สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับมาตรการดูแลสินค้าอุปโภค
บริโภคภายหลังปล่อยลอยตัวน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2548 ในส่วนของมาตรการดูแลราคาสินค้า
อุปโภคบริโภค ประกอบด้วย มาตรการบริหาร ได้แก่ การเพิ่มรายการสินค้าติดตามดูแล การดูแลราคาสินค้า  
ณ  จุดต้นทาง  (ราคา  ณ  โรงงาน)  การดูแลราคาสินค้า  ณ  จุดปลายทาง  (ราคาขายปลีก)  มาตรการกฎ
หมาย  ได้แก่  การกำหนดรายการสินค้าควบคุมเพิ่มเติม  รวมทั้งขยายเวลาการเพิ่มโทษปรับเป็น 2 เท่า  และ
เข้มงวดให้มีการปิดป้ายแสดงราคา  มาตรการตรวจสอบ  ได้แก่  ตรวจสอบพฤติกรรมและราคาจำหน่ายอย่าง
เข้มงวดและใกล้ชิด  ตรวจสอบพิเศษโดยหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (Mobile Unit) ตรวจสอบเครื่องชั่งตวงวัดและสินค้า
หีบห่อ  และมาตรการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน/ผู้ประกอบการ  ได้แก่  การจัดให้มี  Hotline  แม่บ้าน
1569 ทั่วประเทศ  สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ต้นทุน
และราคาจำหน่ายลดลง  และมาตรการช่วยบรรเทาค่าครองชีพ  ได้แก่  การขยายการดำเนินการโครงการธง
ฟ้าราคาประหยัดจนถึงสิ้นปี 2548 และการจัดงานจำหน่ายสินค้าลดค่าครองชีพ

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลภาวะราคาขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 4
เดือนมิถุนายน 2548 ตั้งแต่วันที่ 20-24 มิถุนายน 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยในช่วงดังกล่าวมีสินค้าที่มี
ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ปุ๋ยเคมี  (สูตร 46-0-0)  ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.61  เนื่องจากความต้องการใช้
เพิ่มขึ้นส่วนสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยเหล็กเส้น  เหล็กแผ่นเรียบดำ  และเหล็กโครงสร้าง
รูปพรรณ ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 1.04-7.01  เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงและความต้องการ
ใช้ลดลง สำหรับสินค้าที่มีราคาทรงตัว เช่น ผลิตภัณฑ์นม กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำมันพืช  สบู่  ผงซักฟอก  ผักสด
และมะนาว เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์  เวชชาชีวะ)
เสนอผลการประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 2  โดยให้ทุกหน่วยงานของไทยให้ความร่วม
มือและเร่งรัดการดำเนินงานตามที่ได้กำหนดไว้ในแถลงการณ์ร่วม  (Joint  Summit  Declaration)  และเอก
สารที่ได้ลงนามร่วมกันให้เป็นรูปธรรมและรายงานผลต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติในฐานะหน่วยประสานหลักของไทย (Nationnal Coordinator) อย่างใกล้ชิด และให้กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ประสานผลักดันเพื่อให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือในการพัฒนาภาค
เกษตรของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ  โดยเน้นหลักการของ  Contract  Farming  และพืชทดแทนพลัง
งาน (Biofuel) โดยในระยะนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศ  และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ
กิจและสังคมแห่งชาติร่วมผลักดันการดำเนินงาน Contract  Farming  ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์   กระทรวงพาณิชย์   และจังหวัดเจ้าภาพหลักไปก่อน    กับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ประสานผลักดัน เพื่อให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจในการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมระหว่าง  6  ประเทศ
ลุ่มแม่น้ำโขง และให้กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสาน
ความร่วมมือกับ Yunnan TV and Radio Stations ต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
พาณิชย์ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามลำดับ ดังนี้ รัฐมนตรีช่วย
ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายปรีชา  เลาหพงศ์ชนะ) และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)
ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลภาวะราคาขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์
ที่5 เดือนมิถุนายน 2548 ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน-1 กรกฎาคม 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยในช่วงดัง
กล่าว มีสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.92  เนื่องจากราคาวัตถุ
ดิบสูงขึ้น ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว เช่น  ผลิตภัณฑ์นม  กาแฟผงสำเร็จรูป  น้ำส้มสายชู  ผงซักฟอก  น้ำยา
ปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ แปรงสีฟัน และผักสด เป็นต้น

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2548 และระยะ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ สรุป
ได้ดังนี้  ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนมิถุนายน 2548  เท่ากับ 108.7  เทียบกับเดือนพฤษภาคม
2548  (108.4)  สูงขึ้นร้อยละ 0.3  จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่น ๆ  ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม
ร้อยละ 0.5  โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น  ได้แก่  น้ำมันเชื้อเพลิง  ค่ากระแสไฟฟ้า  และค่าโดยสารสาธารณะ
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศระยะ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2548  เท่ากับ 107.2  เทียบดัชนีราคา
เฉลี่ยช่วงเดือนเดียวกันของปี  พ.ศ. 2547   สูงขึ้นร้อยละ  3.3  ประกอบด้วย  สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม
ดัชนีราคาสูงขึ้นร้อยละ 3.9 จากการสูงขึ้นของราคาเนื้อสุกร ไก่สด ปลาและสัตว์น้ำ  ไข่  และผลิตภัณฑ์นม  ผัก
สดและผลไม้  และอาหารสำเร็จรูป   และสินค้าหมวดอื่น ๆ  ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม  ดัชนีราคาสูงขึ้นร้อยละ
2.9  จากการสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า  ค่าโดยสารสาธารณะ  น้ำมันเชื้อเพลิง  ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียม
การศึกษา สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และค่ารักษาพยาบาล  สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ
เดือนมิถุนายน  2548  เท่ากับ  102.0  เทียบกับเดือนพฤษภาคม  2548  สูงขึ้นร้อยละ  0.1  เดือนมิถุนายน
2547 สูงขึ้นร้อยละ 1.3 และเดือนมกราคม-มิถุนายน  2548 เทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. 2547 สูง
ขึ้นร้อยละ 0.9

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนด
ผลิตภัณฑ์ซีดีและอุปกรณ์ของเครื่องจักร พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดผลิตภัณฑ์ซีดีและอุปกรณ์ของ
เครื่องจักร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้ อนุมัติหลักการให้จัดตั้งสำนักงานยุทธศาสตร์การค้าระหว่าง
ประเทศ โดยให้ตราเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสำนัก
งาน ฯ  อาจตั้งอยู่ในบริเวณกระทรวงพาณิชย์ก็ได้  และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณายก
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ร่วมกับผู้แทนกระทรวงพาณิชย์   รวมทั้งอนุมัติงบกลาง ปี พ.ศ. 2548
จำนวน 165,369,400 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ฯ สำหรับปีต่อไปให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำ
ปีหรืองบกลางแล้วแต่กรณี กับเห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการจัดส่งบุคลากรมาปฏิบัติ
งานเป็นทีมงานของสำนักงาน ฯ โดยเรื่องการให้สิ่งจูงใจเพื่อให้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจากภาคเอกชน
และราชการมาปฏิบัติงาน นั้น ให้กระทรวงพาณิชย์รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า
การดำเนินการของสำนักงาน ฯ  ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  จึงควรมี
มาตรการ เพื่อรองรับบุคลากรที่ยืมตัวมาช่วยราชการให้มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ทั้งในด้านตำแหน่ง
หน้าที่ ค่าตอบแทน และการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีโดยกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้บุคลากรและวิธีการ
ให้บุคลากรที่มาช่วยราชการนั้น ได้รับสิทธิประโยชน์ไม่แตกต่าง  หรือดีกว่าการปฏิบัติงานในหน่วยงานเดิม  ไป
พิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงาน ก.พ .  และสำนักงาน ก.พ.ร.   แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก
ครั้งหนึ่ง  ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า งบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่ไม่
ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้  แต่มีความพร้อมและความจำเป็นที่ต้องดำเนินการ   ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณราย
จ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2548  งบกลาง   รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและ
การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (23,400 ล้านบาท) วงเงิน 69,508,000 บาท  และค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2549    ให้เสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบ
ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  และค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  ให้ขอรับการจัด
สรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม  ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ   และให้
รองนายกรัฐมนตรี  (นายวิษณุ เครืองาม)  รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดตั้งสำนัก
งาน ฯ มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสำนักงานผู้แทนทางการค้าไทย (TTR.) ด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่ประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือ
เกษตรกรเสนอให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  งบกลาง   สำหรับอุดหนุน
เป็นโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรบางส่วน  โดยจัดทำบัญชีแยกต่างหากและให้ตกลงรายละเอียดกับสำนัก
งบประมาณ    และให้กระทรวงพาณิชย์   ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วย
เหลือเกษตรกรเสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2549    ให้แก่กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนที่
ขาดตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร
เร่งรัดการจำหน่ายสินค้าคงเหลือ  และกำหนดมาตรการในการเร่งรัดหนี้สินของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือ
เกษตรกรเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง รวมทั้งทบทวน หลัก
เกณฑ์  วิธีการ   และมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรใหม่อย่าง
เป็นระบบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพแก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และ
ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและความเห็นของคณะ
รัฐมนตรีที่ว่า   กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร  ควรทำหน้าที่หลักในการกระตุ้นตลาดแทรกแซงราคา
หรือช่วยขับเคลื่อนกระบวนการโลจิสติกส์ของสินค้าเกษตรในภาวะจำเป็น  เพื่อดูดซับส่วนเกิน   และทำให้
ราคาสินค้าเกษตรเป็นไปตามกลไกตลาด แต่กองทุนต้องไม่เป็นกลไกตลาดเสียเอง  นอกจากนี้ กองทุนยัง
ควรทำหน้าที่เป็นช่องทางในการนำสินค้าเกษตรของไทยไปดำเนินการค้าแบบแลกเปลี่ยนสินค้า  (Barter
Trade)  กับต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลรายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้า ระหว่างไทยกับจีน ไทยกับ
อินเดีย และไทยกับออสเตรเลีย ของกระทรวงพาณิชย์  ดังนี้  การส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับจีน ตั้งแต่
วันที่ 1 ตุลาคม 2546-30 เมษายน 2548  ไทยส่งออกสินค้าพิกัด ฯ 01-08  ปริมาณ  4,469,687  ตันมูลค่า
21,248.22 ล้านบาท สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ลำไยแห้งและลำไยสด  ทุเรียน  และมังคุด
ด้านการนำเข้าสินค้าจากจีน ไทยนำเข้าสินค้าพิกัด ฯ 01-08  ปริมาณ 462,219 ตัน  มูลค่า10,080.75  ล้าน
บาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่  แอปเปิ้ล  แพร์และควินสด  ส่วนการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับอินเดีย ตั้ง
แต่วันที่ 1 กันยายน 2547-30 เมษายน 2548  ไทยส่งออกสินค้าตามข้อตกลง ฯ จำนวน  82  รายการ มูลค่า
5,727.34  ล้านบาท  สินค้าที่ส่งออก  ได้แก่  เครื่องรับโทรทัศน์สี  โพลิคาร์บอเนต  และหลอดภาพแคโทดเรย์
ด้านการนำเข้าสินค้าจากอินเดีย ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง ฯ  มูลค่า  1,569.34  ล้านบาท  สินค้าที่นำ
เข้า   ได้แก่   กระปุกเกียร์   และการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย  ตั้งแต่มกราคม-เมษายน
2548 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง ฯ จำนวน 5,505 รายการ  มูลค่า  34,346.86  ล้านบาท  สินค้าที่ส่ง
ออก  ได้แก่  ยานยนต์สำหรับขนส่งของ   ด้านการนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย  ไทยนำเข้าสินตามข้อตกลง  ฯ
มูลค่า 43,355.21 ล้านบาท สินค้าที่นำเข้า ได้แก่ ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลรายงานความคืบหน้าการดำเนินการบริจาคข้าวเพื่อช่วย
เหลือด้านมนุษยธรรมให้รัฐบาลต่างประเทศ ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าว โดยกระทรวงพาณิชย์ราย
งานว่า องค์การคลังสินค้าได้ส่งมอบข้าวให้แก่รัฐบาลสหภาพพม่า เป็นข้าวขาวชนิด 25 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ
1,000 ตัน  มูลค่า 9.175 ล้านบาท  เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2548  และส่งมอบข้าวให้แก่รัฐบาลสาธารณรัฐ
บูร์กินาฟาโซ เป็นข้าวขาวชนิด 25 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ 1,000 ตัน  มูลค่า 15.832 ล้านบาท  เมื่อวันที่ 12
พฤษภาคม 2548

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วย
งานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  พ.ศ. 2539  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  โดยมี
สาระสำคัญคือ กำหนดให้ "สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า" เป็นหน่วยงาน
ของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  พ.ศ. 2539   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้กระทรวงการคลังเตรียมการเพื่อรองรับผล
การเจรจาเปิดตลาดสินค้าภายใต้ WTO และ FTA  ซึ่งจะทำให้ไทยต้องปรับลดอัตราภาษีลงมาทั้งสินค้าเกษตร
และสินค้าอุตสาหกรรม รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการเพิ่มขีด
ความสามารถในการผลิตเพื่อแสวงหาประโยชน์จากการเปิดตลาดและปรับตัวรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ห้าม
นำไม้สัก  และไม้หวงห้ามประเภท ก.  ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม  พ.ศ. 2530  รวม
ถึงสิ่งประดิษฐ์  เครื่องใช้  หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้ดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร ตามแนวชายแดนจังหวัด
ตากและจังหวัดกาญจนบุรีเป็นการชั่วคราว  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ประเภทไม้ที่หวงห้าม  ได้แก่  ไม้
สัก  และไม้หวงห้ามประเภท ก.  ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม  พ.ศ. 2530  รวมถึงสิ่ง
ประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งที่ทำด้วยไม้ดังกล่าว โดยครอบคลุมพื้นที่ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก และจังหวัด
กาญจนบุรี มีระยะเวลาการบังคับใช้  1  ปี  นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  และ
ให้ดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้  เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการค้าไม้และสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้ตามแนวชายแดน
จังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรี สำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว  และมีมาตรการที่ชัดเจนอันจะ
เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้นำเข้าไม้ที่สุจริต   จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จัดประชุมหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี  (นายจาตุรนต์  ฉายแสง)  รองนายกรัฐมนตรี  (นายสุรเกียรติ์
เสถียรไทย) กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการในเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว
เพื่อใช้ทดแทนมาตรการชั่วคราวตามร่างประกาศที่เสนอต่อไป

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปภาวะราคาขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ประจำสัปดาห์
ที่ 3 เดือนมิถุนายน 2548 ตั้งแต่วันที่ 13-17 มิถุนายน 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยในช่วงดังกล่าวสินค้าที่
มีราคาสูงขึ้น  ได้แก่  แบตเตอรี่ชนิด  N70Z (ตรา GS) ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.67  เป็นผลจากราคา
วัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ส่วนสินค้าที่มีราคาลดลง  ได้แก่  ผ้าอนามัยชนิดสลิมไม่มีปีก (ตราลอริเอะ) ราคาขายปลีก
ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 1.22 เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง  สำหรับสินค้าที่มีราคาทรงตัว  เช่น  ข้าวสารบรรจุ
ถุงผลิตภัณฑ์นม  กาแฟผงสำเร็จรูป  น้ำมันพืช  น้ำตาลทราย  อาหารกระป๋อง  น้ำยารีดผ้า  แป้งผงโรยตัว  และ
มะนาว เป็นต้น

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี  ที่ 246/2548  เรื่อง  แต่งตั้ง
คณะกรรมการการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2548 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธานกรรมการ  และปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
มีอำนาจหน้าที่พิจารณาวางแนวนโยบายและหลักการดำเนินการการค้าแบบแลกเปลี่ยน  กำหนดกลุ่มสินค้า
ที่จะนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยน เพื่อการเสริมสร้างเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ  ตลอดจนเสนอแนะแนวทาง
แก้ไขปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการค้าแบบแลกเปลี่ยน   และประสานขอความร่วมมือจากบุคคลหรือหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการชี้แจงให้ข้อมูล  รวมทั้งเอกสารหลักฐาน  และความเห็นต่าง ๆ  เพื่อ
ประโยชน์ในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2548 เป็นต้นไป

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 1
เดือนมิถุนายน 2548 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม-3 มิถุนายน 2548 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยช่วงดังกล่าว
สินค้าที่มีราคาสูงขึ้น  ได้แก่  ปุ๋ยเคมี  ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ  0.44-2.23  เนื่องจากราคาวัตถุดิบ
ปรับตัวสูงขึ้น  สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก  ประกอบด้วย  เหล็กเส้น  เหล็กแผ่น  เหล็กโครง
สร้างรูปพรรณ ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 3.03-5.73  เนื่องจากภาวะการก่อสร้างชะลอตัว  และเยื่อ
กระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน  ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ  8.45  และ  0.60  ตามลำดับ  เนื่องจาก
ราคาวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศปรับตัวลดลง ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว  เช่น  ผลิตภัณฑ์นม  น้ำมันพืช
น้ำส้มสายชู น้ำซีอิ๊ว น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง แป้งผง โรยตัว ผักสด และมะนาว เป็นต้น

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศในระยะ 4 เดือนแรก
(มกราคม-เมษายน)  ปี พ.ศ. 2548  ของกระทรวงพาณิชย์  สรุปได้ดังนี้  การส่งออกเดือนเมษายนมีมูลค่า
8,241 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1  และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง  ทำให้การส่งออกในระยะ
4 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 33,439 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 ด้านการนำเข้ามีมูลค่า
9,791 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1 สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ เชื้อเพลิง  ทุนและวัตถุดิบ
ทำให้การนำเข้าในระยะ 4 เดือนแรก  มีมูลค่า  37,952  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9  สินค้า
สำคัญที่นำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงและส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล ได้แก่ น้ำมันดิบ  เหล็กกล้า  ทองคำ  เครื่อง
จักรและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์  และสินแร่และโลหะอื่น  ๆ  สำหรับ
ดุลการค้าเดือนเมษายนขาดดุลมูลค่า  1,550  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  ทำให้ดุลการค้าในระยะ  4  เดือนแรก
ขาดดุลมูลค่า 4,513 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  และโดยที่ตลาดใหม่ได้ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 18.5  อันเป็นผล
มาจากการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการเจาะตลาดใหม่   เช่น  Trade  Commando   การส่งนักรบทางการ
ตลาดไปขายสินค้า  เป็นต้น  ส่วนสินค้าส่งออกที่สำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้น  ได้แก่  ข้าว  ปลากระป๋อง
และแปรรูป ผัก ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป ไก่แปรรูป ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ
พลาสติก  วัสดุก่อสร้าง  อัญมณี  ผลิตภัณฑ์ยาง และเฟอร์นิเจอร์  เป็นต้น   และสินค้าส่งออกสำคัญที่ลดลง
ได้แก่ มันสำปะหลัง แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา และไก่สดแช่แข็ง

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือน
มิถุนายน 2548 ตั้งแต่วันที่ 6-10 มิถุนายน 2548 ของกระทรวงพาณิชย์  โดยช่วงดังกล่าวสินค้าที่มีราคาสูง
ขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติก (HDPE) ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ  2.70  เป็นผลจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูง
ขึ้น  และไข่เป็ด  ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ  2.67  เนื่องจากค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้น  และความต้องการ
บริโภคเพิ่มขึ้น สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก ประกอบด้วย  เหล็กแผ่นเรียบดำ  และเหล็กโครง
สร้างรูปพรรณ ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 2.31-6.86 โดยมีสาเหตุจากราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงและ
ภาวะการก่อสร้างชะลอตัว  ส่วนสินค้าที่มีราคาทรงตัว เช่น ข้าวสารบรรจุถุง ผลิตภัณฑ์นม กาแฟผงสำเร็จรูป
น้ำมันพืช ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง ถุงพลาสติกผักสด และมะนาว เป็นต้น

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชี
เดินสะพัดอันเนื่องมาจากกาสูญเสียเงินตราต่างประเทศ  โดยการนำเอาวิธีการดำเนินการค้าต่างตอบแทน
แบบการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน  (Barter  Trade)  มาใช้ให้มากขึ้น  ซึ่งปัจจุบันการดำเนินการค้าต่าง
ตอบแทนยังเป็นการดำเนินการตามประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการ
ค้าต่างตอบแทน  พ.ศ. 2547   อันเป็นการดำเนินการตามมติของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่าง
ประเทศ  เมื่อวันที่  26  เมษายน  2547  ที่ได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ  ซึ่งผลใน
ทางปฏิบัติที่ผ่านมา ยังไม่ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศคู่ค้ากับประเทศไทยได้จริงเท่าที่
ควร  และเป็นช่องทางให้เกิดบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการดำเนินการและมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นอัน
เป็นภาระของแต่ละฝ่ายเพิ่มมากขึ้น เห็นควรปรับปรุงแนวทางการดำเนินการเสียใหม่ โดยอาจพิจารณาจัด
ตั้งคณะกรรมการการค้าต่างตอบแทนขึ้น เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการเรืองนี้ทั้งระบบ  จึงขอมอบให้รอง
นายกรัฐมนตรี  (นายวิษณุ  เครืองาม)  รับไปพิจารณาร่วมกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  และหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป