุล สมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสตูล  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้
ว่า  (1)  ถนนสายบ้านห้วยไทร- อำเภอละงู-บ้านผัง  41-บ้านผัง  36  เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ
กรมทางหลวงชนบท  แต่เนื่องจากการปรับปรุงกระทรวง  ทบวง  กรม  โดยกรมทางหลวงชนบทเป็นหน่วยงาน
ที่เกิดจากการรวมหน่วยงานด้านถนนของกรมโยธาธิการ และกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท  จึงจำเป็นจะต้องจัด
ระบบการบริหารงานให้สอดคล้องกับภารกิจตามที่กฎกระทรวงกำหนด  และกำลังจะดำเนินการศึกษาถนนทั้ง
หมดที่เคยอยู่ในความรับผิดชอบว่าสอดคล้องกับภารกิจหลักหรือไม่   หากสายทางดังกล่าวมีความเหมาะสมใน
ด้านต่าง ๆ แล้ว กรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและจัดเข้าแผนในการของบประมาณเพื่อ
สนับสนุนต่อไป  (2) การปรับปรุงถนนลูกรังให้เป็นถนนลาดยาง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในอันที่
จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แต่เนื่องจากงบประมาณที่จำกัด และภาระที่จะต้องพัฒนาประเทศอีก
หลายด้าน  ซึ่งทุกด้านก็จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาทั้งสิ้น  หากถนนดังกล่าวมีความเหมาะสมใน
ด้านต่าง ๆ แล้ว กรมทางหลวง ฯ จะพิจารณาจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป

        คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 707 ร. 
เรื่อง แผนพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์  ของนายสุขุมพงศ์  โง่นคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดกาฬสินธุ์  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า  (1) 
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้กำหนดกลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยว ในแผนพัฒนาการ
ท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์  โดยได้เร่งพัฒนาการท่องเที่ยวบริเวณรอบเขื่อนลำปาว ส่งเสริมให้มีการผลิต
สินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน ดำเนินการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง อบรมบุคลากร
ด้านการท่องเที่ยว  ให้มีการลงทุนในธุรกิจและบริการต่าง ๆ  และประสานงานกับจังหวัดอื่น ๆ  ในการ
เชื่อมต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดอื่น ๆ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อ
พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด ส่งเสริมการผลิต ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ดนตรีพื้นบ้าน ส่งเสริมการท่อง
เที่ยวแบบ homestay  ตลอดจนดูแลรักษากิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวเดิม  ให้มีการวางผังเมือง  ระบบ
สาธารณูปโภค และสนับสนุนเอกชนให้ลงทุนในด้านการท่องเที่ยว โดยภาครัฐร่วมมือกับเอกชน  ทั้งนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ททท. ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการศึกษา จัดทำแผน
ปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว กลุ่มจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ อุดรธานี และหนองคาย ได้มอบหมาย
ให้ศูนย์บริหารวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผู้ดำเนินการศึกษา และ (2) การจัดสรรงบประมาณ
สนับสนุนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวตามแผนบูรณาการงบประมาณด้านการท่องเที่ยว ในปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2546 หน่วยงานที่ต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว สามารถขอรับ
การสนับสนุนผ่านหน่วยงานต้นสังกัด ภายใต้งบประมาณปกติ ซึ่งสำนักงบประมาณจะเป็นผู้พิจารณาจัด
สรรต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นชอบในหลักการให้กองทัพเรือดำเนิน
การรื้อถอนปรับปรุงอาคารกรมสวัสดิการทหารเรือ การเช่าอาคารของเอกชนเป็นที่ทำการชั่วคราว ของกรมสวัสดิ
การทหารเรือและการก่อสร้างอาคารกรมสวัสดิการทหารเรือใหม่ทดแทน ภายในวงเงินไม่เกิน 90,216,000 บาท
โดยดำเนินการในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546-2547  รวมระยะเวลา  2 
ปี สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2546  งบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค  2003  จำนวน  53,313,000  บาท 
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547   ให้กองทัพเรือทำความตกลง
ในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอมติคณะกรรมการกำกับ เร่งรัด
และติดตามการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้า ครั้งที่ 1/2546 ซึ่งคณะกรรม
การกำกับ  ฯ  ได้มีมติรับทราบและเห็นชอบเรื่องต่าง  ๆ  ดังนี้  (1)  ผลความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเป็นเงิน
สดแทนการจัดหาปัจจัยการผลิต  (2)  ผลความคืบหน้าในการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง  ๆ   ที่คณะกรรมการ
กำกับ  ฯ   ได้อนุมัติในหลักการการใช้จ่ายงบประมาณจากเงินงบกลาง  วงเงิน  6,589,468,291  บาท  (3)  การ
อนุมัติเงินประจำงวดตามมติคณะกรรมการกำกับ  ฯ  (4)  การขออนุมัติเงินงบกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ของจังหวัด ผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  (5) การขอรับการสนับสนุนงบกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยของกรมชลประทาน (6) การขออนุมัติเงินงบกลางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินของทางราช
การ   ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   และกรมประชาสัมพันธ์  (7)  จังหวัดแม่ฮ่องสอนขอยกเว้นระเบียบกระทรวง
การคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน  พ.ศ. 2538       และที่แก้ไขเพิ่มเติม 
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2540 และ (8) สรุปผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับ ฯ ในการให้ความช่วยเหลือราษฎร
ผู้ประสบอุทกภัยในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้าในภาพรวม

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริหาร
กองทุนโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรีย ครั้งที่ 4  ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 มกราคม 2546  ณ  นครเจนีวา 
สมาพันธรัฐสวิส ผลการประชุมมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ (1) การพิจารณาโครงการที่ขอรับการสนับสนุนในรอบ
ที่  2   ซึ่งมีโครงการที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการทางวิชาการให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน  ฯ
รวม 98 โครงการ เป็นโครงการจากประเทศไทย จำนวน 2 โครงการ  ได้แก่  โครงการด้านโรคเอดส์  (มุ่งเน้น
การรักษาการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก  และการป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มประชากรอพยพ)  และโครง
การด้านการควบคุมป้องกันโรคมาเลเรีย (2) การเลือกตั้งประธานและรองประธานคณะกรรมการ  ที่ประชุม
มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ (น.พ. สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ) ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารกองทุนเป็น
เวลา  1  ปี   และ  ฯพณฯ Tommy  Thompson  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐ ฯ  ได้รับเลือก
เป็นประธานคณะกรรมการ และ (3) การจัดประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนครั้งที่ 6  ที่ประชุมมีมติเป็น
เอกฉันท์  ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 6   ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2546   โดยการ
ประชุมดังกล่าวจะมีการศึกษาดูงานโครงการที่กองทุนให้การสนับสนุน และการประชุมของคณะกรรมการชุด
ต่าง ๆ  ต่อด้วยการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุน  โดยประเด็นสำคัญของการประชุมในครั้งนี้คือ การ
พิจารณาผลการสนับสนุนโครงการในรอบที่  3  ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีการจัดประชุมในประเทศกลุ่มผู้รับการ
สนับสนุน  และทางสำนักงานกองทุน ฯ จะส่งผู้บริหารมาร่วมกำหนดรายละเอียดในการจัดประชุม ประมาณ
เดือนมีนาคม 2546 นี้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอโครงการพัฒนา
เด็กไทยด้วย ICT โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 76 พรรษา  และ
ส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อให้เด็กไทยมีโอกาสในการเรียนรู้มากขึ้นและสร้างให้
สังคมการศึกษาไทยเป็น Knowledge-Based Education  โดยมีกลุ่มเป้าหมายให้การส่งเสริมสนับสนุนแก่เด็กใน
โรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ  รวมทั้งโรงเรียนที่ขาดความพร้อมในชนบทและโรงเรียนที่มีความพร้อมแต่ยัง
ขาดการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม  ซึ่งดำเนินการครอบคลุมพื้นที่  76  จังหวัดทั่วประเทศ  สำหรับกิจกรรมที่
สำคัญของโครงการ ประกอบด้วย  การขอรับสนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอร์  การประกวดนักพัฒนาและออกแบบ
โปรแกรม การจัดค่ายพัฒนาเยาวชนด้าน  IT  การจัดค่าย  ICT  เพื่อครูและอาจารย์  และการจัดสัมมนาเด็กไทย
ใช้ ICT โดยในส่วนของกิจกรรมการขอรับการสนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่
หรือใช้แล้วและสภาพดีรุ่นไม่ต่ำกว่า 486) จากหน่วยงานภาคราชการและเอกชน และประชาชนทั่วไป ในวันศุกร์
ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546  ณ  หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์  เพื่อนำไปส่งมอบให้แก่โรงเรียนเป้าหมายเป็นลำดับ
แรกและจะถ่ายทอดสดรายการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ระหว่างเวลา 20.30-23.00 น.

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 798 ร. เรื่อง นโยบายการ
ใช้ไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ของนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร สรุปได้ว่า การ
ใช้ไฟฟ้าของส่วนราชการและหน่วยงาน  ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น   กับเครื่องตีน้ำ
หรือเติมอากาศ  (โรงงานบำบัดน้ำเสียชุมชน)  การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้อนุโลมให้คิดในอัตราประเภทที่  6  ส่วน
ราชการและองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร  เนื่องจากการบำบัดน้ำเสียชุมชนดังกล่าวไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการ   และ
การจ่ายค่ากระแสไฟฟ้า  ปัจจุบันโรงงานบำบัดน้ำเสียชุมชนของส่วนราชการ ฯ จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าต่ำกว่าต้นทุน
ที่แท้จริง หากโรงงานบำบัดน้ำเสียหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าในช่วง peak ไปใช้ไฟฟ้าในช่วง Off-peak  แทน และควร
เลือกใช้อัตราตามช่วงเวลาการใช้  จะทำให้การจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าลดลง    สำหรับหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการ
ขอรับการสนับสนุนกระแสไฟฟ้าเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าของโรง
งานบำบัดน้ำเสีย คิดในอัตราประเภทที่  6 ฯ  ทั้งนี้ ได้แจ้งให้การไฟฟ้าทุกแห่งถือเป็นหลักปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
ดังกล่าวแล้ว   และส่วนราชการ  ฯ  ที่ขอใช้ไฟฟ้ากับโรงงานบำบัดน้ำเสีย  ฯ   การไฟฟ้า  ฯ   คิดค่าไฟฟ้าในอัตรา
ประเภทที่ 6 ฯ ในอัตราหน่วยละ 2.1412 บาท และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่  5/2545  (ครั้งที่ 92) 
เมื่อวันที่  14  พฤศจิกายน  2545  ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ  เกี่ยวกับเรื่อง  การส่งเสริมและสนับสนุนการ
นำก๊าซธรรมชาติมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคการขนส่ง โดยเห็นชอบในหลักการของแนวทางการส่งเสริมและสนับ
สนุนการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคการขนส่งในช่วงปี  พ.ศ. 2546 - 2551   ตามข้อเสนอของ
บริษัท ปตท. จำกัด  (มหาชน)  และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง  ๆ   ที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว
ข้องตามแนวทางดังกล่าว โดยในส่วนที่ขอรับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์
พลังงาน ให้เป็นไปตามระเบียบของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน   และเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะ
กรรมการส่งเสริมการใช้ก๊าซในภาคการขนส่ง โดยมีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกรรมการ  และหน่วย
งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  รวมทั้งตัวแทนผู้ประกอบการรถแท๊กซี่ เป็นกรรมการ  โดยมีสำนักงานนโยบายและแผน
พลังงานเป็นกรรมการและเลขานุการ   ทำหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมและผลักดันการใช้
ก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่ง  ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป  และมอบ
หมายให้บริษัท ปตท. ฯ   กลับไปจัดทำรายละเอียด  "แผนการส่งเสริมและสนับสนุนการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้
เป็นเชื้อเพลิงในภาคการขนส่ง  ในช่วงปี   พ.ศ. 2546 - 2551"  เพื่อนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการใช้ก๊าซ
ธรรมชาติในภาคขนส่ง เพื่อพิจารณาและนำเสนอคณะกรรมการ ฯ  เพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่งให้แล้วเสร็จภายใน 
45 วันต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) รายงานความคืบหน้าการ
ดำเนินการจัดตั้งศูนย์รวบรวมผักและผลไม้เพื่อการส่งออก  สรุปได้ว่า คณะกรรมการพิจารณาการจัดตั้งศูนย์ ฯ
ได้คัดเลือกบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) เป็นผู้ดำเนินการศูนย์ ฯ มีระยะเวลาดำเนินโครง
การ  15  ปี   มีหน้าที่จัดหาอาคารสถานที่สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้าไปให้บริการภายในศูนย์  ฯ   และ
จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้บริการผู้ส่งออกอย่างครบวงจร  ในส่วนของภาครัฐ จะจัดหาเครื่องมือ เครื่อง
ใช้  อุปกรณ์ต่าง ๆ  ที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานภาคราชการที่จะเข้าไปให้บริการภายในศูนย์  ฯ  และให้การสนับ
สนุนด้านการตลาด และข้อมูลข่าวสารทั้งในและต่างประเทศในเชิงบูรณาการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ
ดำเนินโครงการ  ประกอบด้วย  หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ให้บริการตามขั้นตอนพิธีการส่งออก  และหน่วย
งานสนับสนุนการดำเนินงานศูนย์  ฯ      ส่วนงบประมาณดำเนินโครงการ  ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี
พ.ศ. 2544  เป็นเงิน  16,003,500  บาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์  ฯ     และได้รับการจัดสรรงบ
ประมาณปี พ.ศ. 2545-2549 เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือ  เครื่องใช้  วัสดุ  อุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานภาคราชการที่ปฏิบัติการภายในศูนย์ ฯ  รวมถึงการจัดสรรพัสดุ ครุภัณฑ์ให้แก่หน่วย
งานดังกล่าวด้วย    สำหรับการดำเนินการต่อไป  จะได้ประสานและติดตามการจัดตั้งศูนย์  ฯ   อย่างต่อเนื่อง 
รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขอรับการสนับสนุนส่งเสริมในด้านต่าง ๆ  และ
มีแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ศูนย์ ฯ เป็นที่รู้จักและเป็นศูนย์กลางให้บริการด้านการส่งออกสินค้าประเภท
ผักและผลไม้  ซึ่งศูนย์ ฯ จะมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์ 2546

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ)  รายงานผลการตรวจ
ราชการ เขตตรวจราชการที่ 12 ครั้งที่ 2  ที่จังหวัดสงขลา  ในระหว่างวันที่ 19 - 20 พฤศจิกายน 2545 โดยมีผล
การตรวจราชการที่สำคัญ  ได้แก่   การตรวจติดตามการดำเนินงานตามแผนการป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาด
ใหญ่  การประชุมระดมพลังแผ่นดินป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ การประชุมเพื่อรับ
ฟังความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาทะเลสาบสงขลา  และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน   และข้อเสนอแนะ
ของประชาชน  เกี่ยวกับการของบประมาณสร้างศูนย์เรียนรู้เรื่องการตลาด  ฯ  ตำบลจองถนน   อำเภอเขาชัยสน 
จังหวัดพัทลุง โครงการจัดหาแหล่งน้ำตำบลคูขุด  อำเภอสทิงพระ  จังหวัดสงขลา  การขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
กรณีมีการถมพรุควนเคร็ง  จังหวัดนครศรีธรรมราช   และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว   ตำบลท่าหิน   จังหวัด
สงขลา   ทั้งนี้  ในส่วนของผลการตรวจติดตามการดำเนินงานตามแผนการป้องกันอุทกภัยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ 
กรณีการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  รวม  2  ส่วน   ได้แก่
การปรับปรุงระบบระบายน้ำพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่วงเงิน  685.023  ล้านบาท  และโครงการจัดวางระบบ
ท่อรวมสาธารณูปโภคในเขตพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่วงเงิน  912.938  ล้านบาท    จะแจ้งให้สำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกรมทรัพยากรน้ำ เพื่อจัดเข้าไว้ในแผนรวมการแก้ไขปัญหา
อุทกภัยในระยะยาว          ส่วนการระดมพลังแผ่นดินป้องกัน  และแก้ไขปัญหายาเสพติด  จะได้ประสานงานกับ
กระทรวงมหาดไทย จังหวัดในเขตตรวจราชการที่ 12 สนับสนุนให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 7 จังหวัด
และสำนักงาน ป.ป.ส. ภาคใต้ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการสัมมนาผู้นำศาสนาอิสลาม เพื่อพัฒนาความ
รู้ด้านการป้องกันยาเสพติดในพื้นที่  7  จังหวัดภาคใต้ตอนล่างประมาณ  100  รุ่น  รุ่นละ  300  คน  โดยใช้งบ
ประมาณของสำนักงาน ป.ป.ส. ในวงเงิน 12,802,700 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ)  รายงานผลการตรวจ
ราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 10 ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2545 สรุปได้ว่า จังหวัด
ในเขตตรวจราชการที่ 10 บางจังหวัดมีแนวเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่
ชายแดนเป้าหมายที่ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางหรือเมืองหน้าด่านของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน (ไทย พม่า
ลาว  จีนตอนใต้) หรือสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ   จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบทั้งในด้านเส้นทางคมนาคม 
ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ  การอำนวยความสะดวกในการเข้าเมือง  การเพิ่มศักยภาพของด่านศุลกากร 
การสร้างท่าเทียบเรือที่ได้มาตรฐานเพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้าที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งจะต้องมีระบบข้อมูลเพื่อการ
วางแผนด้านการเกษตร  และศูนย์รับรองผลิตภัณฑ์  การเพิ่มจุดผ่านแดนถาวรในพื้นที่ที่มีความพร้อม   และการ
จัดระเบียบการค้าและการลงทุน  โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานกับหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องพิจารณานำข้อเสนอที่จังหวัดต่าง  ๆ   ขอรับการสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนา
จังหวัดชายแดนมาจัดระบบการบริหาร  และการพัฒนาในเชิงบูรณาการเป็นแผนงานเดียวกัน (One Plan) ทั้งนี้
การพัฒนาดังกล่าว ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  และศิลปวัฒนธรรม  อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคแห่ง
นี้   สำหรับการช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ได้มอบหมายให้ทุกจังหวัดในเขตตรวจราชการที่ 10  ร่วมกัน
พิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำภาคเหนือตอนบน  เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของแต่ละ
จังหวัด  โดยบูรณาการให้เป็นแผนงานเดียวกัน  รวมทั้งการพัฒนาลุ่มน้ำที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน  (ลุ่ม
น้ำโขง)  เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ   ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี  (นายสุวิทย์  คุณกิตติ) 
เป็นประธาน ต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการกำกับ เร่งรัด และติดตามการให้ความช่วยเหลือราษฎร
ผู้ประสบอุทกภัยในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้า  ครั้งที่ 2/2545  เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินสดแทน
การจัดหาปัจจัยการผลิต  การแก้ไขปรับปรุงร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วย
เหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน  พ.ศ. ....  การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามผล การอนุมัติเงินงบกลาง
เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของจังหวัดผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การขอรับการสนับสนุน
งบกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงกลาโหม การช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูหรือปรับเปลี่ยนอาชีพ
แก่ผู้ประสบอุทกภัยและการประกันภัยพืชผลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   รวมทั้งสรุปผลการพิจารณา
ของคณะกรรมการกำกับ  ฯ  ในการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้าใน
ภาพรวม  ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ประธานกรรมการกำกับ เร่งรัด และติดตาม
การให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้า เสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบแผนโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ ตามที่
รองนายกรัฐมนตรี  (นายปองพล  อดิเรกสาร)  เสนอ  โดยโครงการในกลุ่มที่  1  เป็นโครงการที่มีความเร่งด่วน
มากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบบรรจุเข้าเป็นแผนปฏิบัติที่มีความสำคัญเร่งด่วน  และให้พิจารณาเจียดจ่ายจากงบ
ประมาณปกติประจำปี  พ.ศ. 2546  ดำเนินการ   หากไม่เพียงพอให้ขอใช้งบกลาง  รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ
กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ส่วนโครงการในกลุ่มที่ 2 เป็นโครงการที่มีความเร่งด่วน เช่นเดียวกับกลุ่มที่หนึ่ง  แต่ไม่
อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยของกรมการปกครอง  หรืออยู่แต่ต้องใช้งบประมาณการก่อสร้างสูงกว่า  4  ล้านบาท/โครง
การ    และกลุ่มที่  3  เป็นโครงการที่ขอรับการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย  ควรมองการแก้ไขปัญหาใน
ลักษณะบูรณาการโดยเฉพาะโครงการในกลุ่มที่  2  หากโครงการใดต้องรีบดำเนินการก็ให้ใช้งบประมาณปกติ
ดำเนินการทันที  ทั้งนี้  ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการ ฯ ดังกล่าว)  ไปพิจารณาดำเนินการ
ด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (การกีฬาแห่งประเทศไทย) รายงานผล
การดำเนินงานประจำปี  พ.ศ. 2544   โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุ
กรรมการพิจารณากลั่นกรองการขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุน ฯ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2544  ซึ่งมีแนว
ทางในการพิจารณาให้การสนับสนุนในการส่งนักกีฬาเดินทางไปแข่งขันหรือฝึกซ้อมในต่างประเทศ  การ
เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน การจ้างผู้ฝึกสอนกีฬา การพัฒนากีฬาด้านอื่น ๆ  สำหรับการดำเนินการในปี 
2544 คณะกรรมบริหารได้พิจารณาอนุมัติคำขอรับการสนับสนุนจากกองทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนิน
การเป็นเงินทั้งสิ้น 65,982,160 บาท  ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและให้การรับรอง
งบแสดงฐานะการเงินกองทุน ฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2544 แล้ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายเดช  บุญ-หลง) ประธานคณะกรรมการ
อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า  รายงานผลการพิจารณาแนวทางก่อสร้างและปรับปรุงแบบ
อาคารของกองทัพเรือเพื่อสนับสนุนการจัดประชุมเอเปค 2003 ซึ่งคณะทำงานเฉพาะกิจและหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องมีข้อสรุปให้กองทัพเรือรับไปพิจารณาดำเนินการรวม  3  ประเด็น  ได้แก่   ปรับปรุงผังบริเวณในภาพรวม
ให้เน้นมุมมองจากแม่น้ำเจ้าพระยาให้มากขึ้น    โดยการจัดทำท่าเทียบเรือด้านหน้าอาคาร  และลดความแข็ง
กระด้างของแนวสันเขื่อนโดยการปลูกพืชพรรณไม้เลื้อยตกแต่งให้ร่มรื่นสวยงาม  และจัดทำทางเดินเท้าตลอด
แนวสันเขื่อนริมแม่น้ำ    รวมทั้งขยายถนนด้านหลังอาคารให้กว้างขึ้นเพื่อให้รถวิ่งสวนกันได้  ปรับลดความสูง
ของอาคารในส่วนของระเบียงให้อยู่ในระดับเหนือเพดานชั้นบนสุด  และทำหลังคาด้วยวัสดุชนิดเบาให้มีความ
เอียงลาด  ลดความหนาทึบหรือก้อน  (Mass)  ของอาคารลง  โดยการปรับส่วนกลางให้มีรูปทรงสูงขึ้น เพิ่ม
ความเป็นเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย โดยการจัดทำศาลาทรงไทยในส่วนของมุขด้านหน้าอาคารริมแม่น้ำ
เจ้าพระยา และจัดทำแผนงาน/โครงการ  รื้อย้ายอาคารที่ทำการกองทัพเรือบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา   ฝั่ง
พระนครและการก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่เพื่อทดแทน เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยถอนเรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2545
งบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  ให้กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท เพื่อดำเนินการบูรณะ
ลาดยางและปรับปรุงทางในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 2 โครงการ วงเงิน 34,066,428 บาท คืนไปได้ ตาม
ที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ