ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 91 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 1801 - 1820 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1801 | การปรับปรุงอัตราเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกของคลินิกและโรงพยาบาลเอกชน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงอัตราเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกของคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.)
จากอัตราเท่าที่จ่ายจริงครั้งละไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท และรวมกันปีละไม่เกิน
๓,๖๐๐ บาท เป็น อัตราเท่าที่จ่ายจริงโดยไม่จำกัดอัตราการเบิกในแต่ละครั้ง
และรวมกันปีละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้เกิดความรัดกุมและไม่ทับซ้อนกับสิทธิหรือประกันการรักษาพยาบาลที่ผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัวได้รับทางอื่นด้วย
รวมทั้งเร่งนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในองค์กรเพื่อบริหารจำนวนบุคลากรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ตลอดจนดำเนินการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอื่นให้เป็นไปตามแนวทางหรือแผนที่กำหนดไว้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1802 | การมอบหมายให้กรมท่าอากาศยานมอบความรับผิดชอบการบริหารท่าอากาศยานตากให้กับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร | คค. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้กรมท่าอากาศยานมอบความรับผิดชอบการบริหารท่าอากาศยานตากให้กับกรมฝนหลวงและการบินเกษตรตามนัยข้อ
๑ (๔) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบข้อ
๑ (๕) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. ๒๕๕๖ ก่อนกรมท่าอากาศยาน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
และกรมธนารักษ์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมท่าอากาศยาน)
และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมฝนหลวงและการบินเกษตร) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ. รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและค่าบริหารจัดการท่าอากาศยานตากที่จะเกิดขึ้นให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และ/หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายประมาณ โดยคำนึงถึงภารกิจ
ความคุ้มค่า ประหยัด ความจำเป็นและเหมาะสม ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป สำนักงาน ก.พ. เห็นว่ากรมท่าอากาศยานควรกำหนดแผนการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานตาก
เพื่อรองรับการดำเนินการตามแนวทางการมอบความรับผิดชอบการบริหารท่าอากาศยานดังกล่าว
โดยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ
และระเบียบที่เกี่ยวข้องตามประเภทของบุคลากรด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1803 | การขอเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการตุลาการแทนการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (โครงการ 2) | ศย. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการตุลาการแทนการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง
(โครงการ ๒) จำนวน ๓๔ คัน ระยะเวลาสัญญาเช่า ๕
ปี ปีละ ๑๕,๙๕๕,๒๐๐ บาท ระยะเวลาเช่า ๕ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ - พ.ศ. ๒๕๗๒ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๙,๗๗๖,๐๐๐ บาท ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
โดยค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ได้รับจัดสรรภายใต้แผนงานพื้นฐานด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ผลผลิตการอำนวยความยุติธรรมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามที่กฎหมายบัญญัติงบเงินอุดหนุน
เงินอุดหนุนทั่วไป รายการค่าใช้จ่ายดำเนินงาน
ที่ได้จัดสรรเป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับผู้มีสิทธิ์ได้รับรถประจำตำแหน่ง
ในวงเงิน ๑,๗๐๐,๑๖๐,๐๐๐ บาท
โดยในการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันขอให้สำนักงานศาลยุติธรรมคำนึงถึงวงเงินงบประมาณและระยะเวลาที่คงเหลือในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1804 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ | ปช. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการพนันออนไลน์
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรรม
(กรมสอบสวนคดีพิเศษ) สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1805 | ขออนุมัติดำเนินโครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา จังหวัดสุโขทัย | กษ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา จังหวัดสุโขทัย
มีกำหนดแผนงานโครงการ ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๓) กรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น
๓,๕๕๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1806 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 เรื่อง การขยายระยะเวลาแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) | กษ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร
และโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร ออกไปเป็นระยะเวลา ๕ ปี
จากเดิมจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ เป็นสิ้นสุดโครงการในวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๗๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรกำหนดแผนการดำเนินงานและระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรลูกหนี้ในโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร
และโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรให้ชัดเจน
และอาจพิจารณากำหนดให้ผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น กำหนดให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดำเนินการฟื้นฟู
พัฒนาและสร้างอาชีพเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอชำระหนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาแนวทางและสนับสนุนให้เกษตรกรพัฒนาอาชีพและรายได้ที่เหมาะสมกับศักยภาพทางการผลิตในพื้นที่และความต้องการของตลาด
เพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอสำหรับการดำเนินชีวิตและการชำระหนี้คืน ตลอดจนเร่งรัดการติดตามหนี้สินที่ค้างอยู่ให้เป็นไปตามกำหนด
รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรรักษาวินัยทางการเงิน
เพื่อให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้รับชำระหนี้คืนเพื่อนำไปสนับสนุนในโครงการอื่น
ๆ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1807 | การขอต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ
Credit Line ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
วงเงินปีละ ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ระยะเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่
๑๑ กันยายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไขเดิม ประกอบด้วย กู้เบิกเกินบัญชี
ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม
(Call Loan) โดยให้พิจารณาทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินที่เสนอรูปแบบที่มีต้นทุนต่ำที่สุดตามอัตราดอกเบี้ยตลาด
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้เงิน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และพิจารณาเบิกเงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยต่อองค์กรในระยะยาว
โดยการดำเนินการกู้เงินดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ภายใต้วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
และคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในทุกมิติ ตลอดจนความสามารถในการชำระหนี้และการกระจายภาระการชำระหนี้อย่างเหมาะสม
ตามนัยมาตรา ๔๙ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1808 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2566 | สคทช | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ เช่น ๑. รับทราบผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ
คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. เช่น (๑) ภาพรวมผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๖ มีพื้นที่เป้าหมาย ๑,๕๘๒ พื้นที่ ใน ๗๑ จังหวัด เนื้อที่ ๕.๘๙ ล้านไร่ โดยได้จัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว
๘๕,๔๐๓ ราย ๑๐๕,๖๕๗ แปลง เนื้อที่ ๕๘๗,๓๕๗ แสนไร่ ใน ๓๙๓ พื้นที่ (๒) การสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชนมีเป้าหมายให้เกษตรกรและคนยากจนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจากรัฐสามารถนำเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือหนังสือ/เอกสารให้ใช้ที่ดินที่ได้รับจากรัฐไปใช้เป็นหลักประกันการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับการประกอบอาชีพ
(๓) การขับเคลื่อนนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศไปสู่การปฏิบัติ
แบ่งเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ๑) เสริมสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบทิศทางและกรอบแนวทางนโยบายและแผนผ่านการปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ
(พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ระยะ ๕ ปี ๒) การขับคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่ดินทิ้งร้างหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์
เป็นต้น ๒.
เห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐
(One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐของกลุ่มจังหวัดที่
๔ จำนวน ๑๑ จังหวัด ตามที่คณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน
๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐเสนอ
และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐต่อไป ๓. เห็นชอบในหลักการให้
สคทช.
กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน
๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และนำแนวทางปฏิบัติฯ
ดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและเมื่อได้รับความเห็นชอบให้นำไปจัดทำแผนที่แนบท้ายกฎหมายโดยไม่ต้องแจ้งเวียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบตามมติคณะรัฐมนตรี
(๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) และมติคณะรัฐมนตรี (๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1809 | มาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายในที่ดินของรัฐ | ปช. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายในที่ดินของรัฐ
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ โดยให้กระทรวงมหาดไทยสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1810 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการ โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา | กษ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล
- บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๘ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๙) และให้เพิ่มกรอบวงเงินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล -
บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากเดิม ๒๑,๐๐๐ ล้านบาท เป็น ๒๕,๔๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่า เนื่องจากมีกิจกรรมการแก้ไขรูปแบบงานก่อสร้าง
เพิ่มเติมอาคารประกอบ และส่วนประกอบอื่นของโครงการ ควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และประชาสัมพันธ์โครงการก่อนการก่อสร้าง
รวมทั้งควรพิจารณาเร่งรัดดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานดำเนินการภายในระยะเวลา และกรอบวงเงินอย่างเคร่งครัด
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อพื้นที่ชุมชน
และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดย กรมชลประทาน ควรรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล -
บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ
ทุก ๖ เดือน เพื่อติดตามและกำกับโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้
เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1811 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2568 | นร.11 สศช | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1812 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 | สคทช | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติในเรื่องต่าง
ๆ เช่น ๑. รับทราบผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้
คทช. เช่น (๑) ภาพรวมผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ - ปัจจุบัน
มีพื้นที่เป้าหมาย จำนวน ๑,๕๘๒
พื้นที่ ใน ๗๒ จังหวัด เนื้อที่ ประมาณ ๕.๘๙ ล้านไร่
โดยได้จัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว ๘๖,๑๘๘ ราย ๑๐๖,๓๐๒ แปลง เนื้อที่ ๕๘๗,๔๓๙ ไร่ (๒) การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมอบหมายกรมแผนที่ทหาร
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบเป็นการเร่งด่วน
เพื่อเสนอ คทช. พิจารณาต่อไป ๒. เห็นชอบการขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี (๘ เมษายน ๒๕๔๖) เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ ในพื้นที่นำร่องจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดแม่ฮ่องสอน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1813 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ และนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ) | อก. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1814 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพรรณธนู วรรณกางซ้าย และนายอัฐฐเสฏฐ จุลเสฏฐพานิช) | ดศ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายพรรณธนู วรรณกางซ้าย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1815 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายอนันต์ แก้วกำเนิด) | นร.07 | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอนันต์
แก้วกำเนิด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1816 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสมคิด เชื้อคง ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.04 | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมคิด เชื้อคง ๒. นางสาวธีราภา ไพโรหกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1817 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต) | พน. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวอรพินทร์
เพชรทัต เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1818 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ และนายอารี ไกรนรา) | รง. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1819 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายดุสิต เมนะพันธุ์) | กต. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดุสิต เมนะพันธุ์
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1820 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายสุภชัย จันปุ่ม ฯลฯ จำนวน 6 ราย) | ศธ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖
ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑. นายสุภชัย จันปุ่ม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาววันเพ็ญ บุรีสูงเนิน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายพิเชฐร์ วันทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. ว่าที่ร้อยเอก วิสาร ปัญญชุณห์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสง่า แต่เชื้อสาย ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
|