สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ภัยหนาว ภัยแล้ง และอุบัติเหตุรถทัวร์จ้างเหมา
ของคณะครูจันทบุรีพลิกคว่ำที่จังหวัดเชียงใหม่ ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยหนาว ข้อมูล
ณ  วันที่  22  มกราคม  2550  มีพื้นที่ประสบภัยหนาว จำนวน  47  จังหวัด 459 อำเภอ 51 กิ่งอำเภอ 3,162
ตำบล 33,617 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 5,626,192 คน  1,962,527  ครัวเรือน  แยกเป็น  ภาค
เหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 9 จังหวัด และภาคตะวันออก 2 จังหวัด โดยมี
จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว จำนวน  44  จังหวัด  ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง ได้รับ
รายงานจากจังหวัดว่าได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 22 มกราคม 2550
มีพื้นที่ประสบภัย รวม 11 จังหวัด 86 อำเภอ 13 กิ่งอำเภอ  582  ตำบล  4,783  หมู่บ้าน  ราษฎรได้รับความ
เดือดร้อน 1,780,038 คน 421,104 ครัวเรือน  พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ  166,906  ไร่  สำหรับกรณี
อุบัติเหตุรถทัวร์จ้างเหมาของคณะครูจากอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี  พลิกคว่ำตกลงในแม่น้ำกวงบนถนน
สาย 118 เชียงใหม่-เขียงราย  บริเวณบ้านปางแฟน  ตำบลเทพเสด็จ  อำเภอดอยสะเก็ด  จังหวัดเชียงใหม่  เมื่อ
วันที่  19  มกราคม  2550  เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต  17  คน  บาดเจ็บ 33 คน   โดยผู้บาดเจ็บได้นำส่งเข้ารักษา
ตัวที่โรงพยาบาล   ส่วนศพผู้เสียชีวิต  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานไปยังกรมกิจการพลเรือน
กองทัพอากาศ  เพื่อขอรับการสนับสนุนอากาศยาน C 130  เดินทางไปรับศพผู้เสียชีวิตมายังสนามบินอู่ตะเภา
อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และจัดรถบรรทุกของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรีเคลื่อน
ย้ายศพผู้เสียชีวิตจากสนามบินอู่ตะเภาไปยังจังหวัดจันทบุรี  เพื่อให้ญาติได้มารับศพผู้เสียชีวิตนำไปบำเพ็ญกุศล
ตามภูมิลำเนาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอดังนี้ รับทราบและอนุมัติตามมติคณะกรรม
การสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 2/2549 วันที่  5  มิถุนายน  2549  ที่ให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
ส่งชำระหนี้ค้างนำส่งตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน 628.42 
ล้านบาท เข้ากองทุนสงเคราะห์เกษตรกร  และให้ อ.ต.ก. มอบเครื่องจักรกลการเกษตรอุปกรณ์เครื่องสีข้าวของ
อ.ต.ก. ตามโครงการ ฯ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  31  ตุลาคม  2543  ดังนี้  ศูนย์การ
ศึกษาพัฒนาของชาวบ้าน โครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขอรับการสนับสนุน
โรงสีข้าวขนาดเล็ก 2 รายการ มูลค่า 113,035.32 บาท  สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  ขอรับการ
สนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรอุปกรณ์เครื่องสีข้าว จำนวน 11 รายการ มูลค่า 33,378,595.09 บาท และ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรอุปกรณ์เครื่องสีข้าว จำนวน 3 รายการ  มูลค่า
4,233,555.19  บาท   รวมทั้งให้  อ.ต.ก.  งดเว้นการนำเงินค่าเครื่องจักรกลการเกษตรที่ยังค้างนำส่ง  จำนวน
37,725,185.60 บาท เข้ากองทุน ฯ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เสนอขอรับการ
สนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง  เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงแห่งชาติ  เป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น  555,962,600  บาท
แยกเป็น จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย  โดยกองทัพบกเป็นหน่วยหลัก  ประกอบกำลังจาก
หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 19 หน่วย  กำลังพล
13,652 นาย งบประมาณจำนวน 500,000,000 บาท  รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ (ศปศ.คมช.) ขึ้น
ในสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ  (สลธ.คมช.)  เพื่อปฏิบัติภารกิจติดตามและประสาน
การใช้กำลัง ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ  รวม  15  รายการ  งบประมาณจำนวน 55,962,600 บาท
โดยให้  คมช.  ทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ โดยปรับแผนการปฏิบัติงานและ
แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2550  ของกระทรวงกลาโหม   และสำนักงานตำรวจ
แห่งชาติ นำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ก่อนเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง  รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามความจำเป็นและ
เหมาะสมต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 100,223,600 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของวงเงินรวมทั้ง
สิ้นของโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำของเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน  501,118,000  บาท ที่เหลืออีก
จำนวน  400,894,400  บาท  ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  โดยให้กรมส่ง
เสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551
ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวด้วยโดยให้นำ
เงินรายได้ของเทศบาลนครหาดใหญ่มาสมทบการก่อสร้างตามขีดความสามารถ  และเร่งรัดดำเนินการให้เป็น
ไปตามแผนที่กำหนด และให้จัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามพระราช
บัญญัติวิธีการงบประมาณ  พ.ศ. 2502   และที่แก้ไขเพิ่มเติม   โดยให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดให้อยู่ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ในส่วนของจังหวัดสกลนคร  ซึ่งได้ผ่าน
การพิจารณาตรวจสอบรายชื่อ  และยืนยันคุณสมบัติผู้ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ จำนวน  747  คน เป็น
จำนวนเงิน  78,144,448  บาท สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายให้กระทรวงกลาโหม  (กองทัพบก)  เบิกจ่าย
งบประมาณตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ไปพลาง
ก่อน  งบกลาง  รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  โดยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ
ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอกรณีกองทัพบกขอรับการ
สนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จำนวน 1,875 คน ในพื้นที่ 10
จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดนครราชสีมา  ยโสธร  บุรีรัมย์  สุรินทร์  กาฬสินธุ์  อุบลราชธานี  นครพนม  มุกดาหาร
สระแก้ว และฉะเชิงเทรา  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น  185,686,012.50  บาท  สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่าย เนื่องจาก
กองทัพบกไม่ได้จัดเตรียมงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับเพื่อการนี้ไว้ จึงให้กองทัพบกเบิกจ่ายงบประมาณ
ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  ไปพลางก่อน  งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 185,686,013 บาท  โดยให้กองทัพบกขอทำความ
ตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือของ
กระทรวงคมนาคม  สรุปได้ดังนี้   ความเสียหายด้านการขนส่งทางถนนสายหลักในความรับผิดชอบของกรม
ทางหลวง  เสียหาย 44 สายทาง  รวม 389 แห่ง  ครอบคลุม  50  จังหวัด  มูลค่าความเสียหาย 1,734.549
ล้านบาท  และถนนสายรองในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท เสียหาย 291 สายทาง  ครอบคลุม
42  จังหวัด  มูลค่าความเสียหาย  1,350.000  ล้านบาท  ส่วนทางรถไฟ เสียหาย 6 แห่ง  รวมถึงรถจักร รถ
ดีเซลราง และรถโดยสาร พร้อมอุปกรณ์เสียหาย  มูลค่าความเสียหาย  246.074  ล้านบาท  สำหรับการให้
ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้จัดเจ้าส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการซ่อมแซมทรัพย์สินและทางหลวงที่อยู่
ในความรับผิดชอบ และส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ ยานพาหนะ และเครื่องอุปโภค
บริโภคเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง    รวมทั้งขอใช้งบฉุกเฉินในการซ่อมแซมทางหลวงที่ชำรุดเสียหาย
เพื่อให้การจราจรผ่านได้  และขอรับการสนับสนุนการดำเนินการจากกองกำลังทหารพัฒนา กรณีกำลังการ
ซ่อมของภาคพลเรือนไม่เพียงพอ

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 46
จังหวัด ของกระทรวงแรงงาน สรุปได้ดังนี้  กระทรวงแรงงานได้จัดสรรเงินงบประมาณ งบกลาง ปีงบประมาณ
 พ.ศ. 2549   รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น   ที่เหลือคืนจากการดำเนินงานให้ความช่วย
เหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ และยังไม่ได้ส่งคืนจำนวน 22,575,541 บาท เพื่อนำไปใช้
ดำเนินงานโครงการจ้างงานเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่  46  จังหวัด โดยกระทรวงแรงงาน
ได้จัดสรรงบประมาณดังกล่าวให้แก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย 46 จังหวัดดังนี้ ร้อยละ 70 ของวงเงินงบประมาณ
(15,799,200 บาท) จัดสรรให้กับจังหวัดประสบอุทกภัยรุนแรงก่อนในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอ่างทอง
ชัยนาท สิงห์บุรี  พระนครศรีอยุธยา  และร้อยละ 30  ของวงเงินงบประมาณ  (6,776,341 บาท)  จัดสรรให้
จังหวัดที่ประสบอุทกภัยรุนแรงลำดับถัดมา จำนวน  10  จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดพิษณุโลก  พิจิตร  นครสวรรค์
สระบุรี ปทุมธานี  อุทัยธานี  นนทบุรี  ปราจีนบุรี  ลพบุรี  และสุพรรณบุรี  สำหรับจังหวัดที่เหลือมีผลกระทบ
รุนแรงน้อยกว่า  อยู่ระหว่างประสานรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อมีหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป นอกจากนี้ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปให้บริการ ซ่อมแซมวัสดุอุปกรณ์
สิ่งของเครื่องใช้ ตลอดจนจัดซื้อสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายและประกาศขยายและเลื่อนกำหนดการ
ส่งเงินสมทบให้แก่สถานประกอบการออกไปอีก 3 เดือน

             คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอดังนี้ รับทราบแผนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
กระทรวงแรงงาน ปี 2549/2550  โดยกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะก่อนเกิดภัย  ระหว่างเกิดภัย  และระยะหลังเกิดภัย (น้ำลด)  และอนุมัติให้นำเงินงบประมาณ งบกลาง
ปีงบประมาณ พ.ศ.2549 ที่กระทรวงแรงงานได้รับจัดสรรแล้ว  และเหลือจ่ายอยู่จำนวน 22,575,541 บาท
ไปใช้ในการดำเนินงานโครงการจ้างงานเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่  46  จังหวัด รวมทั้ง
อนุมัติหลักการการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในการดำเนินงานโครงการจ้างงานเร่งด่วน  หรือโครงการ
การอาชีพแรงงานในชนบท กรณีที่งบประมาณที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการปฏิบัติงาน  ทั้งนี้ หากงบประมาณไม่
เพียงพอให้กระทรวงแรงงานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน
เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถปรับแผนได้ ให้ขอรับการสนับสนุนจากงบกลางเท่าที่จำเป็น และในการ
ดำเนินการให้บูรณาการการให้ความช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานอื่นด้วย  เช่น  หน่วยงานฝ่ายทหาร  เพื่อให้
การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  และรับความเห็นของสำนัก
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการคัดเลือกผู้ที่ได้รับการจ้างงาน ควรให้
ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยอย่างรุนแรงเป็นลำดับแรก และในการกำหนดงานที่จะว่า
จ้างผู้ประสบภัยภายใต้โครงการ ควรเป็นงานที่ก่อให้เกิดการฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ให้คืนสู่สภาพปกติโดย
เร็ว  และเป็นงานที่หนุนเสริมการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานต่าง  ๆ  ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ
ด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอดังนี้ เห็นชอบในการปรับปรุงองค์ประกอบและ
อำนาจหน้าที่ของกรรมการอำนวยการและคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน ครั้ง
ที่ 24 ปี พ.ศ. 2550 โดยให้พิจารณาเชิญภาคเอกชน  เช่น  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  สภาหอการ
ค้าไทย ร่วมเป็นกรรมการด้วย  กับเห็นชอบให้จัดตั้งสำนักงานบริหารการจัดการแข่งขัน ฯ  ขึ้นในสำนักงาน
คณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นสำนักงานเฉพาะกิจ  เพื่อทำหน้าที่บริหารและจัดการแข่งขันให้สำเร็จตาม
วัตถุประสงค์ และให้ยุบเลิกเมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว  และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการแข่ง
ขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน ครั้งที่ 24  ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  ในงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุด
หนุนทั่วไป ในวงเงิน 494.66 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสนามและหมู่บ้านนักกีฬา สำหรับ
ค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขันส่วนที่ขาด จำนวน  970  ล้านบาท อนุมัติในหลักการการจัดสรรงบประมาณ
สนับสนุนโดยให้คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ฯ จัดหารายได้จากสิทธิประโยชน์และขอรับการสนับสนุนจาก
รัฐวิสาหกิจก่อน  หากดำเนินการแล้ว  แต่ยังมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณในส่วนที่ขาด
ให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานความเสียหายของโบราณสถานจาก
อุทกภัย สรุปได้ดังนี้ ภาคเหนือ มีจังหวัดได้รับผลกระทบ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่  น่าน  ตาก  พิษณุ
โลก และสุโขทัย  มีโบราณสถานได้รับความเสียหาย  18  แห่ง  และภาคกลาง มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 10
จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สระบุรี  อ่างทอง  สิงห์บุรี  พระนครศรีอยุธยา
ลพบุรี และอุทัยธานี มีโบราณสถานได้รับความเสียหาย 57 แห่ง ในการนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้มอบให้กรม
ศิลปากรแจ้งคณะกรรมการว่าด้วยการอนุรักษ์มรดกโลก เพื่อขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณ และผู้เชียว
ชาญเพื่ออนุรักษ์โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก  ได้แก่  โบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์พระ
นครศรีอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร รวมทั้งให้ตั้งคณะทำงาน
เพื่อพิจารณาจัดทำแผนแม่บทเป็นการเฉพาะของแต่ละพื้นที่ ซึ่งในขั้นต้นได้พิจารณาเห็นว่าแหล่งที่มีความเสีย
หายและวิกฤตที่สุด  คือ  อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้จัดทำ
แผนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว  ส่วนโบราณสถานที่ถูกน้ำท่วมและไม่อาจป้องกันได้ ให้พิจารณาเสริมความมั่นคง
โดยให้ถูกต้องตามหลักการอนุรักษ์

              หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มี
คำสั่งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมการปกครองใช้จ่ายจาก
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2549  งบกลาง  รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ
จำเป็น จำนวน 75,404,120 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน
(ชรบ.)  ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2549  เฉพาะหมู่บ้านในพื้นที่ที่มีปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ
รุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในพื้นที่ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  2 (ฝ่ายโครง
สร้างพื้นฐาน การพลังงาน การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวง
การคลังเสนอขออัตรากำลังเพิ่มเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้เพิ่มอัตรากำลังเพื่อ
รองรับการปฏิบัติงานดังกล่าว จำนวน 726 อัตรา  โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้คณะกรรมการกำหนดเป้า
หมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ  (คปร.)  พิจารณาเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการและจัดสรรอัตรากำลังคืนทดแทน
ตำแหน่งที่ยุบเลิกจากการเกษียณอายุราชการของกรมศุลกากร รวม 354 อัตรา โดยใช้กลไกการจัดสรรอัตราจาก
ผลการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  และหลังจากการปฏิบัติงานครบ  1  ปี  ให้กระทรวงการคลัง
ประเมินผล หากมีความจำเป็นต้องขอเพิ่มอัตรากำลังอีกเท่าใด ให้เสนอ คปร. พิจารณาจัดสรรอัตรากำลังเพิ่มตาม
ความจำเป็นและเหมาะสมต่อกรอบอัตรากำลังดังกล่าวต่อไป  ทั้งนี้  ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิเคราะห์จำนวนบุคลา
กรให้เป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสมในปีต่อ  ๆ  ไป   เพื่อให้กรมศุลกากรสามารถให้บริการทั้งกระบวนการ
ตรวจสินค้าและงานตรวจผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความพึงพอใจและศักยภาพในการแข่งขันของท่าอากาศ
ยานให้มากยิ่งขึ้น  รวมทั้งควรคำนึงถึงอัตรากำลังในภาพรวมของหน่วยงานอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้องตามเหตุผลและความ
จำเป็นของแต่ละหน่วยงานด้วย  โดยหากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนอัตรากำลังเพื่อปฏิบัติ
งาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเติม ก็ให้ดำเนินการเสนอตามแนวทางเดียวกันนี้ต่อไป ตามประเด็นอภิปราย
ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปเพื่อประกอบการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมภาคีสมาชิก
ใหญ่กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ครั้งที่ 2 ช่วงเดือนมิถุนายน 2550 ณ ศูนย์การประชุมสหประชา
ชาติ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดการประชุมดังกล่าวให้กระทรวงสาธารณสุขขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณรายจ่ายประจำปีสมทบเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2550 ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอแผนงาน
โครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนาพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยงขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ
เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)  จำนวน 9 โครงการ  ได้แก่  แผนงานระบบบำบัดน้ำเสีย (โครงการก่อสร้าง
ท่อรวบรวมน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่งขนาด 80 ลบ.ม. ต่อวัน สำหรับชุมชนชาวประมงทะเลบาง
เบ้า  โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำ  และระบบบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่ง  สำหรับชุมชนพื้นที่หาดทรายขาว)
แผนงานระบบกำจัดขยะ (โครงการบริหารจัดการ  เก็บ  ขน  และกำจัดขยะมูลฝอยเกาะช้าง โครงการสำรวจศึกษา
ความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดในการจัดการขยะมูลฝอยฝั่งจังหวัดตราดตลอดแนว   ประกอบด้วย   บ้าน
แหลมกลัด อ.เมือง บ้านไม้รูด บ้านคลองใหญ่และบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่  รวมทั้งพื้นที่เกาะกูด  และเกาะหมาก)
แผนงานอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ  และสิ่งแวดล้อม (โครงการจัดระเบียบการใช้ทรัพยากรชายฝั่งทะเล
และแนวปะการัง โครงการจัดตั้งอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม โครงการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมประจำปี) โครง
การออกแบบรายละเอียด Re-routing  ถนน  (เส้นทางจักรยาน)  ช่วงบ้านโรงถ่าน-บางเบ้า  และโครงการพัฒนา
โครงข่ายเพื่อการป้องกันภัยและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว  โดยให้ อพท.  หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามภาร
กิจโครงการดังกล่าวเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550   ตามความเหมาะ
สมและจำเป็นภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานต่อไป และหากมีความจำเป็นต้องดำเนินโครง
การใดเป็นการเร่งด่วนในระยะเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและ
แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  25  กรกฎาคม  2549
(เรื่อง  มาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ  ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549)  ต่อไป  ตาม
ความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เร่งรัดจัดการประชุมพิจารณา
ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  อพท.  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับเทคโนโล
ยีที่จะใช้ในแผนงานระบบบำบัดน้ำเสีย  (2  โครงการ)  รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของโครงการ
ต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติตามรับทราบและอนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานคณะกรรมการ
พิจารณาค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง (27,200 ล้านบาท) เสนอผลการพิจารณาของ
คณะกรรมการ ฯ ในการพิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เสนอขอรับการสนับสนุน
งบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง  (27,200  ล้านบาท)  โดยคณะกรรม
การ ฯ  เห็นควรสนับสนุนแผนงาน/โครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนา
แหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ อำเภออาจสามารถ  จังหวัดร้อยเอ็ด  วงเงิน  83,107,000  บาท
และโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า  (30  บาท  ช่วยคนไทยห่างไกลโรค)  สำนักงานหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 5,000,000,000 บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเยือนสาธารณรัฐอาเซอร์
ไบจานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 17-21 มิถุนายน 2549 เพื่อเข้าร่วมการประชุม
ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศขององค์การการประชุมอิสลาม  (Islamic Conference of Foreign Ministers)  ครั้งที่ 33
หรือ ICFM 33 ภายใต้องค์การการประชุมอิสลาม  (Organization  of  Islamic  Conferences : OIC)  รวมทั้งเข้าพบ
หารือกับผู้นำระดับสูงของสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ได้แก่ การหารือกับประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจานทั้งสองฝ่าย
ได้หารือเรื่อง การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ  ความร่วมมือด้านพลังงาน  การส่งเสริมเอกชนไทยใน
ธุรกิจการก่อสร้างในอาเซอร์ไบจาน การท่องเที่ยว  และความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตรา  และการหา
รือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซอร์ไบจาน เกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนท่าทีของไทยในการประชุม ICFM ครั้งนี้
การปรับปรุงแก้ไขเอกสารต่าง ๆ ที่จะออกโดยที่ประชุม เพื่อให้สะท้อนความเป็นจริงของการดำเนินการของรัฐบาล
ในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และแผนการเปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย นอกจากนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นประธานในพิธีเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย  โดยนายซูอัด ฟาทา
ลิเยฟ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงบากูและมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว
ข้องต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการโครงการศูนย์มหาวชิรา
ลงกรณ  ธัญบุรี (จัดซื้อเครื่องฉายรังสีแบบเร่งอนุภาคสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง) สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินโครง
การในปี พ.ศ. 2549  ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  ก่อน  โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ  หากไม่สามารถปรับ
แผนได้ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  ตามขั้นตอนต่อไป   รวมทั้งเห็นชอบ
ในหลักการโครงการแก้ปัญหาโรคขาดสารไอโอดีน    สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการในปี  พ.ศ. 2549
ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2549 ก่อน โดย
ให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ   หากไม่สามารถปรับแผนได้   ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  ไว้รองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป  สำหรับโครงการจัดตั้งบ้านคุณ
พุ่ม  ให้กระทรวงการคลังประสานและเร่งรัดการขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน
326,361,380 บาท  โดยขอให้สำนักงานสลาก ฯ พิจารณาจ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นงวด ๆ ตามความเหมาะสม
และจำเป็น โดยสอดคล้องกับแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ
รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของคณะอนุกรรมการ
ชุดต่าง ๆ  ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการ ฯ  อาทิ  ผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัย  ได้จ่ายเงินจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย  สำนักนายกรัฐมนตรี  เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัย   โดยในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครบถ้วนแล้ว
จำนวน 4,018 ราย แยกเป็น ผู้เสียชีวิต จำนวน 78 ราย เป็นเงิน 1,560,000 บาท  ผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 98 
ราย เป็นเงิน 490,000 บาท และบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 984 ราย เป็นเงิน 1,968,000 บาท รวมเป็นเงินช่วย
เหลือทั้งสิ้น  4,018,000  บาท  สำหรับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบ
ภัยเป็นค่าจัดการศพ  ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ  ช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย  รวมทั้งค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ  ค่า
เครื่องนุ่งห่ม ค่าอาหารจัดเลี้ยงและอื่น ๆ เป็นเงิน 91,344,533.15 บาท  การให้ความช่วยเหลือด้านป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย และแพร่ เป็นเงิน 16,487,090 บาท และการปฏิบัติงานให้ความช่วย
เหลือผู้ประสบอุทกภัย เฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย และแพร่ เป็นเงิน 32,125,953.02 บาท ผลการดำเนินการ
ของคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ว่างงาน   ได้รับกรอบวงเงินจากงบกลาง  ฯ  จำนวน  341,602,350
บาท เพื่อจัดทำโครงการ/กิจกรรม โดยมีหน่วยงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน  2  หน่วยงาน ได้แก่
กรมการจัดหางาน จำนวน 262,764,700 บาท  และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  จำนวน  54,441,000  บาท  ซึ่ง
สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้แล้วเมื่อวันที่  13  กรกฎาคม  2549   และผลการดำเนินการของคณะ
อนุกรรมการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ได้รับกรอบวงเงินจากงบกลาง ฯ จำนวน 417,363,135 บาท เพื่อช่วย
เหลือผู้ประสบอุทกภัยกรณีพื้นที่การเกษตร (ข้าว พืชไร  พืชสวน/ไม้ผล) พื้นที่ประมง ฟาร์ม ได้รับความเสียหาย
และเพื่อฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากดินถล่ม โดยมีหน่วยงานขอรับการจัดสรรงบประมาณ รวม 4
หน่วยงาน ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้แล้วจำนวน 342,069,107 บาท ได้แก่ กรมส่งเสริมการ
เกษตร จำนวน 275,725,234 บาท  กรมประมง จำนวน 19,690,695 บาท  กรมปศุสัตว์  จำนวน 7,797,678
บาท และกรมพัฒนาที่ดิน จำนวน 38,253,000 บาท เป็นต้น