ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 74 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1461 - 1480 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1461 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปรามศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | คค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน
เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช
แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด
แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค
แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต
แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน
แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง
เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน
แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์
แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย
แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง
เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี
แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง
เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนและกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
(โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย)
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
และเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม ที่เห็นควรคำถึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับโบราณสถาน
ทั้งที่ตั้งอยู่เหนือพื้นดินและใต้ดินหรือใกล้เคียงกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม
รวมทั้งต้องคำนึงถึงผลกระทบของการดำเนินการในเขตกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง ๔ เขต ได้แก่
กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก พื้นที่ฝั่งตรงข้ามบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์
และพื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีโบราณสถานสำคัญตั้งอยู่อย่างหนาแน่น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1462 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... | วธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกของภาครัฐในการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์
เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคมและบทบัญญัติมาตรา ๗o ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่บัญญัติให้รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทย กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ
ให้มีสิทธิดำรงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี
และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุข ไม่ถูกรบกวน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ทำหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัติฯ ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม
และปฏิบัติหน้าที่เลขานุการร่วมในคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
ในการดำเนินการจัดทำธรรมนูญของพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
แผนที่หรือการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรอบคอบ
รวมถึงการกำหนดให้กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพยากรธรรมชาตินั้น
มีความสอดคล้องหรือขัดแย้งกับกฎหมายฉบับอื่นอย่างไรหรือไม่ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกินสมควร
การกำหนดชื่อและสาระให้ตรงกับหลักการด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตฯ
ในพื้นที่ที่มีกฎหมายเฉพาะ และความจำเป็นของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น อาจพิจารณาจัดการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อวางแนวทางให้การดำเนินงานของกลไกต่าง
ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
การกำหนดและทบทวนกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนให้มีขนาดที่เหมาะสม) ซึ่งได้เห็นชอบแนวทางการกำหนดและทบทวนกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนให้มีขนาดที่เหมาะสม
โดยให้ตรึงกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้มีกรรมการที่เป็นผู้แทนหน่วยงานของรัฐเพิ่มเติม
ได้แก่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการเพิ่มเติม
และให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นกรรมการโดยตำแหน่งเพิ่มเติม รวมทั้งควรกำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ
และวิธีการสรรหาให้มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับได้ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1463 | ร่างกฎกระทรวงการคืนหรือการชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน พ.ศ. .... | ปปง. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการคืนหรือการชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1464 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรชาติ เทียนทอง) | สธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุรชาติ เทียนทอง เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1465 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ระหว่างไทยกับกัมพูชา | มท. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเห็นชอบ (ร่าง)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน
ระหว่างไทยกับกัมพูชา และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับดังกล่าว โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญของความร่วมมือทางวิซาการ
ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล การแจ้งเตือนภัยพิบัติ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์ที่ทันสมัย
การปรับปรุงกลไกในการแบ่งปันข้อมูล การจัดตั้งกลไกการสื่อสารและประสานงาน
การจัดตั้งระบบสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ
ระบบพิเศษที่ตั้งขึ้นล่วงหน้าและแผนฉุกเฉิน การฝึกซ้อมแผนรับมือเหตุฉุกเฉินจากภัยพิบัติ
และการเยือนระหว่างทั้งสองประเทศ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน
ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนที่สุด ที่ กต ๐๘๐๕/๗๙๓ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม
๒๕๖๖ ที่เห็นควรพิจารณาเสนอร่างเอกสารดังกล่าว ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๔ (๗) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1466 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล) | กค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายคริปโทเคอร์เรนซี
(Cryptocurrency) ที่กระทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
(Exchange) และขยายการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้รวมถึงนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
(Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) ด้วย และปรับปรุงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับโทเคนดิจิทัล (Token
Digital) ในประเภทของโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility
Token) โดยให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่ได้กระทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเท่าเทียมกัน (เดิมยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น)
รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการโอนขายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1467 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และเห็นชอบแผนการดำเนินงาน
งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
วงเงินงบประมาณรายจ่าย ๑,๐๙๕.๑๖๒ ล้านบาท และประมาณการรายได้
๑,๐๙๕.๔๖๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามความในมาตรา ๔๑
แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนมาก ที่ นร ๑๑๐๖/๖๒๒๖ ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๖) ที่เห็นว่าในการดำเนินการขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
และให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรายงานผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการตามแผนฯ
ให้สอดคล้องตามตัวชี้วัดและเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนย่อย
ในแต่ละระดับตามที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนการดำเนินงานฯ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และแผนดำเนินงานฯ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินแผนงาน/โครงการ
ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy
Transition) อาทิ โครงการพัฒนากฎระเบียบการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อรองรับการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
และเทคโนโลยีพลิกโฉม (Disruptive Technology) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1468 | มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2566/2567 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2567 | นร.14 | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบรับทราบมาตรการรองรับฤดูแล้ง
ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ (๙ มาตรการ)
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง
ปี ๒๕๖๗ มอบหมายหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว โดยรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ
พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และสำนักงบประมาณ โดยขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดด้วย ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยินดีให้การสนับสนุนและเร่งรัดดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง และควรให้ความสำคัญ
พร้อมทั้งเน้นย้ำหน่วยงานที่รับผิดชอบแผนงาน/โครงการให้ตรวจสอบแผนงาน/โครงการที่เสนอกับแผนงาน/โครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และสอดรับกับความต้องการของประชาชนกลุ่มผู้ใช้น้ำ
รวมทั้ง ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่และโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
เพื่อให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ตรงตามความต้องการและทันต่อสถานการณ์
รวมทั้งนำผลการดำเนินการ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการต่าง ๆ ตามมาตรการรองรับฤดูแล้งในปีที่ผ่านมา
มาใช้ประกอบการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1469 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | อว. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ขอให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือในสาขาวิชาการ วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ระหว่างสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความเสมอภาค ผลประโยชน์ร่วมกันและความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-กัมพูชา
โดยเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่มีอยู่ของแต่ละประเทศ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1470 | นายกรัฐมนตรีลาป่วยระหว่างวันที่ 31 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2567 | สลค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่านายกรัฐมนตรีลาป่วย
ระหว่างวันที่ ๓๑ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ รวม ๒ วัน ทั้งนี้
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1471 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | คค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี
จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๒๙ ทางสายตาคลี-หนองหลวง ตอนตาคลี-หนองหลวง ที่
กม. ๑๑+๓๔๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1472 | ผลการประชุมระดับสูงในห้วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี ค.ศ. 2023 | กต. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมระดับสูงในห้วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๓ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่
๑๑-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ภายใต้หัวข้อหลัก
คือ “การสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนสำหรับทุกคน” (Creating a Resilient and Sustainable Future for
All) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าตามตารางติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคและการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๓ โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความเชื่อมโยง
ผ่านการสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าและการลงทุนที่เอื้ออำนวย การปรับใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ภัยพิบัติและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนการเสริมสร้างความครอบคลุม
โดยมุ่งเน้นการผลักดันความเท่าเทียมทางเพศ
ส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของกลุ่มต่าง ๆ
ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของไทยเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นการต่างประเทศ มุ่งเน้นการสนับสนุนให้ไทยสามารถเชื่อมโยงกับภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ
ส่งเสริมความร่วมมือกับมิตรประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสและลดอุปสรรคทางเศรษฐกิจของไทย ตลอดจนสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ ในหมุดหมายที่ ๕ ที่มุ่งเน้นให้ไทยเป็นประตูการค้า การลงทุน
และยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานตามที่มอบหมายดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์และประโยชน์ที่มีต่อประเทศไทยให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบ
ทั้งนี้ สำนักงานฯ ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักในคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค
จะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของรายการงานทบทวนระยะกลาง
การยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค
โดยจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความก้าวหน้า
ตลอดจนสนับสนุนการดำเนินงานในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1473 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | กค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
เฉพาะการอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) และเห็นชอบในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม ทั้งนี้ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง
จะดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือแสดงเจตนารมณ์ในการยินยอมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม
เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญกำหนดให้คู่ภาคีจะต้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน
โดยไม่ให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนของการผ่านแดน โดยสินค้าผ่านแดนนั้น
เป็นของที่ไม่ต้องชำระอากรหากได้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่มีการผ่านแดนอย่างครบถ้วน
แต่ประเทศภาคีสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาระที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง
หรือค่าบริการอื่น ๆ ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1474 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญ | สว. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแจ้งว่า
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กับคณะ รวม ๙๖ คน ได้เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๓ นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภา
ในวันจันทร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ จึงได้ลงมติ ๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภารับไปประสานประธานวุฒิสภาเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1475 | แนวทางเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี ๒๕๖๗ และกลไกการบริหารจัดการ)
เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM ปี ๒๕๖๗
และกลไกการบริหารจัดการ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
รวมทั้งรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ นั้น
จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และสั่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พบว่า
ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ยังคงอยู่ในระดับที่สูงและส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับแนวทางเพิ่มเติมในเรื่องต่าง
ๆ ไปพิจารณาดำเนินการเพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น ดังนี้ ๑. การตัดสิทธิในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ (Negative Incentive) ๑.๑
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากวิธีการเผาแปลงเพาะปลูกไปใช้วิธีอื่น
เช่น การไถกลบตอซัง และให้พิจารณาตัดสิทธิการได้รับความช่วยเหลือชดเชยต่าง ๆ จากภาครัฐสำหรับเกษตรกรที่ไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าว ๑.๒
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา ๒. การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด (Law Enforcement) ๒.๑
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุขบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด
เช่น ๒.๑.๑
ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกประกาศเขตห้ามเผา โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
พ.ศ. ๒๕๕๐ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว ๒.๑.๒
ให้กระทรวงมหาดไทยบังคับใช้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ในกรณีการเผาที่เป็นเหตุรำคาญ ๒.๒
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกัน ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเผาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด ๒.๓
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลไม่ให้มีการเผาหรือการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเผาในพื้นที่ความรับผิดชอบ
รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทางกฎหมายกับข้าราชการทุกระดับที่ปล่อยปะละเลยให้มีการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. การสนับสนุนเชิงรุก (Proactive Campaign) ๓.๑
ให้กรมประชาสัมพันธ์และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
ดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของรัฐบาล
เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา ๓.๒
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้คำแนะนำและสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับวิธีการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยไม่เผาให้ชัดเจนและทั่วถึง
เช่น การไถกลบตอซัง การแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นพลังงานทดแทน
รวมทั้งผลเสียของการเผา ๓.๓
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการและกำหนดมาตรการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้มีการรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อนำมาแปรรูป
อันจะเป็นการลดการเผาต่อไป ๓.๔ ให้กระทรวงกลาโหมจัดกำลังพลและอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการขนส่งเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากพื้นที่การเกษตรไปยังโรงงานแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นพลังงานและปุ๋ย ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนนำแนวทางเพิ่มเติมทั้ง ๓
ข้อดังกล่าวข้างต้นไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
และจัดทำเป็นมาตรการที่ครบถ้วนและชัดเจนมากยิ่งขึ้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1476 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด และตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.12 | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด
และตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ซึ่งส่วนราชการ : มุ่งเน้นการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล
ยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓
แผนงานบูรณาการ การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และดัชนีชี้วัดสากล
(International KPIs) โดยให้กระทรวงมีบทบาทหลักเป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของกระทรวงและส่วนราชการในสังกัดกระทรวง
ผ่านกลไกคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการระดับกระทรวง จังหวัด
: มุ่งเน้นการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายระดับชาติและนโยบายสำคัญของรัฐบาลเช่นเดียวกับส่วนราชการ
รวมถึงนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย โดยให้ กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทหลักในการพิจารณาความเหมาะสมของตัวชี้วัด
น้ำหนักและค่าเป้าหมาย
รวมทั้งติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของจังหวัดผ่านกลไกคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของจังหวัด
และตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) โดยกำหนดประเด็นนโยบายสำคัญ
(Agenda) ที่จะขับเคลื่อนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๕
ประเด็น ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการและอนุรักษ์ฟื้นฟูน้ำทั้งระบบ (๒)
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (๓) รายได้จากการท่องเที่ยว (๔)
รายได้ของผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP และ
(๕) การลดปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ที่มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท
และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓
เพื่อขับเคลื่อนการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการ จังหวัด
องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่น ๆ
โดยมีการถ่ายทอดเป้าหมายจากระดับประเทศลงสู่ระดับหน่วยงานที่รับผิดชอบขับเคลื่อนการดำเนินงาน
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1477 | การแก้ไขปัญหาการครอบครองอาวุธปืนและการทบทวนหลักเกณฑ์และความจำเป็นเหมาะสมของโครงการอาวุธปืนสวัสดิการ | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖)
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการต่าง
ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืน
รวมทั้งเร่งศึกษามาตรการหรือแนวทางการกำกับดูแล
ควบคุมการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มเติมให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นั้น
โดยที่ปัจจุบันยังมีเหตุการณ์รุนแรงจากการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายและความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในสังคมเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สามารถลดจำนวนอาวุธปืน
สิ่งเทียมอาวุธปืน และอาวุธอื่น ๆ
ที่อาจนำมาใช้ก่อความรุนแรงและเพิ่มความปลอดภัยในสังคมได้ต่อไป
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.
ให้พิจารณากำหนดมาตรการเพื่อดำเนินการให้ผู้ครอบครองอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน และอาวุธอื่น
ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายสามารถนำอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน และอาวุธอื่น ๆ
มามอบแก่ทางราชการภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ถือเป็นความผิด ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องตราหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายประการใดเพื่อรองรับการดำเนินการในเรื่องนี้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1478 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | สธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖
ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เป็นการกำหนดรายละเอียดสำหรับการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๖ มีสาระสำคัญมุ่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง
ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ในการปรึกษาหารือ การประสานงาน การร่วมมือกัน และการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
เคารพกฎหมายและกฎระเบียบของสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย และร่วมกันติดตามประเมินโครงการและการใช้งบประมาณจากกองทุน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้างประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๖
ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1479 | ร่างกฎกระทรวงแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น เจ้าพนักงานสาธารณสุข และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น พ.ศ. .... | สธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.
๒๕๔๘ เพื่อปรับปรุงแก้ไขแบบบัตรและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
และกำหนดให้การออกบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานดังกล่าวสามารถดำเนินการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1480 | การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ | นร. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การจัดทำความร่วมมือและการขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในภาพรวม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการในด้านต่าง ๆ จากต่างประเทศ ขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสม
และคุ้มค่าให้ละเอียดรอบคอบ ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการที่ต่างประเทศหรือหน่วยงานระหว่างประเทศได้ทราบข้อมูล
ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของประเทศไทยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
|