ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 664 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13261 - 13280 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13261 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้ส่วนราชการมีวงเงินทดรองราชการในการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่สามารถรอการเบิกเงินจากงบประมาณได้ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณที่เห็นควรขยายห้วงระยะเวลาการสนับสนุนเงินทดรองราชการให้สอดคล้องกับการดำเนินการช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ประสบภัยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเงินทดรองราชการดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13262 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร11 | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการแบ่งส่วนราชการดังกล่าวภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13263 | รายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ตามพระราชบัญญัติสัตว์ เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2558 | นร | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ และสถาบันพัฒนาการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ สรรหาและแต่งตั้งกรรมการจรรยาบรรณการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ จัดทำอนุบัญญัติต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฯ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชบัญญัติฯ รับคำขอรับใบอนุญาตใช้สัตว์และใบอนุญาตผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ รับแจ้งสถานที่ดำเนินการ และรับแจ้งการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติฯ ๒. ตั้งแต่พระราชบัญญัติเพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ มีการจดแจ้งสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์แล้ว จำนวน ๒๗๔ สถานที่ดำเนินการ จาก ๕๓ องค์กร มีผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ๗,๐๐๐ คน มีการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์หลากหลายชนิด โดยในช่วงปี ๒๕๖๐ มีการใช้สัตว์จำนวนกว่า ๕๐๐,๐๐๐ ตัว ซึ่งมาจากแหล่งผลิตสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ๓. ประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้การดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพของสัตว์ทดลอง การส่งเสริมการผลิตสัตว์ทดลองเพื่อทดแทนการนำเข้า การสนับสนุนให้มีหน่วยงานกลางเพื่อตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานพันธุกรรมและมาตรฐานสุขภาพ การพัฒนาสถานที่เลี้ยงและใช้สัตว์ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาคณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ของสถานที่ดำเนินการ และการสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงานกลางที่กำกับดูแลพระราชบัญญัติฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13264 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้แก่ การกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการดังกล่าว การจัดทำหลักเกณฑ์สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง และยกร่างกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๘ มาตรา ๕๕ และมาตรา ๕๖ เพื่อยกเว้นหรือบรรเทาภาระภาษีตามความจำเป็นและความเหมาะสม การกำหนดแผนงานในการจัดส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบออนไลน์ รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าว โดยให้กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดแนวทางการจัดส่งข้อมูลหรือแนวทางดำเนินการระหว่างหน่วยงาน และสำรวจข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อแจ้งกรมธนารักษ์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดโครงการประชาสัมพันธ์ข่าว การอบรม และการจัดทำสื่อวีดิทัศน์ และอื่น ๆ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13265 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. .... | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยมีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรมีการประสานงานและบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดเอกภาพและประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13266 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐในอนาคต รัฐบาลควรพิจารณาโครงสร้างและอัตราเงินเดือนทั้งระบบ โดยคำนึงถึงหลักการยึดโยงกันของทั้งสามองค์อำนาจอธิปไตยหลักของประเทศไปพร้อมกันนั้น สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐได้มีการเตรียมการเกี่ยวกับการปรับปรุงค่าตอบแทนผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร (ข้าราชการการเมือง) และฝ่ายนิติบัญญัติไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณายกเลิกระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว สำนักงานศาลยูติธรรม สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างดำเนินการยกเลิกระเบียบดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13267 | รายงานตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจำปี 2560 | พม | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) รายงานข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ปี ๒๕๖๐ ที่รวบรวมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๒) รายงานความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๖๐ และ (๓) บทวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว และข้อเสนอแนะเชิงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและต่อการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ในปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13268 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... | รง | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ กรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” “(PABUK)” ที่ทำให้เกิดวาตภัยและอุทกภัยอันเป็นเหตุสุดวิสัย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการอ้างอิงบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้ สมควรแก้ไขเป็น “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๔/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐..” เพื่อให้ถูกต้อง เนื่องจากมาตรา ๘๔/๒ ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับดังกล่าว ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13269 | รายงานประจำปี 2560 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๐ ของกองทุนการออมแห่งชาติ ประกอบด้วยผลการปฏิบัติงานของกองทุนการออมแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๐ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ สิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13270 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิทยา นันทิยกุล) | สธ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิทยา นันทิยกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13271 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เกี่ยวกับภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงาน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13272 | ร่างพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๐ ในส่วนที่เกี่ยวกับบทนิยาม วัตถุประสงค์และลักษณะโครงสร้างองค์กร คุณสมบัติและจำนวนกรรมการ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกำหนดเพิ่มเติมให้มีคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีความคล่องตัวและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับความจำเป็นในการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งบัญญัติให้รัฐพึงใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น และให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรเพิ่มเติมมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลของสมาชิกซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งกำหนดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมรองรับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป โดยพิจารณาปรับโครงสร้างองค์กรและขยายขอบเขตหน้าที่ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดให้เป็นองค์กรหลักในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดทำยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับความต้องการของภาคเอกชนทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและการพัฒนาไปสู่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทุกระดับ รวมทั้งเป็นกลไกร่วมกับภาครัฐในการติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13273 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล ที่จังหวัดลพบุรี | อก | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๗/๒๕๕๖ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล ที่จังหวัดลพบุรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบด้านคมนาคม ทั้งในเรื่องการปรับปรุงซ่อมแซมผิวจราจรหากชำรุด เสียหาย การปลูกต้นไม้เพิ่มเติม ๒ ข้างทางเพื่อลดฝุ่นละออง และการติดตั้งไฟสัญญาณจราจร อาจส่งผลกระทบในทางปฏิบัติโดยตรงกับทางหลวงหมายเลข ๒๐๕ จึงขอให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล หารือกับกรมทางหลวงในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้มีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมต่อไป รวมทั้งควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวกับการจัดทำแผนงานโครงการตรวจสุขภาพประชาชน กิจกรรมการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ สถานการณ์ป่าต้นน้ำและระบบนิเวศมีความเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดความผันผวนของสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ ในขณะที่การผลิตปูนซีเมนต์ได้ส่งผลกระทบกับป่าต้นน้ำโดยตรง ดังนั้น ในอนาคตควรพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวม เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ (SEA) ของเหมืองแร่และอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์อย่างเร่งด่วน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13274 | มาตรการส่งเสริมการขึ้นทะเบียนและเพิ่มมูลค่าการตลาดของการจำหน่ายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ไทย | พณ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานกลไกหลักในการบริหารจัดการแบบบูรณาการในระดับพื้นที่ทุกระดับ พิจารณามอบหมายจังหวัดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อสนับสนุนการผลักดันและขับเคลื่อนการส่งเสริมและคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ไทย ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าการตลาดของการจำหน่ายสินค้า GI ไทยอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ควรพิจารณาแนวคิดการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนควบคู่กับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน ซึ่งจะสนับสนุนการยกระดับสินค้า GI ของไทยในตลาดโลก และควรปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการระดับจังหวัดให้ครอบคลุมผู้แทนจากภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด เป็นต้น หรือพิจารณาใช้กลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด (คณะกรรมการ กรอ. จังหวัด) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน โดยอาจปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ กรอ. จังหวัด หรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการ กรอ. จังหวัด เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและขับเคลื่อนการส่งเสริมการพัฒนาสินค้า GI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ทุกจังหวัดควรมีการกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดและแนวทางการพัฒนาสินค้า GI ให้อยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์จังหวัด ตลอดจนขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13275 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ 1/2561 | นร11 | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีผลการพิจารณาและมติที่สำคัญ ได้แก่ (๑) คำสั่ง กพย. ที่ ๑/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (๒) คำสั่ง กพย. ที่ ๑/๒๕๖๑ เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (๓) รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ๔ คณะ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐-กันยายน ๒๕๖๑ ได้แก่ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะอนุกรรมการส่งเสริมความเข้าใจและประเมินผลการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน และคณะอนุกรรมการการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (๔) การประชุม High-Level Political Forum (HLPF) on Sustainable Development 2018 and High-level Segment of ECOSOC ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สำนักงานใหญ่ องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา (๕) การผลักดัน SEA มาใช้กับการวางแผนพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม (๖) รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการขับเคลื่อน SDGs ทุก ๆ ๖ เดือน ตั้งแต่กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๐ และมกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๑ (๗) แนวทางการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ : การจัดกลุ่มจังหวัดเพื่อขับเคลื่อน SDGs (๘) แนวทางการเพิ่มอันดับความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อบรรลุ SDGs ของประเทศไทยในเวทีโลก (๙) การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และการปรับปรุงหน่วยงานรับผิดชอบหลักของเป้าหมายที่ ๖ การสร้างหลักประกันให้มีน้ำใช้และมีการบริหารจัดการน้ำและการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน และ (๑๐) เรื่องอื่น ๆ : การสร้างการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน SDGs ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13276 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี และ 1 บีอาร์ เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และ ๑ บีอาร์ เพื่อทำเหมืองแร่ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๕/๒๕๕๗ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด การเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำเหมือง การพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวม เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ (SEA) เพื่อประเมินทางเลือกที่เหมาะสมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การวางแผนบริหารจัดการแร่ในภาพรวมทั้งเชิงพื้นที่และรายชนิดแร่ โดยจำแนกเขตพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเหมืองได้ การประเมินคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละพื้นที่ การประเมินสถานการณ์และพิจารณาขีดจำกัด และความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อการทำเหมืองในภาพรวมให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และกำหนดเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองบนพื้นฐานศักยภาพแร่และการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและยั่งยืน เป็นต้น นอกจากนี้ การขนส่งแร่อาจมีผลกระทบในระยะยาวต่อทางหลวงในบริเวณโดยรอบโครงการ เช่น ทางหลวงหมายเลข ๔๐๓ และทางหลวงหมายเลข ๔๒๓๘ รวมถึงบริเวณจุดเชื่อมต่อจากถนนท้องถิ่นเข้าสู่ทางหลวง อาจเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จึงควรให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ หารือแนวทางลดผลกระทบดังกล่าวร่วมกับกรมทางหลวงต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13277 | รายงานการเฝ้าระวังเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Counterfeit and Piracy Watch List) ของคณะกรรมาธิการยุโรป | พณ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเฝ้าระวังเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Counterfeit and Piracy Watch List) ของคณะกรรมาธิการยุโรป โดยเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมาธิการยุโรปได้เผยแพร่รายงานฯ เป็นครั้งแรก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศนอกสหภาพยุโรปให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการที่จำเป็นและเหมาะสมในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกช่องทาง นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้ของผู้บริโภคให้ทราบถึงความเสี่ยงของการบริโภคสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากแหล่งต่าง ๆ ที่ระบุในรายงานฯ โดยมิได้มีมาตรการลงโทษหรือเกี่ยวข้องกับการพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางภาษี ทั้งนี้ รายงานฯ มีการระบุรายชื่อของตลาดขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่รวมถึงตลาดสินค้าและตลาดขายสินค้าออนไลน์ของไทย ซึ่งอาจมีผลต่อภาพลักษณ์ด้านการค้าและการลงทุนของประเทศและกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ๒. ให้หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในสถานที่จำหน่ายและเว็ปไซต์ที่มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งตัดช่องทางการลำเลียงสินค้าละเมิด ตลอดจนประสานองค์กรหรือหน่วยงานที่เป็นเจ้าของหรือกำกับดูแลพื้นที่และเว็บไซต์ที่ถูกระบุในรายงานฯ เพื่อร่วมดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น ควรใช้โอกาสนี้ในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในสถานที่จำหน่ายและเว็บไซต์ที่มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดที่ถูกระบุในรายงานฯ อย่างจริงจัง ควรให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังพื้นที่และเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งมีการจำหน่ายสินค้าละเมิดที่ไม่ถูกระบุไว้ในรายงานฯ ควบคู่กับการรณรงค์สร้างความตระหนักในทั้งผู้ซื้อและผู้ขายหลีกเลี่ยงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้วย ควรจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นนายทุนที่อยู่เบื้องต้นเพื่อตัดวงจรการประกอบอาชญากรรม และควรมีการพิจารณามาตรการป้องกันการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทางเทคนิค (Technical Solutions) สำหรับตลาดสินค้าออนไลน์เพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะเป็นการป้องกันการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต (Unauthorized use) โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13278 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากเดิม นายประลอง ดำรงค์ไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น นายโสภณ ทองดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ ๗๐/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13279 | ผลการดำเนินงานและการขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสถานะการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ การติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน และอนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเงินกู้ฯ และการเบิกจ่ายเงินกู้ จนถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการใดไม่สามารถดำเนินการและเบิกจ่ายได้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๒ เห็นควรให้ใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานเจ้าของโครงการหรือจากแหล่งอื่น เพื่อดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ของกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทางหลวง กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย วงเงินรวมทั้งสิ้น ๖๗๙.๐๗ ล้านบาท โดยในการยกเลิกสัญญาขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการ และดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง และหากหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ยกเลิกโครงการต้องคืนเงินที่ได้เบิกไปแล้ว ขอให้เร่งดำเนินการและแจ้งผลการคืนเงินดังกล่าวให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ทราบด้วย สำหรับโครงการที่ขอยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการมีความประสงค์จะดำเนินโครงการต่อไป ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินโครงการภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งจัดทำรายงานผลการดำเนินงานส่งให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ทุกเดือน ภายในวันที่ ๗ ของเดือนถัดไป และกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินงานตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานประเมินผลการดำเนินโครงการเงินกู้ฯ ความคุ้มค่าทั้งในมิติสังคมและเศรษฐกิจ และผลสัมฤทธิ์ รวมถึงปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะจากการดำเนินโครงการเงินกู้ฯ นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดทำมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้กรมทางหลวงตรวจสอบโครงการประเภทต่าง ๆ ว่า เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือไม่ และควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้เกิดการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่หรือลดข้อขัดแย้งจากการดำเนินโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. เห็นชอบเป็นหลักการว่า ในการดำเนินโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ เมื่อหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ และมีเงินคงเหลือจากการดำเนินงาน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการคืนเงินคงเหลือจากการดำเนินโครงการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว เพื่อให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ นำเงินที่เหลือในบัญชีดังกล่าวส่งคืนคลังต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13280 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๒ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ ภายใต้วงเงินงบประมาณจำนวน ๑,๗๔๐.๖๐ ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ จำนวน ๑๖๔.๒๕ ล้านบาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติมจำนวน ๑,๕๗๖.๓๕ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม ๑,๕๗๖.๓๕ ล้านบาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยอัตราเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ ๑ ต่อปี ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ๑.๓ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๒ ให้ได้ตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลาการเอาประกันภัยของเกษตรกร ทั้งในส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๒ (Tier 1 และ Tier 2) พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัยและร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกรแบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมาย และรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแยกประเภทพืชต่าง ๆ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการดำเนินการในเบื้องต้นแล้ว ๑.๕ มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานครดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ เช่นเดียวกับการดำเนินการของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๕๙-๒๕๖๑ และให้คณะกรรมการดังกล่าวดำเนินการรับรองความเสียหายของเกษตรกรในกลุ่มข้างต้น และจัดส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ๑.๖ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต ๒๕๖๒ ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๗ มอบหมายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยประสานงานกับ ธ.ก.ส. กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาระบบการประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ เพื่อให้เกษตรกรผู้เอาประกันภัยได้รับประโยชน์สูงสุด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ รวมทั้งการศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง ตลอดจนการพิจารณานำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตรอื่น ๆ อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม มาใช้ประกอบการคิดอัตราเบี้ยประกันภัย และการพัฒนาระบบการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
.....