ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 80 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1581 - 1600 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1581 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
สรุปได้ ดังนี้ ๑) สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น
๕๗,๓๙๙
เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๕๑,๒๐๔ เรื่อง
คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๒๑ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนมากที่สุด (๕,๑๙๘ เรื่อง) ๒)
การประมวลผลและวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
มีสถิติเรื่องร้องทุกข์ ๕๗,๓๙๙ เรื่อง น้อยกว่าปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๐,๕๒๐ เรื่อง (มีเรื่องร้องทุกข์ ๖๗,๙๑๙ เรื่อง) โดยประเด็นที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์มากที่สุดคือ เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน
(๔,๘๙๓ เรื่อง) ๓) ข้อจำกัด
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ เช่น
กรณีปัญหาเสียงดังรบกวนเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับ
เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการไกล่เกลี่ยมากกว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหายังคงเกิดขึ้นซ้ำ และ ๔) ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
เช่น ควรกำหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวงเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์กับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
๑๑๑๑ ให้ครบถ้วนภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบ/แนวทาง/กระบวนงาน/ขั้นตอนในการระงับเหตุหรือการแก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนของสถานบันเทิงใน
๔ พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง (กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต)
และรายงานให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบผลการดำเนินการทุกไตรมาส ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงยุติธรรม เช่น หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสนใจในการรับฟังความคิดเห็นหรือข้อมูลดังกล่าว
และใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลเรื่องราวร้องทุกข์เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย
แผนงาน โครงการและแนวทางดำเนินการเพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของประชาชน ๒) การอนุญาตตั้งสถานบริการ/สถานบันเทิง
หน่วยงานอนุญาตควรพิจารณาพื้นที่โดยรอบสถานที่ตั้งอย่างเคร่งครัดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสถานบริการ
พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อป้องกันการร้องทุกข์กรณีที่เกิดขึ้นใหม่ ๓) การต่อใบอนุญาตประกอบกิจการ
นอกจากการพิจารณาสภาพพื้นที่ปัจจุบันโดยรอบสถานที่ตั้งแล้ว ควรนำปัญหาการร้องทุกข์เรื่องเสียง
และการร้องเรียนเรื่องอื่น
รวมถึงความสามารถในการแก้ไขปรับปรุงของสถานบริการ/สถานบันเทิง
มาประกอบการพิจารณาให้อนุญาต
เพื่อป้องกันการร้องทุกข์ซ้ำจากผู้ได้รับผลกระทบรายเดิม
และเป็นการลดภาระงานของหน่วยงานกำกับดูแล และ ๔) ควรกำชับการแจ้งผลความคืบหน้าหรือความสำเร็จในการดำเนินการให้ผู้ร้องทราบเป็นระยะ
ๆ ในช่องทางที่สะดวกและรวดเร็ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในปีต่อไป
ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาจากเรื่องร้องทุกข์และข้อคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ชัดเจน
เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ (KPIs) ของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||
1582 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (1. นายยุทธศักดิ์ สุภสร ฯลฯ รวม 10 คน) | อก. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
รวม ๑๐ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ดังนี้ ๑ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ ๒ พลเอก กนิษฐ์ ชาญปรีชญา กรรมการ ๓ นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน กรรมการ ๔ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล กรรมการ ๕ นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ ๖ นายธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์ กรรมการ ๗ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ กรรมการ ๘ รองศาตราจารย์ อนามัย ดำเนตร กรรมการ ๙ นายเอกภัทร วังสุวรรณ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1583 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 และประจำปี 2565 | พน. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๔ และประจำปี ๒๕๖๕ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
และวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบกำไรขาดทุน ซึ่งผู้สอบบัญชีเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบด้วยแล้ว รวมทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1584 | มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อปรับอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ
และปรับโครงสร้างภาษีและอัตราภาษีสำหรับสินค้าสุรา และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ ๒๘
ธันวาคม ๒๕๖๔ เพื่อปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรสินค้าไวน์ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับกลุ่มสินค้าดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ การตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(VAT Refund for Tourists) ของนักท่องเที่ยว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ที่เห็นว่าควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้อย่างแท้จริง
และควรติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อประเมินความคุ้มค่าของมาตรการต่าง
ๆ ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม
โดยให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง
และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาควรดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจทราบเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1585 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินในสัญญา รายการทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเฮี้ย จังหวัดเพชรบูรณ์ | กษ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทานเพิ่มวงเงินค่างานก่อสร้าง รายการทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเฮี้ย
จังหวัดเพชรบูรณ์ จากวงเงินตามสัญญาที่แก้ไขเพิ่มติม จำนวน ๒๓๘,๕๕๕,๙๒๕.๓๘ บาท เป็นวงเงิน ๒๖๕,๑๙๕,๖๘๙.๖๖ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาดังกล่าว จำนวน ๒๖,๖๓๙,๗๖๔.๒๘ บาท เห็นควรให้กรมชลประทานพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน เพื่อมาดำเนินการเป็นลำดับแรก
โดยให้จัดทำแผนรายละเอียดการจ่ายเงินให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้กรมชลประทานปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1586 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้าบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. .... (ยกเลิกค่าธรรมเนียมหอการค้า) | พณ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้าบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกค่าธรรมเนียมสำหรับการดำเนินการของหอการค้า ตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ และยกเลิกกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อให้สอดคล้องกับการนำรูปแบบการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-services) มาใช้ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระต่อประชาชน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1587 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 17 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 10 รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กห. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
(ASEAN Defence Ministers’ Meeting : ADMM) ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ASEAN
Defence Ministers’ Meeting Plus : ADMM-Plus) ครั้งที่ ๑๐ รวมทั้งการประชุมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีนาย Prabowo Subianto รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นประธาน
โดยที่ประชุมฯ ได้มีการรับรอง อนุมัติ และรับทราบเอกสาร จำนวน ๘ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ปฏิญญาร่วมจาการ์ตาของการประชุม ADMM ว่าด้วยสันติภาพ
ควาญเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงของภูมิภาค (๒)
เอกสารแนวความคิดว่าด้วยแนวทางการปฏิบัติด้านการป้องกันประเทศเกี่ยวกับมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก
(๓) เอกสารแนวความคิดว่าด้วยการเสริมสร้างความประสานสอดคล้องของกิจกรรมความร่วมมือภายใต้กรอบ
ADMM และ ADMM-Plus (๔)
เอกสารแนวทางปฏิบัติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต
ในฐานะผู้สังเกตการณ์การประชุม ADMM และ ADMM-Plus รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๕)
ระเบียบปฏิบัติประจำโครงการอาเซียนอาวเวอร์อาย (๖)
เอกสารความร่วมมือระหว่างอาเซียน-สหรัฐอเมริกา
เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถของผู้นำรุ่นใหม่ (๗) เอกสารเพื่อการหารือว่าด้วยการใช้ทรัพยากรทางทหารในการดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาค
และ (๘) แถลงการณ์ร่วมของการประชุม ADMM-Plus ว่าด้วยบทบาทสตรี
สันติภาพ และความมั่นคงของภูมิภาค ทั้งนี้ เอกสารที่ได้มีการรับรอง อนุมัติ
รับทราบดังกล่าว
มีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากฉบับที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความมั่นคงของภูมิภาค
ตลอดจนภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
และความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร เป็นต้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1588 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 | ยธ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๕๐ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ โดยที่ประชุมเห็นว่า
ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกมาตรา ๑๑/๖
ในประเด็นการยกเลิกอำนาจการควบคุมตัวผู้ถูกจับในคดียาเสพติดไว้เพื่อสืบสวนสอบสวนได้เป็นเวลาไม่เกิน
๓ วัน ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ และยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายรวม
๒ ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคสาม และพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง และที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1589 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 29 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๙ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย
หรือแผนงาน IMT-GT (Joint Statement of the 29th
IMT-GT Ministerial Meeting) และเห็นชอบการมอบหมายภารกิจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยตามแผนการดำเนินงานในระยะต่อไป
และมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๙ แผนงาน IMT-GT จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน
๒๕๖๖ ณ เมืองบาตัม จังหวัดหมู่เกาะเรียว สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีผลการหารือและผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๙ แผนงาน IMT-GT โดยที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมฯ แผนงาน IMT-GT ซี่งได้มีการปรับปรุงรายละเอียดเพิ่มเติมซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญจากร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้ (๒๖ กันยายน ๒๕๖๖) อาทิ
ปรับแก้ถ้อยคำกล่าวแสดงความขอบคุณสำนักเลขาธิการอาเซียนสำหรับการสนับสนุนการดำเนินงานของแผนงาน
IMT-GT อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ตามกรอบและความริเริ่มของอาเซียน (๒) ผลการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนความร่วมมือแผนงาน IMT-GT
ในช่วงที่ผ่านมาในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ ๒๙
แผนงาน IMT-GT และการประชุมเวทีหารือระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด
(Chief Ministers and Governors Forum : CMGF) ครั้งที่ ๒๐
แผนงาน IMT-GT โดยมีผลการหารือและข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมประชุม
อาทิ การเร่งรัดการศึกษา พัฒนา
บูรณาการความร่วมมือระหว่างระเบียงเศรษฐกิจและเขตเศรษฐกิจพิเศษ
เพื่อการเติบโตที่ยืดหยุ่น ยั่งยืน และครอบคลุม
ผ่านการวิเคราะห์ประเด็นและกลยุทธ์ที่สำคัญ และ (๓) แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงาน IMT-GT อาทิ
เร่งสร้างรายได้การท่องเที่ยวใน IMT-GT โดยดำเนินโครงการส่งเสริมการตลาดร่วม
และการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอนุภูมิภาคต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น
ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ (๑)
แผนการดำเนินงานในระยะต่อไปของแผนงาน IMT-GT
ข้อย่อยที่ ๑.๕ ประเด็นเครือข่ายมหาวิทยาลัย IMT-GT (UNINET)
นั้น เป็นการดำเนินงานที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังโดยตรง
แต่หากมีการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เห็นควรให้การสนับสนุนได้ (๒)
ทุกภาคส่วนควรพิจารณาสนับสนุนการพัฒนาแผนงานโครงการเชื่อมต่อทางกายภาพ (Priority
Connectivity Projects : PCPs) ของทั้งสามประเทศสมาชิกแผนงาน IMT-GT
ต่อไปด้วย และ (๓)
การสนับสนุนดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปของแผนงาน IMT-GT ควรปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของแต่ละประเทศควบคู่ไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1590 | การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีว่า จากรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ปี ๒๕๖๗ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานภาคีเครือข่าย สรุปได้ว่า
ภาพรวมของการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗
ลดลงจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ผู้เสียชีวิตลดลงจาก ๒๑๘ ราย เหลือ ๑๒๘
ราย ต้องขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในเส้นทางสายหลักและสายรอง
ป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุเตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
ตลอดจนประชาสัมพันธ์เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรและทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังคงมีประชาชนบางส่วนอยู่ระหว่างเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
ทำให้เส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดยังมีปริมาณรถหนาแน่น จึงขอให้หน่วยงานต่าง
ๆ
ดังกล่าวข้างต้นดูแลความปลอดภัยทางถนนและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับ
และในปีต่อไป ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุลดลงได้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1591 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (1. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ฯลฯ รวม 7 คน) | คค. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย
รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการ ๒. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา กรรมการ ๓. นายศันสนะ สุริยะโยธิน กรรมการ ๔. นางสาวศุกร์ศิริ อภิญญานุวัฒน์ กรรมการ ๕. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย กรรมการ ๖. นายอาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์ กรรมการ ๗. นายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1592 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ | กต. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทน
เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามที่ได้รับมอบหมาย
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเริ่มใช้ความตกลงฯ ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญให้ยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยและผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการและหนังสือเดินทางธรรมดาของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการเดินทางเข้า-ออกหรือผ่านดินแดนของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
สำหรับการพำนักแต่ละครั้งระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน และรวมระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน
ภายในช่วงเวลา ๑๘๐ วันใด ๆ ยกเว้นกรณีการพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา
กิจกรรมด้านสื่อ หรือกิจกรรมอื่น ๆ
ที่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตล่วงหน้า จากหน่วยงานที่รับผิดชอบของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่ายสามารถระงับใช้ความตกลงฯ เป็นการชั่วคราว
ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยสาธารณะ
และสาธารณสุขรวมทั้งสามารถแก้ไขและยกเลิกความตกลงฯ
โดยแจ้งอีกฝ่ายล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1593 | ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวม 11 ญัตติ | สผ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติ เรื่อง
ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวม ๑๑
ญัตติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1594 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน พ.ศ. .... | รง. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษ
สำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน
พ.ศ ....
มีสาระสำคัญเป็นยกเลิกกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย
อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษเพิ่มขึ้นจากเครื่องแบบข้าราชการพลเรือน เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและพื้นที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายนอกที่ตั้งที่ทำการ
สำหรับข้าราชการกระทรวงแรงงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1595 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ 8 | พม. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ ๘
ทั้งฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
ฉบับที่ ๘ ฉบับภาษาอังกฤษต่อคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบต่อไป
โดยรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ฉบับที่ ๘ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) ไทยมีความก้าวหน้าในการส่งเสริมสิทธิและความเสมอภาคระหว่างเพศ เช่น ส่งเสริมสิทธิด้านการศึกษา
ส่งเสริมบทบาทสตรีทางเศรษฐกิจ และ (๒) ด้านกฎหมาย มีการดำเนินการ เช่น
ปรับปรุงกฎหมายที่มีนัยยะเลือกปฏิบัติระหว่างเพศและวิเคราะห์เนื้อหากฎหมายที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันซึ่งพบว่ามีกฎหมายที่มีเนื้อหาบางส่วนมีนัยยะในการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ปรับถ้อยคำในรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
ฉบับที่ ๘ ฉบับภาษาอังกฤษ ตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ
รวมทั้งดำเนินการปรับปรุงข้อมูลในส่วนของความก้าวหน้าในการจัดทำกฎหมายเพื่อปรับบรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันก่อนส่งรายงานฯ
ให้คณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1596 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ระบบบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา | สว. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ระบบบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1597 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวม ๘ คณะ และคณะกรรมการอำนวยการฯ ในการประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ได้มีมติเห็นชอบการจัดพิธีการต่าง ๆ รวมทั้งโครงการและกิจกรรมของหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว นั้น
ขอกำชับให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ละเอียดรอบคอบ
เป็นไปตามโครงการและกิจกรรมที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติยศทุกประการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1598 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong - Lancang Cooperation Special Fund 2023) | อว. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ (Memorandum of Understanding on
the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2023) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในด้านต่าง
ๆ เช่น การเกษตร ปศุสัตว์ การจัดการทรัพยากรน้ำ สุขภาพ ระบบขนส่งการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ขี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรวิเคราะห์และประเมินผลจากการดำเนินโครงการตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1599 | ญัตติด่วน เรื่อง สาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาสะพานถล่ม กรณีสะพานยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ | สผ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติด่วน เรื่อง สาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาสะพานถล่ม
กรณีสะพานยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง
เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1600 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) | สธ. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
(๓๐ บาทรักษาทุกโรค) ความคืบหน้าการยกเว้นโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค
ซึ่งได้มีการกำหนดเป้าหมาย แนวทางพัฒนา กิจกรรมตัวชี้วัดระยะ ๑๐๐ วัน (ในระยะต้น)
และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ (ระยะต่อไป) โดยมีผลการดำเนินงาน เช่น (๑)
บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ๔ จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด
และนราธิวาส (๒) นัดหมายพบแพทย์ตรวจเลือด รับยาใกล้บ้าน ๑ จังหวัด ๑ โรงพยาบาล
ดำเนินการแล้ว ทั่วประเทศ (๓) บรรจุตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ๒,๒๑๐ อัตรา (๔) จัดตั้งโรงพยาบาล ๑๒๐
เตียง ในเขตดอนเมือง/อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ (๕) จัดตั้งสถานชีวาบาลจังหวัดละ
๑ แห่ง รวม ๔๔ จังหวัด (๖) ฉีดวัคซีน HPV ในหญิงอายุ ๑๑-๒๐
ปี ๘๐๗,๖๐๔ โดส เป็นต้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|