คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอให้สำนักราชเลขาธิการเบิกจ่ายงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
295,580,400 บาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการตามพระราชดำริ ได้แก่ โครงการฟาร์มตัวอย่าง สถานีพัฒนา
การเกษตรที่สูง  โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่  และโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง  ในภูมิภาคต่าง  ๆ  ทั่ว
ประเทศ รวม 78 โครงการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร จำนวน 22 จังหวัด 26 เขตเลือกตั้ง แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการ
เลือกตั้งเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ
กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 342,670,000 บาท ในงบเงินอุดหนุน  ทั้งนี้  ให้สำนักงานคณะกรรมการการ
เลือกตั้งพิจารณาดำเนินการอย่างประหยัด โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดเพชรบูรณ์ เขตเลือกตั้งที่ 2 และกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้ง
ที่ 11 แทนตำแหน่งที่ว่าง ในวงเงิน  34,283,000  บาท  โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งปรับแผนการ
ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  เพื่อดำเนินการดังกล่าวก่อน  และหาก
ปรากฏว่า มีงบประมาณไม่เพียงพอในการดำเนินงาน   ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอทำความตกลงใน
การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินงานเป็นกรณี  ๆ  ไป  ตาม
ความเห็นของสำนักงบประมาณ

                 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการเพิ่มจำนวนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพการ
ศึกษาผ่านระบบสารสนเทศ (Interactive e-learning) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 อีกจำนวน 1,980 โรงเรียน
รวมเป็น 2,260 โรงเรียน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ  โดยให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาปรับแผนการ
ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  ไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน  หากไม่
เพียงพอให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตาม
ความจำเป็นและเหมาะสม โดยดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้  ให้กระทรวงศึกษาธิการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อนำมาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดก่อนขยาย
ผลการดำเนินการต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 
                1. อนุมัติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้
แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้    โดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าตอบ
แทนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ตามผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จความ
ชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ก.บ.จ.ต.) ครั้งที่ 2/2551 วันที่  1  พฤษภาคม  2551
ทั้งนี้  ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551  เป็นต้นไป  และให้กระทรวงการคลังรับไปกำหนดวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่าย
ค่าตอบแทนดังกล่าวเพื่อความถูกต้องเรียบร้อยในการเบิกจ่ายเงินจากคลัง ตามความเห็นของกระทรวงการคลังต่อไป
                2. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่ได้รับมาดำเนินการ
เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ
กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป  ตามความเห็น
ของสำนักงบประมาณ
                3. โดยที่ยังมีผู้ปฏิบัติงานภาครัฐอื่น ๆ  ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ลูกจ้างชั่วคราว
และพนักงานจ้างเหมา ของกรมอุทยานแห่งชาติ  สัตว์ป่า  และพันธุ์พืช  ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อม หรือครูโรงเรียนเอกชนประเภทในระบบที่ได้รับการบรรจุตามกฎหมาย  ครูจ้างรายเดือนวิทยากรอิสลามศึกษา
นักการภารโรงจ้างเหมารายเดือน  ครูอัตราจ้างและพนักงานจ้างเหมาอื่น  ๆ  ของกระทรวงศึกษาธิการ   จึงมอบให้
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   หากเห็นสมควรให้ได้รับ
สิทธิเช่นเดียวกัน   ก็ให้ส่งกระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน  แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
โดยให้พิจารณากำหนดมาตรการในการตรวจสอบรับรองให้ชัดเจนถูกต้องด้วย

                 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาอนุมัติหลักการตามมติ
คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 1  ที่เห็นชอบในหลักการการแก้ไขปัญหาเงินค่าตอบแทน
รายเดือนข้าราชการและเงินวิทยฐานะ ตามข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการ  โดยให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุง
ข้อมูลตัวเลขการเบิกจ่ายที่จะใช้เป็นฐานในการคำนวณเพื่อจะประมาณการวงเงินที่ต้องเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามข้อเท็จ
จริง รวมทั้งให้ประสานกับสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาดำเนินการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน
รายเดือนและเงินวิทยฐานะให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไป  ทั้งนี้  โดยในช่วง  4  เดือนสุดท้าย
ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (เดือนมิถุนายน-กันยายน 2551) ซึ่งอยู่ในช่วงที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะได้จัดทำข้อมูลตัวเลขการเบิกจ่ายจริงตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งนั้น  เห็นควรให้ สพฐ.
พิจารณาใช้จ่ายจากเงินงบประมาณที่ยังมีวงเงินเหลืออยู่ จำนวน 5,442,572,450 บาท รวมกับที่จะปรับแผน ฯ มา
ใช้จ่ายได้อีกจำนวน  500,000,000  บาท  ตลอดจนวงเงินที่กรมบัญชีกลางจะสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่าย 
การปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐและรายการเงินเลื่อนขั้น  เลื่อนอันดับเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ
อีกจำนวน 1,500,000,000 บาท  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,442,572,450 บาท ไปก่อน  แล้วให้จัดทำข้อมูลบุคลากร
ที่มีสิทธิได้รับเงินวิทยฐานะและเงินค่าตอบแทนรายเดือนที่ต้องเบิกจ่ายจริงให้ถูกต้องชัดเจนเพื่อขอทำความตกลงใน
เรื่องของวงเงินส่วนที่ขาดเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามความจำเป็นกับสำนักงบประมาณต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ
กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้องค์การฟอกหนัง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการยุบเลิกองค์การฟอกหนังเป็นเงินจำนวน
433.07 ล้านบาท
              2. ให้กระทรวงกลาโหม (องค์การฟอกหนัง) เร่งดำเนินการจำหน่ายสินค้าคงค้างโดยเร็ว  และหาก
งบประมาณที่ได้รับอนุมัติเพิ่มเติมในครั้งนี้จำนวน 433.07 ล้านบาท ไม่เพียงพอต่อมูลหนี้และค่าใช้จ่ายที่จะใช้
จริง  ให้กระทรวงกลาโหมประสานรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมตามขั้น
ตอนต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ประธานกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทก
ภัย (คชอ.) รายงานสรุปผลการประชุม คชอ. ครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2551  เพื่อติดตามความคืบหน้า
สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สรุปได้ดังนี้ ความคืบหน้าของ
สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 31 จังหวัด 246 อำเภอ 1,566 ตำบล  12,092  หมู่บ้าน
มีผู้เสียชีวิต 26 คน สูญหาย 1 คน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 454,304 ครัวเรือน  มูลค่าความเสียหายประมาณ
557,072,609 บาท สถานการณ์น้ำในเขื่อนน้อยกว่าปี พ.ศ. 2550 และลักษณะอากาศช่วงระหว่างวันที่ 28 กันยา
ยน-1 ตุลาคม 2551  จะมีฝนตกปานกลางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   และช่วงระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม 2551
ภาคกลาง ภาคตะวันออก  และภาคใต้มีฝนลดลง  สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หน่วยงานต่าง ๆ
ได้เตรียมความพร้อมและวางแผนงาน/โครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แต่เนื่องจากหน่วยงานที่ให้
ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้เสนอของบประมาณเป็นจำนวนเงินสูง  จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง
แผนงาน/โครงการ/งบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  โดยมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นประธาน
เพื่อพิจารณากลั่นกรองงบประมาณที่หน่วยงานต่าง ๆ ขอรับการสนับสนุนเพื่อนำเสนอ คชอ. พิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน
ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อม และกองทัพบก ตามประเด็นความร่วมมือ 7 ด้าน ครั้งที่ 8/2551 (ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2551) ดังนี้
              1. การลาดตระเวน โดยออกลาดตระเวนร่วม 58 ครั้ง จัดตั้งด่านและจุดตรวจร่วม  15  ด่าน  ประสานขอ
รับการสนับสนุนกำลัง 5 ครั้ง และประชุมหารือวางแผนการลาดตระเวนร่วมกัน 8 ครั้ง เป็นต้น
              2. การพัฒนาองค์ความรู้ โดยร่วมจัดประชุม/ฝึกอบรมให้ความรู้แก่ราษฎร  11  ครั้ง ร่วมจัดตั้งกลุ่ม/หมู่
บ้าน/ชุมชนและเครือข่ายอาสาสมัคร  ร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ 4 ครั้ง  และสำรวจความต้องการขอรับการสนับ
สนุนความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรในเรื่องการพัฒนาองค์ความรู้ในด้านการข่าว การใช้อาวุธ  การอ่านแผน
ที่ จิตวิทยามวลชน การพัฒนาเทคโนโลยี และการสร้างเครือข่าย จากฝ่ายทหาร 6 ครั้ง เป็นต้น
              3. การแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่  ได้แต่งตั้งนายทหารชั้นประทวน  ระดับ ผบ.หมู่   เป็นพนักงาน
เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายป่าไม้  และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารของกองพลทหารราบที่ 3 จำนวน  99  นาย  เป็นผู้
ช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการป่าไม้
              4. การสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการสนับสนุน
เครื่องมือและอุปกรณ์จากกองทัพบก จำนวน 2 ครั้ง  และอยู่ระหว่างประสานงานขอรับการสนับสนุนเครื่องมือและ
อุปกรณ์จากกองทัพบกอีกใน 3 พื้นที่ 
              5. การประชาสัมพันธ์  ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง  ๆ   อาทิ   ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่ง
ประเทศไทยช่อง 11 (NBT)  ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5   รวมทั้งประชาสัมพันธ์กิจกรรม ทส. สัญจรปลูก
ป่า ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติ อ.อ.ป. อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เป็นต้น
              6. การสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ได้แก่  การจัดประชุมหารือ  ประสานการดำเนิน
งานร่วมกัน 3 ครั้ง และจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน 2 ครั้ง
              7. ความร่วมมืออื่น ๆ ได้แก่ การจัดกิจกรรมปลูกป่าร่วมกันใน 43 พื้นที่ทั่วประเทศ รวมพื้นที่ 675.5 ไร่/
351,470 ต้น  ให้การสนับสนุนกล้าไม้แก่กองทัพบก จำนวน 785,460 กล้า เพื่อจัดกิจกรรมปลูกป่าตามโครงการ
"พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี" ทั่วประเทศ และร่วมประชุมหารือเรื่องการจัดกิจกรรมปลูกป่าร่วมกัน 1 ครั้ง

              คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยใน
ช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน 2551 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม สรุปได้ดังนี้
              1. กรมทางหลวง มีสภาพทางที่ได้รับความเสียหายรวม 37 จังหวัด 24 สายทาง 251 แห่ง ระยะทาง
194.01 กิโลเมตร มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 46 ล้านบาท
              2. กรมทางหลวงชนบท มีสภาพทางที่ได้รับความเสียหายรวม 47 จังหวัด 172 สายทาง มูลค่าความ
เสียหายเบื้องต้นประมาณ 520 ล้านบาท
              3. การรถไฟแห่งประเทศไทย มีน้ำท่วมปิดทางรถไฟชำรุดเสียหายและไม่สามารถให้ขบวนรถผ่านได้
ระหว่างสถานีบ้านไผ่-สถานีท่าพระ มูลค่าความเสียหาย 30,154,000 บาท
              4. การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น  และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย  ได้เร่งรัดซ่อมแซมทรัพย์สินและ
เส้นทางที่ชำรุดเสียหาย เพื่อให้การจราจรผ่านได้ชั่วคราวก่อน รวมทั้งปักป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทาง ทำคัน
ดินกั้นน้ำ วางกระสอบทราย ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ  และจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพื่อประสานงาน
กับจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดส่งเครื่องอุปโภคบริโภค การขนย้ายผู้ประสบภัย ฯลฯ
              5. การแก้ไขปัญหาในระยะยาว  กระทรวงคมนาคม  ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง   กรมทางหลวง
ชนบท และการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ดำเนิน
การแก้ไขปัญหาไปก่อน  หากไม่เพียงพอจะได้ประมวลข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
เพิ่มเติมเพื่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป

               คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการดำเนิน
งานตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมและกองทัพบก ครั้งที่ 7/2551 สรุปตามประเด็นความร่วมมือ 7 ด้าน ดังนี้
               1. การลาดตระเวน ได้ออกลาดตระเวนร่วม จำนวน 55 ครั้ง และจัดตั้งด่านและจุดตรวจร่วม 15 ด่าน
เป็นต้น
               2. การพัฒนาองค์ความรู้ ได้ร่วมจัดประชุม/ฝึกอบรมให้ความรู้แก่ราษฎร จำนวน  10  ครั้ง และร่วม
จัดตั้งกลุ่ม/หมู่บ้าน/ชุมชนและเครือข่ายอาสาสมัคร ร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ จำนวน 3 ครั้ง เป็นต้น
               3. การแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ กองทัพบกกำลังดำเนินการประสานขอให้กระทรวงทรัพยา
กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้งนายทหารชั้นประทวน ระดับ ผบ.หมู่ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมาย
ป่าไม้
               4. การสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการสนับ
สนุนเครื่องมือและอุปกรณ์จากกองทัพบก จำนวน  2  ครั้ง รวมทั้งได้ประสานขอรับการสนับสนุนเครื่องมือและ
อุปกรณ์จากกองทัพบกใน 3 พื้นที่ เป็นต้น
               5. การประชาสัมพันธ์ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11
(NBT) ทุกวันเสาร์ ระหว่างเวลา 08.30-09.00 น. จำนวน 12 ตอน เริ่มออกอากาศวันที่ 19 กรกฎาคม 2551-
4 ตุลาคม 2551 เป็นต้น
               6. การสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ได้จัดประชุมหารือ  ประสานการดำเนินงาน
ร่วมกัน จำนวน 2 ครั้ง และมีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน จำนวน 2 ครั้ง
               7. ความร่วมมืออื่น มีการจัดกิจกรรมปลูกป่าร่วมกันใน 43 พื้นที่ทั่วประเทศ รวมพื้นที่ 544.5 ไร่/
324,470 ต้น รวมทั้งให้การสนับสนุนกล้าไม้แก่กองทัพบก จำนวน 785,460 กล้า เพื่อให้กองทัพบกจัดกิจ
กรรมปลูกป่าตามโครงการ "พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี" ทั่วประเทศ เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงินสำรอง
จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 149,460,000 บาท ให้กับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดย
ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

               คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการดำเนิน
งานตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมและกองทัพบก ครั้งที่ 6/2551 สรุปตามประเด็นความร่วมมือ 7 ด้าน ดังนี้
               1. ด้านการลาดตระเวน ได้ออกลาดตระเวนร่วม จำนวน 53 ครั้ง  และจัดตั้งด่านและจุดตรวจร่วม 14
ด่าน เป็นต้น
               2. ด้านการพัฒนาองค์ความรู้  ได้ร่วมจัดประชุม/ฝึกอบรบให้ความรู้แก่ราษฎร จำนวน 10 ครั้ง  และ
ร่วมจัดตั้งกลุ่ม/หมู่บ้าน/ชุมชนและเครือข่ายอาสาสมัคร ร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ จำนวน 3 ครั้ง เป็นต้น
               3. ด้านการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่  กองทัพบกดำเนินการประสานขอให้กระทรวงทรัพยา
กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่งตั้งนายทหารชั้นประทวน ระดับ ผบ.หมู่ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่  ตามกฎหมาย
ป่าไม้
               4. ด้านการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการ
สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์จากกองทัพบก จำนวน 2 ครั้ง  และอยู่ระหว่างประสานงานขอรับการสนับสนุน
เครื่องมือและอุปกรณ์จากกองทัพบกอีกใน 3 พื้นที่ เป็นต้น
               5. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้ประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11(NBT)
ทุกวันเสาร์ ระหว่างเวลา 08.30 น.-09.00 น. จำนวน 12 ตอน เริ่มออกอากาศวันที่ 19 กรกฎาคม 2551-14
ตุลาคม 2551 เป็นต้น
               6. ด้านการสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ   ได้จัดประชุมหารือประสานการดำเนิน
งานร่วมกัน จำนวน 2 ครั้ง รวมทั้งมีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน จำนวน 1 ครั้ง 
               7. ความร่วมมืออื่น ๆ ได้จัดกิจกรรมปลูกป่าร่วมกันใน 43 พื้นที่ทั่วประเทศ และกระทรวงทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้การสนับสนุนกล้าไม้แก่กองทัพบก จำนวน 760,000 กล้า เพื่อให้กองทัพบกจัดกิจ
กรรมปลูกป่าตามโครงการ "พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี" ทั่วประเทศ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
ราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ดำเนินโครงการ "ทำดี มีงานทำ" ระยะที่  1  ในวงเงิน  400,000,000  บาท  เพื่อสร้าง
โอกาสทางการศึกษาวิชาชีพและส่งเสริมการมีงานทำให้กับเยาวชนไทย 3 รุ่น รุ่นละ 11,000 คน รวมเป็น 33,000
คน โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ประกาศใช้บังคับแล้ว  ให้ กอ.รมน. ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบ
ประมาณ แผนงานการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตั้งงบประมาณไว้เป็นเงิน  7,500  ล้าน
บาท  มาดำเนินโครงการ ฯ  หากไม่เพียงพอจึงขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่าย  งบกลาง  รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป  และหาก กอ.รมน. มีความ
จำเป็นจะต้องเร่งดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  ให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อน
ดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน
ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อม และกองทัพบก ครั้งที่ 5/2551 สรุปตามประเด็นความร่วมมือ 7 ด้าน ดังนี้
              1. ด้านการลาดตระเวน ได้ร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานจู่โจม  959  และ
เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน  ร้อย  ฉก.ตชด. 224  และเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณพิกัดตั้ง  VA.11-VA.15  พิกัด
ราบจากแนวชายแดน-VA.92 เป็นต้น
              2. ด้านการพัฒนาองค์ความรู้ ได้พัฒนาองค์ความรู้และฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน  โดยเฉพาะด้านการข่าว
การใช้อาวุธ จิตวิทยามวลชน การพัฒนาเทคโนโลยี การควบคุมไฟป่า การฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ การสร้างเครือข่าย
กฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ทุกฉบับ และด้านอื่นที่จำเป็น
              3. ด้านการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของกองทัพบก ในบางตำแหน่งเป็นพนัก
งานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
              4. ด้านการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ อาทิ  ขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีให้ทางกรมอุทยานแห่ง
ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเข้ามามีชื่อในกฎกระทรวงฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธ
ปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน  พ.ศ. 2490  และกำหนดแนวทางในการขอรับ
การสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์กับกองทัพภาคที่ 3 เป็นต้น
              5. ด้านการดำเนินการประชาสัมพันธ์ ได้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่เพื่อสร้างจิตสำนึกและความตระหนักใน
การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ผ่านสื่อต่าง ๆ
              6. ด้านการสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ได้ปฏิบัติงานออกลาดตระเวนตามแผนร่วม
ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติป่ารอยต่อ  5  จังหวัด   (ภาคตะวันออก)
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ท้องที่อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัด
ฉะเชิงเทรา และดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราตามที่หน่วยงานของกองทัพ
บกประสานขอรับการสนับสนุน เป็นต้น
              7. ด้านความร่วมมืออื่น ๆ อาทิ การสนับสนุนกล้าไม้แก่ ทบ. เพื่อใช้ในการส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ใน
พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพบก ภาค 1-4   การปลูกป่ากับจังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์  ณ  บ้านเขาโล่น  ตำบลเขา
เจ็ดลูก  อำเภอทับคล้อย  จังหวัดพิจิตร  และร่วมกับกองทัพบก ภาคที่ 4 ร่วมจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลนตามโครง
การ "พลิกฟื้นผืนป่า ด้วยพระบารมี" จังหวัดสตูล ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้น

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2551
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน  761,277,728  บาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการขุดลอกแหล่งน้ำตามพื้นที่ต่าง ๆ ตามโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและรองรับภัยแล้งในพื้นที่ของหน่วย
บัญชาการทหารพัฒนา  ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  ทั้งนี้  ให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาประสาน
และบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง  เช่น  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรม
ชลประทาน) และกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและขจัดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน
              2. กรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย หรือรองรับภัยแล้ง
ในพื้นที่แห่งใดเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้รับอนุมัติแล้ว     ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาอุทกภัย
และรองรับภัยแล้งประสานหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการตาม
ขั้นตอนและความจำเป็นโดยเร่งด่วนต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงินสำรอง
จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 187,830,000 บาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการ
ชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551  ถึงวันที่  31  สิงหาคม  2551  ให้แก่สำนักงานตำรวจ
แห่งชาติ โดยเบิกจ่ายในงบดำเนินงาน ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ตามกฎหมาย  ระเบียบ  ข้อบังคับและมติ
คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับรายงานผลการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล
นราธิวาสราชนครินทร์และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชายแดนขนาด  200  เตียง  รับผิดชอบ
ดูแลประชาชน ในพื้นที่  4  อำเภอ  ได้แก่  อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง  อำเภอสุคิริน  อำเภอสุไหงปาดี  จาก
เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องพัฒนาให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการส่งต่อผู้ป่วยที่
มักจะประสบกับสถานการณ์ที่ผู้ก่อความไม่สงบจะโรยตะปูเรือใบหรือลอบยิง หากโรงพยาบาลมีเครื่องมือแพทย์
ครบถ้วน ก็สามารถให้การดูแลผู้ป่วยได้ โดยไม่ต้องส่งต่อ ซึ่งในส่วนของการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อ
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุขจะได้ดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน
ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อม และกองทัพบก ครั้งที่ 3/2551 สรุปตามประเด็นความร่วมมือ 7 ด้าน ดังนี้
              1. ด้านการลาดตระเวน มีการประสานงานขอรับการสนับสุนนกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 2 ในการร่วม
ปฏิบัติงานป้องกันและปราบรามการลักลอบตัดไม้พะยูง ในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี  ศรีสะเกษ  สุรินทร์  ยโสธร
อำนาจเจริญ และมุกดาหาร  และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่  9  อุบลราชธานี  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานกอง
ร้อยทหารพรานจู่โจม 959 และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนร้อย ฉก.ตชด.224 เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณพิกัด
ตั้ง VA.11-VA.15 พิกัดราบจากแนวชายแดน-VA.92 พบร่องรอยการลักลอบตัดไม้พะยูง เป็นต้น
              2. ด้านการพัฒนาองค์ความรู้ ได้พัฒนาองค์ความรู้และฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการข่าว
การใช้อาวุธ  จิตวิทยามวลชน  การพัฒนาเทคโนโลยี  การควบคุมไฟป่า  การฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้  การสร้างเครือ
ข่ายกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ทุกฉบับ และด้านอื่นที่จำเป็น โดยเปิดหลักสูตรเป็นการเฉพาะตามร้องของแต่ละฝ่าย
เป็นต้น
              3. ด้านการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของกองทัพบก  ในบางตำแหน่ง  เป็น
พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  และแต่งตั้งนายทหารชั้นประทวน ระดับ ผบ.หมู่ เป็นพนักงานเจ้าหน้า
ที่
              4. ด้านการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์  มีการหารือเพื่อกำหนดแนวทางในการขอรับการสนับสนุน
เครื่องมือและอุปกรณ์กับกองทัพภาคที่ 3 เป็นต้น
              5. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ เพื่อสร้างจิตสำนึกและความตระหนักใน
การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
              6. ด้านการสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ   ได้ปฏิบัติงานออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง
ตามแผนร่วมปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติป่ารอยต่อ  5  จังหวัด  (ภาค
ตะวันออก)  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  ท้องที่อำเภอท่าตะเกียบ  อำเภอสนาม
ชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา
              7. ความร่วมมืออื่นๆ ได้แก่ การสนับสนุนกล้าไม้แก่กองทัพบกเพื่อใช้ในการส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ใน
พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพบกภาค  1-4  การจัดมหกรรมคอนเสิร์ตและกิจกรรมฝายต้นน้ำลำธาร  และปลูกต้นไม้
ร่วมปลูกป่ากับจังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ณ บ้านเขาโล่น ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร  และจัดกิจ
กรรมปลูกป่าชายเลนตามโครงการ "พลิกฟื้นผืนป่า ด้วยพระบารมี" จังหวัดสตูล ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้น