ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 10/07/2561 | ||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาแนวทางการจัดทำความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนในเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายมีความพร้อมและอยู่ในความสนใจร่วมกัน เช่น การปรับปรุงเครื่องยนต์สำหรับการผลิตยุทโธปกรณ์และยานรบ เป็นต้น ทั้งนี้ ในการจัดทำความร่วมมือดังกล่าวให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินโครงการอาหารกลางวัน โดยส่งเสริมให้มีการทำการเกษตรชุมชนเพื่อนำผลผลิตมาบริโภคเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียนเสริมจากงบประมาณที่รัฐได้จัดสรรให้ด้วย นั้น จากการเดินทางไปตรวจราชการ ณ จังหวัดระยอง พบว่า โรงเรียนวัดเกาะได้มีการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนทำการเกษตรแบบผสมผสานและนำผลผลิตมาประกอบเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียนและส่งจำหน่ายด้วย ทำให้นักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ ถูกหลักโภชนาการ โดยสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารกลางวันเพิ่มเติมจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรได้อย่างเหมาะสม จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางของโรงเรียนดังกล่าวไปเป็นต้นแบบขยายผลให้โรงเรียน/สถาบันการศึกษาอื่น ๆ ในสังกัดนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น เร่งส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการทำการเกษตรในลักษณะต่าง ๆ เช่น เกษตรแบบผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ Smart Farmer เป็นต้น ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้นด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น ดำเนินการส่งเสริมและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเอกลักษณ์ สถานที่สำคัญ เกร็ดความรู้ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของแต่ละจังหวัดผ่านสื่อในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่ทำเป็นเอกสารและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แล้วให้นำไปเผยแพร่ในแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ให้ทั่วถึง เช่น โรงเรียน/สถาบันการศึกษา วัด ห้องสมุดประชาชน เป็นต้น เพื่อสร้างการรับรู้และปลูกฝังให้ประชาชนเกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และการท่องเที่ยวด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลความรู้สำหรับชุมชนต่อไปด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้สอดคล้องกับแนวทางประชารัฐ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยทั้งระบบให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนโดยเร็ว และให้เร่งจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรในทุกกลุ่มพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการรวมกลุ่มเพื่อกำจัดขยะมูลฝอย (Cluster) ทั่วประเทศ (จำนวน ๓๒๔ กลุ่ม) ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน โดยให้พิจารณาขนาดและที่ตั้งให้เหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม เป็นต้น รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ตต่อนายกรัฐมนตรี โดยให้บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ชัดเจน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister Operation Center : PMOC) เป็นประจำทุกวัน เช่น จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวนผู้เสียชีวิต การพิสูจน์สัญชาติ การดูแลให้ความช่วยเหลือเยียวยา สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ให้แก่นักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ เป็นต้น ๓.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่/สถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั่วประเทศ เช่น ถ้ำ น้ำตก เป็นต้น ให้ครบถ้วน และเร่งดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีความปลอดภัย โดยให้กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยที่ชัดเจนและเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวทราบอย่างทั่วถึงด้วย ๓.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบเกี่ยวกับการพัฒนาคูคลองเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ โดยให้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาคัดเลือกคูคลองที่มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจได้ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการพัฒนาคูคลองเพิ่มเติมในทุกจังหวัดอย่างน้อย ๑ คลอง ๑ จังหวัด ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว/พักผ่อนที่สะดวกและสะอาด ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ๓.๕ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญ เร่งรัด ขับเคลื่อน และติดตามการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ ให้มีความคืบหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนภายในปี ๒๕๖๑ เช่น (๑) การดำเนินการตามประเด็นปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ เช่น การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปตำรวจ เป็นต้น (๒) การปฏิรูประบบราชการที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง ปรับย้าย สิทธิประโยชน์ อัตรากำลัง ตลอดจนการจ้างงานในลักษณะชั่วคราว (Ad-hoc) (๓) การบริหารจัดการภัยพิบัติที่ต้องบูรณาการร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister Operation Center : PMOC) โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการกลางเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้วย (๔) การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะสั้น (๑-๒ ปี) การจัดที่ดินทำกิน การเพาะปลูกพืช โดยต้องมีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ด้วย (๕) การบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ (๖) การติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ ทั้งที่เป็นโครงการมาจากการลงพื้นที่ตรวจราชการของคณะรัฐมนตรี และโครงการที่ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก (๗) การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการระดับท้องถิ่น รวมทั้งการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ของท้องถิ่นที่สมควรกำหนดให้เป็นอำนาจของส่วนท้องถิ่นที่จะสามารถดำเนินการได้เองตามความเหมาะสมและที่สมควรกำหนดให้เป็นอำนาจของส่วนกลางในการดำเนินการ (๘) การผลิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพให้รองรับและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ เช่น ด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นต้น (๙) การเตรียมการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยพิจารณากำหนดแนวทางการจัดให้มีอาชีพเสริมให้แก่ผู้สูงอายุเพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีวิตที่ดีได้ (๑๐) การประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ เช่น วิสาหกิจตั้งต้น (Start up) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั้งในเรื่องเงินทุน ความรู้ และเทคโนโลยี (๑๑) การกำกับดูแลหน่วยงาน/องค์กรที่กำกับดูแลระบบสาธารณูปโภคและระบบคมนาคมขนส่งไม่ให้เกิดข้อติดขัด เช่น การเดินรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา (รถไฟฟ้า BTS) เป็นต้น และ (๑๒) การแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรให้มีความเข้มแข็งสามารถเป็นศูนย์รวมสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ
|
.....