ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | การรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 24/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดย ๑.๑.๑ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐ ให้แก่สถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการและผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการบริหารโครงการระดับจังหวัด และให้แก่องค์การสวนยาง ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ยกเว้น สถาบันเกษตรกรที่เคยได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่าเพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำมาแล้วสามารถได้รับการจัดสรรได้ทันที ๑.๑.๒ ให้สถาบันเกษตรกร และองค์การสวนยาง ซื้อยางจากสมาชิก ผลิตและเก็บรวบรวม โดยการแนะนำและตรวจสอบคุณภาพยางให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานกรมวิชาการเกษตร รวมทั้งเก็บรักษายางไว้ในโกดังของสถาบันเกษตรกร หรือสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือของกรมวิชาการเกษตร หรือจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม ๑.๑.๓ จัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและดำเนินงาน การบริหารโครงการฯ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกำกับ ดูแล ตรวจสอบ ติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้นสำหรับยางแผ่นรมควันของสถาบันเกษตรกรที่ยังไม่สามารถขายได้ เนื่องจากปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดย ๑.๒.๑ ให้ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยใช้ผลผลิตยางพาราจำนำเป็นประกัน ทั้งนี้ ให้สถาบันเกษตรกรเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ย ๑.๒.๒ รัฐจะรับภาระดำเนินการเรื่องประกันวินาศภัย โดยจะขอรับการสนับสนุนงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๓.๓๓๓ ล้านบาท ๑.๓ สำหรับเงินที่ ธ.ก.ส. จะให้กู้เป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐ เพื่อให้สถาบันเกษตรกร และองค์การสวนยาง ใช้ในการรับซื้อยางนำไปแปรรูปและรอขายในราคาที่เหมาะสม ในวงเงินสินเชื่อรวม ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท นั้น อนุมัติให้ใช้จากงบช่วยเหลือโครงการรับจำนำข้าว จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะจัดสรรให้สถาบันเกษตรกร จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท และองค์การสวนยาง จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒. อนุมัติงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานตามโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้นสำหรับยางแผ่นรมควันของสถาบันเกษตรกรที่ยังไม่สามารถขายได้ วงเงินรวม ๑,๐๓๙.๖๘๗ ล้านบาท ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม และให้ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติกำกับดูแลในการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
442 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา และน่าน) | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการในการแก้ไขปัญหาของรัฐมนตรีที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา และน่าน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดโครงการและรับข้อสั่งการของรัฐมนตรีไปดำเนินการ ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอบน ๑ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) และตอนบน ๒ (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) ตามที่รัฐมนตรีลงพื้นที่ได้ให้ความเห็นและมีข้อสั่งการเพิ่มเติม และให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รับไปพิจารณาประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อให้เกิดการบูรณาการในการบริหารจัดการน้ำ ๑.๓ เห็นชอบโครงการวันเดย์ทัวร์ซึ่งต่อเนื่องกับโครงการปรับปรุงเส้นทางท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำแม่สัน - ทุ่งเกวียน โดยให้จังหวัดลำปางและศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเสนอบรรจุโครงการดังกล่าวไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจังหวัด ๑.๔ เห็นชอบในหลักการโครงการยกระดับชุมชนวัวลายเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ๑.๕ เห็นชอบโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือและโครงการอุทยานเทคโนโลยีและความสร้างสรรค์ภาคเหนือ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่รับไปบูรณาการทั้งสองโครงการเข้าด้วยกัน และจัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ให้ชัดเจน ๑.๖ เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาเพิ่มจุดรับจำนำข้าวที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรในพื้นที่อย่างทั่วถึง ๑.๗ เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปจัดทำรายละเอียดโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๑ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๒๑ แนวใหม่ และโครงการก่อสร้างเส้นทางตัดใหม่ (Missing Link) และดำเนินการเพื่อขออนุมัติจัดทำโครงการต่อไป ๑.๘ เห็นชอบให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับไปพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บกักน้ำของเขื่อนภูมิพลในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๙ ให้จังหวัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดของโครงการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ซึ่งกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ และ ๒ ทุกระยะเวลา ๓ เดือน ๒. เห็นชอบให้แก้ไขหน่วยงานรับผิดชอบโครงการยกระดับชุมชนวัวลายเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ จากเดิม "สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่" เป็น “กระทรวงวัฒนธรรม” ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๓. ให้จังหวัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการที่เกี่ยวข้องรับไปเตรียมความพร้อมของโครงการ และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
443 | ข้อเสนอแผนงานโครงการในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน (จำแนกประเภท) สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 15 มกราคม 2555 | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน และ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) ซึ่งได้เสนอแผนงาน/โครงการ จำนวน ๑๒๘ โครงการ วงเงินรวม ๓๘๗,๓๘๙.๔๔ ล้านบาท ประกอบด้วยแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม/เกษตร จำนวน ๓๘ โครงการ วงเงินรวม ๑๙,๐๖๕.๕๓ ล้านบาท แผนงาน/โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่ง และโลจิสติกส์ จำนวน ๕๙ โครงการวงเงินรวม ๓๕๔,๔๓๑.๗๖ ล้านบาท แผนงาน/โครงการด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน บริการ การท่องเที่ยว จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงินรวม ๑๐,๕๕๖.๙๐ ล้านบาท แผนงาน/โครงการด้านบริการทางสังคม จำนวน ๙ โครงการ วงเงินรวม ๓,๒๓๘.๕๒ ล้านบาท และแผนงาน/โครงการด้านอื่น ๆ จำนวน ๓ โครงการ วงเงิน ๙๖.๗๓ ล้านบาท โดยในส่วนของวงเงินงบประมาณให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดเพื่อประกอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามขั้นตอนต่อไป โดยให้รับความเห็นต่อภาพรวมแผนงาน/โครงการดังกล่าว ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ๒. เห็นชอบในการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร โดยให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ประสานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการเร่งรัดจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อดำเนินการเปิดจุดผ่านแดนถาวรระหว่างกัน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องด้านการอำนวยความสะดวกและการบริหารจัดการบริเวณด่านพรมแดน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นจุดผ่านแดนถาวร ๓. เห็นชอบโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือและโครงการอุทยานเทคโนโลยีและความสร้างสรรค์ภาคเหนือ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับไปบูรณาการทั้งสองโครงการเข้าด้วยกัน และจัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ให้ชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงบทบาทของภาคเอกชนให้สามารถต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๔. เห็นชอบโครงการด้านบริการทางสังคม รวม ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาศักยภาพศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลลำปางเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ระยะที่ ๓ โครงการขยายพื้นที่และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสันกำแพง โครงการพัฒนาปรับปรุงค่ายลูกเสือสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์การเรียนรู้ค่ายลูกเสือต้นแบบ และโครงการสร้างเครือข่ายแจ้งข่าวสารสาธารณภัยและจัดตั้งอาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อส.ปภ.) โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดประกอบการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๕.๑ แผนงานโครงการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำแนกโครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เพื่อดำเนินการ ๕.๒ แผนงานโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่งและโลจิสติกส์ มอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาในรายละเอียด และจัดลำดับความสำคัญเพื่อนำเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕.๓ แผนงานโครงการด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน บริการและการท่องเที่ยว มอบให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕.๔ แผนงานโครงการด้านบริการทางสังคมที่นอกเหนือจากข้อ ๑ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียด เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณปกติ สำหรับโครงการจัดตั้งศูนย์บริการสุขภาพและศูนย์บริการสาธารณสุข (Medical Hub) ให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางในการให้บริการด้านสาธารณสุขในภูมิภาค ทั้งนี้ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่รับไปจัดทำภาพรวมทั้งระบบที่มีการบูรณาการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่และได้รับการสนับสนุนจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ไปบางส่วนแล้ว พร้อมทั้งระบุความเชี่ยวชาญเฉพาะ (Areas of Excellence) ความพร้อมด้านบุคลากร การสร้างเครือข่ายทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศ และแนวทางการลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับประชาชนทั่วไป เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เกิดความต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
444 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง | กค | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้ขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตลอดจนการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามมาตรการฯ ระยะที่ ๙ ตามหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง) ดังนี้ ๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ใน ๗๓ เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีวงเงิน ๘๓๗.๐๐ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายในการจัดรถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๖๔ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกล ในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในวงเงิน ๓๔๐.๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ ขสมก. และ รฟท. กู้เงินเพื่อชดเชยการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อชดเชยให้แก่ ขสมก. และ รฟท. สำหรับการดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นลำดับแรก โดยในกรณีของ ขสมก. ที่ได้กำหนดให้ได้รับชดเชยค่าใช้จ่ายการดำเนินมาตรการตามต้นทุนที่แท้จริงนั้น ขสมก. จะต้องจัดให้มีการตรวจสอบจากผู้ประเมินอิสระ เพื่อให้การชดเชยมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการการลดค่าครองชีพด้านการเดินทางที่มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาก่อนสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรการฯ ระยะที่ ๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
445 | การสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารและสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ สหภาพสากลไปรษณีย์ | ทก | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหาร (Council of Administration) และสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ (Postal Operations Council) ของสหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union : UPU) ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๕ ระหว่างวันที่ ๒๔ กันยายน - ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ทั้งนี้ การเป็นสมาชิกสภาบริหารและสภาปฏิบัติการไปรษณีย์จะทำให้ประเทศไทยได้รับความร่วมมือและความช่วยเหลือทางวิชาการจากสหภาพสากลไปรษณีย์ และประเทศสมาชิกของสหภาพสากลไปรษณีย์ ซึ่งจะทำให้มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารไปรษณีย์ของไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและได้มาตรฐานสากล และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในด้านการต่างประเทศที่มุ่งเสริมสร้างบทบาทที่สร้างสรรค์และส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติในองค์การระหว่างประเทศ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอรับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกสหภาพสากลไปรษณีย์ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารและสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ของประเทศไทยไว้เป็นการล่วงหน้า ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รองรับไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
446 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ 2 | คค | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นการรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการระยะแรก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินการศึกษาแนวทางการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมของศูนย์บูรณาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบแห่งชาติ (NMTIC) ในด้านการปฏิบัติการด้านวิศวกรรม และการออกแบบอาคารปฏิบัติการ ทำการศึกษาองค์ประกอบของศูนย์ย่อย ประกอบด้วยศูนย์การบริหารจัดการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS หน้าที่บทบาทภายในศูนย์ NMTIC รูปแบบการดำเนินการ รวมทั้งการดำเนินการด้านการตลาดและโมเดลทางธุรกิจ เพื่อให้ศูนย์ NMTIC สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน โดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอความเห็นชอบจากคณะทำงานกลั่นกรองการขอรับจัดสรรเงินสำหรับการศึกษาวิจัยเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ๒. กรมการขนส่งทางบกได้จัดทำข้อเสนอโครงการขยายผลการศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลรถโดยสารประจำทางโดยใช้เทคโนโลยี ซึ่งครอบคลุมการกำหนดแนวทางและมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบ GPS มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะทั้งระบบ และเสนอต่อ กปถ. โดยผ่านการพิจารณาของคณะทำงานกลั่นกรองการขอรับจัดสรรเงินสำหรับการศึกษาวิจัยเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และคณะอนุกรรมการด้านการวิจัยเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแล้ว และจัดทำรายละเอียดขอบเขตของงาน (Term of Reference : TOR) แล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง |
|||||||||||||||||||||||||||
447 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | มท | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ เป็นเงินจำนวน ๑๑๗,๗๒๒,๓๘๕ บาท และให้ส่วนราชการที่ดำเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติจ่ายเงิน หรือก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ก่อนได้รับเงินประจำงวด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล งานมหรสพสมโภช และการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เสนอ ๒. อนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน ๑๑๗,๗๒๒,๓๘๕ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||
448 | รายงานผลการดำเนินการป้องกันและการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และความต้องการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย | อก | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการป้องกันและการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และความต้องการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปผลการป้องกันนิคมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการประสานหน่วยงานต่าง ๆ ในการป้องกันนิคมทั้งด้านการเสริมคันกั้นน้ำให้มั่นคงแข็งแรง จัดหาเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักรกลหนักไว้อย่างเพียงพอในทุกพื้นที่ ขอรับการสนับสนุนกำลังพลจากกระทรวงกลาโหมตรวจสอบเฝ้าระวังคันกั้นน้ำตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในกรณีที่คันกั้นน้ำชำรุด มีการรั่วซึม จะเร่งซ่อมโดยทันที และตรวจสอบระดับน้ำในคลองต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อนิคม โดยประสานและได้รับความร่วมมือจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กรุงเทพมหานคร กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการควบคุมการระบายน้ำผ่านพื้นที่นิคม มิให้เกิดความเสียหายต่อนิคมอุตสาหกรรม ๒. สรุปผลการฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยสามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ และผู้ประกอบการเข้าทำความสะอาด ซ่อมแซมเครื่องอุปกรณ์ รวมทั้งมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในการฟื้นฟูโรงงานแล้ว จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูพื้นที่มีข้อจำกัดที่ระดับน้ำภายนอกนิคมต้องลดต่ำกว่าคันกั้นน้ำเดิม เพื่อให้คันกั้นน้ำมีความแข็งแรง ดังนั้น สวนอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี จึงเริ่มสูบน้ำออกจากพื้นที่ล่าช้ากว่าพื้นที่อื่น ส่วนนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครมีข้อจำกัดด้านภูมิประเทศ ทำให้ระดับน้ำลดลงช้า จึงยังไม่สามารถสูบน้ำออกจากนิคมได้ ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่ทุกแห่งให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยประมาณการว่าภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมทุกแห่ง ผู้ประกอบการจะเข้าฟื้นฟูโรงงาน ซ่อมแซมเครื่องจักรอุปกรณ์ได้ และจะมีผู้ประกอบการบางรายเริ่มประกอบการได้ ทั้งนี้ ภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ คาดว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะสามารถเริ่มประกอบการได้ ๓. กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Export and Import Band (JICA) และ Japan External Trade Organization (JETRO) ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ได้รับทราบประเด็นปัญหา ข้อวิตกกังวลและความประสงค์ที่จะขอรับความช่วยเหลือ โดยต้องการทราบความชัดเจนของภาครัฐในการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ต้องการให้นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม มีระบบการป้องกันปัญหาอุทกภัยของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การช่วยเหลือในด้านเงินทุน เทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ เพื่อซ่อมแซมบูรณะโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและเครื่องจักรกลต่าง ๆ และการอำนวยความสะดวกในการจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ กระบวนการหรือพิธีการทางกฎหมายในการนำเข้าส่งออกสารเคมีและวัตถุดิบที่จำเป็นในการฟื้นฟูกิจการ ๔. JICA เสนอความช่วยเหลือและการสนับสนุนต่อภาคอุตสาหกรรมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว โดยระยะเร่งด่วน เป็นการสนับสนุนเครื่องจักรอุปกรณ์ รถสูบน้ำ เพื่อช่วยเหลือสำหรับการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ชุมชนโดยรอบ ระยะสั้น เป็นการสนับสนุนทางวิชาการในการออกแบบและก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบนิคมอุตสาหกรรม และการให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันและการฟื้นฟูการประกอบการอย่างเร่งด่วนทั้งด้านวิชาการและการเงิน สำหรับระยะกลางและระยะยาว เป็นการสนับสนุนการศึกษาการป้องกันอุทกภัยในภาพรวมของประเทศ และสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้องกันอุทกภัย และความช่วยเหลือทางเทคนิคอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
449 | การปรับปรุงแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทยสำหรับขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) | กค | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๔) ฉบับปรับปรุง สำหรับจัดสรรวงเงินในส่วนของภาครัฐ จำนวน ๒๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ภาคเอกชนดำเนินการแทนในปีแรก จำนวน ๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะพิจารณาจัดสรรวงเงินที่เหลือ จำนวน ๑๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะต่อไป และให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนเพื่อเทคโนโลยีสะอาด Clean Technology Fund (CTF) ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนโครงการของภาครัฐด้านพลังงานทดแทนและการขนส่ง รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในพื้นที่เมือง โดยเฉพาะในอาคารแต่ละประเภท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการลงทุนฯ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ฉบับเดิม และในการดำเนินโครงการดังกล่าว ควรขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรภาครัฐในด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและคาร์บอนต่ำ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
450 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) ครั้งที่ 1/2554 | มท | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติที่ประชุมร่วมกันของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธาน กฟย. เสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการเพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๔๘๙.๒๐ ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการฟื้นฟูท่าอากาศยานดอนเมือง ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในส่วนของการฟื้นฟูทางวิ่ง ทางขับ ระบบสาธารณูปโภค เครื่องช่วยการเดินอากาศ และลานจอดอากาศยานฝั่งตะวันออก (ด้านกองทัพอากาศ) ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๒ เห็นชอบในหลักการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๑๑,๘๙๘ ล้านบาท สำหรับดำเนินงานโครงการบูรณะฟื้นฟูเร่งด่วนทางหลวงสายหลัก และโครงข่ายสำคัญที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ของกรมทางหลวง จำนวน ๗๐๘ โครงการ (สายทาง) และให้สนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๓ เห็นชอบในหลักการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๔,๕๙๔.๓๐ ล้านบาท สำหรับดำเนินงานโครงการฟื้นฟูทางหลวงชนบทอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย ของกรมทางหลวงชนบท จำนวน ๕๔๙ สายทาง และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๔ เห็นชอบในหลักการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน วงเงิน ๙๕๖.๒๙ ล้านบาท สำหรับดำเนินงานแผนงาน/โครงการฟื้นฟู เยียวยาด้านสถานศึกษาซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นเร่งด่วนและความพร้อมต่อไป โดยให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม และความซ้ำซ้อนของการใช้จ่าย
|
|||||||||||||||||||||||||||
451 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร | 08/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้ขอรับการจัดสรรจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพิ่มเติมภายในกรอบวงเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
452 | การถ่ายโอนภารกิจการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้แก่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) | นร | 01/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการถ่ายโอนภารกิจการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๑.๑ งานคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กยต.) ให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑.๑ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รับถ่ายโอนภารกิจการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาฯ และงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการจาก กยต. คณะอนุกรรมการคณะต่าง ๆ ภายใต้ กยต. และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยการออกระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๑.๑.๒ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและจังหวัดส่งเรื่องที่ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ โดยใช้เงินทดรองราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ตั้งไว้ที่จังหวัดและอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการรวบรวม ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และขั้นตอนการขออนุมัติจัดสรรงบประมาณเพื่อชดใช้เงินทดรองราชการดังกล่าวให้ ศอ.บต. และคณะกรรมการที่จะมีการตั้งขึ้นตามระเบียบ กพต. ดำเนินการเพื่อขออนุมัติจัดสรรงบประมาณเพื่อชดใช้เงินทดรองราชการต่อไป ๑.๒ ด้านงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ๑.๒.๑ ให้ ศอ.บต. ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อให้มีงบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ได้ทันทีเมื่อมีการถ่ายโอนภารกิจการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ จากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๒.๒ ให้ ศอ.บต. ขอทำความตกลงกับกรมบัญชีกลางเพื่อขออนุมัติวงเงินทดรองราชการ (เงินจ่ายล่วงหน้าทันทีเมื่อเกิดความเสียหายระหว่างรอเงินงบประมาณ) และประสานแจ้งจังหวัดเพื่อซักซ้อมความเข้าใจการขอรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ จาก ศอ.บต. ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๑.๓ ด้านงานระบบข้อมูล ให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการโอนระบบฐานข้อมูล เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ให้ ศอ.บต. รวมถึงวัสดุ อุปกรณ์ และคอมพิวเตอร์ที่ได้ดำเนินการจัดซื้อให้ศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ๑.๔ ด้านงานบุคลากร การถ่ายโอนบุคลากรที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการจัดจ้างในลักษณะจ้างเหมาบริการเพื่อปฏิบัติงานที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ศูนย์เยียวยาจังหวัดและอำเภอ ที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น ๖๑ คน ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาจ้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ให้ ศอ.บต. กำหนดโครงสร้างและอัตรากำลัง และงบประมาณ เพื่อรองรับภารกิจดังกล่าว ๑.๕ ให้ ศอ.บต. รับไปพิจารณาทบทวนหรือปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ตั้งกองทุนดังกล่าวไว้ที่ ศอ.บต. ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการถ่ายโอนภารกิจเห็นควรให้ดำเนินการภายหลังจากที่ได้มีการโอนระบบฐานข้อมูล เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ให้กับ ศอ.บต. เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และเมื่อ ศอ.บต. ได้รับการถ่ายโอนภารกิจแล้ว ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับภารกิจนี้โดยตรงต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
453 | การประชุมคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง | นร | 01/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรงเพื่อติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการที่จะดำเนินการในแต่ละวัน ซึ่งในช่วง ๓ วันที่ผ่านมาที่ประชุมฯ ได้มอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินตามมาตรการสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำกับติดตามการดำเนินการเปิดทางระบายน้ำบริเวณคลองหกวาสายล่าง ในช่วงคลอง ๙, ๑๒ และ ๑๓ ร่วมกับรองปลัดกรุงเทพมหานคร (นายจุมพล สำเภาพล) และประสานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอรับการสนับสนุนกำลังพลจากกองทัพไทย เพื่อเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และรายงานผลการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบ ๑.๒ ให้นายสุทัศน์ วีสกุล ประสานงานและสั่งการการระบายน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการระบายน้ำเข้าสู่คลองแสนแสบ ประตูน้ำบางชัน โดยให้มีการบริหารการปิดเปิดประตูน้ำในระดับที่สามารถป้อนน้ำเข้าสู่ระบบการสูบน้ำของกรุงเทพมหานครให้ได้เต็มศักยภาพ และรักษาระดับของการเอ่อล้นตามแนวตลิ่งของคลองในระดับที่ปลอดภัยในการรักษาพื้นที่สำคัญภายในแนวกั้นน้ำของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมบริเวณประตูน้ำบางชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำโดยเร็ว ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมผู้รับผิดชอบในแนวกั้นน้ำ Local Road (รังสิต - ดอนเมือง) รายงานให้คณะทำงานฯ และนายกรัฐมนตรีทราบว่า ขณะนี้มีอุปกรณ์ Big bag ประมาณ ๒,๐๐๐ ลูก แต่จะต้องใช้ถึง ๓,๐๐๐ ลูก ซึ่งคาดว่าจะจัดหาได้ทั้งหมดและยืนยันที่จะดำเนินการจัดทำแนวกั้นระยะ ๓.๕ กิโลเมตร ได้ภายในวันพฤหัสบดีที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธินเริ่มลดระดับลง รวมทั้งจะดำเนินการป้องกันน้ำจากเมืองเอกเข้าสู่คลองประปาได้ด้วย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า จะเริ่มสำรวจรอยรั่วต่าง ๆ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะด้านตะวันตกของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะใช้วิธีการจ้างเหมาเพื่อเร่งดำเนินการอุดรอยรั่วในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำ ในระหว่างวันที่ ๓ - ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ให้แล้วเสร็จ เพื่อป้องกันปริมาณน้ำที่จะเข้าท่วมขังทางด้านฝั่งตะวันตกในกรณีที่น้ำทะเลหนุนสูง ในช่วงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยจะรายงานความก้าวหน้าให้คณะทำงานฯ และนายกรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
454 | การเตรียมความพร้อมในการป้องกัน แก้ไขสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเตรียมความพร้อมในการป้องกัน แก้ไขสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนรองรับการป้องกันและบรรเทาสถานการณ์อุทกภัยในภาวะฉุกเฉินตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ภายในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อรวบรวมจัดทำเป็นแผนแม่บท (master plan) ในการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเสนอให้รองนายกรัฐมตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) พิจารณา ก่อนแจ้งให้ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ผู้อำนวยการ ศปภ.) ทราบ เพื่อประโยชน์ในการประสานงานระหว่างกันต่อไป ๒. ให้กระทรวงและหน่วยงานของภาครัฐที่มีการจัดตั้งศูนย์อพยพหรือสถานที่พักพิงให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยแจ้งรายชื่อศูนย์อพยพและสถานที่พักพิงที่ได้จัดตั้งขึ้น โดยมีข้อมูลรายละเอียดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถประสานงานได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งรายชื่อของผู้ประสบอุทกภัยที่พักอาศัยอยู่ในสถานที่ดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยด่วนเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้ผู้อำนวยการ ศปภ. ทราบ เพื่อจะได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีภารกิจในการให้ความช่วยเหลือและบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านสาธารณูปโภค การคมนาคม และอื่น ๆ เตรียมความพร้อมในการดูแล เฝ้าระวังจุดเสี่ยงต่าง ๆ การเคลื่อนย้ายผู้ประสบอุทกภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัย รวมทั้งให้สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการได้ทันทีที่เกิดปัญหาขึ้น ทั้งนี้ ให้มีการแจ้งเตือนประชาชนในกรณีต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย เช่น การแจ้งเตือนและการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าและประปา การแจ้งข่าวเตือนภัยเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและสภาวะอากาศที่อาจทำให้เกิดผลกระทบเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ส่วนกรณีประตูระบายน้ำในแต่ละจุด ให้กรมชลประทานและกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ไปยัง ศปภ. เป็นระยะ ๆ รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับจังหวัดต่าง ๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำนำมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
455 | การติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามสถานการณ์น้ำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจติดตามสภาพน้ำท่วมและน้ำเน่าเสียในบริเวณชุมชนฟ้าใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ พบว่ามีน้ำท่วมสูง ๐.๕๐ - ๑.๕๐ เมตร สภาพน้ำเริ่มเน่าเสียไปทั่วบริเวณ โดยได้ปล่อยจุลินทรีย์บอล เพื่อกำจัดน้ำเสียในบริเวณชุมชน พร้อมทั้งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย และได้ประชุมรับฟังปัญหาและความต้องการของพื้นที่ ซึ่งได้เสนอให้เร่งรัดดำเนินการขุดลอกบึงบอระเพ็ด และแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ เพื่อเป็นแก้มลิงป้องกันอุทกภัยในระยะยาว ๑.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจติดตามสภาพน้ำท่วมและน้ำเน่าเสียในบริเวณชุมชนวัดไผ่ขาด อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พบว่ามีน้ำท่วมสูง ๐.๕๐ - ๒.๐๐ เมตร สภาพน้ำเริ่มเน่าเสียไปทั่วบริเวณ โดยได้ปล่อยจุลินทรีย์บอล เพื่อกำจัดน้ำเสียในบริเวณชุมชน พร้อมทั้งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ๒. การตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๒.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมราษฎรผู้ประสบอุทกภัยและมอบอาหารปรุงสำเร็จ ณ บริเวณศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และตรวจติดตามสภาพน้ำท่วมในวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี และบริเวณชุมชนโดยรอบ รวมทั้งศาสนสถานในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งทางวัดสวนแก้วขอรับการสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคสำหรับผู้ประสบภัยและผู้สูงอายุที่พักพิงอยู่ที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ในความอุปการะของวัดสวนแก้ว ๒.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยราชการในจังหวัด เพื่อรับทราบสถานการณ์น้ำท่วมและปัญหาน้ำเน่าเสียในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้มอบจุลินทรีย์บอลให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และแจกให้ประชาชนผู้ประสบภัยนำไปใช้ในการกำจัดน้ำเสียในพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||||||||
456 | รายงานการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | พม | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘ โครงการ ซึ่งได้มีการดำเนินการแล้วเสร็จทุกโครงการ ประกอบด้วย ๑.๑ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับงบประมาณจำนวน ๒๔๑.๕๘๓๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๒๑๒.๙๙๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๑๖ โดยให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ฯ ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม ๗,๙๖๘ คน ๑.๒ โครงการเสริมสร้างพลังความรู้สู่สตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับงบประมาณจำนวน ๖.๐๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้แก่สตรี และจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้/เวทีระดมสมองในเรื่องที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สำคัญ ๑.๓ โครงการศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของครอบครัว) ได้รับงบประมาณ ๔.๗๓๕๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดตั้งและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (๔๑๗ ศูนย์) และการจัดกิจกรรมเสริมสร้างครอบครัวเข้มแข็งตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ๑.๔ โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตเด็กต่างวัฒนธรรม ได้รับงบประมาณจำนวน ๕.๖๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดทำโครงการค่ายเด็กเยาวชนสมานฉันท์สานสัมพันธ์แดนใต้ โดยนำเด็กและเยาวชนที่นับถือศาสนาและมีความเชื่อที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกัน ศึกษาวิถีชีวิตของกันและกัน และวัฒนธรรมประเพณีของพื้นที่อื่นเพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน ๑.๕ โครงการคาราวานเสริมสร้างเด็ก ได้รับงบประมาณจำนวน ๒.๗๓๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๒.๗๒๘๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๕ โดยมีการจัดคาราวานเสริมสร้างเด็กเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยพัฒนาให้มีความรู้คู่คุณธรรมเริ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิดและให้ความสำคัญแก่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ครอบครัวอบอุ่น ปลูกฝังความรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ๑.๖ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (พัฒนาศักยภาพในการอยู่ร่วมกันของชุมชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) ได้รับงบประมาณจำนวน ๖.๐๔๑๑ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดประชุม/จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ๑.๗ โครงการหน่วยเคลื่อนที่การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ประจำอำเภอเพื่อประชาผาสุก ได้รับงบประมาณจำนวน ๒๕.๑๙๘๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๒๔.๕๗๙๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๕๕ โดยมีการติดตามเยี่ยมเยียนและให้การช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ๑.๘ โครงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่น ได้รับงบประมาณจำนวน ๘๕.๗๙๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยให้การสนับสนุนการซ่อมแซมปรับปรุงและก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ และแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน โดยเฉพาะกลุ่มปัญหาที่มีที่ทำกินแต่ไม่มั่นคงในสิทธิในที่ดิน ๒. โครงการ/กิจกรรมที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๘ โครงการ ซึ่งได้จัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้ว ประกอบด้วย ๒.๑ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๒๓๘.๗๖๘๐ ล้านบาท ๒.๒ โครงการเสริมสร้างพลังความรู้สู่สตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๓.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒.๓ โครงการศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของครอบครัว) จำนวน ๔.๒๙๕๐ ล้านบาท ๒.๔ โครงการสนับสนุนความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ด้อยโอกาสในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมาตรฐานการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้ด้อยโอกาส จำนวน ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒.๕ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (พัฒนาศักยภาพในการอยู่ร่วมกันของชุมชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) จำนวน ๗.๔๒๒๐ ล้านบาท ๒.๖ โครงการหน่วยเคลื่อนที่การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ประจำอำเภอเพื่อประชาผาสุก จำนวน ๔๖.๖๑๔๕ ล้านบาท ๒.๗ โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่น จำนวน ๑,๙๑๖.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒.๘ โครงการพัฒนาทักษะชีวิตเด็ก ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ภายใต้โครงการพัฒนาระบบการคุ้มครองเด็ก) จำนวน ๕.๒๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
457 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไปพลางก่อน | ยธ | 18/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม จำนวน ๑,๕๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการ ศปภ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
458 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นงบประมาณสำหรับอัตรากำลังใหม่ของข้าราชการในปี พ.ศ. 2554 | สธ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขบรรจุอัตราตั้งใหม่สำหรับนักเรียนทุนรัฐบาล และพยาบาลวิชาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๔,๘๔๖ อัตรา ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ สำหรับตำแหน่งเพิ่มใหม่ของโรงพยาบาลมาบตาพุด จังหวัดระยอง จำนวน ๒๓๘ อัตรา นั้น เห็นควรเริ่มบรรจุในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ภายหลังที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามกระบวนการคัดเลือกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รองรับการบรรจุอัตราตั้งใหม่ดังกล่าวไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องของมาตรการและเงื่อนไขในการจูงใจบุคลากรที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมทั้งควรมีการประเมินประสิทธิภาพของมาตรการทั้งหมดในการแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน และกำหนดให้มีตัวชี้วัดที่จะสะท้อนประสิทธิภาพของการจัดบริการสุขภาพในแต่ละระดับบริการเพื่อความคุ้มค่าในการลงทุนในระยะต่อไป นอกจากนี้ ควรรายงานคณะรัฐมนตรีทราบประโยชน์ที่ทางราชการได้รับในเรื่องความมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความคุ้มค่าจากการเพิ่มจำนวนข้าราชการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
459 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี | วธ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๒๖๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยให้กรมศิลปากรขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
460 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบขัอสังเกตของคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และผลการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ตามี่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ของคณะกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการประเมินเพื่อปรับระดับเงินเดือนให้สูงขึ้น การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงาน รวมทั้งเบี้ยเลี้ยงให้แก่ข้าราชการตำรวจ ๒. สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพ ความประพฤติ ความรู้ ความสามารถและผลการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ซึ่งได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของระดับ (เต็มขั้น) เพื่อให้ได้รับเงินเดือนในระดับสูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ และกำหนดบัญชีการปรับระดับอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ๒.๒ แจ้งเวียนหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อทราบและถือปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติตนและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อยู่ในหลักธรรมาภิบาลที่ดีสมเป็นข้าราชการของรัฐ ตามแผนการปฏิบัติราชการและคำรับรองการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒.๓ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล (งบกลาง) เพื่อสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงาน รวมทั้งเบี้ยเลี้ยงให้แก่ข้าราชการตำรวจ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๗๐๙,๒๕๕,๗๙๐ บาท
|
.....