ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 661 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13201 - 13220 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13201 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน (จำนวน 5 คน 1. นายชัยวัฒน์ สิทธิบุศย์ ฯลฯ) | กษ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน จำนวน ๕ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายชัยวัฒน์ สิทธิบุศย์ ๒. นายโสภณ ชมชาญ ๓. นายสิทธิพงษ์ ดิลกวณิช ๔. นายวุฒิชาติ สิริช่วยชู ๕. นายนพดล เภรีฤกษ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13202 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "สหกรณ์เข้มแข็ง เกษตรกรยั่งยืน" ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “สหกรณ์เข้มแข็ง เกษตรกรยั่งยืน” โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปแล้วบางส่วน โดยเสริมสร้างความรู้ให้แก่บุคลากรสหกรณ์ สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกร ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการผ่านการให้คำแนะนำปรึกษา/เอกสารเผยแพร่ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิก มีการจัดตั้งทีมตรวจสอบและเข้าตรวจการสหกรณ์อย่างเข้มข้นทุกแห่ง เร่งรัดการแก้ไขข้อบกพร่องของสหกรณ์ อันเป็นการตรวจสอบและกำกับดูแลสหกรณ์และป้องกันการทุจริต ส่งเสริมการบริหารจัดการธุรกิจ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเกษตร (พืช ประมง ปศุสัตว์) ให้ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของสหกรณ์และการสนับสนุนด้านเงินทุนสำหรับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ นั้น ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แล้วลงมติเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว (ขณะนี้อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย) ส่วนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศนั้น ได้จัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง (Farmer One) เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นฐานข้อมูลกลางของภาครัฐร่วมกันในการบริหารจัดการเชิงนโยบาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13203 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การดูแลรักษาพยาบาลผู้สูงอายุ แบบครบวงจร" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การดูแลรักษาพยาบาลผู้สูงอายุแบบครบวงจร” โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ทั้งข้อเสนอแนะทั่วไปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแล้วบางส่วน เช่น การพัฒนารูปแบบสังคมสูงอายุที่มีความหลากหลาย การฝึกอบรมด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุสำหรับแพทย์กลุ่มเป้าหมาย การส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยและนวัตกรรม การลดสิทธิบัตร หาผู้ลงทุน และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันเพื่อให้ราคาถูกลง การศึกษาให้มีการลงทุนสร้าง Senoir Complex, Day care ในชุมชน เป็นต้น ส่วนข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น การเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้สังคมสูงอายุเป็นระเบียบวาระแห่งชาติ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ เห็นชอบในหลักการมาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมผู้สูงอายุ และให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุนำไปสู่การปฏิบัติต่อไปแล้ว ด้านการจัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลศูนย์ อยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบคลินิกผู้สูงอายุให้มีความเหมาะสม สำหรับโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลขนาด ๒๐ เตียงขึ้นไป นั้น ได้มีการผลักดันและสนับสนุนให้มีการดำเนินการแล้ว รวมทั้งได้ดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และส่งเสริมสนับสนุนการจัดสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุด้วยแล้ว เป็นต้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13204 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้าง อาคารเรียน แบบพิเศษ โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ | ศธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานก่อสร้างอาคารเรียน แบบพิเศษ โรงเรียนสายน้ำผึ้งในพระอุปถัมภ์ฯ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ๑ หลัง จากวงเงิน ๓๗,๐๙๔,๒๐๗.๐๖ บาท เป็นวงเงิน ๔๔,๐๓๕,๒๕๓.๖๙ ล้านบาท ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๓) โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ จำนวน ๒๔,๘๕๓,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑๙,๑๘๒,๑๕๓.๖๙ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ต่อไป โดย สพฐ. จะต้องเสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๒) ทั้งนี้ การเพิ่มวงเงินรายการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย ที่กำหนดว่าต้องไม่เกินร้อยละ ๕ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี อย่างไรก็ดี การก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน สพฐ. จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13205 | ผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 18 ณ เมืองเดอร์บัน | กต | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) ครั้งที่ ๑๘ ณ เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์เอเทควินี ปฏิญญาพิเศษเฉลิมฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี วันคล้ายวันเกิดนายเนลสัน แมนเดลา และปฏิญญาเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจาของ IORA โดยได้มีการปรับแก้ไขถ้อยคำเพียงเล็กน้อย เช่น การเพิ่มกิจกรรมและกำหนดการประชุมต่าง ๆ ที่ประเทศสมาชิก IORA เป็นเจ้าภาพ การตัดข้อความเกี่ยวกับการรับเมียนมาเข้าเป็นสมาชิกใหม่ และปรับแก้ถ้อยคำให้อ่อนลง จาก “ตกลงที่จะร่วมมือกัน (agreement)” เป็น “มีความเข้าใจ (understanding)” (๒) การแสดงวิสัยทัศน์ของประเทศสมาชิกที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน (๓) ข้อเสนอของที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสรอบครึ่งปีของ IORA ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของ IORA ครั้งที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่ให้รับมัลดีฟส์เป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ ๒๒ และรับตุรกีและเกาหลีใต้เป็นประเทศคู่เจรจาลำดับที่ ๘ และ ๙ รวมถึงรับรองสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งมหาสมุทรอินเดียตะวันตก (Western Indian Ocean Marine Science Association : WIOMSA) และเลื่อนการพิจารณาเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิก IORA ของเมียนมาออกไปจนกว่าจะหาฉันทามติได้ และ (๔) การแสดงวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนความร่วมมือ IORA ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามผลการประชุมฯ เร่งดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เช่น ความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การจัดการภัยพิบัติ และเศรษฐกิจภาคทะเล เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13206 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม 2562) | นร | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๒ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13207 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 47 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561-31 ตุลาคม 2561) และสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 48 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561-30 พฤศจิกายน 2561) (ครั้งที่ 48) | นร04 | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑) และสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๘ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างบรรยากาศความปรองดองสมานฉันท์และส่งเสริมความสามัคคีสมานฉันท์ในพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านการต่างประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13208 | แผนปฏิบัติการโครงการร้อยใจรักษ์ พ.ศ. 2562 - 2580 | ยธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการโครงการร้อยใจรักษ์ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๘๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยบูรณาการมาตรการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวทางศาสตร์พระราชา การพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนต่อไปได้ด้วยตนเอง แบ่งการดำเนินการออกเป็น ๓ ระยะ (ระยะเริ่มต้น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ระยะดำเนินงาน ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๗๒ และระยะรักษาสภาพความยั่งยืน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๖๗๓-๒๕๘๐) หน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการ เช่น มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กองทัพบก จังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงาน ป.ป.ส. เป็นต้น งบประมาณดำเนินการรวมจำนวน ๑,๓๐๐,๗๘๔,๘๑๑ บาท เป้าหมายดำเนินงานในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยเมืองงาม ครอบคลุม ๔ หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเมืองงามเหนือ บ้านห้วยล้าน บ้านหัวเมืองงาม บ้านเมืองงานใต้ และ ๒๐ หมู่บ้านย่อยในตำบลท่าตอน อำเภอเม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๒๔,๓๖๐,๕๑๑ บาท และหากยังมีภารกิจที่จำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ภายใต้แผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ และขอทำความตกลงในรายละเอียดด้านงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในลักษณะบูรณาการด้านการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่มีต่อโครงการฯ และนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการจัดทำแผนงาน/กิจกรรมในระยะต่อไป รวมทั้งควรกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินงานที่สะท้อนถึงเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อใช้ในการกำกับ ติดตามความก้าวหน้า และประเมินผลการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13209 | การพัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยในช่วงระยะเวลาต่อไป | ศธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินงานโครงการพัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้ว และผลการดำเนินโครงการของกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยในช่วง พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๑ พบว่า ได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการเตรียมความพร้อมกำลังคนระดับสูงทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และนโยบาย Thailand 4.0 สำหรับการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาต่อไปคือ ให้การดำเนินงานของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาที่มีการบริหารและการจัดการในสังกัดสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีศูนย์พัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์เป็นหน่วยประสานงานภายใน ซึ่งต่อไปจะจัดตั้งหน่วยงานในสังกัด สพฐ. เป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของโรงเรียนเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ข้อเสนอแนะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. เช่น ควรมีการติดตามนักเรียนและจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เนื่องจากเป็นผู้ได้รับการเตรียมความพร้อมทางด้าน STEM และเป็นผู้มีศักยภาพในการรับทุนต่าง ๆ ในระดับที่สูงขึ้น เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ รวมทั้งการประกอบอาชีพ ความก้าวหน้าในอาชีพ และการใช้ศักยภาพของนักเรียนดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13210 | การจัดทำบทเรียนการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ | นร | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งรัดขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศจนสามารถบรรลุเป้าหมายในหลายเรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินพลเรือน การทำประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช การบุกรุกป่าไม้ การลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และปัญหามลภาวะฝุ่นละออง ดังนั้น เพื่อให้สามารถนำแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวมาเป็นบทเรียนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้และทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาความผิดพลาดในลักษณะนี้ขึ้นอีก จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม รับไปพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงของการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในความรับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาการดำเนินการของหน่วยงาน ข้อบกพร่อง/ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งในทางนโยบายและการปฏิบัติ ตลอดจนปัญหาการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ (ถ้ามี) แล้วให้จัดทำเป็นบทเรียนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ให้แล้วเสร็จโดยด่วน เพื่อนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13211 | สรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และเรื่อง รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนด้านการศึกษา | ศธ | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และเรื่อง รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนด้านการศึกษา โดยได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ ภายใต้กรอบการปฏิรูปใน ๖ ด้าน รวม ๙๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ (๑) การปฏิรูปครู ๙ โครงการ/กิจกรรม (๒) การเพิ่ม กระจายโอกาสและคุณภาพทางการศึกษาอย่างทั่วถึง เท่าเทียม ๑๖ โครงการ/กิจกรรม (๓) การปฏิรูประบบการบริหารจัดการ ๒๒ โครงการ/กิจกรรม (๔) การผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ๒๐ โครงการ/กิจกรรม (๕) การปฏิรูปการเรียนรู้ ๒๕ โครงการ/กิจกรรม และ (๖) การปรับระบบ ICT เพื่อการศึกษา ๒ โครงการ/กิจกรรม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13212 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... | สว | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานศาลยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยสำนักงานศาลยุติธรรมได้ยกร่างคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการไต่สวนมูลฟ้อง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณาและสืบพยานลับหลังจำเลย พ.ศ. .... รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอร่างกฎหมายในประเด็นการสืบพยานในกรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปก่อนมีการฟ้องคดีต่อศาลต่อไปแล้ว สำหรับการกำหนดแนวปฏิบัติในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับการส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกในศาลชั้นต้นนั้น ศาลได้ปฏิบัติตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาตามข้อสังเกตด้วยแล้ว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13213 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และควรให้ฝ่ายบริหารเร่งรัดการกำหนดนโยบายและการจัดทำแผนระดับชาติเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติ ควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐเพื่อให้มีดาวเทียมหรือให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ควรร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้คลื่นความถี่ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีการบริหารและการประสานงานสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ รวมทั้งควรมีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสาร ตลอดจนประกาศของ กสทช. ที่เกี่ยวข้องเพื่อลดอุปสรรคทางด้านกฎหมายและรองรับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่มีลักษณะเป็นการหลอมรวมเทคโนโลยี นอกจากนี้ ในการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการหลอมรวมเทคโนโลยีมาใช้บังคับ กสทช. ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อรัฐและเอกชนด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13214 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๐ ก วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และได้นำร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฏากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๗๖) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๑ ก วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ แล้ว โดยเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของกรรมาธิการฯ เกี่ยวกับการประสานงานกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้แจ้งสถานะล่าสุดของการตราและปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (Hong Kong Economic and Trade Office : HKETO) ประจำประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยอยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของ HKETO ประจำประเทศไทย และการตราและปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการตราและปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงฯ รวมทั้งการจัดทำคู่มือการแปลหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบในการเจรจาและดำเนินการตามหนังสือสัญญานั้น ๆ จัดทำคำแปลภาษาไทยของหนังสือสัญญา โดยหากมีประเด็นที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นหรือต้องการความชัดเจนในคำศัพท์ที่ใช้เกี่ยวกับกฎหมายสนธิสัญญา ก็สามารถจัดตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำคำแปลหนังสือสัญญานั้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทาบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13215 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และควรให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเตรียมการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับกระบวนการสอบสวนและวินิจฉัยเพื่อใช้บังคับกับกระบวนการสอบสวนและวินิจฉัยผู้บริหารและสมาชิกสภาเมืองพัทยา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13216 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ พร้อมเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๙ ก วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ แล้ว ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ร่างพระราชบัญญัตินี้มีเจตนารมณ์เพียงผ่อนปรนให้สามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ ไม่รวมถึงการเสพเพื่อความบันเทิงหรือสันทนาการ สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์หรือประเมินเอกสารทางวิชาการหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรคำนึงถึงกรณีเพื่อประโยชน์ทางราชการและเพื่อเกษตรกรรายย่อย ไม่ควรมีค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร และควรเร่งรัดดำเนินการออกระเบียบของรัฐมนตรี ตามมาตรา ๓๑ (๗) ของพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดให้หมอพื้นบ้านสามารถขึ้นทะเบียนเพื่อประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์แผนไทยประยุกต์ได้ รวมทั้งในการพิจารณาเพื่อดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง สมควรรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต และเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมประชุมเพื่อพิจารณาด้วย ตลอดจนควรมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา เพื่อการศึกษาวิจัย หรือเพื่อการรักษาทางการแพทย์มาดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตและทราบบทกำหนดโทษของการที่ครอบครองยาเสพติดให้โทษโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13217 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ | นร01 | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ระหว่างวันที่ ๓-๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ มีการดำเนินกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยการพัฒนาคลอง คู และลำราง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทำความสะอาดสถานที่สำคัญตามแนวริมคลอง และในพื้นที่ส่วนภูมิภาคได้นำแนวทางการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครมาปรับใช้กับจังหวัดตามความเหมาะสมของพื้นที่ ซึ่งมีการดำเนินกิจกรรมแล้ว ๑,๓๑๘ กิจกรรม จิตอาสาจำนวน ๔,๗๙๙,๖๙๒ คน ๒. การจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ “คน รัก คลอง” ... “ไม่ทิ้ง ไม่เท ทุ่มทำความดี” ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ในส่วนจังหวัดทั่วประเทศได้จัดกิจกรรมรวมระยะทาง ๑๘๘.๖๐ กิโลเมตร โดยมีกิจกรรม เช่น การทำความสะอาดลำน้ำ ลำคลอง กำจัดวัชพืช ขยะมูลฝอย จัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านการดูแลรักษาน้ำ ปล่อยพันธุ์ปลา และปรับปรุงภูมิทัศน์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13218 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดให้ต้องนำเข้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทางพื้นที่จังหวัด ด่านศุลกากร และจุดที่กำหนดเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้โรคใบด่างมันสำปะหลังเข้ามาระบาดและทำความเสียหายให้กับผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรมอบหมายกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตรวจสอบการนำเข้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอย่างเข้มงวด และการกำหนดมาตรการดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่ กระทรวงพาณิชย์จึงควรคำนึงถึงผลกระทบและการปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13219 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 [เรื่อง ผลการพิจารณาความจำเป็นของการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย] | กต | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล) เสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง ผลการพิจารณาความจำเป็นของการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย] ในข้อ ๓ จากเดิม “อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือตอบสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เมื่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้ใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว เพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในเรื่องนี้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ” เป็น “อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือตอบสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เมื่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว เพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในเรื่องนี้”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13220 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562) | นร05 | 26/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|