ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 176 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3501 - 3520 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3501 | ผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีปากีสถาน (วันที่ 8 - 10 พฤษภาคม 2548) | นร | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอดังนี้ รับทราบรายงานผลการเยือน
ประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภา คม 2548 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยนายกรัฐมนตรีปากีสถานได้เข้าพบและหารือข้อราชการกับ นายกรัฐมนตรีของไทย ผลการหารือแบ่งเป็น การหารือทวิภาคี (กลุ่มย่อย) มีประเด็นสำคัญ คือ ปากีสถาน ไม่สามารถประกาศจุดยืนที่จะสนับสนุนผู้สมัครตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ (UNSG) ของไทยอย่างเป็น ทางการได้ เพราะมีผู้สมัครจากกลุ่ม SAARC อยู่ด้วย อย่างไรก็ตามจะช่วยพูดสนับสนุนกับผู้นำประเทศอื่น ๆ ด้วย ส่วนเรื่องการปฏิรูปสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคง ฯ เห็นว่า อินเดียอาจไม่เหมาะกับตำแหน่ง สมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคง ฯ เพราะอินเดียไม่ยอมรับข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคง ฯ โดยเฉพาะ เรื่องดินแดนแคชเมียร์ และการหารือเต็มคณะ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ความร่วมมือด้าน การค้า ด้านการลงทุน ด้านการบิน ด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ด้านความมั่นคง ด้านความสัมพันธ์ ระดับภูมิภาคและด้านการแลกเปลี่ยนการเยือน ในการนี้ ได้มีการลงนามความตกลง ว่าด้วยแผนปฏิบัติการ แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม (Protocol on the Cultural Exchange Programme) ไทย-ปากีสถาน โดยรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวของปากีสถาน เพื่อส่งเสริม ปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศด้านวัฒนธรรม และเห็นชอบให้หน่วยงานปฏิบัติตามผลการ เยือนในส่วนของที่เกี่ยว อาทิ ด้านการค้า ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งการจัดประชุม Joint Study Group เพื่อ สามารถเริ่มกระบวนการเจรจาจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย-ปากีสถาน โดยเร็ว และมุ่งเป้าหมายที่การเปิดเสรี สินค้าในกลุ่ม Early Harvast ด้านการลงทุน ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการในเชิงรุกเพื่อร่วมลงทุนในสาขา การก่อสร้าง เทคโนโลยีโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมการเกษตร เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3502 | ความคืบหน้าการซื้อขายลำไยอบแห้งแลกเปลี่ยนยุทธโธปกรณ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน | นร | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการนโยบาย
และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเสนอการดำเนินการเกี่ยวกับซื้อขายลำไยอบแห้งแลกเปลี่ยนยุทโธปกรณ์กับ รัฐบาลจีน และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ประธานกรรม ฯ ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ ชิด เพื่อจัดทำหนังสือในนามรัฐบาลไทยไปยังผู้แทนรัฐบาลจีน (คณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ-COSTIND) โดยผ่านสถานทูตจีนประจำประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ในการซื้อขายลำไยอบแห้งดังกล่าวยังต้องรอผลการติดต่อเจรจากับฝ่ายจีนก่อน จึงให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ รับไปสั่งการและกำชับให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และ องค์การคลังสินค้า ตรวจสอบดูแลการเก็บรักษาลำไยอบแห้งในความรับผิดชอบอย่างเข้มงวด ให้อยู่ในสภาพ เหมาะสม และมีจำนวนถูกต้องครบถ้วน เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบขนย้ายและปลอมปนลำไย ซึ่งอาจส่ง ผลกระทบต่อผลิตผลลำไยฤดูกาลผลิตปี พ.ศ. 2548 ที่กำลังจะออกสู่ตลาด และให้รองนายกรัฐมนตรี (นาย พินิจ จารุสมบัติ) เร่งรัดดำเนินการกำจัดลำไยอบแห้งฤดูกาลผลิตปี พ.ศ. 2545 ที่เสื่อมสภาพแล้ว ให้แล้ว เสร็จโดยเร็ว และขอความร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม เพื่อดำเนินการโดยวิธีฝังกลบในพื้นที่ของทหาร โดย ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความร่วมมือและเร่งรัดการตอบข้อหารือให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ ฯ) ทราบโดยเร็วเพื่อดำเนินการต่อไป สำหรับแนวทางการจัดส่งลำไยไปจำหน่ายในจีนให้ได้ผลเป็นรูปธรรมและ ป้องกันปัญหาบริษัทนายหน้าและการปลอมปน กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาการ ดำเนินการในเชิงรุก โดยกำหนดให้มีผู้แทนของฝ่ายไทยไปเป็นกลไกประสานและติดต่อกับฝ่ายจีนโดยตรงใน แต่ละมณฑล โดยฝ่ายไทยจะต้องเจรจากับฝ่ายจีนเพื่อขอให้อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการออกใบอนุญาต และรับรอบ (license) การนำเข้าสินค้าลำไยด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3503 | การแจ้งการมีผลบังคับใช้ความตกลงว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างอาเซียน - จีน | พณ | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการแจ้งการมีผลบังคับใช้ความตกลงว่าด้วย
กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างอาเซียน-จีน ต่อภาคีอื่น ๆ ตามข้อ 18 วรรค 4 ของความตกลง ฯ ที่ระบุว่า เมื่อประเทศภาคีดำเนินกระบวนการภายในเสร็จสมบูรณ์ ต้องแจ้งการมีผลบังคับใช้ความตกลง ฯ ให้ภาคีอื่น ทั้งหมดทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยจะต้องดำเนินการแจ้งการมีผลบังคับใช้ความตกลง ฯ ให้เสร็จสิ้นก่อน วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ซึ่งเป็นวันที่จะมีการเริ่มต้นลดภาษีสินค้าระหว่างอาเซียนและจีน ภายในวันที่ 21 มิถุนายน 2548 และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลบังคับ ใช้ความตกลง ฯ ต่อภาคีอื่น ๆ ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
3504 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง กระบวนการรับจำนำข้าว | สสป | 14/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง กระบวนการรับจำนำข้าว โดยสภาที่ปรึกษา ฯ มีข้อเสนอแนะดังนี้ ด้านการจัดการ รัฐต้องสร้างหลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ของทางราชการ รวมทั้งระเบียบ และเงื่อนไขต่าง ๆ ให้มีความรัดกุม สอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่ออำนวยความสะดวกต่อเกษตรกร โดยเฉพาะหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในการจำนำข้าว แก้ปัญหาการคอรัปชั่นของข้าราชการ พ่อค้า และนายทุน เพื่อป้องกันการทุจริต ในการปฏิบัติงาน ตลอดจนกำหนดระยะเวลาการรับจำนำ การไถ่ถอนออกไปอย่างน้อยประมาณ 10 เดือน หรือเปิดให้มีการรับจำนำ และไถ่ถอนอย่างเสรีไม่กำหนดระยะเวลา สำหรับด้านการมีส่วนร่วมของเกษตรกร รัฐต้องจัดให้ผู้แทนองค์กรเกษตรกรและสหกรณ์มีส่วนร่วมในการดำเนินการจำนำข้าวทุกระดับทุกขั้นตอน โดย มีอำนาจและจำนวนเท่าเทียมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีส่วนร่วมในการดูแลรับผิดชอบการตรวจสอบคุณภาพ ความชื้น การตลาด การแปรรูป การรับจำนำ ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณในการจำนำข้าว โดยผ่านองค์กร เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์โดยตรง เพื่อให้มีศูนย์รับจำนำข้าวของชุมชนโดยชุมชนเพื่อชุมชน และ มีลานตากข้าว ไซโล (ยุ้งฉาง) และโรงสีประจำตำบลอย่างทั่วถึง ส่วนระยะยาว รัฐต้องส่งเสริมให้ความรู้ เทค โนโลยี เทคนิค และการจัดการเพื่อช่วยในการผลิต การแปรรูป และการตลาด พัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ โดยไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของนายทุน นักการเมือง และระบบราชการ ให้เกษตรกรเข้าไปมีส่วนร่วม และเร่ง ขยายตลาดข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการ ดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานดัง กล่าว เพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการ ดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3505 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม 2548 | พณ | 14/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2548 เท่ากับ 108.4 เทียบกับเดือนเมษายน 2548 (107.8) สูงขึ้นร้อยละ 0.6 จากการสูง ขึ้นของดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 0.3 และดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหาร และเครื่องดื่มร้อยละ 0.8 โดยสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เนื้อสุกร ไก่ สด ไข่ไก่ ผักสด ส่วนสินค้าหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ค่าโดยสาร สาธารณะ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ค่ายารักษาโรค และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภค พื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม 2548 เท่ากับ 101.9 เทียบกับเดือนเมษายน 2548 สูงขึ้น ร้อยละ 0.7 เดือนพฤษภาคม 2547 สูงขึ้น ร้อยละ 1.2 และเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2548 เทียบกับช่วงเดือนเดียวกัน ของปี พ.ศ. 2547 สูงขึ้นร้อยละ 0.8
|
|||||||||||||||||||||||||||
3506 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือนพฤษภาคม 2548 (24 - 27 พฤษภาคม 2548) | พณ | 14/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือน
พฤษภาคม 2548 ตั้งแต่วันที่ 24-27 พฤษภาคม 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยในช่วงดังกล่าวสินค้าสำคัญ ที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ นมผง ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 4.76 เป็นผลจากวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ ปรับตัวสูงขึ้น และไข่เป็ด ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5.63 มีสาเหตุมาจากความต้องการตลาดเพิ่มขึ้น สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ เม็ดพลาสติก (HDPE LDPE และ TPEPP) ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 11- 15.90 ตามราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ไข่ไก่ ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 1.75 ตามราคาจำหน่ายหน้า ฟาร์มที่ปรับตัวลดลง และมะนาว ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 27.27 เนื่องจากมีปริมาณเข้าสู่ตลาดเพิ่ม ขึ้น ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว เช่น ข้าวสารบรรจุถุง กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำซีอิ๊ว น้ำอัดลม น้ำตาลทราย เส้นหมี่อบแห้ง ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง และผักสด เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3507 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเครื่องเล่นเกมเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การ
นำเครื่องเล่นเกมเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติในหลักการ และ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ให้เครื่องเล่นเกมตามพิกัด อัตราอากรขาเข้าประเภทย่อย 9504.30 ประเภทย่อย 9504.901 และประเภทย่อย 9504.909 แห่ง กฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ตามบัญชีรายการเครื่องเล่นเกมท้ายประกาศนี้ เป็นสินค้าที่ต้องห้าม ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3508 | รายงานผลการเดินทางเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน | นร | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานผลการ
เดินทางเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศแห่งสาธารณ รัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน ในลักษณะ Strategic Partnership ในระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม 2548 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุ สมบัติ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมคณะด้วย ซึ่งการเดินทางเยือนจีนของคณะผู้แทนไทยในครั้งนี้ทั้งสอง ฝ่ายได้หารือข้อราชการ รวมทั้งลงนามความตกลง พิธีสาร บันทึกความเข้าใจ ทั้งในระดับรัฐบาลและภาคเอก ชน สำหรับผลการหารือ ฝ่ายไทยได้เจรจาให้จีนยอมรับที่จะช่วยเหลือไทยอย่างจริงจัง อาทิ การส่งนักท่อง เที่ยวของจีนมาไทยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดรวมของนักท่องเที่ยวจีนในปี พ.ศ. 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 1,072,500 คน หรือขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 27 จากปีก่อน และการที่ CCTV ตกลงที่จะออกอากาศรายการพิเศษเกี่ยวกับ ประเทศไทยทุกวันจันทร์-ศุกร์ เป็นเวลา 15 นาทีก่อนข่าวภาคค่ำ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ชาวไทยและชาว จีนรู้จักกันได้ถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้ จีนยังรับที่จะนำเข้าลำใยสด 200,000 ตัน ในปี พ.ศ. 2548 นี้ เป็น ต้น ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) มีข้อเสนอแนะว่าเนื่องจากจีนเป็นตลาดที่มีศักย ภาพมาก ทั้งในด้านของขนาดและอำนาจซื้อของผู้บริโภคที่ขยายตัวที่สูงขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดจีนแห่งเดียวมีกำลังซื้อมหาศาลมากกว่าตลาดต่างประเทศหลายสิบประเทศรวมกัน จึงมีความจำเป็น ที่ไทยจะต้องมียุทธศาสตร์และนโยบายพิเศษในการขยายความสัมพันธ์แบบสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว จึงเห็นควรให้หน่วยงานหลักที่ดูแลในเรื่องต่า ง ๆ ร่วมมือกันในการ ดำเนินยุทธศาสตร์เจาะจงเป็นรายมณฑลสำคัญ และให้ถือว่าแต่ละมณฑลเป็น 1 ประเทศคู่ค้า และเห็นควร จัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปีนี้ โดยจัดกิจกรรมใน ลักษณะเป็นการร่วมมือจากหลายหน่วยงานซึ่งอาจรวมถึงภาคเอกชนเพื่อก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่แสดงให้เห็น ถึงความสามัคคีและการรวมพลัง ขณะเดียวกันเป็นกิจกรรมที่ริเริ่มความร่วมมือในด้านใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริม ความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3509 | การส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ | พณ | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเกี่ยวกับการส่งเสริมการ
ทำเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากขณะนี้ภาคเอกชนและเกษตรกรในหลายพื้นที่ได้ให้ความสนใจในการทำการเกษตร อินทรีย์ (organic) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสอดรับกับข้อเสนอของสมัชชาแห่งชาติเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ ด้านสุขภาพ ประเด็นอาหารและเกษตรเพื่อสุขภาพ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 เห็น ชอบข้อเสนอดังกล่าว แต่การดำเนินการยังไม่ได้รับการสนับสนุนดูแลจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อ เนื่องเพียงพอเท่าที่ควร จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมวิชาการเกษตรรับไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป และเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3510 | รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทย- จีน (6 ต.ค.46-30 เม.ย.48) ไทย-อินเดีย (1 ก.ย.47-30 เม.ย.48) และไทย-ออสเตรเลีย (1 ม.ค.48-30 เม.ย.48) | พณ | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานการส่งออก-นำเข้า
สินค้า ระหว่างไทยกับจีน ไทยกับอินเดีย และไทยกับออสเตรเลีย ดังนี้ การส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทย กับจีน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546-30 มีนาคม 2548 ไทยส่งออกสินค้าพิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 4,222,990 ตัน มูลค่า19,786.79 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ลำไยแห้งและลำไย สด ด้านการนำเข้าสินค้าจากจีน ไทยนำเข้าสินค้าพิกัด ฯ 01-08 ปริมาณ 443,844 ตัน มูลค่า 9,654.81 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ แอปเปิ้ลสด แพร์และควินส์สด ปลาแช่แข็ง และเห็ดแห้ง ส่วนการส่งออก-นำ เข้าสินค้าระหว่างไทยกับอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547-31 มีนาคม 2548 ไทยส่งออกสินค้าตามข้อ ตกลง ฯ จำนวน 82 รายการ มูลค่า 5,096.34 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี โพลิคาร์ บอเนต และส่วนประกอบของเครื่องยนต์ ด้านการนำเข้าสินค้าจากอินเดีย ไทยนำเข้าสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 82 รายการ มูลค่า 1,296.87 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ กระปุกเกียร์ อะลูมิเนียมออกไซด์ นอกจากคอรันดัมประดิษฐ์ หลอดภาพแคโทดเรย์ของเครื่องรับโทรทัศน์สี และส่วนประกอบเครื่องเพชรพลอย ทำด้วยโลหะมีค่า สำหรับการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2548 ไทยส่งออกสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 25,443.15 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคลเป็นหลัก ปลาที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ ไม่ให้เสีย และเครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างหรือติดผนัง ด้านการนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย ไทยนำ เข้าสินตามข้อตกลง ฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 36,789.59 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ ทองคำยัง ไม่ได้ขึ้นรูป น้ำมันปิโตรเลียมดิบและน้ำมันดิบที่ได้จากแร่บิทูมินัส
|
|||||||||||||||||||||||||||
3511 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงการค้าเสรีไทย - นิวซีแลนด์ พ.ศ. .... | พณ | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงการค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือให้สินค้าเกษตรที่นำเข้าจากนิวซีแลนด์ตามความตกลง ฯ จำนวน 23 รายการ เป็นสินค้าที่ต้อง สำแดงถิ่นกำเนิดสินค้า สินค้าเกษตรจำนวน 18 รายการ เป็นสินค้าที่ได้รับยกเว้นการกำหนดปริมาณ การนำเข้า สินค้าเกษตรจำนวน 5 รายการ เป็นสินค้าต้องมีหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษี โดยสินค้าจำนวน 18 รายการ และสินค้าจำนวน 5 รายการดังกล่าวเป็นสินค้าที่ไม่ต้องขออนุญาตในการ นำเข้าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมพิเศษในการนำเข้า และไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ในการ จัดระเบียบนำเข้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกไปนอกและการนำ เข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า โดยให้ประกาศ ฯ ดังกล่าวใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไปและให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3512 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) | นร | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอประเด็นที่เป็นการเตรียมการสำหรับการประชุม
รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers Meeting Retreat : AEM Retreat) ในเดือนกันยายน 2548 ณ สปป.ลาว และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 11 ในเดือนธันวาคม 2548 ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อ ให้ประเทศไทยสามารถขยายและปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าและการลงทุนในเวทีอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ได้แก่ ประเด็นการรวมกลุ่ม 11 สาขาสำคัญของอาเซียน (11 Priority Sectors) ให้กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เกิดการรวมตัวของอาเซียนตามแผนและ กรอบความตกลงว่าด้วยการเร่งรัดการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน ประเด็นการอำนวยความสะดวกด้านศุล กากรด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (ASEAN Single Window:ASW) ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความพร้อม ในการดำเนินการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรของอาเซียนด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (ASW) ให้เสร็จ ตามกำหนดเวลาภายในวันที่ 1 มกราคม 2549 และประเด็นกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (ROO) ให้กระทรวง การคลังประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนพิจารณากำหนดท่าทีไทยในเรื่องนี้ เพื่อให้สอด คล้องกับการเปลี่ยนแปลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3513 | การลดภาษีนำเข้าในการเจรจา WTO และ FTA | พณ | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการขอความเห็นชอบให้กระทรวง
การคลังเตรียมการที่จะรองรับผลกระทบจากการเจรจารอบโดฮา และ FTA ซึ่งจะมีผลให้รายได้ภาษีศุลกากรของ รัฐลดน้อยลงเนื่องจากผลการเจรจารอบโดฮาภายใต้ WTO คาดว่า จะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2549 ประกอบกับไทยได้สรุปผลการเจรจาจัดทำ FTA กับออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ไปแล้ว และกำลัง เจรจาจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย และจีน เป็นต้น จึง เป็นที่แน่นอนว่าผลของการเจรจารอบโดฮา และ FTA จะทำให้ไทย และคู่เจรจาต้องปรับลดอัตราภาษีส่วนใหญ่ ของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมลงจากอัตราปัจจุบันบางรายการปรับลดใกล้ 0 หรือเป็น 0 ตามระยะเวลาที่ได้ ตกลงไว้ และการปรับลดภาษีศุลกากรดังกล่าวดังกล่าวจะมีผลให้รายได้จากภาษีศุลกากรของรัฐลดน้อยลง ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลังควรต้องเตรียมการที่จะรองรับผลการเจรจาดังกล่าว เช่น การปรับ ระเบียบพิธีการศุลกากร การปรับวิธีการจัดเก็บภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าธรรม เนียมอื่น ๆ เพื่อชดเชยรายได้ของรัฐที่สูญเสียไปจากการลดภาษีศุลกากร
|
|||||||||||||||||||||||||||
3514 | การจัดทำและนำออกใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 2 บาท | กค | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการจัดทำและนำออกใช้ซึ่งเหรียญกษาปณ์หมุน
เวียน ชนิดราคา 2 บาท เพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจ โดยค่าใช้จ่ายของโครงการในปีแรกเป็นเงินประมาณ 500 บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนการผลิตเหรียญกษาปณ์และการทำของ กรมธนารักษ์ และให้ดำเนินการต่อ ไปได้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรตระหนักถึงความสมดุลในการหมุนเวียนของเหรียญ กษาปณ์ในระบบเศรษฐกิจ ให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้เหรียญกษาปณ์แต่ละชนิด โดยเฉพาะเหรียญ 1 บาท เพื่อไม่ให้เกิดผลทางจิตวิทยาที่มีต่อราคาสินค้า และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการผลิตเหรียญ 2 บาทออกมาหมุนเวียนในระบบ อาจมีผลในทางจิตวิทยา ให้ผู้ประกอบการค้าและธุรกิจรายย่อยเห็นว่าเป็นหน่วยเงินตราขั้นต่ำทดแทนเงิน 1 บาท เหมือนที่เหรียญ 25 สตางค์ และ 50 สตางค์ เริ่มไม่มีการนำมาใช้จ่าย จึงอาจเพิ่มราคาสินค้าปลีกย่อยที่เคยมีราคา 1 บาท หรือเศษ ของ 1 บาท ขึ้นเป็น 2 บาท และทวีคูณของ 2 บาทเพื่อความสะดวก และอาจมีผลกระทบต่อระดับราคาและการ ครองชีพของผู้มีรายได้น้อย ไปประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3515 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนพฤษภาคม 2548 (วันที่ 16 - 20 พฤษภาคม 2548) | พณ | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนพฤษภาคม 2548 ตั้งแต่วันที่ 16-20 พฤษภาคม 2548 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ปุ๋ยเคมี สูตร 46-0-0 ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.64 เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น และ แบตเตอรี่ ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5.17 เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น สำหรับสินค้าสำคัญที่มี ราคาลดลง ได้แก่ เหล็กเส้น ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 1.30 และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ราคาขายปลีก ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 0.28-1.79 ตามลำดับ มีสาเหตุมาจากภาวะการก่อสร้างที่ชะลอตัว ถุงพลาสติก (ชนิดเย็น) ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 0.71 ตามราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง และสุกรชำแหละราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ย ร้อยละ 3.41 เนื่องจากกำลังผู้ซื้อบริโภคลดลง ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว ได้แก่ ข้าวสารบรรจุถุง ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำซีอิ๊ว ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง ปลาดุก ผักสด และมะนาว เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3516 | มาตรการภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล | กค | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับอัตราภาษีน้ำมันดีเซล ลดลงลิตรละ 1 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2548-30 พฤศจิกายน 2548 และให้ดำเนินการ ต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและควบคุมดูแลมิให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่เหมาะ สม หรือไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงหรือกักตุนสินค้าเพื่อเก็งกำไรอันจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือด ร้อน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเนวิน ชิดชอบ) รับไปหารือร่วมกันเกี่ยวกับมาตรการที่เหมาะสมในการ ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพประมงที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3517 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 65) พ.ศ. 2536 พ.ศ. 2548 | พณ | 24/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิก
ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 65) พ.ศ. 2536 พ.ศ. 2548 ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติหลักการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว โดย มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 65) พ.ศ. 2536 และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3518 | การแต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีรายประเทศ | พณ | 24/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการแต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจา
จัดทำเขตการค้าเสรีรายประเทศตามคำสั่งคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาจัดทำความ ตกลงเขตการค้าเสรี เรื่อง แต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีรายประเทศ ดังนี้ นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม เป็นหัวหน้าคณะเจรจาประเทศสหรัฐอเมริกา นายพิศาล มาณวพัฒน์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาประเทศญี่ปุ่น นายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน นายประจวบ ไชยสาส์น เป็นหัวหน้าคณะเจรจาประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศ BIMST-EC นายการุณ กิตติสถาพร เป็นหัวหน้าคณะเจรจาประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาประเทศเปรู และประเทศบาห์เรน นายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) โดยมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเจรจาตามกรอบหรือแนวทางตามที่คณะกรรมการ ฯ มอบหมาย และ ประสานกับหน่วยงาน เจ้าหน้าที่จากกระทรวง ทบวง กรม หรือรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ คำชี้แจงและข้อมูลต่าง ๆ ได้ตามที่เห็นสมควร
|
|||||||||||||||||||||||||||
3519 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2548 (วันที่ 9-13 พฤษภาคม 2548) | พณ | 24/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภค
บริโภคประจำสัปดาห์ 2 เดือนพฤษภาคม 2548 ตั้งแต่วันที่ 9-13 พฤษภาคม 2548 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคา สูงขึ้น ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.05-3.39 โดยมีสาเหตุมาจากราคาวัตถุดิบที่นำเข้าปรับ ตัวสูงขึ้น ไข่ไก่และไข่เป็ด ราคาขายปลีกปรับสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.79 และ 1.43 ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณไข่ เข้าสู่ตลาดลดลง และไก่สด ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 8.11 เนื่องจากปริมาณความต้องการบริโภคที่ ชะลอตัว ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านราคา หรือมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงในช่วง สั้น ตามการส่งเสริมการขายและปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาด เช่น ผลิตภัณฑ์นม กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำดื่มบรรจุ ขวด น้ำมันพืชน้ำปลา น้ำซีอิ๊ว เส้นหมี่อบแห้ง ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง แป้งผงโรยตัว กระดาษปรู๊ฟ และกระดาษ ชำระ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3520 | ความคืบหน้ากรณีสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการทุ่มตลาดกับสินค้ากุ้งของไทย | พณ | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีสหรัฐ ฯ
ใช้มาตรการการทุ่มตลาดกับสินค้ากุ้งของไทย สรุปได้ดังนี้ ตามที่คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ (Interantional Trade Commission : ITC) ของสหรัฐ ฯ ได้ประกาศเปิดรับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับ ผลกระทบจากคลื่นสึนามิต่ออุตสาหกรรมของไทยและอินเดียเพื่อพิจารณาการเปิดทบทวนกรณีสถานการณ์ เปลี่ยนแปลง (Changed Circum stance Review : CCR) โดยส่วนของไทย กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วย งานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดทำข้อมูลข้อเท็จจริง พร้อมทั้งมีหนังสือถึง ITC และหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐ ฯ (Department of Commerce : DOC) และผู้แทนการค้าสหรัฐ ฯ (USTR) เพื่อโน้มน้าวและผลักดันให้ มีการยกเลิกการใช้มาตรการดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2548 ITC ได้ประกาศเปิดทบทวน CCR สำหรับไทยและอินเดีย โดย ITC จะประกาศรายละเอียดกำหนดการและขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องลงใน Federal Register ในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ตามระเบียบ ITC จะทบทวนให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน (ประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2548) สำหรับแนวทางการดำเนินขั้นต่อไป กระทรวงพาณิชย์จะจัดประชุม หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับกระบวนการไต่สวน โดยเน้น การจัดเตรียมข้อมูล ข้อเท็จจริง ตลอดจนข้อพิสูจนที่มีหลักฐานยืนยัน และเตรียมการสำหรับคณะผู้แทน ITC ซึ่งจะเดินทางมาตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริง (Verification) และจะจัดให้มีการหารือระดับนโยบาย รวมทั้งยกประเด็นหารือผ่านช่องทางการทูต ผู้แทนการค้า สมาชิกรัฐสภาและอื่น ๆ ในโอกาสต่าง ๆ ช่วง ก่อนประกาศผลการทบทวนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง โน้มน้าวและผลักดันให้สหรัฐ ฯ ยกเลิกการใช้มาตรการ AD กับสินค้ากุ้งของไทย
|
.....