คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ ตาม
ผลการประชุมของคณะทำงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  19  กุมภาพันธ์  2545  ที่มีรองนายกรัฐมนตรี
(นายปองพล  อดิเรกสาร)  เป็นประธาน  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติเสนอ โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับกรณีการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือและช่วยกันในการเตือนภัยและเฝ้าระวังในช่วงฤดูฝน   หากมีสิ่งใดที่ต้องดำเนินการโดย
เร็วและต้องใช้เงินงบประมาณ ก็ให้รีบเสนอขอรับการสนับสนุนโดยด่วน ส่วนการดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะ
ยาว  ให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ
เป็นระยะ ๆ) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย   ทั้งนี้   แผนงาน/โครงการใดได้รับงบประมาณดำเนินการแล้ว  ก็
ให้รีบดำเนินการไปก่อน สำหรับงบประมาณดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและปรับปรุงโครงสร้างพื้น
ฐานเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยจังหวัดพะเยา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  19  กุมภาพันธ์  2545 นั้น  ให้
เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  โดยให้เจียดจ่ายจากงบปกติของแต่ละหน่วยงานก่อน   และหาก
ไม่เพียงพอ ให้เสนอขอใช้จากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปยังสำนักงบประมาณ 
โดยไม่ต้องเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) ที่
มีมติอนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี  พ.ศ. 2545  งบกลาง  รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ
จำเป็น จำนวน 10,218,100 บาท  เพื่อเป็นเงินเดือนของอัตราข้าราชการใหม่ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
จำนวน  161  อัตรา ระยะเวลา  9  เดือน (เดือนมกราคม - เดือนกันยายน 2545) ตามความเห็นของสำนักงบ
ประมาณ    สำหรับงบประมาณในส่วนที่เหลือให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจัดทำแผนขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณในปีงบประมาณต่อไป โดยให้สำนักงบประมาณรับประเด็นอภิปรายและข้อสังเกตของ  คกก.4  (เกี่ยว
กับการจัดสรรงบประมาณขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและส่วนราชการที่มิได้สังกัดฝ่ายบริหาร ซึ่งในหลัก
การฝ่ายบริหารควรจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานดังกล่าวตามแผนงานโครงการและเป็นการจัดสรรโดยผ่าน
พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี  ทั้งนี้  เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถทำการตรวจสอบการใช้จ่าย
งบประมาณของหน่วยงานนั้น ๆ  ได้  ส่วนการเสนอขออนุมัติงบประมาณจากงบกลาง  รายการเงินสำรองจ่าย
เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  ควรเป็นกรณีเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเร่งด่วน  เช่น  อุทกภัย  อัคคีภัย  เป็นต้น 
เพราะงบดังกล่าวมีจำนวนจำกัด ควรสำรองไว้เพื่อใช้กรณีจำเป็นเท่านั้น)  ไปพิจารณา

                   คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ตัดข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ด่วนที่สุด  ที่ พณ 0410/
1675 ลงวันที่ 3  พฤษภาคม  2545  หน้า 2  ข้อ  2.6.2  "ขอรับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อภายใต้เงื่อนไข
พิเศษ 10,000 ล้านบาท" ออก ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายเนวิน  ชิดชอบ) เสนอเพิ่ม
เติม   และเห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ค้าปลีกรายย่อย และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่
กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับงบประมาณดำเนินการให้ใช้จ่ายจากงบค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 
จำนวน 395 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการ ระยะเวลา 3 ปี ส่วนการจัดตั้งองค์กรรวมค้าปลีก  ให้กระทรวงพา
ณิชย์ไปหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมและแนวทางที่เป็นไปได้ ทั้งนี้ 
ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับร้านค้าในโครงการ ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกรายย่อย 
ควรเน้นสินค้าของโครงการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์  สินค้าเกษตรที่รัฐบาลแทรกแซง   ตลอดจนสินค้าใน
เครือข่ายระบบสหกรณ์   สำหรับการฝึกอบรม ควรให้ความรู้ด้านบริหารจัดการร้านค้าปลีกสมัยใหม่   โดย
เน้นการให้บริการ      ตลอดจนเทคนิควิธีการในการต้อนรับและเจรจากับลูกค้าของร้านค้าที่ร่วมโครงการ
รวมทั้งให้มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับระบบบัญชีและการเงินที่ถูกต้อง   การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่    ตลอดจน
ให้คำแนะนำและกำหนดรูปแบบการปรับปรุงและตบแต่งร้านค้าปลีกเพื่อเป็นการดึงดูดและเชิญชวนลูกค้า
ควรประสานกับหน่วยงานที่กำกับดูแลสื่อของรัฐ  เช่น  กรมประชาสัมพันธ์ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประ
เทศไทย เพื่อร่วมมือและให้การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์โครงการนี้อย่างต่อเนื่อง    และให้แต่งตั้งคณะ
กรรมการเพื่อกำกับ   ดูแล   เสนอแนะ   และติดตามการดำเนินการโครงการนี้   โดยมีรองนายกรัฐมนตรี 
(นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธาน กระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพ  ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังประสาน
กับธนาคารออมสินเพื่อสนับสนุนร้านค้าปลีกที่เข้าร่วมโครงการด้วย) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารกองทัพเรือเพื่อ
สนับสนุนการจัดประชุมเอเปค  2003  ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ  ได้ในวงเงินไม่เกิน  499,500,000
บาท  โดยให้ดำเนินการในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545-2546
ทั้งนี้  ในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545  ให้ใช้งบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 
179,450,000  บาท  ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือให้ผูกพันงบประมาณปี  พ.ศ. 2546  งบกลาง รายการค่าใช้
จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค  2003   ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ    และให้กอง
ทัพเรือเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จทันกำหนดการประชุม   ทั้งนี้   คณะรัฐมนตรีเห็นว่า อาคารดังกล่าวเมื่อ
เสร็จภารกิจในครั้งนี้แล้ว  ควรดำเนินการในเชิงพาณิชย์  โดยเปิดโอกาสให้ภาคราชการและเอกชนได้เช่า
สถานที่ดังกล่าวได้ด้วย   และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับปรุงพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์   จึงมอบ
ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายเดช บุญ-หลง) ประธานคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า  รับเรื่องการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารของกองทัพเรือ  เพื่อสนับสนุนการจัดการประชุม
เอเปค 2003 ไปพิจารณาในคณะกรรมการดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น  การท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และกรมศิลปากร แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี
งบประมาณ พ.ศ. 2545 จำนวน 7,353,000 บาท ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้ในการปฏิบัติ
ภารกิจแก้ไขปัญหายาเสพติดชุมชนคลองเตยในลักษณะเงินราชการลับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายก
รัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีการค้า
สาธารณรัฐเกาหลี-ไทย  ครั้งที่  12  ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2545  ณ  กรุงโซล
สาธารณรัฐเกาหลี  โดยมีนายอดิศัย  โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะ
ผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม  ซึ่งสาระสำคัญของการประชุมรัฐมนตรี ฯ  ประกอบด้วย  การทบทวน
ภาวะเศรษฐกิจ และภาวะการค้าทวิภาคี รวมทั้งการหารือในเรื่องการเปิดตลาด กับได้หารือและแลก
เปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องความร่วมมือด้านต่าง ๆ ได้แก่  เรื่องเขตการค้าเสรีสาธารณรัฐเกาหลี-ไทย
ซึ่งเห็นชอบร่วมกันที่จะทบทวนเรื่องการจัดทำความตกลงดังกล่าว  การขอรับการสนับสนุนจากฝ่าย
ไทยในการลงคะแนนให้เกาหลีเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าโลก (World Expo) ในปี  2010  การ
ลงนามในความตกลงทางด้านการขนส่งทางทะเล การลดความเข้มงวดในการตรวจสอบคนเข้าเมือง
ณ   ด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลี    ตลอดจนการให้เกาหลีสนับสนุนด้านเทคนิคและเงินทุนแก่
ไทยในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่า ง ๆ  ของประเทศ  CLMV  (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) 
ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเกาหลีจัดประชุมระดับรัฐมนตรีด้านเทคโน
โลยีแห่งเอเซีย (Asia IT Ministerial Meeting) ครั้งที่ 2  ณ  กรุงโซล  สำหรับความร่วมมือในการส่ง
เสริมภาคเอกชน ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะสนับสนุนกิจกรรมด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านการค้า
นอกจากนี้  ได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่อง  WTO APEC  ความตกลงกรุงเทพ (Bangkok 
Agreement) และ ASEAN + 3

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มีมติ
เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย (กทม.) คงถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2540 เรื่อง
กำหนดให้ส่วนราชการที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 250,000 หน่วยต่อเดือน  ซื้อไฟฟ้าในอัตราเดียวกับธุรกิจเอกชนทั่วไป
โดยให้ กทม. รับประเด็นอภิปราย (เกี่ยวกับกรณีของ กทม. ว่า  ควรได้รับความช่วยเหลือ แต่ไม่ควรใช้วิธีการ
ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว กทม. ควรเข้าร่วมโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากกอง
ทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป   และให้การไฟฟ้าผ่อนปรนการเรียกเก็บ
เบี้ยปรับกรณีชำระค่าไฟฟ้าเกิน  15  วัน  เป็นเวลา  2  ปี  จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ทั้งนี้  ให้ส่วน
ราชการปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้ทันกำหนดเวลาต่อไป  ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการ
นโยบายพลังงานแห่งชาติ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานการอนุมัติให้ชุมนุมสหกรณ์
ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่  จำกัด  ดำเนินการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม  โดยชุมนุมสหกรณ์ชาวสวน
ปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ยืนยันขอรับการสนับสนุนเงินทุน  โดยจ่ายทุนคืนเต็มจำนวนเป็นระยะเวลา 15 ปี
โดยเริ่มจ่ายคืนทุนตั้งแต่สิ้นปีที่ 3 นับตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ถึงปีที่  17  จำนวน ปีละ  18  ล้านบาท  รวม  270
ล้านบาท  และจ่ายค่าธรรมเนียมร้อยละ  1  ต่อปี  ของเงินกู้ได้รับการอุดหนุนในปีนั้น ๆ   รวมทั้งได้แต่งตั้ง
คณะกรรมการควบคุม กำกับ และดูแลโครงการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ดำเนิน
โครงการ ฯ  โดยชำระคืนเงินทุนเต็มจำนวน   โดยปลอดดอกเบี้ย และจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้เงินทุนอัตรา
ร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบให้ดำเนินโครงการต่อไปได้ โดยให้สหกรณ์ชำระคืน
เงินทุนเต็มจำนวน 270 ล้านบาท โดยปลอดดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 3  ถึงปีที่  17  ของโครงการปีละ  18  ล้าน
บาท และชำระค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 1 ต่อปี  ของจำนวนเงินลงทุนที่ได้รับการสนับสนุน

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 4  (คกก.4)
ที่มีมติอนุมัติให้ผ่อนผันหลักเกณฑ์การขอกู้เงินตามนโยบายสนับสนุนภาคเอกชนลงทุนในการพัฒนาทรัพยากร 
มนุษย์  ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ   โดยให้แก้ไขหลักเกณฑ์ในการกู้เงินเพื่อจัดหาครุภัณฑ์และ/หรือสร้าง 
อาคารประกอบ ให้จัดสรรทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของจำนวนนักเรียนส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ทั้งนี้ไม่เกิน 
ร้อยละ 1 ของจำนวนเงินที่ขอรับการสนับสนุน ตามข้อสังเกตของ คกก.4  และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความ  
เห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  (ที่ให้พิจารณากำหนดสัดส่วนและพื้นที่การจัดการศึกษา 
ระหว่างสถานศึกษาของรัฐและเอกชนให้ชัดเจน  ส่วนการขอผ่อนผันหลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน
นักศึกษาที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยในกรณีการกู้เงิน ฯ  โดยจัดสรรทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของจำนวน 
นักเรียนส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจากเดิม  แต่ทั้งนี้ไม่เกินร้อยละ  0.25  ของจำนวนเงินที่ขอรับการสนับสนุน นั้น ควร  
พิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้กับสถานศึกษาที่ไม่มีการรับนักเรียน นักศึกษา 
เพิ่ม    และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาและเสริมสร้างความพร้อมของสถาบันการศึกษาและฝึกอบรมที่จะ   
นำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการจัดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชนด้วย รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาเอกชนโดยกองทุนและสวัสดิการ ติดตามและกำกับดูแลให้สถานศึกษาเอกชนที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ได้มี 
การจัดสรรทุนการศึกษาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้วย  ทั้งนี้  ในการจัดสรรทุนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับ
นักเรียนทุกคนแล้ว สถานศึกษายังสามารถหาประโยชน์จากการลงทุนดังกล่าว  โดยการเก็บค่าธรรมเนียม
การใช้บริการจากผู้เรียนหรือหารายได้และผลประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมของ
สถานศึกษาอีกทางหนึ่ง) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) ที่ 
มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ  
จำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์เนื่องจากพายุไต้ฝุ่น  "หวู่คง"  โดยให้
สำนักงบประมาณรับความเห็นของ คกก.5   ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาภาพรวมโครงการและแนวทางการพิจารณาโครงการที่ 
หน่วยงานต่าง  ๆ  เสนอขอรับการสนับสนุนจากค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในงบประมาณราย 
จ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545  (รายงานครั้งที่  5)  โดยภาพรวมโครงการ จากข้อมูล   ณ   วันที่  30 
กันยายน 2544 กระทรวง ทบวง และหน่วยงานต่าง ๆ ได้เสนอโครงการ จำนวน 814 โครงการ วงเงินลงทุน 
รวม 103,699.45 ล้านบาท  ซึ่งผลการพิจารณาโครงการในเบื้องต้นพบว่า  มีโครงการที่ผ่านการกลั่นกรอง
จากกระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัดแล้ว จำนวน 775 โครงการ  วงเงิน 102,966.71 ล้านบาท  และโครงการที่ยัง  
ไม่ผ่านการกลั่นกรองจากกระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัด (หน่วยงานเสนอโดยตรง) จำนวน  39  โครงการ วงเงิน 
732.74 ล้านบาท  ทั้งนี้ โครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากกระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัดดังกล่าวส่วนใหญ่อาจมี 
ผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มากเท่าที่ควร  คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 
จึงเห็นควรส่งคืนโครงการทั้งหมดให้กระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัดเพื่อไปพัฒนาและจัดเตรียมโครงการให้มีความ 
สมบูรณ์ สามารถก่อให้เกิดผลประโยชน์ในวงกว้าง และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง โดยให้ประมวล/รวบ
รวมโครงการต่าง ๆ  จัดทำเป็นแผนงาน  หรือ National Program ที่มีจุดเน้น (Focus) ชัดเจน ครบวงจร และ 
สามารถก่อให้เกิดผลประโยชน์ในวงกว้าง  (Mass)  ทุกพื้นที่  และการจัดเตรียม  National  Program  ในแต่
ละเรื่องต้องประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญที่มีความเกี่ยวข้องและสนับสนุนสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 
ทั้งนี้   ได้มอบหมายให้คณะทำงานพัฒนาและจัดเตรียมโครงการ   ประกอบด้วย   เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะ 
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง  และสำนักงบประมาณ  เป็นผู้ประสาน  
การจัดทำแผนงานร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบหลัก    ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติเสนอ 

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมประชาสงเคราะห์ใช้เงินเหลือจ่ายจากวงเงินงบกลาง รายการเงินสำรอง   
จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากพายุโซนร้อน  "อุซางิ"  ตามมติคณะรัฐมนตรี 
เมื่อวันที่  28  สิงหาคม  2544 จำนวนเงิน 15,281,165 บาท ไปดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากพายุ  
โซนร้อนดังกล่าว  เป็นค่าเครื่องอุปโภคบริโภค   ค่าวัสดุสมทบสร้างที่อยู่อาศัย/คอกสัตว์   และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง  
ตามที่จังหวัดขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์  หนองคาย  นครพนม  และจังหวัด
ร้อยเอ็ด โดยให้เบิกจ่ายในหมวดเงินอุดหนุน  ประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ  รายการสงเคราะห์ราษฎรผู้ประสบ 
ภัยธรรมชาติและสาธารณภัยอื่น  ๆ     ทั้งนี้     ให้กรมประชาสงเคราะห์ตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบ
ประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ รายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) 
ในช่วงระยะเวลาเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2544 งวดที่ 2/2544โดยผลการดำเนินโครงการ กข.คจ. ระยะที่ 1 
ปี 2536 - 2540 และระยะที่ 2 ปี 2541 - 2544  มีหมู่บ้านที่มีรายได้ผ่านเกณฑ์ 15,000/คน/ปี มากกว่าร้อยละ 
70 ของครัวเรือนทั้ง  2  ระยะในภาพรวม  สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในการพัฒนารายได้ให้แก่
ครัวเรือนอย่างแท้จริง  ประชาชนมีความสามารถและมีศักยภาพในการพัฒนาตนเอง   ครอบครัว    ชุมชน    และมี
คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น   สามารถพึ่งตนเองได้ในชุมชนท่ามกลางวิกฤตด้านเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยกิจกรรมสนับสนุนและ
เพิ่มประสิทธิภาพโครงการ  กข.คจ.  นั้น  ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการ
บริหารและการใช้จ่ายเงินโครงการซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรวมทั้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กร
ส่วนท้องถิ่น (อบต. และ อบจ.) ตลอดจนให้จังหวัดปรับปรุงและจัดทำฐานข้อมูลโครงการ  ฯ    ระดับหมู่บ้านตามแนว
ทางและโปรแกรมที่กรมการพัฒนาชุมชนออกแบบและจัดส่งแผ่น Disk ให้  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเสนอขอรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน  TELECOM  Asia  
2004 เพื่อดำเนินการจัดแสดงนิทรรศการด้านเทคโนโลยีสื่อสารอันทันสมัยของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารชั้น 
นำของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการในนามของรัฐบาลไทยจัดทำหนัง  
สือแจ้งเชิญสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union-ITU) ให้มาจัดงาน
TELECOM Asia 2004  ทั้งนี้  หาก ITU เห็นชอบให้มีการจัดงานดังกล่าวขึ้นในประเทศไทย  ก็อนุมัติให้รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ลงนามข้อตกลงในฐานะเจ้าภาพ (Host Country Agreement) รวมทั้งอนุมัติให้มี
การยกเว้นภาษีให้แก่ ITU และบริษัทต่าง ๆ ที่ ITU คัดเลือกให้จัดสินค้าและบริการในงานนิทรรศการ รวมไปถึง 
ภาษีจากการขายพื้นที่ การจำหน่ายบัตรเข้าชม  รายได้และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้อง  ตลอดจนอำนวยความ  
สะดวกด้านภาษีศุลกากรการนำของเข้า-ออกอุปกรณ์โทรคมนาคม Catalogue และของที่ระลึก  และให้ดำเนิน
การต่อไปได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  โดยให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศร่วมมือกัน 
ในการขอรับการสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดงานจากประเทศสมาชิกด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 4  (คกก.4)
ที่ให้กรมสรรพากรเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการ จำนวน 5,323 อัตรา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ยกเว้น  
การถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 และ 3 ตุลาคม 2543 เรื่อง  มาตรการควบคุม 
ค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย  โดยให้รวมอัตรากำลังที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมาย 
และนโยบายกำลังคนภาครัฐ ซึ่งจัดสรรอัตราที่ยุบเลิกจากการเกษียณอายุปีงบประมาณ พ.ศ. 2543  :  ข้าราช 
การ ให้กรมสรรพากร จำนวน  1,141  อัตรา  ไว้ในจำนวนดังกล่าวด้วย  และให้กรมสรรพากรยุบเลิกอัตราลูก  
จ้างชั่วคราวที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 จำนวน  3,100  อัตราลงทันทีที่มีอัตรา
ว่าง และให้ยุบเลิกอัตราลูกจ้างชั่วคราวลงอีกไม่น้อยกว่าปีละ 1 ใน  3  โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544
ทั้งนี้  ให้ยุบเลิกทั้งหมดภายในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2547  นอกจากนี้  ให้กระทรวงการคลัง  (กรมสรรพากร)
ดำเนินการตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี (ที่ให้เพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร  และใช้ระบบเทคโนโลยีสาร
สนเทศ (IT) เข้ามาช่วยในการปฏิบัติงานให้มากขึ้นด้วย)

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการซ่อมแซมและฟื้นฟูบูรณะหน่วยงาน/สถาน 
บริการสาธารณสุขที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้  โดยให้พิจารณาเจียดจ่ายจากงบประมาณราย 
จ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544  รวมทั้งการใช้จ่ายจากเงินบำรุงซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณไปดำเนินการ  
โดยให้กระทรวงสาธารณสุขทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดตามที่ได้รับความเสียหายอีกครั้ง
หนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) รายงานผลการดำเนิน 
งานโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน  (กข.คจ.)  ในช่วงระยะเวลาเดือนตุลาคม 2543 - มกราคม 2544 งวด
ที่  1/2544   โดยผลการดำเนินโครงการ  กข.คจ.  ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการ
ของประชาชนในการพัฒนารายได้ให้แก่ครัวเรือนอย่างแท้จริง ประชาชนมีความสามารถและมีศักยภาพในการ
พัฒนาตนเอง  ครอบครัว  ชุมชน  และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  สามารถพึ่งตนเองได้ในชุมชนท่ามกลางวิกฤตด้าน 
เศรษฐกิจปัจจุบัน  โดยกิจกรรมสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพโครงการ  กข.คจ.  นั้น  ได้ดำเนินการปรับปรุง   
แก้ไขร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบริหารและการใช้จ่ายเงินโครงการซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนิน 
การ รวมทั้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรส่วนท้องถิ่น ทบทวนและเน้นแนวปฏิบัติของพัฒนาการ
อำเภอ  "สมุดบันทึกสถานะหมู่บ้าน กข.คจ. ระดับอำเภอ"  เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารและปฏิบัติอย่าง  
แท้จริงแต่งตั้งพัฒนากร (รายบุคคล) เพื่อรับผิดชอบหมู่บ้าน  กข.คจ.  ให้ทุกหมู่บ้าน   ตลอดจนการสับเปลี่ยน 
ตำแหน่งหน้าที่/พื้นที่รับผิดชอบให้เป็นปัจจุบัน    และให้จังหวัดปรับปรุงและจัดทำฐานข้อมูลโครงการ  กข.คจ.
ระดับหมู่บ้าน ตามแนวทางที่กำหนด

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางพระราชดำริใน 
เรื่องต่าง ๆ  ได้แก่  โครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชาชนชาวไทย (โครงการรักษาพยาบาล 
30 บาท) ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (Mobile Unit) เพื่อออกให้บริการแก่ประชาชน 
ที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล  การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งละ 1 ล้านบาท  ให้กระทรวงมหาดไทย  
นำผลงานวิจัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ   ในเรื่องทำนองเดียวกันมาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบและ  
ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ  ส่วนการใช้น้ำมันปาล์มเป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันดีเซล นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  
กับการพลังงานรับเรื่องนี้ไปศึกษา โดยเฉพาะความเป็นไปได้ในการดำเนินการเชิงพาณิชย์ เพื่อลดความสูญเสียเงิน  
ตราต่างประเทศในการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง และแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มในประเทศตกต่ำ สำหรับปัญหาน้ำ   
เน่าเสียในแม่น้ำบางปะกง และปัญหาป่าชายเลนเสื่อมโทรม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปัญหาดังกล่าว ซึ่งประกอบ  
ด้วย  กรมชลประทาน  กระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดูแลและ  
แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง   กับให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประสานกับมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาแก้ไข 
ปัญหากรณีพุทธบริษัทชุมนุมเรียกร้องเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาที่มีผลกระทบต่อพระ  
พุทธศาสนา  รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปดำเนินการหางบประมาณในการจัดทำฝนเทียม หากงบ
ประมาณไม่เพียงพอ ก็ให้ขอรับการสนับสนุน ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ  
สังคมแห่งชาติ  ฉบับที่ 8  และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล  ระยะที่ 2  ประจำปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2543 (เดือนเมษายน - กันยายน 2543) ของสำนักงานอัยการสูงสุด ประกอบด้วย  ภาพรวมงาน/โครงการ  
สำคัญที่ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ  ฉบับที่  8    และที่ดำเนินการตอบสนองนโยบายรัฐบาล   
จำนวน  3  งาน/โครงการ   ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ   โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการ   
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการจัดทำแผนแม่บทกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานต่าง   ๆ 
เพื่อเป็นกรอบขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปี  พ.ศ. 2545 - 2549    โดยให้สำนักงานอัยการสูงสุดประสาน  
กับกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ   ร่วมกันจัดทำแผนแม่บทดังกล่าวเพื่อเป็นกรอบ 
ทิศทางและนโยบายในการกำหนดบทบาท  หน้าที่  และภารกิจของหน่วยงานต่าง ๆ  ที่ชัดเจน   รวมทั้งจัดทำแผน  
แม่บทและแผนปฏิบัติการรองรับให้สอดคล้องไม่ซ้ำซ้อนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน)  ไปพิจารณาดำเนินการต่อ 
ไป
 

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานผลการดำเนินงาน  
โครงการจ้างบัณฑิตอาสาเสริมสร้างความเข้มแข็งศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำหมู่บ้านปี 2543  ครั้งที่ 3  ณ 
วันที่ 30 กันยายน 2543   ในส่วนของผลการดำเนินโครงการจ้างบัณฑิตอาสา ฯ  ซึ่ง  ณ  วันที่  17  ตุลาคม  
2543 มีบัณฑิตอาสาคงเหลือจำนวน 10,134 คน  โดยโครงการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นวันที่ 31 มกราคม 2544 
และไม่มีการจ้างทดแทนที่ลาออก    สำหรับผลการปฏิบัติงานได้ดำเนินการสนับสนุนศูนย์สงเคราะห์ราษฎร 
ประจำหมู่บ้าน (ศสบ.) ให้เป็นองค์กรประชาชนที่เข้มแข็ง การนำข้อมูลทะเบียนผู้ประสบปัญหาด้านแรงงาน 
และสวัสดิการสังคม  (ทรส.)  และข้อมูลส่งเสริมสวัสดิการสังคมระดับครัวเรือน  (สสค.)  ไปปรับปรุงให้เป็น
ปัจจุบันเพื่อใช้จัดทำแผนด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม การให้ความรู้ด้านกีฬาและต่อต้านยาเสพติด  การ  
เผยแพร่ความรู้ด้านประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ   ตลอดจนการติดตามโครงการลงทุนเพื่อสังคม ปี 2542   
และการสนับสนุนการบริหารจัดการโครงการช่วยเหลือสนับสนุน ศสบ. ในการจัดทำโครงการปี 2543 เพื่อ 
ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อสังคม (SIF)  ทั้งนี้  การเบิกจ่ายเงินโครงการได้เบิกจ่ายเงิน  
โครงการ ฯ ไปยังกรมบัญชีกลางเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย งวดที่ 1 - 3  ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2543  -  มกราคม  
2544 รวมทั้งสิ้น 712.28 ล้านบาท  โดยแยกเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค   รวมทั้งปัญหา
อุปสรรคและแนวทางแก้ไข