ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 669 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13361 - 13380 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13361 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓/๒๕๖๒ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยเห็นควรยกเลิกความในข้อ ๗ ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ในส่วนของ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13362 | แนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ | ทส | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเตรียมการป้องกันและลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) แบ่งเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗) เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการ “สร้างอากาศดี เพื่อคนไทย และผู้มาเยือน” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแนวทางและมาตรการฯ ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมาตรการระยะเร่งด่วน ขั้นปฏิบัติการ ระดับที่ ๒ [ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีค่ามากกว่า ๕๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร] ให้พิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการเพิ่มเติมเพื่อขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้รถยนต์ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รวมทั้งให้ปรับเพิ่มแนวทางและมาตรการฯ ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการด้านสาธารณสุขในการป้องกันและดูแลสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ดังกล่าว รวมทั้งมาตรการเร่งด่วนต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น กรณีการปิดสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการและกรุงเทพมหานคร มิใช่เป็นการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) หรือลดสาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยตรง แต่มีเจตนารมณ์สำคัญที่จะปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีความเปราะบางและอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว และกรณีการฉีดพ่นละอองน้ำในอากาศจากอาคารสูงและโดยเครื่องบินในพื้นที่ต่าง ๆ อาจไม่สามารถลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ได้โดยตรง แต่เป็นการดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับมาตรการอื่นอีกหลายมาตรการที่หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ลดปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมลงได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13363 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562) | นร04 | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13364 | การดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการ ASEAN Digital Hub | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการ ASEAN Digital Hub ร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในการดำเนินโครงการดังกล่าวทั้ง ๒ โครงการ ยังมีประเด็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งพิจารณาให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน เช่น ประเด็นเกี่ยวกับการชำระภาษี การจัดซื้อจัดจ้าง และการร่วมลงทุนของภาคเอกชน เป็นต้น ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีหนังสือขอหารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ดังกล่าวไปยังกระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐแล้ว และเรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง จึงเห็นควรให้มีการเร่งรัดการพิจารณาประเด็นข้อหารือดังกล่าวของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปประสานและเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง และให้แจ้งผลการพิจารณาไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13365 | ร่างพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13366 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13367 | การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคาร ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามมติ ครรส. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๑.๒ เห็นชอบการปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. โดยให้ปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานที่ยังไม่ถึงอัตราขั้นต่ำของกระบอกเงินเดือนให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำในลำดับแรก และปรับเพิ่มเงินเดือนเพื่อชดเชยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการที่พนักงานได้รับการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำ โดยให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำได้ตามแนวทางที่เหมาะสม โดยรวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๑ ของฐานเงินเดือนพนักงาน ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มได้เพียงครั้งเดียวตามมติ ครรส. ๑.๓ การขอปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและการขอปรับเพิ่มเงินเดือนในแต่ละครั้งจะต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปีขึ้นไป โดยมิให้นำเหตุแห่งการปรับเงินเดือนของข้าราชการมาเป็นประเด็นในการพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงสร้างอัตราเงินเดือนควรคำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ที่พนักงานจะได้รับนอกเหนือจากเงินเดือน ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับภายหลังเกษียณอายุ อาทิ บำเหน็จ บำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ประกอบด้วย และในการประมาณการผลกระทบค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงค่าตอบแทน มีการประมาณการเฉพาะเงินเดือน เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าล่วงเวลา และโบนัส เท่านั้น ควรพิจารณาให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ใช้เงินเดือนเป็นฐานในการคำนวณด้วย เช่น เงินที่จ่ายเมื่อเกษียณ เป็นต้น รวมทั้งควรมีการกำกับและติดตามให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ทั้งแผนการเพิ่มรายได้ การพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการบุคลากร แผนการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อมิให้การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนส่งผลกระทบต่อรายได้นำส่งรัฐและการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13368 | โครงการติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะ (Advanced Metering Infrastructure : AMI) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ | มท | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะ (Advanced Metering Infrastructure : AMI) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ วงเงินลงทุนรวม ๑,๘๑๐ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ จำนวน ๑,๓๕๗ ล้านบาท (ร้อยละ ๗๕) และเงินรายได้ กฟภ. จำนวน ๔๕๓ ล้านบาท (ร้อยละ ๒๕) และเห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๑,๓๕๗ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนของโครงการฯ โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยในส่วนของการกู้เงินในประเทศ เห็นควรให้ กฟภ. จัดทำแผนการใช้เงินและเสนอความต้องการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการฯ ให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินของ กฟภ. เพื่อบรรจุโครงการเงินกู้ไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง และความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เช่น (๑) เมื่อ กฟภ. มีการลงทุนโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงาน กฟภ. ควรสนับสนุนหรือแสดงให้เห็นถึงการลดต้นทุนการดำเนินงาน และลดกระบวนการเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจภาพรวม (๒) กฟภ. ควรเร่งติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะ (AMI) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินมาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้าของกระทรวงพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (๓) กฟภ. ควรพิจารณาแนวทางและขั้นตอนสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่ได้ติดตั้งมิเตอร์อ่านหน่วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading : AMR) ไปแล้ว แต่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นทางเลือกในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ด้วย (๔) กฟภ. ควรกำหนดมาตรการการดำเนินงานและควบคุมการบริหารจัดการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้โครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ ตลอดจนรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากหนี้สาธารณะ และ (๕) กฟภ. ควรมีการจัดการบริหารความเสี่ยงของโครงการฯ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการเติบโตของผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13369 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นนายทะเบียนชั่วคราว โดยอาจกำหนดระยะเวลาเริ่มแรกไม่น้อยกว่า ๓ ปี และมอบกระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเพิ่มเติมถ้อยคำในบทเฉพาะกาล ในร่างมาตรา ๘๐ วรรคสอง และเมื่อครบกำหนดแล้วให้ทบทวนความเหมาะสมอีกครั้งก่อนส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13370 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ....) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ....) ซึ่งเห็นว่า ร่างมาตรา ๖ เป็นสาระสำคัญของร่างกฎหมาย เนื่องจากเป็นกลไกที่กำหนดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ และมาตรา ๒๕๘ ค. ด้านกฎหมาย (๑) ของรัฐธรรมนูญ และจะเป็นช่องทางในการเยียวยาผลร้ายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13371 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๐ มีสาระสำคัญ เช่น งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และสรุปผลการปฏิบัติงานตรวจสอบการเงินแผ่นดินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยได้ตรวจสอบหน่วยงานของรัฐ (หน่วยรับตรวจ) ในลักษณะต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบงบการเงิน/รายงานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบเชิงป้องปราม และการจัดเก็บรายได้ เป็นต้น ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ และในการเสนอรายงานต่อคณะรัฐมนตรีครั้งต่อ ๆ ไป ขอความร่วมมือให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานต่อคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13372 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนธันวาคม 2561 | นร11 | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13373 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ 2561 | กค | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๒๔ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน จำนวนรวม ๓๖๔,๔๖๓.๑๔ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้และการบริหารหนี้ จำนวน ๓๑๗,๗๑๒.๐๐ ล้านบาท (๒) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ จำนวน ๒๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และ (๓) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน ๒๑,๗๕๑.๑๔ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13374 | รายงานผลการเข้าร่วมการประชุมระดับสูงด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ครั้งที่ 2 (The Second High-Level Conference on Aviation Security) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ | คค | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการประชุมระดับสูงด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ครั้งที่ ๒ (The Second High-Level Conference on Aviation Security : HLCAS/2) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สำนักงานใหญ่ ICAO เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยได้รับเลือกเป็นประธานการประชุม HLCAS/2 และได้มอบหมายให้รองผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยนำเสนอรายงานสรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยแผนงานการรักษาความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนระดับโลกสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ รวมทั้งเข้าเยี่ยมคารวะประธานคณะมนตรี ICAO โดยได้ชี้เจงเกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติการเดินอากาศที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้ชี้แจงถึงความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับการตรวจสอบ Full ICVM (ICAO Coordinated Validation Mission) ในปี ๒๕๖๒ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดของ ICAO ตลอดจนการเตรียมการเพื่อจัดการประชุม Global Aviation Cooperation Symposium (GACS) ในปี ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13375 | รายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านธุรกิจพลังงาน ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ | พน | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านธุรกิจพลังงานของบริษัท Qatargas ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เพื่อหาแนวทางเกี่ยวกับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของไทยให้มั่นคงและยั่งยืน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรัฐกาตาร์เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยกับกาตาร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้กล่าวขอบคุณฝ่ายกาตาร์ที่ได้มีการส่ง LNG จำหน่ายให้ไทยมาโดยตลอด โดยปัจจุบันไทยกำลังอยู่ในช่วงร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือแผน PDP ฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้มีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเป็นร้อยละ ๕๓ ดังนั้น ไทยจึงยังมีความต้องการก๊าซธรรมชาติมาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ซึ่งฝ่ายกาตาร์ได้แจ้งว่าปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงขยายธุรกิจด้าน LNG ทั้งต้นน้ำ (Upstream Business) และการสร้างโรงงานผลิต LNG เพิ่มขึ้น ซึ่งฝ่ายไทย โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนกับฝ่ายกาตาร์ในธุรกิจดังกล่าว ทั้งนี้ ฝ่ายกาตาร์ได้ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนในเรื่องการตลาด LNG เพิ่มเติม และขอโอกาสในการเข้ามาลงทุนด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าในไทย รวมทั้งจะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อแสวงหาโอกาสในการร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกันต่อไป ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่ามีความยินดีสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานของกาตาร์ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13376 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชา โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ฝ่ายไทยได้แสดงความยินดีในโอกาสที่ละครโขลวัดสวายอันแดตของกัมพูชาได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก และได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยและกัมพูชาซึ่งมีร่วมกัน เช่น มวยและหมอลำ รวมถึงความเป็นไปได้ในการขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ เช่น วัฒนธรรมข้าว เป็นต้น (๒) ฝ่ายไทยได้เชิญกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาส่งคณะเข้าร่วมกิจกรรมในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ๒๕๖๒ ที่ไทยจะจัดขึ้น รวมทั้งกิจกรรมวัฒนธรรมสัญจรอาเซียนสู่โลก เช่น การเดินทางไปเผยแพร่แลกเปลี่ยนศิลปะการแสดงในนามของคณะนักแสดงอาเซียน ณ ประเทศคู่เจรจา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศในทวีปยุโรป ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้น (๓) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เช่น การศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการการอนุรักษ์ทางโบราณคดี เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษาและจัดเตรียมข้อมูลนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีลักษณะแหล่งคล้ายคลึงกัน ซึ่งปัจจุบันไทยได้เสนอบัญชีรายชื่อเบื้องต้นในนามเส้นทางวัฒนธรรมที่มีคล้ายคลึงกับมรดกโลก เช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ เป็นต้น และ (๔) กิจกรรมอื่น ๆ เช่น การฟังบรรยายเกี่ยวกับการบริหารจัดการหลักสูตรการเรียนการสอน ของสถาบันเทคโนโลยีกัมปงเฌอเตียล ณ อำเภอปราสาทสมโบร์ จังหวัดกำปงธม ซึ่งเป็นสถาบันที่มุ่งเน้นการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการเกษตร การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมชุมชน รวมถึงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและแหล่งโบราณคดี เพื่อรองรับกิจกรรมทางวัฒนธรรม เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13377 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยการขอรับจัดสรรงบประมาณจะจัดทำงบประมาณในลักษณะวาระแห่งชาติการพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศ โดยมีกลไกการบูรณาการการจัดทำงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณ ส่วนการปรับแผนยุทธศาสตร์ด้านวัคซีน ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๙) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นั้น จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไป และบรรจุเรื่องการขยายกำลังการผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศในระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ สำหรับการตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ จะพิจารณาให้มีตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการด้วย นอกจากนี้ จะจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และปรับปรุงแก้ไขระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและอุปสรรคต่าง ๆ ในการจัดหาและการกระจายวัคซีน เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพและมีการกระจายวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งจะได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13378 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 สายหินกอง - อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง - บ้านเกาะยาง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ สายหินกอง-อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง-บ้านเกาะยาง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก และอำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ สายหินกอง-อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง-บ้านเกาะยาง ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13379 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จบำนาญค่าทดแทน และการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขข้อ ๑๒ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เกี่ยวกับเงินเพิ่มสำหรับการสู้รบ (พ.ส.ร.) ดังนี้ “และในกรณีที่ปฏิบัติหน้าที่หรือช่วยเหลือราชการ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ได้รับ พ.ส.ร. แต่เกินกว่า ๔ ครั้ง ให้สามารถขอรับ พ.ส.ร. ได้ โดยขอยกเลิกชั้นหรือขั้น พ.ส.ร. ครั้งที่เป็นจำนวนเงินน้อยที่สุดใน ๔ ครั้ง เพื่อมาขอรับ พ.ส.ร. ในชั้นหรือขั้นปัจจุบันที่สูงกว่าแทนได้ ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีการเปลี่ยนแปลงเงินเลื่อนชั้นหรือขั้นกรณีพิเศษ เป็น พ.ส.ร.” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรเผยแพร่สาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ และประเด็นที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่และประชาชนทราบอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบกลาง รายการเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13380 | ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) ในขั้นตอนการเยือนประเทศ (Country Visit) | ปช | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) ในขั้นตอนการเยือนประเทศ (Country Visit) ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญา UNCAC ในรอบที่ ๒ เรื่อง มาตรการและนโยบายเพื่อป้องกันการทุจริตระดับชาติ และเรื่อง การติดตามทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตกลับคืนมาสู่ประเทศ ซึ่งฝ่ายผู้ประเมินได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่สำคัญ เช่น ให้ประเทศไทยพิจารณาใช้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓ เป็นฐานทางกฎหมายในการขอความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการติดตามทรัพย์สินของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการดำเนินการต่อต้านการทุจริตของประเทศไทยว่า การมีหน่วยงานต่อต้านการทุจริตหลายหน่วยงาน (คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ) อาจก่อให้เกิดความซ้ำซ้อนด้านอำนาจและหน้าที่ และอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งควรดำเนินงานโดยปราศจากอิทธิพลและการแทรกแซงใด ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและเป็นไปตามหลักสากล จึงอาจไม่มีความจำเป็นในการกำหนดหน่วยงานพิเศษเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นการใช้อนุสัญญา UNCAC เป็นฐานทางกฎหมายในการขอความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อติดตามทรัพย์สินคืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|