ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
741 | การสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้มีการสร้างโรง
เรียนราชประชานุเคราะห์ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สงขลา (อำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส จังหวัดละ 1 โรงเรียน เพื่อรองรับนักเรียนที่กำพร้าหรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับไป ดำเนินการโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้อาจพิจารณาขอรับการสนับสนุนจากเงินรายได้ ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตามความเหมาะสม |
|||||||||||||||||||||
742 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ (งบกลาง) โครงการมาตรการเสริมเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ภาคตะวันออก | กษ | 23/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้กรมชลประทาน
ใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็น ในวงเงิน 284.70 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการตามมาตรการเสริมเพื่อแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำภาคตะวันออก ทั้งนี้ ให้กรมชลประทานตรวจสอบและทบทวนความเป็นไปได้ของโครงการ ตาม ความเห็นของคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนก่อนแล้วให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามความจำเป็นต่อไป ดังนี้ กรมชลประทานจะต้องคำนวณและตรวจวัดปริมาณน้ำในอ่าง เก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำดอกกรายให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากที่สุด เช่น ปริมาณน้ำไหล เข้าในอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่ง จากภาวะฝนตก และระยะเวลาที่จะมีน้ำใช้ต่อไปได้จนถึงจุดวิกฤติ เป็นต้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนน้ำในแม่น้ำระยองไหล มาจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และดอกกราย แต่ก็ได้มีการสูบน้ำไปใช้ระหว่างทางที่คลองทับมา และ มาบข่าอยู่ก่อนแล้วส่วนหนึ่ง หากจะดำเนินโครงการเพื่อสูบน้ำจากลำน้ำดังกล่าวกลับไปเติมในอ่างเก็บ น้ำเพิ่มขึ้นอีก อาจจะทำให้เกิดปัญหาปริมาณน้ำไม่พอเพียงสำหรับการสูบกลับได้ รวมทั้งต้องคำนึงถึง ความต้องการใช้น้ำจากลำน้ำดังกล่าวของเกษตรกรและประชาชนโดยทั่วไปด้วย และการดำเนินโครงการ ต่าง ๆ ของกรมชลประทานในครั้งนี้จะต้องพิจารณาให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับแนวทางการดำเนินการแก้ ไขปัญหาน้ำภาคตะวันออก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2548 (เรื่อง การบริหารจัดการ น้ำ การแก้วิกฤติน้ำภาคตะวันออก) ไว้แล้วด้วย และอนุมัติในหลักการให้กรมชลประทานสามารถดำเนิน การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยา ยน 2548
|
|||||||||||||||||||||
743 | การแก้ไขปัญหาสังคม | นร | 16/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหา
สังคมในเรื่องต่าง ๆ เช่น ปัญหาครอบครัว ประเพณี วัฒนธรรม และศีลธรรม รวมไปถึงปัญหายาเสพติด โรคเอดส์ และการพนัน เป็นต้น โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เร่งรัดการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และร่วมมือกันเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาต่าง ๆ อย่างจริงจังและ ต่อเนื่อง สำหรับการแก้ไขปัญหาการติดยาเสพติดของเด็กและเยาวชน ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเจ้าภาพพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลา โหม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำเด็กและเยาวชนเข้ารับการบำบัดและฝึก อบรมตามโครงการวิวัฒน์พลเมืองที่ได้เคยดำเนินการมาแล้ว โดยอาจขอความร่วมมือกระทรวงการคลัง เพื่อขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
744 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2548 (งบกลาง) งานก่อสร้างประตูระบายน้ำทำนบดินเดิมโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา | กษ | 16/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5
(ฝ่ายสาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติตามที่กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์เสนอ ดังนี้ เห็นชอบการเพิ่มวงเงินตามสัญญา รายการก่อสร้างประตูระบายน้ำทำนบดินเดิม โครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จากเดิม 68,694,000 บาท เป็น 133,497,015.64 บาท และอนุมัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักย ภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ หรืองบกลางรายการอื่นตามความจำเป็นเหมาะสม ในวงเงิน 39,803,015.64 บาท เพื่อใช้ดำเนินการโครงการ ฯ สำหรับรายละเอียดในการเบิกจ่ายงบ ประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
745 | ข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลตามแผนความต้องการกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 09/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่าย
สาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ของบประมาณหมวดเงินอุดหนุนทั่วไป ในการดำเนินงานผลิตพยาบาล จำนวน 1,500 คนต่อปี เป็นระยะ เวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2558 เป็นเงินทั้งสิ้น 1,728 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายเท่ากับ 28,800 บาทต่อคนต่อปี) และให้สำนักงาน ก.พ. รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการ สนับสนุนงบประมาณเพื่อผลิตบุคลากรทางด้านพยาบาลตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เกิดจากการขาด แคลนหากไม่มีสิ่งจูงใจให้บุคลากรที่จบการศึกษาเหล่านี้อยู่ในประเทศต่อไป ก็จะเป็นการสูญเสียทั้งกำลังคน และงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. ควรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ที่จะกำหนดอัตรา ข้าราชการไว้รองรับบุคลากรกลุ่มนี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ในการนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การ ผลิตบุคลากรทางด้านสาธารณสุขของประเทศควรจะครอบคลุมทั้งด้านความต้องการ (Demand) และการ ผลิต (Supply) ตลอดจนการจูงใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในสาขาต่าง ๆ โดยให้กระทรวง สาธารณสุขเป็นเจ้าภาพพิจารณาร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงส่วนราชการอื่นของรัฐที่มีหน่วย งานด้านสาธารณสุขในสังกัด และสถาบันการศึกษาของเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแผนและแนว ทางการผลิตบุคลากรทางด้านสาธารณสุขให้เหมาะสม และครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความต้อง การของบุคลากร โดยพิจารณาถึงความต้องการเพื่อการปฏิบัติงานภายในประเทศทั้งในหน่วยงานของรัฐ และของเอกชน รวมตลอดถึงเพื่อการไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ และเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจเฉพาะ ที่เกี่ยวข้องซึ่งกำลังขยายตัว เช่น การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยและคนชรา เป็นต้น และด้านการผลิตบุคลา กร โดยพิจารณาถึงความสามารถในการผลิตของทั้งหน่วยงานภาครัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และ หน่วยงานอื่น ๆ รวมตลอดถึงการผลิตบุคลากรของสถาบันการศึกษาเอกชน ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ครอบ คลุมถึงประเด็นการกำหนดคุณภาพมาตรฐาน และการรับรองหลักสูตรและบุคลากรที่ผ่านการศึกษาจาก สถาบันดังกล่าวด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่าย ควรพิจารณาสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐซึ่งมีทั้งใน ส่วนที่ต้องใช้จากงบประมาณทั้งหมด การให้ทุนการศึกษาเต็มจำนวน หรือเพียงบางส่วน ตามความต้องการ ของรัฐ หรือความสมัครใจและความสามารถในการจ่ายของผู้เรียน |
|||||||||||||||||||||
746 | การขอรับการสนับสนุนโครงการกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน | สธ | 09/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอโครงการกระจายแพทย์
หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีก ครั้งหนึ่งร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานหรือสถาบันของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยว ข้องกับการผลิตและการใช้บุคลากรทางการแพทย์ โดยให้หารือรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียร ไทย) ด้วย เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบเหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการและ ความสามารถในการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ในภาพรวมของประเทศทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะ รัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่ายสาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ในการประชุมครั้ง ที่ 4/2548 วันที่ 18 กรกฎาคม 2548 ที่เห็นว่า การกำหนดเงื่อนไขการชดใช้ทุนสำหรับแพทย์ที่สำเร็จ การศึกษาจากโครงการนี้ ควรปรับเงื่อนไขการใช้ชดใช้ทุนให้เหมาะสมและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยกำหนด ให้ต้องปฏิบัติงานชดใช้ทุนเป็นระยะเวลา 12 ปี หรือ 2 เท่าของระยะเวลาการศึกษาตลอดหลักสูตร และ กรณีผิดสัญญาต้องชดใช้เป็นเงิน 2 เท่า ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อคนที่รัฐสนับสนุนตลอดโครงการ ฯ และ ความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผลิตบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติม ควรเปิดให้สถาบันการศึกษา เอกชนที่มีความพร้อมสามารถผลิตบุคลากรได้โดยตรง โดยภาครัฐควรพิจารณากำหนดรายละเอียดหลัก เกณฑ์ ตลอดจนมาตรฐานขั้นต่ำ และการรับรองคุณภาพของการดำเนินการ หรือของบุคลากรที่จบการ ศึกษา ให้สถาบันการศึกษาเอกชนได้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และในการคัดเลือกนักเรียน นักศึกษา เข้า ร่วมโครงการ ฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการผลิตแพทย์เพื่อให้ปฏิบัติงานในภูมิลำเนา ควรมีการทดสอบ ทัศนคติและความตั้งใจของผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ ในการที่จะต้องกลับไปปฏิบัติงานในภูมิลำเนาด้วยความ เสียสละและอุทิศทุ่มเท เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ควรจะพิจารณาจ้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ที่เกษียณ อายุราชการไปแล้ว แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรง และมีความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นแพทย์อาวุโสหรือที่ปรึกษา อาวุโสให้แก่แพทย์ในโรงพยาบาล หรือสถาบันทางการแพทย์อื่น ๆ หรือไม่ประการใด ไปประกอบการ พิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
747 | การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) | มท | 02/08/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพ
ของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โดยข้อมูล ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2548 มีจังหวัดรายงานความพร้อมของหมู่บ้าน/ ชุมชน ทั้งสิ้น 21 จังหวัด 3,419 หมู่บ้าน/ชุมชน 4,781 โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น 820,100,000 บาท สำหรับโครงการที่ประชาคมหมู่บ้าน/ชุมชนคัดเลือกเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ได้แก่ โครงการด้าน สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 2,112 โครงการ โครงการด้านการเกษตร 1,583 โครงการ โครงการด้านการส่ง เสริมรายได้และอาชีพ 127 โครงการ โครงการด้านสวัสดิการชุมชน 473 โครงการ และโครงการประเภทอื่น ๆ 486 โครงการ ทั้งนี้ หมู่บ้าน/ชุมชนที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรงบประมาณตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่ บ้าน/ชุมชน (SML) ให้ใช้ข้อมูลจำนวนประชากรตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของสำนักทะเบียนกลาง กรม การปกครอง ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2548 รวมทั้งหมู่บ้าน/ชุมชนที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 ต้องเป็นหมู่บ้าน/ชุมชนที่ได้รับการจัดตั้งไว้แล้วก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 ตามมติที่ประชุม คณะกรรมการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2548
|
|||||||||||||||||||||
748 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง ประจำปี พ.ศ. 2548 กรณีโครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | กษ | 26/07/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอใช้งบประมาณประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง วงเงิน 719,792,622.75 บาท เป็นค่าทดแทนเพิ่มเติมให้แก่ราษฎรกรณีโครง การพัฒนาลุ่มน้ำป่าสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ แล้วเร่งดำเนินการโดยเร็ว พร้อมทั้งทำความตกลงกับราษฎรเพื่อยุติคดีและขอถอนฟ้อง หรือถอนอุทธรณ์ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
749 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2548 (งบกลาง) โครงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในเขตอุตสาหกรรมของภาคตะวันออก | กษ | 28/06/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้จัดสรรงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง จำนวน 150,933,000 บาท ให้กรมชลประทาน เพื่อดำเนินโครง การระบบคลองผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ไปอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง โดยให้ขอตกลง ในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วเร่งดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
750 | แผนพัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน (agenda based) | มท | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแผนพัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน ตาม
ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับเรื่องนี้พร้อมความเห็นของส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงการคลังที่เห็นว่า เพื่อให้การจัดทำแผนสนองรับนโยบายในการปรับปรุงระบบ เอกสารสิทธิในที่ดิน และการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐานสากลสามารถนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายความ มั่นคงของชาติและช่วยป้องกันกรณีพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดทั้งแก้ไขปัญหาที่ดินทำ กินและที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างยั่งยืน จึงเห็นควรสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนพัฒนาดังกล่าว โดยการ จัดสรรเงินงบประมาณ เนื่องจากใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จึงควรขอรับการสนับสนุนจากเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป ส่วนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็นว่า แผน พัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน มีแผนงานบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานด้านภูมิ สารสนเทศ จึงเห็นควรให้คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติพิจารณาก่อน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. 2546 และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับวงเงินค่าใช้ จ่ายในการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว จำนวน 6,929,063,960 บาท เนื่องจากเป็นการดำเนินงานตามภาร กิจที่กรมที่ดินได้เร่งรัดดำเนินการอยู่แล้วในปัจจุบัน และได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 558,392,900 บาท และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ได้ เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 914,658,400 บาท ดังนั้น การดำเนินการตามภารกิจดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-2551 ให้กรมที่ดินจัดทำแผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับขีดความสามารถในการ ดำเนินงานต่อไป ไปพิจารณาในคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติก่อน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง หนึ่งต่อไป |
|||||||||||||||||||||
751 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เสนอหลัก
เกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ โดยให้ปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี กรณีแหล่งเงินที่จะใช้เพื่อดำเนินการ ตามหลักเกณฑ์ โดยกำหนดจะใช้เงินจากโครงการเพื่อการสาธารณประโยชน์จากรายได้ โดยการออกสลาก พิเศษ และแหล่งเงินสำหรับเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ แรงงานต่างด้าว เจ้าของพืช ไร่ ผู้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เป็นการครั้งคราว ผู้ประกอบการในพื้นที่ และการเยียวยากรณีพิเศษ อื่น ๆ ให้ใช้จ่ายในลักษณะเป็นโครงการพิเศษจำเป็นเร่งด่วนของรัฐบาล โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็นโดยประสานและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นต่อไป สำหรับการ พิจารณาให้ความช่วยเหลือ หากผลการสอบสวนยังคลุมเครือไม่ชัดเจนว่า ผู้ขอรับความช่วยเหลือเป็นผู้ได้รับ ผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ หรือไม่ ให้จังหวัดจ่ายค่าชดเชยไปก่อนเบื้องต้น ร้อยละ 25 โดยให้ กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการดังกล่าวเพื่อให้จังหวัดสามารถให้ความช่วย เหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ และหากปรากฏต่อมาว่า ผลสอบสวนและ ค่าชดเชยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏภายหลัง ให้ยุติการช่วยเหลือทันที และเจ้าหน้าที่ผู้จ่ายเงินไม่ต้องรับ ผิดชอบ หากได้กระทำไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ระบุไว้ในเรื่องนั้นแล้ว โดยมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรง และให้นำหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาใช้กับกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดสงขลาหรือในจังหวัดอื่นที่เกิดเหตุการณ์ ลุกลามในทำนองเดียวกัน โดยให้การช่วยเหลือเยียวยาย้อนหลังไปถึงวันที่ 4 มกราคม 2547 และกรณีมีผู้ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบซึ่งเกิดก่อนวันดังกล่าว ให้คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กยต.) พิจารณา การให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายไปตามความเหมาะสม ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือ ให้สำนัก งานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการด้วยความรอบคอบเหมาะสม โดยให้ยึดหลักเมตตาธรรม และให้ ประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาการให้ความช่วยเหลือซ้ำซ้อนกันต่อไปด้วย แล้วดำเนินการ ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
752 | ขอสนับสนุนงบประมาณการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับจากงบประมาณงบกลาง พ.ศ. 2547 หมวดเงินอุดหนุนทั่วไป | นร | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอกรณีสำนักงานตำรวจ
แห่งชาติขอรับการสนับสนุนงบประมาณการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับเพื่อเป็นค่าบริหาร จัดการ โดยให้ใช้งบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 หมวดเงินอุดหนุนทั่วไป ตามโครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับ และติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตัดโอนเงินงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการด้วย นอกจากนี้ ให้สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ (ศูนย์ปฏิบัติการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และการส่งกลับ) เร่งรัดการตรวจพิสูจน์ศพผู้ เสียชีวิตจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยที่เหลือตกค้างอยู่ให้จบสิ้นกระบวนการต่าง ๆ โดยเร็ว สำหรับศพที่ ดำเนินการเสร็จแล้ว และยังไม่สามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ได้อย่างแน่ชัดหรือยังไม่สามารถส่งกลับได้ ให้นำไป ฝังไว้ทั้งหมดเพื่อรอการดำเนินการต่อไปเมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||
753 | ขอกู้เงินโดยการออกตราสารหนี้ | พน | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ อนุมัติในหลักการให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพ.) กู้เงินโดยการออก
ตราสารหนี้เสนอขายให้กับนักลงทุนประเภทสถาบันและ/หรือประชาชนทั่วไป ในวงเงินไม่เกิน 85,000 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนด โดยเสนอขายเป็นชุด ๆ อายุไถ่ถอนไม่เกิน 5 ปี ตามจำนวนเงินที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อนำ เงินไปชำระหนี้เงินกู้ จ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จ่ายดอกเบี้ย และเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของกองทุนน้ำมันเชื้อ เพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไข หลัก เกณฑ์ วิธีการดำเนินการออกตราสาร และการเสนอขาย รวมตลอดถึงความจำเป็นในการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อ เป็นทุนให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในกรณีที่ สบพ. ออกตราสารหนี้ครบ 85,000 ล้านบาท แต่การชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังไม่สิ้นสุด และการจัดสรรเงินอุดหนุนจำนวน 12,000 ล้านบาท เพื่อเป็นกระแสเงินสดสำหรับการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ให้เหมาะสมถูกต้อง โดยให้นำความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณที่เห็นว่า กรณี สบพ. ขอรับการจัดสรเงินอุดหนุน จำนวนไม่เกิน 12,000 ล้านบาท เพื่อให้มีกระแสเงินสดเพียงพอ และเพื่อมิให้ขัดต่อ พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 มาตรา 19 หาก สบพ. ต้องการสร้างความมั่นใจว่าจะมี กระแสเงินสดในแต่ละช่วงเวลาเพียงพอในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามนโยบายของรัฐบาล เห็นควรให้ สบพ. จัดหาเงินจากแหล่งอื่นมาดำเนินการ รวมทั้งในกรณี สบพ. ออกและเสนอขายตราสารหนี้ครบ จำนวน 85,000 ล้านบาท แล้ว และรัฐบาลยังคงมีมาตรการให้ตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกองทุน ฯ ต้องดำเนินการ เพื่อรองรับมาตรการดังกล่าว ขอให้ สบพ. เสนอแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายเงินให้คณะกรรมการบริหาร นโยบายพลังงาน (กบง.) และคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ให้ความเห็นชอบ แล้วขอรับการสนับสนุนงบประมาณให้กองทุน ฯ ตามความจำเป็นต่อไป ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ และอนุมัติให้ สบพ. กู้เงินจากธนาคารออมสินและธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวนรายละ 3,750 ล้านบาท รวม 7,500 ล้านบาท เป็นเวลา 3 เดือน และให้ สบพ. นำเงินที่ได้จากการขายตราสารหนี้มา ชำระคืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
754 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม (ในการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนด้านจริยธรรม) | สธ | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ พ.ศ. 2548
เพิ่มเติมให้แก่แพทยสภาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนด้านจริยธรรมในปี พ.ศ. 2548 จาก เดิมจำนวน 5,000,000 บาท เป็นจำนวน 10,227,843 บาท (ชดเชยเงินสำรองจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2547 ที่จ่ายไปแล้วจำนวน 1,484,148 บาท + เงินเพิ่มงบประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 3,743,695 บาท รวม 5,227,843 บาท) และให้กระทรวงสาธารณสุข (แพทยสภา) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควร ให้มีมาตรการในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนด้านจริยธรรมทั้งในเชิงรุกและเชิงรับตามนัยมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2547 เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมให้แพทยสภา ไปพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
755 | การกำกับติดตามการปฏิบัติราชการและการดูแลแก้ไขปัญหาภัยแล้ง (รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม) | นร | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปผลการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการและการดูแลแก้
ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง ของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2548 สรุปได้ดังนี้ จังหวัดชัยนาท การดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วนโดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ก่อสร้างจุดจ่ายน้ำ เป่าล้างซ่อมแซม และเจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติม ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะปานกลาง และระยะ ยาว จังหวัดขอรับการสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง จำนวน 8 โครงการ เป็นเงิน 1,019 ล้านบาท จังหวัดสิงห์ บุรี ได้จัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำประจำหมู่บ้าน ซ่อมแซมระบบประปาบ่อบาดาลและภาชนะเก็บกักน้ำเพื่อสำรองน้ำ ไว้ใช้ในฤดูแล้ง สำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในระยะปานกลาง และระยะยาว จังหวัด ได้ขอรับการสนับสนุน จำนวน 13 โครงการ เป็นเงิน 152,643,300 บาท จังหวัดอ่างทอง ได้ดำเนินการให้ ความช่วยเหลือโดยแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งเตรียมเครื่องสูบน้ำ ขุดลอกคูคลอง หนองบึง และเป่าล้างบ่อ และจังหวัดได้ขอสนับสนุนโครงการแก้มลิงลำท่าแดง เป็นเงิน 81.5 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้กำกับติดตามเรื่องที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ได้แก่ ปัญหาไข้หวัดนก ปัญหายา เสพติด ผลิตภัณฑ์ OTOP เรื่อง GFMIS และการท่องเที่ยว พร้อมทั้งได้ส่งข้อมูลข้อเสนอของจังหวัดที่ขอรับการ สนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งดังกล่าว ให้กับรองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ซึ่งดูแลเรื่อง การ บริหารจัดการระบบน้ำโดยตรง เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
756 | การตรวจราชการเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด | พน | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดจันทบุรี
และจังหวัดตราด ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) สรุปได้ดังนี้ การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำ เพื่อการเกษตร ก่อสร้างฝายชั่วคราว (ฝายกระสอบดิน) ขุดลอกบ่อ ขุดบ่อน้ำตื้น และเป่าล้างบ่อบาดาล โดยใช้ เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด (50 ล้านบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (กรณีภัยแล้ง) ไปแล้ว 14.23 ล้านบาท งบฉุก เฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.90 ล้านบาท และงบของหน่วยราชการอื่น ๆ (งบปกติ) 14.07 ล้านบาท ในการนี้ จังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว อาทิ โครงการวางท่อกระจายน้ำจากโรงสูบ น้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัด โครงการปรับปรุงและเปลี่ยนฝายยางกั้นแม่น้ำจันทบุรี โครงการก่อสร้างอ่าง เก็บน้ำคลองวังโตนด เป็นต้น สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดตราด จังหวัดได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำเพื่อการเกษตร สูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่ การเกษตร และจังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ได้แก่ โครงการก่อสร้างเขื่อนดินปิดกั้นลำคลองสะพานหิน ก่อสร้างเขื่อนสะตอ และก่อสร้างฝายตามลำน้ำคลอง สะตอ โดยสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาภัยแล้งได้คลี่คลายและทุเลาลงแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
757 | ขอรับการสนับสนุนงบกลางเพื่อจ่ายเป็นเงินบำเหน็จบำนาญและเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่บุคลากรท้องถิ่นที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ | นร | 03/05/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรม
การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญและเงินบำเหน็จ ดำรงชีพให้แก่ข้าราชการครู กรุงเทพมหานคร จำนวน 879,555,700 บาท พนักงานครูเทศบาลและภารโรง จำนวน 350,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,229,555,700 บาท สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบและ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
758 | รายงานผลการตรวจราชการและติดตามสถานการณ์ภัยแล้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 12/04/2548 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลรายงานผลการตรวจราชการและติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง
ในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดราชบุรี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2548 ซึ่งผลการตรวจราชการสรุปได้ดังนี้ จังหวัดสมุทรสงคราม สถานการณ์ภัยแล้งขณะนี้ได้บรรเทา ลง เนื่องจากมีฝนตกลงมา เมื่อวันที่ 25-26 มีนาคม 2548 มีเพียง 1 อำเภอ ( อำเภออัมพวา) 11 ตำบล 96 หมู่บ้าน พื้นที่ทางการเกษตร 203,374 ไร่ ที่ยังประสบภัยแล้ง แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย และจากการตรวจ ราชการในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม พบปัญหาจังหวัดกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คือ ปัญหามลภาวะน้ำเสียใน คลองวัดประดู่ อำเภออัมพวา ทำให้ไม่สามารถใช้น้ำจากคลองวัดประดู่เพื่อการอุปโภคบริโภค ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่พื้นที่ไร่สวนผลไม้ ความต้องการแรงงานต่างด้าวของนายจ้าง และปัญหาราคาน้ำมันเขียวที่ใช้ในกิจ การเรือประมงมีราคาสูง สำหรับผลการตรวจราชการที่จังหวัดราชบุรี ในส่วนของสถานการณ์ภัยแล้ง มีพื้นที่ ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง 6 อำเภอ 54 ตำบล 334 หมู่บ้าน โดยพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง 113,331 ไร่ ในการนี้ จังหวัดได้เสนอขอรับการสนับสนุนเงินงบกลางเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง ด้านพืชและปศุสัตว์ เป็นเงิน 27,853,452.50 บาท และเสนอขอให้ช่วยติดตามเรื่องความเดือดร้อนของราษฎร ตำบลเบิกไพร ที่มีเอกสารสิทธิ น.ส.3 และ น.ส.3 ก แต่ไม่สามารถใช้เอกสารดังกล่าวได้ เนื่องจากอยู่ในเขตป่า สงวน หรือป่าเสื่อมโทรม และไม่อนุมัติให้แปลงสินทรัพย์เป็นทุน
|
|||||||||||||||||||||
759 | ผลการตรวจราชการสถานการณ์ภัยแล้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 12/04/2548 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับสรุปผลการตรวจราชการ
สถานการณ์ภัยแล้งพื้นที่ในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดสระแก้ว ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สรุป ได้ดังนี้ จังหวัดปราจีนบุรี มีพื้นที่ที่ประสบความแห้งแล้งครอบคลุม 6 อำเภอ 54 ตำบล 325 หมู่บ้าน ราษฎร ประสบภัย 8,338 ราย พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายรวม 181,481 ไร่ ทางจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือแก่ ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและบรรเทาปัญหาภัย แล้งอำเภอ ณ ที่ว่าการทุกอำเภอ และจ่ายเงินทดลองรายการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดลอง รายการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 จำนวน 7,266,677 บาท สำหรับแผนงาน/ โครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง (5,000 ล้านบาท) ปี พ.ศ. 2548 เพื่อดำเนินโครงการ พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตร รวม 32 โครงการ งบประมาณ 42,495,268 บาท ขณะนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว โดย จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโสมง งบประมาณจำนวน 4,809.54 ล้านบาท ส่วนจังหวัดสระแก้ว แนวทางการแก้ไขภาวะภัยแล้งของจังหวัด มีดังนี้ ระยะแรก ได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะ กิจแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ระยะที่สอง จังหวัดได้เสนอโครงการพัฒนาลุ่มน้ำ 81 โครงการ ได้รับงบประมาณแล้ว 30 โครงการ จำนวน 79 ล้านบาท ดำเนินการเสร็จแล้ว 26 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 4 โครงการ และ รอการอนุมัติจากสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง 51 โครงการ งบประมาณ 219,650,000 บาท และระยะที่สาม เร่งรัดให้จังหวัดสระแก้วรีบเสนอแผนงานตามยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเพื่อนำเสนอ ขออนุมัติโครงการจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
760 | รายงานการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการเกี่ยวกับสถานการณ์แก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัดนครสวรรค์ | นร | 29/03/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) รายงานการกำกับ
ติดตามการปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 มีพื้นที่ เกิดภัยแล้ง 13 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 102 ตำบล 675 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 83,164 ครัวเรือน จำนวน 221,052 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง 667,583.77 ไร่ จังหวัดนครสวรรค์ได้ให้ การช่วยเหลือแล้ว 140,962 ไร่ เป็นเงิน 35,894,359 บาท และได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำสำหรับไร่นา ของโครงการชลประทาน มีการปฏิบัติการฝนหลวง ให้ความช่วยเหลือโดยใช้รถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายเพื่อการ อุปโภคบริโภค นอกจากนี้ ได้ออกตรวจสถานการณ์ภัยแล้ง และเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ต่าง ๆ โดยได้นำน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้แก่ราษฎร จากการกำกับติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้สั่งการให้จังหวัดประสานงานกองทัพบกและกองทัพอากาศเพื่อสนธิกำลังในการให้ความ ช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะภัยแล้งอย่างเร่งด่วนและเต็มที่ ใน การขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงให้เร่งดำเนินการทันที เมื่อสภาพภูมิอากาศอยู่ในภาวะที่เหมาะสมที่จะดำเนินการได้ สำหรับงบประมาณที่จังหวัดขอรับการสนับสนุนเพื่อบรรเทาความเสียหายแก่ราษฎรผู้ประสบภัย จะได้เร่งรัดให้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี และให้จังหวัดเร่งดำเนินการพิสูจน์ต้นไม้ที่ปลูกในพื้นที่โครงการอ่างเก็บน้ำคลอง โพธิ์ และจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์โดยเร็ว ในส่วนของ การปรับปรุง (ขุดลอก) คลองแม่วงก์ และการขุดลอกบึงหล่ม จะได้เร่งรัดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด สรรงบประมาณสนับสนุนต่อไป
|
.....