ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 73 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1441 - 1460 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1441 | การขอขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก ๓ ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการ ๒.๑
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๓ ฉบับ รวม
๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. อนุมัติในหลักการ ๓.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม
๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. เห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับมาตรการด้านประกันภัย
ได้แก่
โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และโครงการเมืองต้นแบบ
“สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โครงการละ ๑๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1442 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (1. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ฯลฯ รวม 6 คน) | สพร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด) เสนอ ดังนี้ ๑. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ประธานกรรมการ ๒. นายธนา โพธิกำจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ๓. นายอภิรัต ศิรินาวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ๔. นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล ๕. นายฉัตรชัย ธนาฤดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชี และงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผลและการบริหารความเสี่ยง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1443 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง พ.ศ .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง วันที่ 1 เมษายน 2567 และกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ รวมทั้งกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดงและอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป) | ศย. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง
พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา
๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด
พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓
ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวันเปิดทำการของศาลจังหวัดพระประแดงโดยให้มีเขตตลอดท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และให้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน
๒๕๖๗ เป็นต้นไป รวมทั้งกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ
โดยตัดท้องที่ที่ทับซ้อนกันออกจากเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการและให้ไปอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพระประแดง
ตลอดจนกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
โดยใช้ช่องทางและวิธีการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบที่เหมาะสม
เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนในเรื่องเขตอำนาจศาลและได้รับความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งนี้
การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1444 | ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 28 | นร.14 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
ครั้งที่ ๓๐ และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา
ครั้งที่ ๒๘ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (นายสุรสีห์
กิตติมณฑล) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑) อนุมัติร่างขอบเขตการดำเนินงาน
(TOR) ของหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร
(CEO) ของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่เสนอโดยไทย
เนื่องจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ และผู้ที่ดำรงตำแหน่งคนต่อไปจะมาจากไทย
(๒) รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เช่น
๑) ความร่วมมือกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ๒)
การดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และ ๓)
การดำเนินการตามแผนระดับภูมิภาคเชิงรุก เป็นต้น และ (๒)
ประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงและหุ้นส่วนการพัฒนาร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุม เช่น
ไทยกล่าวชื่นชมการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่ดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน
พ.ศ. ๒๕๓๘ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน
กัมพูชากล่าวขอบคุณหุ้นส่วนการพัฒนาที่ให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการและเงินทุน
และขอบคุณประเทศคู่เจรจาที่ทำงานร่วมกันกับประเทศสมาชิก และหุ้นส่วนการพัฒนากล่าวยินดีกับผลสำเร็จของกิจกรรมที่สร้างความมีส่วนร่วมของประเทศในลุ่มน้ำโขง
รวมถึงการมีส่วนร่วมของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในงานกิจกรรมสำคัญระดับโลก เป็นต้น
ตามที่คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1445 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินขององค์การเภสัชกรรม | สธ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินในลักษณะ
Roll-Over ครอบคลุมระยะเวลาการกู้
๕ ปี วงเงินกู้จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรวางแผนการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน
โดยการเร่งรัดติดตามการชำระหนี้ให้ทันตามกำหนดและสมดุลกับการใช้จ่ายเงิน
เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานในอนาคต
การกู้เงินดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและอยู่ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐผู้กู้
เพื่อประโยชน์ของประเทศและของหน่วยงานของรัฐ โดยต้องกระทำด้วยความรอบคอบ
และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจายภาระการชำระหนี้
เสถียรภาพและความยั่งยืนทางการเงินการการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1446 | การปรับบทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต และข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต | นร.09 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑ รับทราบ ๑.๑
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง
ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
และส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวงในส่วนของหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
รวม ๓๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
เพื่อปรับปรุงบทบาทภารกิจให้ครอบคลุมงานด้านส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... รวม
๓๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และอำนาจของสำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข โดยการจัดตั้งส่วนราชการเพิ่มใหม่ ได้แก่
กองสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ (ยกฐานะของ “สำนักสนับสนุนระบบปฐมภูมิ”
ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดตั้งภายใน) ปรับปรุงหน้าที่และอำนาจกองกฎหมาย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งตัดสถาบันพระบรมราชชนกออกจากส่วนราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่
๒) เกี่ยวกับบทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
เพื่อให้การขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1447 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (1. พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ฯลฯ รวม 10 คน) | พม. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ
รวม ๑๐ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ ๑. พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ประธานกรรมการ ๒. นายอนุกูล ปีดแก้ว กรรมการอื่น
(ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๓. นายสมมาตร มณีหยัน กรรมการอื่น
(ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายเดชบุญ มาประเสริฐ กรรมการอื่น ๕. นายมณเฑียร อินทร์น้อย กรรมการอื่น ๖. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา กรรมการอื่น ๗. นายอณุศาสณ์ อรรถวิทยา กรรมการอื่น ๘. นายอดิศร นุชดำรงค์ กรรมการอื่น ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ จำรัสจรุงผล กรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1448 | การแต่งตั้งประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (1. นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ฯลฯ รวม 11 คน) | นร.11 สศช | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ รวม ๑๑ คน เนื่องจากประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิเดิม ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑. นายศุภวุฒิ
สายเชื้อ ประธานสภา ๒. นายกงกฤช
หิรัญกิจ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายกฤษณะ
วจีไกรลาศ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๔.
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๕.
นายปิยะมิตร ศรีธรา กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๖.
นายวิษณุ อรรถวานิช กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นางสาวรัสรินทร์
ชินโชติธีรนันท์ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายสมประวิณ
มันประเสริฐ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๙.
นายสุพจน์ เตชวรสินสกุล กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นายอารีย์ ชวลิตชีวินกุล กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๑. นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1449 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ รอบ ๖
เดือน ครั้งที่ ๒ ตามข้อ ๕ (๓) แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ฯ
โควิด-๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔) สรุปได้ ดังนี้ (๑) การติดตามประเมินผลโครงการ/แผนงานภายใต้พระราชกำหนดฯ
กู้เงินโควิด-๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ใช้วิธีการประเมินผลจากการสุ่มตัวอย่างโครงการ/แผนงาน จำนวน ๒๕๐ โครงการ จากโครงการทั้งสิ้น
๒,๓๗๐
โครงการ โดยคัดเลือกโครงการที่มีขนาดใหญ่ มีวงเงินกู้สูง หรือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
มีกรอบวงเงินตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๔๙๕,๖๙๐.๗๖ ล้านบาท
มีผลการเบิกจ่าย ๔๗๐,๑๕๑.๒๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๔.๘๕
ของกรอบวงเงิน (๒) คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลฯ
เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน ดังนี้ ๑) แผนงานที่ ๑ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ๒) แผนงานที่ ๒ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ มีผลการประเมินระดับดีมาก และ ๓)
แผนงานที่ ๓
แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินระดับดี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1450 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอาคารชุดสำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ประเภทมีทุนทรัพย์อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ และมาตรา ๑๐๓ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอาคารชุดสำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอาคารชุด
ประเภทมีทุนทรัพย์ อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยทสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖๑
แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ รวม ๒ ฉบับ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1451 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 1 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติและรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่มสุทธิ
๕๖๐,๒๗๖.๑๐ ล้านบาท (จากเดิม ๑๙๔,๔๓๔.๕๓ ล้านบาท เป็น ๗๕๔,๗๑๐.๖๓ ล้านบาท)
แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับเพิ่ม ๓๘๗,๗๕๘.๕๒ ล้านบาท (จากเดิม ๑,๖๒๑,๑๓๕.๒๒ ล้านบาท
เป็น ๒,๐๐๘,๘๙๓.๗๔ ล้านบาท) และแผนการชำระหนี้ ปรับเพิ่ม ๙,๐๗๕.๐๗ ล้านบาท (จากเดิม
๓๙๐,๕๓๘.๖๓ ล้านบาท เป็น ๓๙๙,๖๑๓.๗๐ ล้านบาท) ๑.๒ อนุมัติการบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ
และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ครั้งที่ ๑ จำนวน ๕๖ โครงการ/รายการ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๑ แห่ง คือ
การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ
(Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้ กคช. รับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
เช่น (๑) กคช.มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำกว่าเกณฑ์
เนื่องจากมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปีที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ในวงเงินค่อนข้างสูง
(๒) กคช. ควรบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้สมดุล (๓) กคช.
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปี
และ (๔) กคช. ควรเร่งรัดการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ลงทุนไปแล้วในอดีต
แต่ปัจจุบันทรัพย์สินนั้นไม่สามารถทำให้เกิดกำไรได้ ไปดำเนินการด้วย
รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่บรรจุกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๑
เร่งรัดดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวด้วย ๑.๔ รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง
๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๑)
และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๒.
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง
กู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควร (๑) กำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
(๒)
การกู้เงินควรพิจารณาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละช่วงเวลา
และจะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและและการเงินโลกที่ยังมีแนวโน้มของความผันผวนอยู่ในเกณฑ์สูง
รวมทั้งแรงกดดันทางการคลังที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สาธารณะและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของภาระดอกเบี้ย
ซึ่งจะต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้กระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
ตลอดจนเป็นข้อจำกัดต่อกรอบงบประมาณ และ (๓)
รัฐบาลควรให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในโอกาสที่เหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1452 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. .... | นร.10 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎ ก.พ.
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยปรับปรุงชื่อตำแหน่งให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
และปรับรูปแบบการเขียนชื่อตำแหน่งของประเภทบริหารและประเภทอำนวยการ
จากเดิมที่ระบุชื่อตำแหน่งเป็นการเฉพาะเจาะจง เป็นการกำหนดคำนิยามของตำแหน่งแทน
และร่างกฎ ก.พ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎ
ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งของระดับชำนาญการ
(ประเภทวิชาชีพเฉพาะ เช่น สายงานแพทย์ สายงานวิชาการคอมพิวเตอร์
โดยได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๓,๕๐๐ บาท) และขั้นตอนการกำหนดประเภทตำแหน่ง สายงาน ระดับ
และจำนวนตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งเพิ่มขึ้นของส่วนราชการ รวม ๒
ฉบับดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ แต่หากจำเป็นต้องมีการดำเนินการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคตก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1453 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 30 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
(APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FVM) ครั้งที่ ๓๐ ณ
นครซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ได้รับรองเอกสารผลลัพธ์ ๒ ฉบับ ภายหลังการประชุม
ได้แก่ (๑) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการคลังระหว่างกัน
เพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเปคอย่างครอบคลุมและยั่งยืนในประเด็นต่าง
ๆ เช่น การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
เศรษฐศาสตร์อุปทานสมัยใหม่ การเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
และการพัฒนานวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบ เป็นต้น และ (๒)
แถลงการณ์ประธานฯ เป็นข้อสรุปเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคไม่สามารถเห็นชอบร่วมกันได้ในประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งเกี่ยวกับสงครามยูเครนและความขัดแย้งเกี่ยวกับฉนวนกาซา
ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมฯ ได้มีการปรับปรุงถ้อยคำตามฉันทามติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
โดยมีการเพิ่มเป้าหมายกรุงเทพมหานครว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อสะท้อนการสานต่อผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี
๒๕๖๕ และลดข้อผูกมัดเกี่ยวกับมาตรฐานการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศและธนาคารแห่งประเทศไทย
และไม่กระทบต่อสาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1454 | การเสนอร่างกฎหมายของฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สมควรมีกฎหมายที่ช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่วนราชการผู้รับผิดชอบกฎหมายนั้นเป็นผู้เสนอหลักและผ่านกลไกการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งจะร่วมพิจารณากับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบเพื่อให้กฎหมายนั้นสามารถนำไปใช้บังคับได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
และไม่เกิดความซ้ำซ้อน หรือขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หรือกฎหมายอื่น จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดให้ส่วนราชการในความรับผิดชอบดำเนินการเสนอร่างกฎหมายต่าง
ๆ เพื่อให้มีกฎหมายใหม่ หรือเป็นการแก้ไข ปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายเดิมให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน
และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้
ให้ตรวจสอบและพิจารณาความจำเป็นของร่างกฎหมายซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งและบรรจุในระเบียบวาระของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
หากพิจารณาแล้วเห็นว่าร่างกฎหมายใดมีความจำเป็นต้องตราขึ้น ขอให้เร่งรัดเสนอร่างกฎหมายเรื่องนั้นต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณาและส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาและเสนอสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างกฎหมายฉบับของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในคราวเดียวกันด้วย
แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายดังกล่าว ก็ขอให้แจ้งประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบโดยเร็วต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1455 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (1. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ฯลฯ รวม 7 คน) | กษ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา
รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานกรรมการร ๒. นายอภัย สุทธิสังข์ กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๓. นายดนัย วิจารณ์ กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. พลเอก นิธิ จึงเจริญ กรรมการอื่น ๕. พลตำรวจตรี วรากร
อยู่อย่างไท กรรมการอื่น ๖. พลตำรวจตรี มนตรี แป้นเจริญ กรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1456 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.01 | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ในการประชุมเมื่อวันที่
๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ได้มีมติเห็นชอบรายงานดังกล่าว มีสาระสำคัญครอบคลุมการดำเนินงานของ
๑)คณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดย คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ ๒) คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง
ๆ และ ๓) สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น
คัดเลือกศูนย์ข้อมูลข่าวสารโดดเด่น ปี ๒๕๖๕
รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ และแผนงาน/โครงการในการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ นอกจากนี้ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ
ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ เช่น ควรกำหนดแนวทางการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ
พ.ศ. ๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
และจัดทำคู่มือแนะนำสำหรับหน่วยงานของรัฐต่อไป ตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1457 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียติ และตำบลใหม่ ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... | คค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้มีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองงูเหลือม
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลใหม่ ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองงูเหลือม
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลใหม่ ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน
หมายเลข ๒๙o และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1458 | ทบทวนการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2565 (ครั้งที่ 2) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 | กค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๒) จำนวน ๑๗๔,๘๒๔,๖๓๓.๘๕ บาท โดยให้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรนำเงินจำนวนดังกล่าวส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายใน
๖๐ วัน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรดำเนินการกำกับ
ติตตามการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่นำมาพิจารณาการขอกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดเพิ่มขึ้น
รวมถึงสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับทุนหมุนเวียนต่าง ๆ
เกี่ยวกับการเรียกทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการ
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบในทุกมิติ และให้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ
รายงานผลการใช้จ่ายเงินตามแผนงาน/โครงการให้คณะกรรมการฯ ทราบเป็นระยะ เพื่อให้ติดตามการเบิกจ่ายและการกำกับดูแลกองทุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1459 | ราชอาณาจักรเบลเยียมขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดภูเก็ต และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดภูเก็ต (นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม) | กต. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ
จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ ๒. แต่งตั้ง นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม
ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดภูเก็ต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1460 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2565 | ยธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑)
เหตุผลความเป็นมาของการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงาน ๒)
แผนปฏิบัติการต้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ๓) สถานการณ์ยาเสพติด ๔) ผลปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ๕) การกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และ ๖) ปัญหา
อุปสรรคและการดำเนินการแก้ไขปัญหา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอรายงานดังกล่าวพร้อมข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|