ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 177 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3521 - 3540 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3521 | ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศ (Agenda based) | พน | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพลังงานเสนอยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาด้าน
พลังงานของประเทศ โดยมีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานโดยรวมร้อยละ 13 ในปี พ.ศ. 2551 และร้อยละ 20 คิดเป็นเงิน 200,000 ล้านบาท และให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องเพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ฯ ต่อไป โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นว่า มาตรการสนับสนุนที่ขอให้เร่งรัดขั้นตอนการพิจารณา รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) กรณีของโรงงานอุตสาหกรรมที่เคยได้รับความเห็นชอบราย งาน EIA แล้ว ไม่ต้องจัดทำรายงาน EIA ใหม่ ให้เสนอรายละเอียดที่ขอเปลี่ยนแปลงต่อสำนักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาก่อนดำเนินการ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโล ยี ที่เห็นควรนำพลังงานทดแทนอื่น ๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนามาใช้ให้มากขึ้นอาทิ พลังงานแสง อาทิตย์ และให้มีการศึกษาวิจัยเพื่อการนำพลังงานทดแทนอื่นมาใช้ในอนาคต ไปประกอบการดำเนินการด้วย และเพื่อให้การประหยัดพลังงานภายใต้ยุทธศาสตร์ ฯ เกิดผลเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทุกภาคส่วน มอบหมาย ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบการกำหนดแนวทางการกำกับ ติดตาม การดำเนินงานในรายละเอียด ของแต่ละภาคส่วน ดังนี้ การประหยัดพลังงานภาครัฐ มอบรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นผู้ รับผิดชอบ โดยมีกระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานสนับสนุนหลัก การประหยัดพลังงานภาคเอกชน มอบรอง นายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ) เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานสนับสนุนหลัก และการประหยัดพลังงานภาคประชาชน มอบรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีกระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานสนับสนุนหลัก นอกจากนี้ ให้กระทรวง พลังงาน รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องว่า สมควรจะมีกฎหมายใหม่ หรือปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเดิมประการใด เพื่อสนับสนุนการประหยัดพลังงานของ ประเทศให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กฎหมายเกี่ยว กับการก่อสร้างอาคารและที่พักอาศัย (building code) เป็นต้น และพิจารณาการนำเอาหลักการในทำนอง เดียวกับ Carbon Credit มาใช้ประโยชน์เพื่อการประหยัดพลังงานด้วย รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแนวทางและ การดำเนินการที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทนชนิดต่าง ๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพอยู่แล้วอย่างจริง จังและต่อเนื่อง เช่น พลังงานน้ำ และพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศซึ่ง ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศให้เหลือเท่าที่จำเป็นอย่างแท้จริง ตามความเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||||||||
3522 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนพฤษภาคม 2548 (วันที่ 2 - 6 พฤษภาคม 2548) | พณ | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภค
บริโภคประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนพฤษภาคม 2548 ตั้งแต่วันที่ 2-6 พฤษภาคม 2548 สรุปได้ดังนี้ สินค้าสำคัญ ที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ นมผง ราคาขายปลีกปรับสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2.24 เนื่องจากวัตถุดิบนำเข้ามีราคาเพิ่มสูง ขึ้น ไข่ไก่ ราคาขายปลีกสูงขึ้นร้อยละ 1.82 เนื่องจากปริมาณไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดลดลง ยางรถยนต์ ประกอบ ด้วย ยางรถยนต์นั่ง ยางรถบรรทุกเล็ก และยางรถบรรทุกใหญ่ มีการปรับราคาสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.20, 1.35 และ 5.08 ตามลำดับ เป็นผลมาจากวัตถุดิบในการผลิตมีราคาสูงขึ้น ปูนซีเมนต์ ราคาขายปลีกปรับสูงขึ้นเล็ก น้อย โดยปูนซีเมนต์ผสมราคาสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.95 ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ราคาสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.63 มี สาเหตุจากต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งมีการปรับเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ด้านราคาหรือมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงในช่วงสั้นตามการส่งเสริมการขายและปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาด เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่มน้ำยารีดผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำมันพืช ซอสปรุงรส กาแฟผงสำเร็จรูป และผักสด เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3523 | กรอบแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | พณ | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) เกี่ยวกับกรอบ
แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อยกระดับคุณภาพ ข้าวหอมมะลิให้เป็นข้าวที่มีคุณภาพสูง (Premium Grade) และเป็นสินค้าประจำท้องถิ่น โดยจังหวัดได้คัดเลือก โรงสีสหกรณ์/โรงสีเอกชนที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการ และพัฒนาคุณภาพในการแปรสภาพ การรักษาคุณ ภาพและการบรรจุหีบห่อจากเดิมที่บรรจุกระสอบเป็นขนาดบรรจุที่เล็กลงสวยงามหลายขนาด และให้การรับ รองคุณภาพโดยสร้างตรา/เครื่องหมายรับรองในระดับจังหวัด ซึ่งกรมการค้าภายในได้ให้เครื่องหมายรับรอง "รูปพนมมือ" สำหรับตลาดภายในประเทศ รวมทั้งให้การสนับสนุนการทำการตลาดภายในประเทศด้วยการ เชื่อมโยงตลาดกับห้างสรรพสินค้า Discount Store Supermarket และจัดงานแสดงสินค้า โดยให้ความสำคัญ ในตลาดกรุงเทพและปริมณฑลเป็นลำดับแรก และขยายไปในภูมิภาคอื่น ๆ เป็นลำดับต่อไป สำหรับการส่ง ออกข้าวหอมมะลิสู่ผู้ซื้อในต่างประเทศ นั้น กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้การรับรอง มาตรฐาน "Thai Hom Mali Rice" ในการส่งออก (Country Image) พร้อมทั้งเชื่อมโยงจัดหาตลาดต่างประเทศ และจัดงานแสดงสินค้า โดยพื้นที่ที่ดำเนินการ ได้แก่ ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 19 จังหวัด ระยะ เวลา 4 ปี โดยปี พ.ศ. 2548 จะนำร่องในจังหวัดบุรีรัมย์ ปี พ.ศ. 2549 จำนวน 5 จังหวัด ปี พ.ศ. 2550 จำนวน 6 จังหวัด และปี พ.ศ. 2551 จำนวน 7 จังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
3524 | การห้ามนำไม้สักและสิ่งประดิษฐ์เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดน จังหวัดตาก | ทส | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขยาย
ระยะเวลาประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การห้ามนำไม้สักทุกประเภท รวมถึงสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่น ที่ทำด้วยไม้สัก เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดตากเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2547 โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ไม้ทุกประเภท รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งที่ทำด้วยไม้ เป็น สินค้าที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรีเป็นการชั่วคราวต่อ ไปอีก 1 ปี โดยให้ประกาศ ฯ มีผลบังคับใช้ไปจนกว่าประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ต่อไป และตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม ให้แก้ไขหลักการตามข้อ เสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อ 1 เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจากเดิม "... โดยกำหนดเพิ่ม เติมให้ไม้ทุกประเภท รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ ..." แก้ไขเป็น ".. .โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ไม้หวงห้ามประเภท ก. ตาม บัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ ..." และโดยที่การดำเนินการเพื่อให้ เป็นไปตามหลักการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอจะต้องออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับใหม่ โดยยกเลิกประกาศฉบับเดิม จึงให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการเพื่อออกประกาศ ฯ ให้เป็นไป ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3525 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2548 | พณ | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือน เมษายนเท่ากับ 107.8 เทียบกับเดือนมีนาคม 2548 (106.9) สูงขึ้นร้อยละ 0.8 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคา สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 1.1 โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เนื้อสุกร ไก่สด ปลาและสัตว์ น้ำ ไข่ไก่ และผักสด และดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 0.7 โดยสินค้าสำคัญที่ ราคาสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าโดยสารสาธารณะ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศปี พ.ศ. 2548 เท่ากับ 101.2 เทียบกับเดือนมีนาคม 2548 ไม่ เปลี่ยนแปลง เดือนเมษายน 2547 สูงขึ้นร้อยละ 0.8 เดือนมกราคม-เมษายน 2548 เทียบกับช่วงเดือนเดียว กันของปี พ.ศ. 2547 สูงขึ้นร้อยละ 0.7
|
|||||||||||||||||||||||||||
3526 | รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทย-จีน (1 ต.ค.46-31 มี.ค. 48) ไทย-อินเดีย (1 ก.ย.47-31 มี.ค.48) และไทย-ออสเตรเลีย (1 ม.ค.48-31 มี.ค.48) | พณ | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทย-จีนไทย ไทย-อินเดีย
และไทย-ออสเตรเลีย ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ การส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับจีน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546-28 กุมภาพันธ์ 2548 ไทยส่งออกสินค้าพิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 3,892,583 ตัน มูลค่า 18,140.12 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ลำไยแห้งและลำไยสด ด้าน การนำเข้าสินค้าจากจีน ไทยนำเข้าสินค้าพิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 422,969 ตัน มูลค่า 9,180.75 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ แอปเปิ้ลสด ปลาแช่แข็ง แพร์และควินส์สด ส่วนการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับ อินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547-28 กุมภาพันธ์ 2548 ไทยส่งออกสินค้าตามข้อตกลง FTA จำนวน 82 รายการ มูลค่า 4,161 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี โลพิคาร์บอเนต และส่วนประกอบ ของเครื่องยนต์ ด้านการนำเข้าสินค้าจากอินเดีย ไทยนำเข้าสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 82 รายการ มูลค่า 1,030.93 ล้านบาท สินค้านำเข้า ได้แก่ กระปุกเกียร์ อะลูมิเนียม ออกไซด์นอกจากคอรันดัมประดิษฐ์ หลอด ภาพแคโทดเรย์ของเครื่องรับโทรทัศน์สี และส่วนประกอบ เครื่องเพชรพลอยทำด้วยโลหะมีค่า และการส่งออก- นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2548 ไทยส่งออกสินค้าตามข้อตกลง FTA จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 15,537.13 ล้านบาท สินค้าส่งออก ได้แก่ รถบรรทุกชนิดแวนและชนิดปิก อัพ รถบรรทุกคนไข้ที่ใช้สำหรับส่วนราชการ เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างหรือติดผนัง และปลาทูน่า ด้าน การนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย ไทยนำเข้าสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 22,129.02 ล้านบาท ส่วนสินค้าที่นำเข้า ได้แก่ ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป อะลูมิเนียมไม่เจือ เมสลิน แคโทดและส่วนของแคโทด และอะลูมิเนียมเจือ ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รับไปประสานกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางการส่งเสริมและ ขยายตลาดการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น และมีความเหมาะสมกับแต่ละประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่มีจำนวนประชากรมากและมีกำลังซื้อสูง เช่น ประเทศ อินเดีย เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3527 | การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหาค้าส่งค้าปลีกไทย | พณ | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรี
พิทักษ์) เป็นประธานกรรมการแก้ไขปัญหาค้าส่งค้าปลีกไทย เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีที่ กำกับดูแลกระทรวงพาณิชย์ โดยมีคณะกรรมการอื่นและอำนาจหน้าที่คงเดิม ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราช กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
3528 | การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) ในวันที่ 1 เมษายน 2548 | นร | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการพิจารณาบำเหน็จความ
ชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ จำนวน 1 ขั้น ให้กับผู้ที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของผู้แทนการ ค้าไทยในวันที่ 1 เมษายน 2548 จำนวน 4 ราย ดังนี้ นางสาวศุภรำไพ หาญทวีพาณิชย์ นักวิชาการภาษี 8 ว กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง นายมานิตย์ วัชนะประพัน์ นักวิชาการพาณิชย์ 7 กรมส่งเสริมการส่ง ออก กระทรวงพาณิชย์ นายธรรม เนียมสกุล นักวิชาการพาณิชย์ 6 ว กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวง พาณิชย์ และนางสาวอนงคสิริ กุลกำม์ธร นักวิชาการประกันภัย 6 ว กรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ และส่งรายชื่อให้กระทรวง กรม ต้นสังกัดตรวจสอบคุณสมบัติและเลื่อนขั้นเงินเดือนต่อไปได้ โดยไม่ต้องเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||
3529 | ผลการดำเนินโครงการหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางการค้าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2548 (มกราคม - มีนาคม 2548) | พณ | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินโครงการหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางการค้า
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (มกราคม-มีนาคม 2548) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ ดังนี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษได้เดินทางไปสำรวจตลาดเชิงลึกเพื่อศึกษาศักยภาพของสินค้าและบริการของไทย ในตลาดเป้าหมาย รวม 8 ครั้ง ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เอเซียใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา พบว่า ตลาดหลายตลาดดังกล่าวมีศักยภาพสูงมาก รวมทั้งได้จัดสัมมนา "เจาะลึกการตลาดเชิงลึกสู่ Export Rally" เพื่อนำเสนอข้อมูลตลาดเชิงลึกที่ได้จากการสำรวจตลาดแก่ผู้ส่งออกของไทยจำนวนหลายครั้ง โดยมีผู้แสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาด นอกจากนี้ ได้นำคณะผู้ส่งออกไทยเดินทางไป เจรจาการค้ากับผู้นำเข้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน รวม 3 ครั้ง มีมูลค่าการสั่งซื้อทันทีจำนวน 6 แสนเหรียญ สหรัฐ ฯ และมีหลายรายอยู่ระหว่างการเจรจาในหลายประเภทสินค้า สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ได้มีการปรับเพิ่มกิจกรรมในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (เมษายน-กันยายน 2548) ทั้งใน เชิงปริมาณและคุณภาพให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแต่ละตลาดใหม่โดยเฉพาะในตลาดจีน อินเดียตะวัน ออกกลาง และแอฟริกา
|
|||||||||||||||||||||||||||
3530 | การประกันภัยทรัพย์สินของรัฐ | นร | 03/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2538 และวันที่ 5 สิงหาคม 2540 เรื่อง การประกันภัยทรัพย์สินของรัฐ รวมทั้งเห็น ชอบหลักเกณฑ์การประกันภัยทรัพย์สินของรัฐ โดยการนำมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2538 และ วันที่ 5 สิงหาคม 2540 มารวมอยู่ในฉบับเดียวกัน และเพิ่มข้อความเพื่อให้ครอบคลุมการประกันภัยทรัพย์สิน อื่น ๆ นอกจากสถานที่ราชการและรถยนต์ และอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดเอาประกันภัย ทรัพย์สินของรัฐ โดยมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ และผู้แทนกรมธนารักษ์ กระทรวงการ คลัง เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้ การประกันภัยทรัพย์สินของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ รถยนต์ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ควรจัดให้มีการประกันภัยครอบคลุมถึงทรัพย์สินอื่นของรัฐด้วย และในการกำหนดมูลค่า การประกันภัยทรัพย์สินอื่นของรัฐ คณะกรรมการ ฯ ควรพิจารณาให้รอบคอบว่า ค่าเบี้ยประกันภัยจะคุ้มกับ ความคุ้มครองที่ได้รับหรือไม่ และเนื่องจากปัจจุบันรถประจำตำแหน่งมี 3 ประเภทคือ ทางราชการจ่ายค่าตอบ แทนเหมาจ่ายแก่ข้าราชการผู้มีสิทธิใช้รถยนต์ประจำตำแหน่ง รถเช่า และรถประจำตำแหน่ง โดยรถประจำ ตำแหน่งที่เป็นรถเช่า และรถที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนจะรวมเงินค่าประกันไว้ด้วยแล้ว ส่วนรถประจำตำแหน่งที่ เป็นรถราชการต้องประกันความเสียหายเอง ซึ่งผู้ใช้รถประจำตำแหน่งส่วนใหญ่ประสงค์จะจ่ายเบี้ยประกันเอง แต่มีปัญหาความไม่ต่อเนื่องของสัญญากรมธรรม์หากผู้นั้นมีการโอนย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ กระทรวงพาณิชย์ (กรมการประกันภัย) ควรจัดระบบ หรือวิธีการที่จะทำให้ผู้เอาประกันได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องตลอดอายุ กรมธรรม์ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งได้ทำประกันเองอีกทั้งยังเป็นการคุ้มครองไปถึงพนักงาน ขับรถอีกด้วย นอกจากนี้ ควรกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการประกันชีวิตประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาค ใต้ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการประกันภัย) ประสานกับบริษัทประกันภัยเพราะใน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ขณะนี้ไม่มีการรับประกันชีวิตและทรัพย์สินแก่คนในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง และบริษัท ประกันภัยในต่างประเทศที่รับช่วงประกันต่อไม่คุ้มครองกรณีการก่อการร้าย ซึ่งจะทำให้คนในพื้นที่ไม่มีหลัก ประกันใด ๆ โดยขอเจรจาให้บริษัทประกันยินยอมรับภาระบางประการในค่าพรีเมียมในส่วนที่บริษัทประกัน ไม่อาจส่งต่อได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3531 | สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนเมษายน 2548 | พณ | 03/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจสอบภาวะการค้าและราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
หลังการปรับเพิ่มราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซล ประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนเมษายน 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดย จำแนกเป็น สินค้าที่มีราคาสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้น/ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ราคาสูงขึ้นจากถุงละ 460-585 บาท เป็น กก.ละ 465-600 บาท ไก่สด ราคาสูงขึ้นจาก กก.ละ 50-52 บาท เป็น 55-56 บาท และไข่เป็ด ราคาสูงขึ้นจากฟองละ 3.20-3.30 บาท เป็น ฟองละ 3.20-3.50 บาท และ สินค้าที่มีราคาลดลงตามต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ได้แก่ เม็ดพลาสติก ราคาลดลงจาก กก.ละ 47-52 บาท เป็น กก.ละ 44-50 บาท และถุงพลาสติก ราคาลดลงจาก กก.ละ 75 บาท เป็น กก.ละ 70-71 บาท สำหรับสินค้า อื่น ๆ มีการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้นลงในช่วงสั้น ๆ ตามปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาด ภาวะการแข่งขัน และการส่ง เสริมการขาย เช่น ผักสด ข้าวสารบรรจุถุง ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู น้ำปลา น้ำซีอิ๊ว เส้นหมี่อบแห้ง ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง แป้งผงโรยตัว และปูนซีเมนต์ เป็นต้น ในส่วนของการตรวจสอบพฤติกรรมผู้ประกอบการพบ การกระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา 17 ราย ราคาจำหน่ายไม่ตรงกับป้ายแสดงราคา 3 ราย จำหน่ายก๊าซที่มี น้ำหนักผลิตภัณฑ์น้อยกว่าปริมาณที่แสดง 1 ราย และมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เที่ยงตรง 1 ราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3532 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 03/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและ
บริการ (กกร.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 ที่กำหนดสินค้า จำนวน 8 รายการ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ เม็ดพลาสติก สายไฟฟ้า กระดาษเหนียว แชมพู สบู่ ผงซักฟอก และเนื้อสุกร เป็นสินค้าควบคุม เพิ่มเติม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3533 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 03/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรี
พิทักษ์) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการ ได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
3534 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 02/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรี
พิทักษ์) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการ ได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
3535 | การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหาค้าส่งค้าปลีกไทย | พณ | 29/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรี
พิทักษ์) เป็นประธานกรรมการแก้ไขปัญหาค้าส่งค้าปลีกไทย เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีที่ กำกับดูแลกระทรวงพาณิชย์ โดยมีคณะกรรมการอื่นและอำนาจหน้าที่คงเดิม ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราช กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
3536 | รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทย-จีน (1 ต.ค.46-28 ก.พ.48) ไทย-อินเดีย (1 ก.ย.47-28 ก.พ.48) และไทย-ออสเตรเลีย (1 ม.ค.48-28 ก.พ.48) | พณ | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานการส่งออก-นำเข้า
สินค้าระหว่างไทยกับจีนไทยกับอินเดีย และไทยกับออสเตรเลีย ดังนี้ การส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับ จีน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546-28 กุมภาพันธ์ 2548 ไทยส่งออกสินค้าพิกัดฯ 01-08 ปริมาณ 3,681,736 ตัน มูลค่า 17,105.33 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ลำไยแห้งและ ลำไยสด การนำเข้าสินค้าจากจีน ไทยนำเข้าสินค้าพิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 400,930 ตัน มูลค่า 8,643.15 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ แอปเปิ้ลสด ปลาแช่แข็ง แพร์และควินส์สด ส่วนการส่งออก-นำเข้าสินค้า ระหว่างไทยกับอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547-31 มกราคม 2548 ไทยส่งออกสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 82 รายการ มูลค่า 3,424.81 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี โพลิคาร์บอเนต และส่วนประกอบของเครื่องยนต์ การนำเข้าสินค้าจากอินเดีย ไทยนำเข้าสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 82 รายการ มูลค่า 844.87 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ กระปุกเกียร์ อะลูมิเนียมออกไซด์นอกจากคอรันดัม ประดิษฐ์ และหลอดภาพแคโทดเรย์ของเครื่องรับโทรทัศน์สี และการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับออส เตรเลีย ตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2548 ไทยส่งออกสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 7,481.26 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ รถบรรทุกชนิดแวนและชนิดปิกอัพ เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้า ต่างหรือติดผนัง และปลาทูน่า การนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย ไทยนำเข้าสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 10,812.52 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป น้ำมันปิโตรเลียม ดิบและน้ำมันดิบที่ได้จากแร่บิทูมินัส
|
|||||||||||||||||||||||||||
3537 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเลขาธิการในคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า | พณ | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรม
การกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ได้แก่ นายศุกรีย์ แก้วเจริญ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการพาณิชย์ และนายชาลทอง ปัทมพงศ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน และแต่งตั้ง นายชัยพัฒน์ สหัสกุล ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า โดยให้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
3538 | สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนเมษายน 2548 | พณ | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับผลการตรวจสอบภาวะการค้า
และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลังการปรับเพิ่มราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซล ประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนเมษายน 2548 ระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน 2548 สรุปได้ดังนี้ ราคาสินค้าส่วนใหญ่ยังคงจำหน่ายในราคาเดิมยกเว้น ราคาสินค้าบางรายการที่มีการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์นี้ โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สุกรชำแหละ ราคา สูงขึ้นจาก กก.ละ 95-100 บาท เป็น กก.ละ 100-105 บาท ส่วนสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ยางรถยนต์นั่ง และรถยนต์บรรทุก ราคาลดลงจากเส้นละ 1,350-1,450 บาท และ 1,850-1,900 บาท เป็นเส้นละ 1,350 บาท และ 1,800-1,900 บาท ถุงพลาสติก ราคาลดลงจากถุงละ 65-76 บาท เป็น ถุงละ 65-75 บาท สำหรับสินค้าอื่นๆ มีการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้นลงในช่วงสั้น ๆ ตามปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาด ภาวะการแข่งขัน และการส่งเสริมการขาย เช่น ผักสด ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำซีอิ๊ว ซอสปรุงรสถั่วเหลือง อาหาร กระป๋อง เส้นหมี่อบแห้ง น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ และแป้งผงโรยตัว เป็นต้น ในส่วนของปูนซีเมนต์ ราคามีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามภาระค่าขนส่ง และด้านการตรวจสอบพฤติกรรมผู้ประกอบการในช่วงเทศกาล สงกรานต์พบการกระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา 5 ราย และราคาจำหน่ายไม่ตรงกับป้ายแสดงราคา 2 ราย รวมทั้งพบการกระทำผิดของการจำหน่ายก๊าซที่มีน้ำหนักผลิตน้อยกว่าปริมาณที่แสดง จำนวน 1 ราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3539 | การจัดระเบียบ SIM Card | นร | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รักษาการแทนรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานความคืบหน้าในการจัดระเบียบการใช้โทรศัพท์มือ ถือ โดยใช้บัตร SIM Card Pre-paid ดังนี้ แนวทางที่ 1 : ให้ขอความร่วมมือคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติเร่งรัดการออกใบอนุญาตผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ให้แก่ บจม.ทศท.คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.กสท. โทรคมนาคม ทั้งนี้ อาจเป็นการออกใบอนุญาตชั่วคราวให้ก่อน ซึ่ง กทช.สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หรือกรณีเกิดเหตุ ฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืออาจจะใช้มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และ แนวทางที่ 2 : ใน ระหว่างนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์เตรียมการเรื่องการกำหนดให้ SIM Card เป็นสินค้า "โภคภัณฑ์" ที่ต้องมีการควบ คุมตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 ซึ่งต้องมีขั้นตอนการประกาศกฎกระทรวงเพื่อกำหนดให้ SIM Card เป็นสินค้า "โภคภัณฑ์" และออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวิธีการในการควบคุม ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นาย จาตุรนต์ ฉายแสง) รับไปประสานและขอความร่วมมือคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อให้สามารถจัดระเบียบการใช้โทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม และครอบคลุมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ ผู้ค้า และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3540 | ค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรป | พณ | 19/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้คงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการ
ส่งออกข้าวขาวภายใต้โควตาการยกเว้นภาษีนำเข้าสหภาพยุโรปต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์สามารถปรับ ลดอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะตลาดในแต่ละสถานการณ์ เพื่อคงความสามารถแข่ง ขันของข้าวไทยในตลาดสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรนำเงินค่า ธรรมเนียมดังกล่าว ไปใช้ในโครงการส่งเสริมขีดความสามารถและพัฒนาคุณภาพสินค้าข้าวของไทย ภายใต้ กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไปประกอบการดำเนินการด้วย
|