ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 670 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13381 - 13400 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13381 | รายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ปช | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และรายงานสรุปผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ๑.๒ ให้หัวหน้าส่วนราชการให้ความสำคัญกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและนำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนาตนเองด้านคุณธรรมและความโปร่งใสอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ๑.๓ ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำเนินการด้านการกำกับดูแลการประเมิน ด้านส่งเสริมการยกระดับผลการประเมิน (๒) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน มีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมการยกระดับผลการประเมินด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลและด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และ (๓) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ มีบทบาทหน้าที่ในการให้ข้อเสนอแนะด้านส่งเสริมการยกระดับผลการประเมิน โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีการรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐควบคู่กับการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการ ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการใด ๆ ให้ดำเนินการปรับเปลี่ยนงบประมาณของหน่วยงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อใช้ในการดำเนินการไปพลางก่อน และให้จัดทำคำขอจัดตั้งงบประมาณแบบบูรณาการตามแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อการดำเนินการเนื่องจากเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ควรมีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา ประเด็นที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน บทบาทและหน้าที่และแนวปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐที่ชัดเจน ควรจะสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอต่อการดำเนินการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ควรกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการ การกำกับดูแลการประเมิน และการส่งเสริมการยกระดับผลการประเมิน รวมทั้งควรเร่งปรับปรุงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับดัชนีอื่น ๆ ที่ยังมีคะแนนไม่สูงนักและยังสามารถปรับปรุงการทำงานเพื่อยกระดับคะแนนให้สูงขึ้นต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีคุณธรรมการทำงานในหน่วยงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13382 | รายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2019 และการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2562 | นร12 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2019 (พ.ศ. ๒๕๖๒) และการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ (๑) ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ : พัฒนา ปรับปรุง และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) (๒) ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง : พัฒนาระบบยื่นขออนุญาตก่อสร้าง การควบคุมการก่อสร้างอาคาร และการติดตั้งประปา (๓) ด้านการขอใช้ไฟฟ้า : ปรับปรุงอัตราค่าบริการขอใช้ไฟฟ้า (๔) ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน : เชื่อมโยงข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Zoning Layer) และผังเมืองในพื้นที่ทั่วประเทศ (๕) ด้านการได้รับสินเชื่อ : พัฒนาระบบข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจ ทางอิเล็กทรอนิกส์ และส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยในการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลในลำดับถัดไป เห็นควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาประเภทของข้อมูลที่สามารถเปิดเผยได้โดยชอบด้วยกฎหมายร่วมกัน และขยายไปยังหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งภาคเอกชนต่อไป (๖) ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย : ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย และเพื่อลดภาระต้นทุนในการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงปรับปรุงรายละเอียดของแผนการดำเนินการให้เป็นปัจจุบัน โดยให้เพิ่มกระทรวงพาณิชย์ร่วมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจำกัด (๗) ด้านการชำระภาษี : ผลักดันการชำระภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์และการพัฒนาช่องทางการชำระเงินสมทบให้แก่กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน (๘) ด้านการค้าระหว่างประเทศ : พัฒนาระบบศุลกากรล่วงหน้า ระบบการขนส่งทางน้ำ และระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทย (๙) ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง : พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับศาล และ (๑๐) ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย : พัฒนาเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี/เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ระบบการยื่นคำร้องทางอิเล็กทรอนิกส์ และระบบข้อมูลบุคคลล้มละลายทุจริต ตลอดจนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13383 | ผลการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี 2561 (2018 High-level Political Forum on Sustainable Development - HLPF) | กต | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๘ (2018 High-level Political Forum on Sustainable Development-HLPF) ระหว่างวันที่ ๙-๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีหม่อมหลวงสุภรัตน์ เทวกุล ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ฐานะผู้แทนพิเศษรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทน และมีผู้แทนจากหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วมการประชุม ซึ่งสาระสำคัญของผลการประชุมครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ อาทิ (๑) การรับรองปฏิญญารัฐมนตรีการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๘ (๒) การอภิปรายในประเด็นต่าง ๆ เช่น ข้อมูลสถิติในการอนุวัติเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ที่ต้องเน้นข้อมูลสถิติที่มีคุณภาพมากกว่าในอดีตในทุกระดับ การลดความเสี่ยงในปัจจุบันและที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยที่ประชุมเห็นว่านโยบายการบริหารจัดการภัยพิบัติและความเสี่ยงต้องเป็นนโยบายระยะยาวที่มีหลักฐานอ้างอิง เชื่อถือได้ และสามารถวัดผลได้ รวมทั้งได้ทบทวนเชิงลึกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น เป้าหมายที่ ๖ (น้ำสะอาดและสุขาภิบาลที่ดี) เป้าหมายที่ ๗ (พลังงานสะอาด) เป้าหมายที่ ๑๑ (เมืองยั่งยืน) เป้าหมายที่ ๑๒ (การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน) เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำหนดวาระอภิปรายเรื่องใหม่ในการประชุมครั้งนี้ คือ “Leaving No On Behind” โดยที่ประชุมเห็นว่า การบรรลุ SDGs ยังดำเนินไปไม่ถูกทาง และมีกลุ่มคนหลายกลุ่มกำลังถูกละทิ้งไว้เบื้องหลัง เช่น กลุ่มชนพื้นเมือง ซึ่งถูกพรากจากที่ดินที่ตนทำกิน กลุ่มคนพิการ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องร่วมกันหาความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ และสร้างการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่ม รวมทั้งควรมีการส่งเสริมเงินทุนให้ภาคประชาสังคม และมีระบบในการติดตามผลที่มีคุณภาพด้วย และ (๓) การรายงานผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับชาติโดยสมัครใจ (Voluntary National Review : VNR) ของประเทศไทย ซึ่งเน้นย้ำการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ (เรื่อง ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ของประเทศไทย) และรายงานให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนทราบและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ รวมทั้งให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเร่งรัดการดำเนินการของคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13384 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | มท | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าล้อ ตำบลวังขนาย และตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วมมากที่สุด โดยคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และควรมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าด้วย การยกเว้นให้สามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขนาดเล็กเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ได้ รวมทั้งกรมโยธาธิการและผังเมืองควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานของเทศบาลในพื้นที่ กำกับ ดูแล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของผังเมืองรวมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13385 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้ส่วนราชการมีเงินทดรองราชการเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในต่างประเทศในระหว่างที่ยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13386 | ร่างระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment รวมทั้งแก้ไขข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการใช้งานในระบบ GFMIS เพื่อรองรับการปรับปรุงระบบ New GFMIS Thai และแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรแก้ไขบทนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” จากศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และเห็นว่า การจะนำระเบียบที่ออกโดยฝ่ายบริหารมาใช้บังคับกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ธุรการให้แก่ศาลรัฐธรรมนูญ ควรผ่านความเห็นชอบจากศาลรัฐธรรมนูญหรือคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อความเหมาะสมต่อหลักการเป็นอิสระของศาลรัฐธรรมนูญในฐานะฝ่ายตุลาการผู้ใช้อำนาจตุลาการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และควรให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามระเบียบดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปด้วยความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13387 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำเงินทดรองราชการใช้ทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายปลีกย่อยในการปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ และแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำตามร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ข้อ ๑๕ จาก “กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี” เป็น “กรณีที่มีความเป็นเร่งด่วนในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ได้อนุมัติเงินจัดสรร” และจาก “ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจ่ายเงินทดรองราชการไปก่อนได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ได้” เป็น “ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจ่ายเงินทดรองราชการไปก่อนได้รับอนุมัติเงินจัดสรรก็ได้” เพื่อให้สอดคล้องกับบทนิยาม มาตรา ๔ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ให้กับส่วนราชการในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13388 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | อก | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต หรือโรงงานผลิตเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ซึ่งรวมถึงโรงงานที่ใช้เครื่องจักรที่สามารถนำไปใช้รีดเหล็กเส้นได้ ทุกขนาด ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา ๕ ปี นับแต่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13389 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล 4 คณะ (ประจำเดือนกันยายน - ธันวาคม 2561) | ดศ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล ๔ คณะ (ประจำเดือนกันยายน-ธันวาคม ๒๕๖๑) โดยการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ได้มีการดำเนินการที่สำคัญ เช่น การจัดเตรียมเครื่องมือ Big Data Sandbox เพื่อให้หน่วยงานทดลองเข้ามาใช้บริหารจัดการข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แก่ ๑๘ หน่วยงาน และการจัดทำ (ร่าง) มาตรฐานและแนวทางปฏิบัติการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านสารสนเทศเพื่อการประมวลผลข้อมูลภาครัฐ เป็นต้น ส่วนความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการฯ เช่น การพัฒนาระบบสารสนเทศข่าวกรอง ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างประสานงานเพื่อขอเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพระบบวิเคราะห์ผลการซักถามเชื่อมโยงข้อมูลความมั่นคง ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และได้จัดการอบรมให้แก่หน่วยงานรับผิดชอบการนำเข้าข้อมูล และหน่วยงานใช้ประโยชน์จากระบบ เป็นต้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดแผนการผลิตบุคลากรด้านการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศให้เหมาะสม โดยในระยะแรกควรพิจารณาผลิตเพื่อรองรับความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐก่อน รวมทั้งให้พิจารณากำหนดมาตรการจูงใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถดังกล่าวมาปฏิบัติงานในหน่วยงานของภาครัฐด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13390 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนธันวาคม 2561 | นร02 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ) และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๒ ระยะที่ ๑ และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๒,๘๗๙ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๓,๖๖๑,๘๓๖ คน จำนวนการกดไลท์ ๑๙๗,๓๑๑ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๒๒,๑๗๑ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๓,๔๔๒ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๖๒ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๓๘ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น ควรให้ความสำคัญและให้การช่วยเหลือแก่คนชราที่ไม่มีผู้ดูแล รวมถึงคนพิการที่ยังขาดโอกาสทางสังคมในเรื่องต่าง ๆ ๒. การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (Logistics) เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในด้านการค้า การลงทุน การค้าชายแดน และการท่องเที่ยว รวมถึงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๔๙๘ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๒,๘๑๒,๒๗๑ คน จำนวนการกดไลท์ ๖,๘๖๒ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๓๘,๘๘๐ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๒๘๖ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๔๙ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๕๑ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น ไม่ควรนำเงินภาษีไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงรัฐไม่ควรดำเนินนโยบายประชานิยมที่ไม่ส่งผลต่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง ๓. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร (ปาล์มน้ำมัน/ยางพารา) และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน (ระยะสั้น) และสร้างความเข้มแข็ง (ระยะยาว) โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๖๑,๗๘๒ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๕๗๔,๘๐๕ ครั้ง จำนวนการกดไลท์ ๕๑,๔๔๘ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑๑,๐๐๖ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็ฯ ๒,๒๖๕ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๓๗ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๖๓ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น รัฐบาลควรกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องยางพาราและปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบและยั่งยืน และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมาตรการและการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13391 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562) | นร | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๒ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาทบทวนการเสนอร่างพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) อีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13392 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13393 | ร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ผู้พัก” และ “สถานศึกษา” เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการหอพักสามารถรับผู้พักที่อยู่ระหว่างการศึกษาในสถานศึกษาและบุคคลอื่นที่ไม่อยู่ระหว่างการศึกษา ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพักกำหนด และให้สถาบันหรือมหาวิทยาลัยของรัฐที่จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาอยู่ภายใต้บังคับของร่างพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพัก คณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพักกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพักจังหวัด ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาความสอดคล้องของบทบัญญัติต่าง ๆ ของร่างพระราชบัญญัติกับการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “สถานศึกษา” ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13394 | ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) | กสทช | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงกระบวนการสรรหาและคัดเลือกคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องสรรหาด้านละหนึ่งคน และควรต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อให้การทำหน้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการแก้ไขมาตรา ๑๔/๒ (๖) และ (๗) ควรเพิ่มประสบการณ์การทำงานและประสบการณ์ด้านการบริหารจาก ๑๐ ปี เป็น ๒๐ ปี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13395 | ร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13396 | การเสนอเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน ครั้งที่ 14 | นร02 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารจากการประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) แผนแม่บทการสื่อสารอาเซียน ระยะที่ ๒ (๒) ค่านิยมหลักของอาเซียนในการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล (๓) กรอบความร่วมมือว่าด้วยการร่วมผลิตสื่อโสตทัศน์อาเซียน และ (๔) การทบทวนคุณลักษณะเทคนิคของเครื่องรับ (ถอดรหัส) สัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัล DVB-T2 (IRD) ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแผนแม่บทการสื่อสารอาเซียน ระยะที่ ๒ ในการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยกรมประชาสัมพันธ์จะประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งยืนยันความเห็นชอบของไทยต่อสิงคโปร์ในฐานะประธานคณะมนตรีปะสานงานอาเซียนอย่างเป็นทางการต่อไป ๓. หากมีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำของเอกสารทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง (กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่ามีการรับรองแผนแม่บทการสื่อสารอาเซียน ระยะที่ ๒ แล้ว ในที่ประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13397 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ | มท | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (International Federation of the Red Cross and Red Crescent Societies : IFRC) และเห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกับเลขาธิการ IFRC โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดขอบเขตและพื้นที่หลักของความร่วมมือระหว่าง IFRC กับอาเซียนในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งและการปรับตัวของชุมชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินซี่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้แล้วเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยกำหนดการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ณ สำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นขอบไว้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรส่งเสริม สนับสนุน แลกเปลี่ยน และแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์การดำเนินงานร่วมกับกรอบการดำเนินงานอื่นของอาเซียน และขยายผลไปสู่เมืองในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นประโยชน์และสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ของบันทึกความเข้าใจฯ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในอาเซียนต่อไป และหากมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13398 | การสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. 2562 -2566 | ทส | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ราชอาณาจักรไทยสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ๑.๒ เห็นชอบให้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการสมัครคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียงและแลกเสียง สนับสนุนกับรัฐภาคีสมาชิกอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และการไขว้เสียงกับอนุสัญญาอื่น ๆ ๑.๔ เห็นชอบให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานในการรณรงค์สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก ในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปดำเนินการสนับสนุนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกดังกล่าว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อไป เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13399 | ขออนุมัติโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ของกรมการขนส่งทางบก | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13400 | โครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ) | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ ๑.๑ ผลการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ) ซึ่งพบว่าในส่วนของโครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ. ๒๖๐ และพบ. ๒๖๑ ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี มีจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นจองสิทธิ์เพียง ๘๙ ราย อีกทั้งกระทรวงการคลังได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังว่า ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการบนที่ดินราชพัสดุเฉพาะบนแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ.๒๖๑ เพียงแปลงเดียวเท่านั้น จำนวน ๔๓ ราย เนื่องจากแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ.๒๖๐ อยู่ระหว่างปรับสภาพพื้นที่จึงยังไม่สามารถสรุปยอดจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการที่แน่นอนได้ ซึ่งจากการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนจองสิทธิเข้าร่วมโครงการพบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีหรือเคยมีกรรมสิทธิ์บ้านมาแล้ว ซึ่งไม่เป็นไปตามคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน จึงส่งผลให้โครงการดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมโครงการไม่เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ ๑.๒ การปรับเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ในส่วนของโครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) จากเดิม เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย เป็น (๑) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (๒) ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน (Gross Income) (๓) ประชาชนทั่วไป โดยให้พิจารณาสิทธิผู้เข้าร่วมโครงการแก่ผู้ที่มีคุณสมบัติตามลำดับก่อนหลัง ทั้งนี้ ไม่บังคับใช้กับผู้ที่ขอเข้าร่วมโครงการก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบตามที่เสนอในครั้งนี้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินโครงการโดยคำนึงการเข้าถึงของประชาชนผู้ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นสำคัญ และความเสี่ยงหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย นอกจากนี้ ควรนำปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐไปใช้ประโยชน์ประกอบการพิจารณากำหนดโครงการอื่น ๆ ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....