ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 179 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3561 - 3580 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3561 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ 2548 (14 - 18 กุมภาพันธ์ 2548) | พณ | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำ
สัปดาห์ที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ 2548 ตั้งแต่วันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2548 โดยความเคลื่อนไหวราคาสินค้าใน ช่วงสัปดาห์นี้มีดังนี้ สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ไข่ไก่ ราคาลดลงร้อยละ 1.85 ผักบุ้งจีนและผักชี ราคาลดลงร้อย ละ 15.15 และ 10 ตามลำดับ ส่วนสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ตะปู ราคาสูงขึ้นร้อยละ 0.96 น้ำมันเชื้อเพลิงเบน ซิน 91 และ 95 ราคาสูงขึ้นร้อยละ 4.24 และ 4.06 ตามลำดับ เม็ดพลาสติก ราคาสูงขึ้นร้อยละ 2-4.65 ไก่สด ราคาสูงขึ้นร้อยละ 1.90 มะนาว ราคาสูงขึ้นร้อยละ 26.74 และกล้วยหอม ราคาสูงขึ้นร้อยละ 25 ในส่วนของปุ๋ย เคมีมีทั้งราคาลดลงและสูงขึ้น โดยปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 ราคาลดลงร้อยละ 1.27 ในขณะที่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-20- 0 ราคาสูงขึ้นร้อยละ 0.54 สำหรับสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตามภาวะการแข่งขันและกลยุทธ์การขายในระยะ สั้น เช่น ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำซีอิ๊ว น้ำตาลทราย ปลากระป๋อง และแชมพู เป็นต้น ส่วนการรับเรื่องร้อง เรียนกรณีที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงไม่จำหน่ายน้ำมันให้กับประชาชนในช่วงที่มีการปรับราคาน้ำมันเบนซิน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2548 จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมัน ปตท. จำนวน 2 ราย และ Q8 จำนวน 1 ราย กระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันดังกล่าวพบว่า น้ำมันหมดจริง และได้มีการสั่งน้ำมันมาเพิ่มเติมในวันเดียวกันทำให้สามารถจำหน่ายได้ตามปกติ
|
||||||||||||||||||||||||
3562 | การเจรจาจำหน่ายลำไยอบแห้งปี 2546 - 2547 แลกเปลี่ยนรถจักรดีเซลไฟฟ้าจากจีน | พณ | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอผลการเจรจาจำหน่ายลำไย
อบแห้งปี 2546-2547 เพื่อแลกกับรถจักรดีเซลไฟฟ้าจากจีน โดยผลการเจรจาจีนตกลงที่จะซื้อลำไยอบแห้ง ปี 2546 และ 2547 รวมปริมาณ 56,794.68 ตัน แยกเป็น เกรด AA จำนวน 22,309.70 ตัน ในราคากิโล กรัมละ 41.50 บาท และเกรด A จำนวน 34,484.98 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 20 บาท รวมมูลค่า 1,615.55 ล้านบาท เพื่อแลกกับการขายรถจักรดีเซลไฟฟ้าของจีนในไทย ตามความต้องการของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย ทั้งนี้ ให้ชะลอการดำเนินการเรื่องนี้ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว และให้กระทรวงกลาโหมรับไปประสานกับ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องโดยด่วนเพื่อเจรจาจำหน่ายลำไยอบ แห้งปี 2546-2547 ดังกล่าวกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลจีนโดยแลกกับยุทโธปกรณ์ตามความต้องการของ กระทรวงกลาโหม ซึ่งหากผลการเจรจาต่อรองราคาจำหน่ายลำไยดังกล่าวได้รับราคาต่อหน่วยสูง และเป็น ประโยชน์คุ้มค่ากว่าราคาที่ได้มีการเจรจาไปแล้ว ให้ตกลงดำเนินการจำหน่ายลำไยอบแห้งปี 2546-2547 ไปตามความต้องการของกระทรวงกลาโหมได้ และหากสามารถเจรจาขายลำไยอบแห้งปี 2546-2547 เกรด B รวมไปด้วย โดยได้ราคาที่เหมาะสมคุ้มค่า ให้รวมจำหน่ายไปในคราวเดียวกัน แต่หากการเจรจาดังกล่าวไม่ บรรลุผลตามที่คาดหมายไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการจำหน่ายลำไยอบแห้งตามแนวทางเดิมต่อไป และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบการตรวจสอบปริมาณลำไยอบแห้ง ปี 2545 ให้ถูกต้องและดำเนินการทำลายทิ้งให้หมดโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดติดตามการดำเนินคดีตามกฎหมาย แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการจำหน่ายลำไยอบแห้งทั้งหมดอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3563 | การรับจำนำเมล็ดกาแฟ ฤดูการผลิตปี 2547/48 | พณ | 01/03/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการรับจำนำเมล็ดกาแฟ ฤดู
การผลิตปี 2547/48 ซึ่งองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ดำเนินการรับจำนำเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2547 ผลปรากฏว่า ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 ได้มีการรับจำนำจากเกษตรกร 14,020 ราย เป็นปริมาณรวม 35,811 ตัน และได้สั่งการให้ อคส. ชะลอการรับจำนำตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 พร้อม กับให้ตรวจสอบการรับจำนำในระยะที่ผ่านมาให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ผลการรับจำนำ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 มีปริมาณรวม 36,515 ตัน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ชะลอการรับจำนำเพื่อตรวจ สอบความถูกต้องของการรับจำนำในช่วงที่ผ่านมา อาจมีการชุมนุมเรียกร้องของเกษตรกรให้มีการรับจำนำ จึง มอบหมายให้กรมการค้าภายในประสานขอให้จังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ รับทราบเหตุผลความจำเป็นที่ต้องชะลอการรับจำนำอย่างทั่วถึงแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
3564 | การจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ตามที่
กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเห็นชอบในหลักการให้จังหวัดจันทบุรีเป็นตลาดกลางสินค้าเกษตรภาคตะวันออกเพื่อ สนับสนุนการค้าภายในประเทศ โดยให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดจุดที่ตั้งตลาดกลางให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าเกษตร จากจังหวัดตราด และระยอง ได้อย่างเหมาะสมด้วย และเห็นชอบในหลักการให้จังหวัดตราดเป็นศูนย์กลางการค้า (hub) เพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคอินโดจีน พร้อมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์ศึกษารายละเอียดร่วมกับกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิจารณาถึงระบบโลจิสติกส์ (logistics) และเส้นทางการขนส่งสินค้าทางเรือจากจังหวัดตราดไปยังเกาะฮ่องกง ซึ่งมีผู้เสนอแนะว่า จะใช้เวลา เพียงประมาณ 1 วันด้วย และให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้มีการจัดทำแผนงานและโครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตร ทั้งที่เป็นตลาดเพื่อการส่งออก และ ตลาดที่ตอบสนองความต้องการภายใน โดยให้มีรายละเอียดและกรอบระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน และเรียง ลำดับความสำคัญของการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์และระบบสนับสนุน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามโครง การ โดยเฉพาะในส่วนของข้อเสนอโครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัดตราดซึ่งยังขาดรายละเอียดและ ความชัดเจนในแบบแผนและแนวทางในการดำเนินธุรกิจ (Business Model) สภาพแวดล้อมและความเหมาะสม ของพื้นที่ตั้งตลาด รวมถึงความเชื่อมโยงไปสู่การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ไปประกอบการดำเนินการตามหลัก การดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
3565 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (การเปิดเขตการค้าเสรีด้านการค้าสินค้าระหว่างอาเซียน - จีน) | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการเปิดเขตการค้าเสรีด้าน
การค้าสินค้าระหว่างอาเซียน-จีน ซึ่งในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2547 ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยนายกรัฐมนตรีของไทยได้ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยการรวม กลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบการรวมกลุ่ม ทางเศรษฐกิจของอาเซียนและหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้ลงนามในพิธี สารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาของอาเซียน 11 ฉบับ พิธีสารว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาทของอาเซียน ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและ สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชา ชนจีน ทั้งนี้ ในการลงนามกรอบความตกลง ความตกลง และพิธีสารดังกล่าวไม่ได้มีการแก้ไขในรายละเอียด/ สาระสำคัญแต่ประการใด
|
||||||||||||||||||||||||
3566 | ยุทธศาสตร์การขยายตลาดผลไม้ไทย ปี 2548 | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานยุทธศาสตร์การขยายตลาดผลไม้ไทย
ปี พ.ศ. 2548 ซึ่งมีเป้าหมายการกระจายผลผลิตในประเทศและขยายการส่งออกเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2547 ร้อยละ 5 โดยยุทธศาสตร์การขยายตลาดผลไม้ไทย ปี พ.ศ. 2548 ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาประสิทธิ ภาพการผลิต เพื่อให้ได้ผลไม้ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน GAP ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอินทรีย์เพื่อเจาะ ตลาดใหม่ ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และผลักดันให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อ เพิ่มอำนาจการต่อรองกับผู้ค้า ด้านการขยายตลาดในประเทศ จะให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงกระจาย ผลผลิตเป็นหลักโดยเชื่อมโยงจากจังหวัดแหล่งผลิตไปยังจังหวัดบริโภคปลายทางทั่วประเทศ และด้านการ ขยายการส่งออกผลไม้ มุ่งส่งเสริมการขยายการส่งออกผลไม้ไปประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งจัดคณะผู้แทน การค้าไปเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้า และร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ ระยะเวลา ดำเนินการ ในแต่ละกิจกรรมเป็นไปตามฤดูกาลผลไม้ออกสู่ตลาด คือ ระหว่างเดือนเมษายน-พฤศจิกายน 2548 สำหรับงบประมาณดำเนินการประกอบด้วย เงินงบประมาณจังหวัด เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกร และเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
3567 | การกำกับดูแลคุณภาพและการตรวจสอบการปลอมปนสินค้ามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการกำกับดูแลการตรวจสอบมาตรฐาน
สินค้าข้าวหอมมะลิไทยของสำนักงานมาตรฐานสินค้า กรมการค้าต่างประเทศ พบว่า ในรอบปี 2547 สินค้า มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยที่ต้องปรับปรุงคุณภาพให้ถูกต้องจำนวน 29 ครั้ง ของผู้ส่งออก 19 ราย หรือร้อย ละ 12.0 ของจำนวนผู้ส่งออก 159 ราย และได้ดำเนินมาตรการกับผู้ที่ฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติมาตรฐาน สินค้าขาออก พ.ศ. 2503 โดยพักใช้ใบอนุญาตผู้ตรวจสอบ ฯ 6 ราย ทำทัณฑ์บนผู้ส่งออก 3 ราย ผู้ตรวจ สอบ ฯ 4 ราย และเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบ ฯ 1 ราย ส่วนกรณีที่มีการนำข้าวปทุมธานี 1 ปลอมปนเข้าไปในข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งออก ได้มีการตรวจสอบสายพันธุ์ข้าว (DNA) ในข้าวหอมมะลิไทยที่ ทำการสุ่มตรวจใน 100 ตัวอย่าง ในช่วงเดือนตุลาคม 2547-10 กุมภาพันธ์ 2548 มีเพียง 13 ตัวอย่าง หรือ ร้อยละ 13.0 ที่มีคุณภาพไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน และในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2548 ไม่พบตัวอย่าง ข้าวที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานเลย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมาตรการตรวจสอบดังกล่าวมีต้นทุนสูง กระทรวง พาณิชย์จึงได้ประสานกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ (BIOTEC) เพื่อหาแนวทางพัฒนากระบวน การตรวจสอบให้รวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำลง โดยสรุป การส่งออกข้าวหอมมะลิไทย ตั้งแต่ปี 2545-2547 มี ปริมาณ 1.4, 2.3 และ 2.2 ล้านเมตริกตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.5, 29.6 และ 22.2 ของปริมาณ การส่งออกข้าวทั้งหมด ตามลำดับ มีมูลค่า 18,087, 32,318 และ 35,829 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 26.9, 42.3 และ 32.5 ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||
3568 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ 2548 (7 - 11 กุมภาพันธ์ 2548) | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำ
สัปดาห์ที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ 2548 ตั้งแต่วันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2548 โดยความเคลื่อนไหวราคาสินค้าในช่วง สัปดาห์นี้มีดังนี้ สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ไข่ไก่ ราคาลดลงร้อยละ 1.82 ส่วนสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ไก่สด /ส้มเขียวหวาน/กล้วยหอม ราคาสูงขึ้นร้อยละ 7.14, 15.52 และ 33.38 ตามลำดับ และผักคะน้า/ผักบุ่ง/ผักชี ราคาสูงขึ้นร้อยละ 12.50, 32 และ 25 ตามลำดับ สำหรับการดำเนินงานของกรมการค้าภายใน ได้จัดงานเทศ กาลรณรงค์บริโภคอาหารทะเล "อาหารทะเลธงฟ้า สด ประหยัด ปลอดภัย" และจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาประหยัด ระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2548 ณ จังหวัดภูเก็ตและกระบี่เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความ มั่นใจในการบริโภคอาหารทะเลว่ามีความปลอดภัย รวมทั้งช่วยให้ชาวประมงและผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ประสบ ภัยสามารถจำหน่ายสัตว์น้ำและผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้นและช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3569 | การปรับปรุงการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยี (IT) เพื่อให้ผู้ส่งออกใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA | มท | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการส่งเสริมเพื่อให้มีการใช้
สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Area - FTA) กับประเทศต่าง ๆ โดยได้นำระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการให้บริการตรวจสอบรายการสินค้าภายใต้ความตกลง ฯ ผ่านทาง Web site และนำระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) ผ่านทาง Internet มาใช้ให้บริการตรวจสอบต้นทุนการผลิตสินค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 สำหรับการออกหนังสือรับรอง แหล่งกำเนิดสินค้า ได้ให้บริการในระบบดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 รวมทั้งได้ขยายการให้บริการ ไปยังหน่วยงานในส่วนภูมิภาค โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้ติดตั้งและเชื่อมโยงระบบงาน ฯ กับหน่วย งานในส่วนกลางไปแล้ว รวม 18 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จะดำเนินการเพิ่มเติมอีก 23 จังหวัด และปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 ได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการในจังหวัดที่เหลือให้ครบทุกจังหวัดทั่ว ประเทศ โดยเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจและเชิญชวนให้มีการใช้ สิทธิพิเศษ ฯ อย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลง ฯ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย และ ออสเตรเลีย จำนวนรวมทั้งสิ้น 19,508 ฉบับ มูลค่า 546.65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 21,785.01 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าการค้าของไทยกับประเทศดังกล่าวขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยหากการเจรจาจัดทำความตกลงเขตการ ค้าเสรีกับประเทศอื่น ๆ สำเร็จ จะทำให้มูลค่าการค้าสินค้าและบริการของไทยขยายตัวมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3570 | สถานการณ์การส่งออกไก่ปี 2547 | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์การส่งออกไก่ (ไก่สดและ
แปรรูป) ของไทย ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2547 โดยเปรียบเทียบกับการส่งออกในระยะเดียวกันของ ปี 2546 ดังนี้ ภาพรวมการส่งออกไก่ในปี 2547 ไทยส่งออกไก่ทั้งหมด 200,795 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 22,602 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 44 โดยการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง มีปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 93 แต่การส่งออกไก่แปรรูปมีปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 การส่งออกไก่แปร รูปไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 สหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และมูล ค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 371 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 232 การส่งออกไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง ไทยส่งออกไปทั้ง 3 ตลาดดังกล่าวเป็นปริมาณและมูลค่าลดลงระหว่างร้อยละ 89-94 การตรวจ รับรองโรงงาน โดยประเทศผู้นำเข้า กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งดำเนิน การให้ประเทศผู้นำเข้ามาตรวจโรงงานไก่ของไทยเพิ่มขึ้น เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น โดยตั้งแต่ เดือนมกราคม 2547 มีโรงงานไก่แปรรูปของไทยที่ผ่านการรับรองและสามารถส่งออกไปญี่ปุ่น รวม 33 โรงงาน เกาหลีใต้ รวม 23 โรงงาน ส่วนรัสเซียไทยยังไม่เคยส่งออกสินค้าไก่ไปยังรัสเซีย จึงได้เชิญคณะ เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์รัสเซียมารวบรวมข้อมูลด้านสุขอนามัยและการควบคุมโรคเพื่อประกอบการพิจารณา เปิดตลาดให้ไทย ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม-7 กุมภาพันธ์ 2548 และสหภาพยุโรปจะส่งคณะเจ้าหน้า ที่สัตวแพทย์มาสุ่มตรวจโรงงานไก่แปรรูปของไทยที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ในระหว่างวันที่ 21 กุมภา พันธ์-3 มีนาคม 2548 ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามปกติทุก ๆ 3 ปี จากการตรวจรับรองโรงงานและ พิจารณาเปิดตลาดของประเทศผู้นำเข้า ทำให้สินค้าไก่ของไทยมีโอกาสขยายการส่งออกมากขึ้น คาดว่า การส่งออกไก่แปรรูปในปี 2548 จะขยายตัวจากปี 2547 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และจะสามารถส่งออก ได้ไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน มูลค่าประมาณ 33,000 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3571 | รายงานสถานการณ์การรับจำนำข้าวเปลือกและมันสำปะหลัง | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์การรับจำนำข้าวเปลือกและ
มันสำปะหลัง สิ้นสุด ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 ดังนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี ปีการผลิต 2547/2548 ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 มีโรงสีเข้าร่วม โครงการ ฯ 797 โรง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ฯ รวม 350,987 ราย ปริมาณข้าวเปลือกรับจำนำตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2546 ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 มีทั้งสิ้น 3,455,595 ตัน และได้ระบายข้าวในสต๊อก ของรัฐบาลเป็นระยะ ๆ ในช่วงที่ยังไม่มีผลผลิตฤดูกาลใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อมิให้กระทบกับระดับราคาภายใน ประเทศ ส่งผลให้การส่งออกข้าวในปี 2547 สูงกว่า 10.14 ตัน มูลค่า 110,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 33.4 และ 44.5 ตามลำดับ สำหรับความคืบหน้าโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2547/ 2548 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 เมษายน 2548 โดยเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 ได้อนุมัติขายมันเส้น ที่ได้จากการแปรสภาพหัวมันสดที่รับจำนำตามโครงการ ฯ จำนวน 210,000 ตัน ในราคา 4,220 บาทต่อ ตัน มูลค่า 886.20 ล้านบาท ให้ผู้ชนะการประมูลคือ บริษัท เยเนอรัลมิลล์ จำกัด เป็นการล่วงหน้า และองค์ การคลังสินค้าได้รับจำนำหัวมันสดจากเกษตรกร 2,866 ราย มีปริมาณหัวมันสดที่เข้าโครงการ ฯ จำนวน 86,200.84 ตัน แปรสภาพเป็นมันเส้นได้จำนวน 36,217.41 ตัน เพื่อส่งมอบให้กับผู้ชนะการประมูล โดย สาเหตุที่เกษตรกรนำหัวมันสดไปจำนำกับกระทรวงพาณิชย์น้อยเนื่องจากการดำเนินกลยุทธ์การตลาดของ กระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดราคารับจำนำหัวมันสดเพื่อเป็นราคานำตลาดไว้สูงถึงกิโลกรัมละ 1.50 บาท อีก ทั้งได้ขายมันเส้นที่แปรสภาพจากหัวมันที่รับจำนำเป็นการล่วงหน้าในราคาสูงถึงตันละ 4,220 บาท ทำให้ ราคาหัวมันสดโดยทั่วไปในท้องตลาดขยับตัวสูงขึ้น และทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรจึงไม่ จำเป็นต้องนำหัวมันสดไปจำนำตามโครงการ ฯ เนื่องจากขายได้ในราคาที่พอใจ
|
||||||||||||||||||||||||
3572 | การดำเนินการกับโรงสีและท่าข้าวที่มีพฤติกรรมกระทำความผิด | พณ | 22/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการกับโรงสีและท่าข้าว
ที่มีพฤติกรรมกระทำความผิด โดยคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 (คณะกรรมการ ป.ก.ข.) ได้พิจารณากำหนดประเภทของผู้ประกอบการค้าข้าว และให้ผู้ประกอบ การค้าข้าวขออนุญาต โดยให้เพิ่มประเภทผู้ประกอบการค้าข้าวจากเดิมที่กำหนดไว้ 7 ประเภท (ค้าข้าว ส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ สีข้าว ซื้อขาย โดยมียุ้งฉาง ขายส่ง ขายปลีก เรือข้าว และค้าเร่) เพิ่มเป็น 8 ประเภท คือ ท่าข้าว รวมทั้งกำหนดความหมายของผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทท่าข้าว กำหนดให้ ผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทท่าข้าวต้องขออนุญาตประกอบการค้าข้าวเพิ่มเติม กำหนดเงื่อนไขในหนัง สืออนุญาตให้ผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทสีข้าวและท่าข้าวต้องปฏิบัติ กำหนดระยะเวลาในการเพิกถอน หนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวแก่ผู้ค้าข้าวประเภทสีข้าวและท่าข้าวที่กระทำความผิด สำหรับการ ดำเนินการดูแลให้ความเป็นธรรมกับเกษตรกร ได้มีหนังสือขอความร่วมมือจังหวัดกำกับดูแลให้ความเป็น ธรรมในการจำนำและ/หรือซื้อขายข้าวเปลือกของเกษตรกรโดยให้สอดส่องดูแลพฤติกรรมของโรงสี หาก โรงสีมีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร ให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เข้มงวดกวดขันมิให้มีการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในการจำนำ และ/หรือซื้อขาย ข้าวเปลือกของเกษตรกรตลอดมา โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 ถึงมกราคม 2548 ได้ตรวจสอบโรงสี และสถานที่รับซื้อสินค้าเกษตรกรจำนวน 2,137 ราย เครื่องชั่ง 2,240 เครื่อง เครื่องถูกต้อง 2,032 เครื่อง เครื่องผิดตามสภาพการใช้งานไม่ได้มีเจตนาทุจริต ได้ดำเนินการผู้บัตรห้ามใช้และสั่งแก้ไขให้ถูก ต้อง 207 เครื่อง เครื่องผิดมีเจตนาทุจริต 1 เครื่อง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
3573 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จำนวน 14 ราย) | พณ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ได้แก่ นายชวลิต อัตถศาสตร์ คุณหญิงประไพศรี พิทักษ์ไพรวัน นางศิรินันท์ ศันสนาคม นายชิงชัย หาญเจนลักษณ์ นางสมใจ วิชัยดิษฐ์ และนายนำชัย วิทยา วงศ์วณิช ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ได้แก่ นายสมเจตน์ ประทุมมินทร์ นายสุวิทย์ วิบูลย์เศรษฐ์ นายสิริวัฒน์ วงษ์ศิริ นางเครือพันธุ์ ศรีสุพรรณ นายอำพัน กิจงาม นายพิศิษฐ์ สุขวัฒนานนท์ นางสาวศิริพรรณ ทวีสุข และ นายเสน่ห์ นิยมไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (15 กุมภาพันธ์ 2548) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
3574 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือนมกราคม 2548 (24 - 28 มกราคม 2548) | พณ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือนมกราคม 2548 ตั้งแต่วันที่ 24-28 มกราคม 2548 โดยแนวโน้มราคาสินค้าใน ช่วงสัปดาห์นี้ ราคาสุกรชำแหละ และไก่สดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน สำหรับความเคลื่อนไหวราคาสินค้า มีดังนี้ สินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ปุ๋ยเคมี (46-0-0) ราคาลดลง ร้อยละ 4.07 ส่วนสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 91 และ 95 ราคาสูงขึ้นร้อยละ 2.16 และ 2.07 ตามลำดับ เม็ดพลาสติก ราคาสูงขึ้นร้อยละ 4.17-6.25 ไก่สดและไข่ไก่ ราคาสูงขึ้นร้อย ละ 2 และ 1.85 ตามลำดับ ส้มเขียวหวาน ราคาสูงขึ้นร้อยละ 7.84 นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่มีการเปลี่ยน แปลงตามภาวะการแข่งขันและกลยุทธ์การขายในระยะสั้น เช่น น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย ผง ซักฟอก และแชมพู เป็นต้น รวมทั้งได้จัดหน่วยบริการตรวจสอบความเที่ยงตรงเครื่องชั่งตามตลาดสดใน เขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ประจำปี พ.ศ. 2548 เพื่อให้การรับรองเครื่องชั่งที่มีความเที่ยงตรงและคุ้ม ครองผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบในด้านน้ำหนักสินค้า โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม-14 พฤษภาคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3575 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ห้ามนำตู้เย็นประเภทที่ใช้ในบ้านเรือน ตู้ทำน้ำเย็น ตู้แช่ ตู้แช่แข็ง ที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีการใช้สาร ซี เอฟ ซี (Chlorofluorocarbons : CFCs) เข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
ห้ามนำตู้เย็นประเภทที่ใช้ในบ้านเรือน ตู้ทำน้ำเย็น ตู้แช่ ตู้แช่แข็ง ที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีการใช้สาร ซี เอฟ ซี (Chlorofluorocarbons : CFCs) เข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ ตู้เย็นประเภทที่ใช้ในบ้านเรือน ตู้น้ำเย็น ตู้แช่ ตู้แช่แข็ง ที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีการใช้สาร ซี เอฟ ซี (Chlorofluorocarbons : CFCs) ในกระบวนการผลิต หรือใช้เป็นสารทำความเย็น ตามพิกัดอัตราศุลกากร ขาเข้าประเภทที่ 84.18 เป็นสินค้าต้องห้ามในการเข้ามาในราชอาณาจักร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3576 | ผลการประชุมรัฐมนตรีสมาชิก WTO กลุ่มย่อยที่เมืองดาวอส | พณ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีสมาชิก WTO กลุ่มย่อย
ในวันที่ 29 มกราคม 2548 ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุม ฯ ดังกล่าว โดยการประชุมในครั้งนี้ประ กอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีกลุ่ม G20 มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแผนการทำงานของ กลุ่ม และการจัดประชุมรัฐมนตรีกลุ่ม G20 ที่อินเดียซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2548 โดยผลการหารือ กลุ่ม ฯ เห็นว่าการเจรจาเกษตรไม่ได้คืบหน้าไปเร็วกว่าการเจรจาเรื่องอื่นๆ และยังมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมกันผลักดัน การเจรจาให้คืบหน้าต่อไป และต้องการให้ทุกประเทศได้รับประโยชน์จากการเจรจาการเปิดเสรีเกษตร โดย สร้างความเข้าใจกับสมาชิกนอกกลุ่ม เช่น สหรัฐ ฯ สหภาพยุโรป G33 และกลุ่มอัฟริกา เป็นต้น อย่างสม่ำเสมอ ควรใช้เวทีการประชุมที่อินเดีย หารือประเด็นด้านเทคนิค เช่น สูตรการลดภาษี การกำหนดวันสิ้นสุดการ อุดหนุนส่งออก เป็นต้น และสมาชิกไม่ขัดข้องหากจะมีการขยายขอบเขตการหารือไปยังการเจรจาเรื่องอื่น ๆ เช่น บริการ การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ไทยได้เรียกร้องให้กลุ่ม ฯ ใช้โอกาสในการ ประชุมให้ระดับรัฐมนตรีสั่งการให้ระดับเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาด้านเทคนิคอย่างใจกว้างและจริงใจเพื่อให้การเจรจา คืบหน้าได้ ส่วนการประชุมสมาชิก WTO กลุ่มย่อย มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความ คืบหน้าการเจรจารอบโดฮา และวางแผนการดำเนินงานในปี 2548 โดยผลการหารือดังกล่าว ที่ประชุมเห็นว่า ควรต้องเร่งผลักดันให้การเจรจาคืบหน้า โดยผลการเจรจาที่ฮ่องกงจะต้องมีความสมดุล ครอบคลุมในทุกเรื่อง ที่สำคัญ และจะต้องมีเรื่อง Gls หรือการขยายความคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไปยังสินค้าอื่นที่นอกเหนือ จากไวน์และสุรา ไม่เช่นนั้นสหภาพยุโรป ฯ จะรับการเจรจาไม่ได้ ส่วนการหารือกับญี่ปุ่น ผลการหารือต่างก็ เห็นพ้องกันว่า การประชุมที่ฮ่องกงควรมีผลคืบหน้าการเจรจา WTO อย่างเป็นรูปธรรม การหารือกับบราซิล เอกอัครราชทูตบราซิลได้ขอเสียงสนับสนุนจากไทยในโอกาสที่นาย Luiz Felipe de Seixas Correa สมัครเข้า ชิงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ WTO จากผลการหารือในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมย์ร่วมกันของหลายประ เทศที่จะให้การประชุมระดับรัฐมนตรี WTO เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม และต้องการให้ระดับรัฐมนตรีเข้ามามี ส่วนร่วมกำหนดทิศทางและให้ข้อเสนอแนะแก่ระดับเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจติดขัดในการเจรจาระดับเทคนิคเพื่อผลัก ดันให้การเจรจาคืบหน้าได้
|
||||||||||||||||||||||||
3577 | ผลการตรวจรับรองโรงงานไก่แปรรูปเพื่อส่งออกไปเกาหลีใต้ | พณ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการตรวจรับรองโรงงานไก่แปรรูปเพื่อ
ส่งออกไปเกาหลีใต้ โดยผลการตรวจรับรองของผู้เชี่ยวชาญที่สำนักงานสุขอนามัยสัตว์ของเกาหลีใต้ (National Veterinary Research and Quarantine Service-NVRQS) จัดส่งมาตรวจโรงงานไก่แปรรูปของไทยเพิ่มเติมอีก 22 โรงงาน ระหว่างวันที่ 9-16 ธันวาคม 2547 จากที่เคยมาตรวจสอบเมื่อเดือนเมษายน 2547 จำนวน 9 โรงงานและได้ให้การรับรองไปแล้ว 7 โรงงาน นั้น โดยในครั้งนี้มีโรงงานที่ผ่านการตรวจรับรองดังกล่าวจาก NVRQS แล้วเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2548 รวม 19 โรงงาน (โดยมี 3 โรงงานเป็นโรงงานที่เคยผ่านการรับรอง แล้วเมื่อเดือนเมษายน 2547 และได้รับการตรวจซ้ำ) และไม่ผ่านการรับรองและต้องปรับปรุง 3 โรงงาน ทำ ให้ปัจจุบันมีโรงงานไก่แปรรูปของไทยที่ได้รับการรับรองให้ส่งออกไปยังเกาหลีใต้ได้ รวมทั้งสิ้น 23 โรงงาน สำหรับการส่งออกไก่แปรรูปของไทยไปยังตลาดเกาหลีใต้ ในปี พ.ศ. 2548 มีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่อง จากมีโรงงานที่ได้รับการรับรองเพิ่มเติมอีก 16 โรงงานในครั้งนี้
|
||||||||||||||||||||||||
3578 | สรุปสถานการณ์และความก้าวหน้าในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนก (25 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ 2548) | สธ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานคณะกรรม
การพิจารณาแก้ไขสถานการณ์โรคไข้หวัดนกรายงานสรุปสถานการณ์และความก้าวหน้าในการดำเนินงานแก้ ไขปัญหาโรคไข้หวัดนก ระหว่างวันที่ 25 มกราคม-10 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปดังนี้ สถานการณ์โรคไข้หวัดนก ในประเทศต่าง ๆ ในส่วนของประเทศเวียดนามมีผู้ป่วยยืนยันว่าติดโรคไข้หวัดนกชนิด H5 N1 จำนวน 37 ราย และได้เสียชีวิตไปแล้ว 29 ราย ประเทศกัมพูชา มีการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิด H5 N1 ที่จังหวัด kandal ได้ทำลายไก่ไปแล้วกว่า 100 ตัว และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการพบโรคไข้หวัดนกชนิด H3 N2 ในไก่งวง ในรัฐนอร์ท คาโรไลนา ส่วนประเทศไทยยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ ส่วนในสัตว์ปีกจาก การ x-ray ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมีพื้นที่พบเชื้อไข้หวัดนกและเฝ้าระวังยังไม่ครบ 21 วัน รวม 14 จุด ในจังหวัด พิษณุโลก พิจิตร และสุพรรณบุรี สำหรับความก้าวหน้าในการดำเนินงานขณะนี้ยังคงเกิดการระบาดของโรค ไข้หวัดนกอย่างรุนแรงในประเทศเวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งอาจระบาดถึงประเทศลาว ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดเข้มงวดเรื่องการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเข้าออกราชอาณาจักร โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อ กับชายแดนประเทศลาว และกัมพูชา ให้คณะทำงานพัฒนายุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนกจัดทำแผน ปฏิบัติการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ คาดว่า จะแล้วเสร็จประมาณเดือน กุมภาพันธ์ 2548 ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาเป็ดไล่ทุ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการแพร่ระบาดของโรคไข้ หวัดนกในปัจจุบัน มีการจดทะเบียนการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง ทั้งสิ้น 4,276 ฝูง จำนวน 13,189,617 ตัว มีการ ทำลายเป็ดไปแล้ว จำนวน 1,322,695 ตัว ย้ายเข้าโรงฆ่าจำนวน 615,160 ตัว และย้ายเข้าฟาร์มจำนวน 544,914 ตัว คงเหลือเป็ดและห่านที่ยังคงเลี้ยงในระบบไล่ทุ่ง จำนวน10,706,847 ตัว ใน 34 จังหวัด ดังนั้น เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาเป็ดไล่ทุ่ง ให้กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบรับจำนำเป็ดไล่ทุ่งในราคาร้อยละ 80 ของ ราคาที่จำหน่ายได้หรือเป็ดไข่ตัวละ 120 บาท และเป็ดแก่ตัวละ 40 บาท ทั้งนี้ จากการดำเนินการดังกล่าว แล้ว ทำให้เหลือเป็ดที่มีขนาดเล็กไม่สามารถแปรรูปเพื่อบริโภค จำนวน 2.7 ล้านตัว คณะกรรมการ ฯ เห็น ชอบให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการทำลายเป็ดเล็กและเป็ดรุ่นดังกล่าวโดยใช้เงินงบกลางปี 2548 รายการค่าใช้ จ่ายเพื่อกรณีฉุนเฉินหรือจำเป็น รวมเป็นเงิน 216 ล้านบาท และเพื่อให้การกำหนดแนวทางในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นาย จาตุรนต์ ฉายแสง) ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าพบและรายงานสรุปภาพรวมทั้งหมดเกี่ยวกับ แนวทางการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
3579 | ความคืบหน้าการจำหน่ายข้าวสารจำนวน 1.7 ล้านต้น | พณ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการจำหน่ายข้าวสาร
จำนวน 1.7 ล้านตัน สรุปดังนี้ ด้านการรับมอบบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ได้จัดทำสัญญา ซื้อขายข้าวสาร ตามที่ได้รับอนุมัติจำหน่ายจากรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวปริมาณรวมทั้งสิ้น 1,688,800.07 ตัน บริษัท ฯ ได้ชำระเงินและรับมอบข้าวสารตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2547 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ปริมาณรวมทั้งสิ้น 1,062,817.162 ตัน คงเหลือข้าวสารที่ค้างรับมอบตามสัญญา ฯ อีกจำนวน 615,793.980 ตัน จำนวนที่ค้างรับดังกล่าวมีข้าวสารที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติอายัดไว้จำนวน 1,011 ตัน ส่วนด้านการส่งออกบริษัท ฯ นำหลักฐานส่งออกมาแสดง ต่อองค์การคลังสินค้าเพื่อพิสูจน์การส่งออกข้าวสารปริมาณรวม 590,206.50 ตัน หลักฐานดังกล่าวเป็น การส่งออกในเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม 2547 สำหรับข้าวที่รับมอบเพิ่มเติมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2548 บริษัท ฯ ยังมีเวลาแสดงหลักฐานส่งออกถึงเดือนเมษายน 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3580 | การตรวจโรงงานไก่เพื่อส่งออกไปรัสเซียโดยการจัดทำความตกลงการค้าต่างตอบแทน | พณ | 15/02/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปผลการตรวจโรงงานไก่เพื่อส่งออกไปรัสเซีย
โดยการจัดทำความตกลงการค้าต่างตอบแทน สรุปดังนี้ ทางการรัสเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ พร้อมด้วยผู้แทน หน่วยงาน Rosoboronexport ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการเจรจาการค้าต่างตอบแทนของรัสเซีย มาตรวจ สอบและรวบรวมข้อมูลด้านสุขอนามัยและระบบควบคุมโรคในไก่ของไทย พร้อมหารือกรมปศุสัตว์และเยี่ยมชมโรง งานจำนวน 4 โรงงาน เสร็จเรียบร้อยแล้วโดยยังไม่ตรวจรับรอง โดยฝ่ายรัสเซียแสดงความประทับใจที่ฝ่ายไทยให้ ความร่วมมือเป็นอย่างดีเยี่ยมในการเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง และเห็นว่า ฟาร์มไก่เนื้อ โรงชำแหละและโรงงานแปรรูป มีระบบป้องกัน/ควบคุมโรคที่ดี ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ทางรัสเซียได้ให้คำแนะนำในประเด็น ต่าง ๆ เช่น การจัดการกับผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการแปรรูป เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค และการจัดเส้นทาง ขนส่งไก่เป็นเข้าสู่โรงชำแหละ ไม่ให้อยู่ใกล้กับเส้นทางการขนส่งผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ผ่านการบรรจุแล้ว และเห็นว่า ห้องปฏิบัติการทดลองของกรมปศุสัตว์ทุกแห่งมีอุปกรณ์ที่ดี ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ฝ่ายรัสเซียแสดงความพึงพอใจ ในภาพรวมของระบบการควบคุมโรคของกรมปศุสัตว์ ได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมปศุสัตว์ในหลายประเด็น เช่น สถานการณ์โรคไข้หวัดนก โรคสำคัญในสัตว์ที่มีการเฝ้าระวังในประเทศไทย แผนการใช้วัคซีนของกรมปศุสัตว์ และฟาร์มเอกชน รวมถึงข้อมูลการควบคุมโรคในสัตว์อื่นนอกเหนือจากไก่ เป็นต้น ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์จะจัดส่งข้อมูล ที่ฝ่ายรัสเซียต้องการให้โดยเร็ว นอกจากนี้ ฝ่ายรัสเซียพึงพอใจที่มีด่านตรวจและกักกันสัตว์หลายจุดบนถนนสาย หลักของไทยซึ่งมีวัตถุประสงค์ควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้เป็นไปตามกฎหมาย ในการนี้ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ มีความเห็นว่า ในภาพรวม คณะเจ้าหน้าที่รัสเซียมีความพึงพอใจในระบบการควบคุมโรคในไก่ของกรมปศุสัตว์ และ ระบบสุขอนามัย และมาตรฐานการผลิตของฟาร์ม และโรงงานไก่ของไทย โดยฝ่ายรัสเซียจะรายงานข้อมูลที่รวบ รวมได้ต่อฝ่ายนโยบายของรัสเซียอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งน่าจะมีแนวโน้มสูงที่ทางการรัสเซียจะตัดสินใจส่งคณะ เจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานอีกครั้งโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ฯ ณ กรุงมอสโก จะได้ติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป
|
.....