ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/01/2561 | ||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายขอบเขตการดำเนินมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เช่น การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ การสนับสนุนค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยให้นำผลการดำเนินการที่ผ่านมามาพิจารณาทบทวนเพื่อให้การดำเนินการในระยะต่อไปมีความเหมาะสมและรัดกุมมากยิ่งขึ้น ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาทบทวนการกำหนดเส้นความยากจน (Poverty Line) ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในปัจจุบัน เพื่อนำมากำหนดเป้าหมายในการลดความยากจนและปรับปรุงโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยต่าง ๆ ของรัฐบาลให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๑.๓ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการจดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรให้ชัดเจน ถูกต้อง เช่น ในกรณีที่จะจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชจะต้องดำเนินการจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ก่อน รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางการแบ่งปันสิทธิประโยชน์ในลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรต่าง ๆ ให้แก่ผู้ค้นพบและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อส่งเสริมให้มีการนำลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ๑.๔ ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศสร้างการรับรู้แก่ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากจะเน้นเรื่องการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น การส่งออกและการท่องเที่ยวเช่นที่ผ่านมาแล้ว ให้หน่วยงานดังกล่าวบูรณาการข้อมูลในการรายงานและสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้เข้าใจถึงการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจฐานรากด้วย ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีผลกระทบต่อผู้ที่มีรายได้น้อย รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้น้อย เช่น หมวกข้าราชการ เครื่องแบบข้าราชการทหาร ตำรวจ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้น้อย เช่น การจัดหาผ้าสำหรับตัดเย็บเครื่องแบบให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ เป็นต้น ๑.๖ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือแก่ภาคการเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่การทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ เช่น พิจารณากำหนดมาตรการให้ภาคเอกชนส่งเสริมการเพาะปลูกพืชและรับซื้อผลผลิตจากพืชนั้นโดยมีการประกันราคาขั้นต่ำ เป็นต้น ทั้งนี้ ในการกำหนดแนวทางดังกล่าวควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ภาคเอกชนและเกษตรกรจะได้รับอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและโปร่งใส ๑.๗ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน การพักผ่อนแบบโฮมสเตย์ (Homestay) การปรับปรุงพัฒนาเส้นทางการคมนาคมและเส้นทางการท่องเที่ยวให้มีความสะดวกและปลอดภัย ๑.๘ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมให้นักลงทุนภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) ที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก เช่น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้าและบริการ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ โดยอาจพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการใช้วิธีเปิดประมูลนานาชาติ (International Bidding) ทั้งนี้ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้เร่งรัดการดำเนินโครงการสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการด้านคมนาคมขนส่ง เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการพัฒนาท่าเรือ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ด้วย ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล และจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กำหนดมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการนำลูกจ้างไปจดทะเบียนให้เป็นไปตามกรอบเวลาตามที่กฎหมายกำหนด และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบการศึกษาในภาพรวมของประเทศให้มีประสิทธิภาพเพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยให้คำนึงถึงทิศทางการพัฒนาประเทศ แนวโน้มของสถานการณ์ด้านต่าง ๆ รวมทั้งความต้องการของตลาดแรงงานในระยะต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบต่อประชาชน ได้แก่ ๒.๒.๑ การพัฒนานักเรียนนักศึกษา เช่น ลดชั่วโมงเรียนด้านวิชาการ ลดปริมาณการบ้าน ลดการเรียนพิเศษเสริมจากการเรียนในห้องเรียนปกติ ประเมินผลคุณภาพการศึกษาที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ๒.๒.๒ การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา เช่น พัฒนาด้านภาษาต่างประเทศ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านวิทยาการสมัยใหม่ การประเมินคุณภาพครูผู้สอน การนำผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศมาจัดการเรียนการสอน ๒.๒.๓ การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาในแต่ละระดับให้มีความเหมาะสม ได้แก่ (๑) การศึกษาระดับอาชีวศึกษา ส่งเสริมให้มีการศึกษาในสายวิชาชีพนี้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านแรงงานของประเทศในระยะต่อไป เช่น ร่วมดำเนินการกับภาคเอกชนในการกำหนดหลักสูตรการศึกษาที่ตรงกับความต้องการของภาคเอกชน กำหนดมาตรการจูงใจให้นักเรียนนักศึกษาเลือกศึกษาต่อในสาขาที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และ (๒) การศึกษาระดับอุดมศึกษา พิจารณาทบทวนสาขาที่มีผู้ให้ความสนใจเข้าศึกษาน้อย หรือจบการศึกษาแล้วมีโอกาสว่างงานสูง หรืออาจมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ๒.๒.๔ การกำหนดมาตรการในการผลิตแรงงานเพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อให้คนเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เป็น Smart Farmer ในภาคการเกษตร ๒.๒.๕ การติดตามและประเมินผลการดำเนินการด้านการศึกษาที่ผ่านมา เช่น ผลการลดชั่วโมงเรียนด้านวิชาการ การประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ๒.๒.๖ การจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษา โดยให้สถาบันการศึกษาแต่ละแห่งจัดเก็บข้อมูลการมีงานทำและรายได้ของนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาและข้อมูลการจ้างงานนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานประกอบการ ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยาพาราควอด (Paraquat) และผลกระทบจากการใช้ยาดังกล่าว ซึ่งเป็นสารเคมีที่เกษตรกรนิยมนำมาใช้ในการกำจัดวัชพืชให้ชัดเจนและมีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ โดยให้นำโครงการที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการและจัดทำเป็นแผนการดำเนินการที่มีระยะเวลาเริ่มต้น-สิ้นสุด ระบุเป้าหมาย/ผลที่คาดว่าจะได้รับให้ชัดเจน เพื่อรองรับและป้องกันการเกิดอุทกภัยและภัยแล้งให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สร้างการรับรู้ถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำต่าง ๆ ดังกล่าวให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
.....