ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 56 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1101 - 1120 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1101 | รายงานประจำปี 2566 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของกองทุนการออมแห่งชาติ ประกอบด้วย
๑) ภาพรวมการดำเนินงาน ปี ๒๕๖๖ ๒) การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ของกองทุนการออมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ๓) แผนการดำเนินงาน ปี ๒๕๖๖ ๔) รายงานการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี
๒๕๖๖ และ ๕) รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินปี ๒๕๖๖ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๖ โดยผู้สอบบัญชี บริษัท เอเอสวี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1102 | การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 7/2568) | นร.04 | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๗/๒๕๖๘ เรื่อง
แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๘ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1103 | แจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน (กรณีประชาชนชุมชนทรัพย์สินใหม่ เขตวังทองหลาง ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง) | สผผ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินพร้อมข้อเสนอแนะ
กรณีประชาชนชุมชนทรัพย์สินใหม่ เขตวังทองหลาง
ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง โดยผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อเสนอแนะในเรื่องดังกล่าว
ดังนี้ (๑) ให้มีการทบทวนและพัฒนาการบริหารจัดการและระบบงานสนับสนุนต่าง ๆ
ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ระบบการบริหารจัดการข้อมูล และแพลตฟอร์มการให้บริการรับ-ส่งต่อผู้ป่วย
ให้เป็นรูปแบบเดียวกันและใช้ได้ครอบคลุมทุกหน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างมีประสิทธิภาพ
(๒) ให้มีการสนับสนุนและจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อการพัฒนาระบบการรับ-ส่งตัวผู้ป่วยผ่านระบบสารสนเทศเพื่อการส่งต่อผู้ป่วยให้ใช้งานได้อย่างมีมาตรฐานและทั่วถึงทุกหน่วยบริการในกรุงเทพมหานคร
และ (๓)
ให้เน้นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ประชาชนเข้าใจถึงประโยชน์และความจำเป็นในการเข้ารักษาพยาบาลที่หน่วยบริการปฐมภูมิ
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒.
ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินในเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)
กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1104 | ข้อเสนอแนะมาตรการความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองเด็กตามหลักสิทธิมนุษยชนจากโศกนาฏกรรมรถทัศนศึกษา | สม. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะมาตรการความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองเด็กตามหลักสิทธิมนุษยชนจากโศกนาฏกรรมรถทัศนศึกษา
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
๑.๑ ให้คณะรัฐมนตรีกำหนดให้ความปลอดภัยทางถนนเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
เพื่อยุติการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยมอบหมายให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบภาพรวม
เพื่อติดตามสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุทางถนน สั่งการ กำกับดูแล
และติดตามมาตรการลดอุบัติเหตุต่าง ๆ
ตลอดจนประเมินผลการดำเนินการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงพิจารณามาตรการหรือกำหนดหลักเกณฑ์และช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่านเพื่อยกเลิกการใช้รถโดยสารสองชั้นและรถที่ติดตั้งถังก๊าซธรรมชาติอัด
(CNG)
เป็นเชื้อเพลิงมาใช้เป็นรถทัศนศึกษาและรถโดยสารสาธารณะ
๑.๒
ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน ๑.๒.๑
ให้กรมการขนส่งทางบกเพิ่มความเข้มงวดในการขออนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสาร
การต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง
และการขออนุญาตแก้ไขดัดแปลงสาระสำคัญของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
รวมถึงการตรวจสอบ กำกับสถานประกอบการเอกชนและผู้ประกอบวิชาชีพที่ทำหน้าที่ออกหรือต่อใบอนุญาตให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
โดยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายกับรถโดยสารสาธารณะที่ถูกดัดแปลงหรือไม่ได้รับการต่อใบอนุญาต ๑.๒.๒
ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกรมการขนส่งทางบกดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อย่างเคร่งครัด เช่น
การตรวจสอบสภาพรถทัศนศึกษาหรือยานพาหนะให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย
การมีแบบฟอร์มประกอบการตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ต่าง ๆ
ก่อนการเดินทางโดยผู้ประกอบวิชาชีพ
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือกพนักงานขับรถทัศนศึกษาที่มีประสบการณ์
ผ่านการอบรมทักษะ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ
และจัดให้มีพนักงานประจำรถที่สาธิตและแนะนำวิธีการรับมือหากเกิดอุบัติเหตุ
โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในสัญญาที่จัดหารถทัศนศึกษาพร้อมประกันการเดินทางด้วยทุกครั้ง ๑.๒.๓
ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยกำชับสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรารถที่นำมาใช้รับส่งนักเรียนเพื่อให้เดินทางไปกลับโรงเรียนอย่างปลอดภัย ๑.๓
ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดทัศนศึกษาให้สอดคล้องกับช่วงวัยของเด็กและเยาวชนที่จะต้องได้รับการพัฒนาและความปลอดภัย
รวมทั้งจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนภาคบังคับที่มีเนื้อหาการเผชิญเหตุฉุกเฉินหรือการเตรียมความพร้อมหากเกิดอุบัติเหตุให้กับเด็กตั้งแต่ระดับปฐมวัย
ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
รวมถึงกำหนดชั่วโมงเรียนเพื่อฝึกปฏิบัติและเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุทุกปี ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงคมนาคมสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1105 | การศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทะเบียนประวัติอาชญากร | ตช. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการ เรื่อง
การศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทะเบียนประวัติอาชญากร ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะฯ
ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในภาพรวม เช่น (๑) การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น
ได้มีการจัดทำคำสั่ง ตร. ที่ ๕๗๖/๖๗ เรื่อง แนวทางการดำเนินการด้านทะเบียนประวัติอาชญากร
ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติของหัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงานและกองทะเบียนประวัติอาชญากร
(๒) การแก้ไขปัญหาในระยะกลาง
ได้มีการจัดทำบันทึกความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลสารบบคดีกระบวนการยุติธรรมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (๓) การแก้ไขปัญหาในระยะยาว ซึ่งกระทรวงยุติธรรมอยู่ระหว่างทบทวนปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติทะเบียนประวัติอาชญากรรม
พ.ศ. .... เพื่อให้การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันและช่วยลดเวลาการทำงานได้มากขึ้น
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1106 | สรุปผลการพิจารณาและผลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและเสนอแนะการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการประมงให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการประมงและกิจการประมงทั้งระบบ สภาผู้แทนราษฎร | กษ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาและผลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและเสนอแนะการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการประมงให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการประมงและกิจการประมงทั้งระบบ
สภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
โดยสรุปผลการดำเนินการได้ ดังนี้ ๑. การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรม
ได้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการบังคับใช้พระราชกำหนดประมง พ.ศ. ๒๕๕๘
พบว่ายังไม่สมควรยกเลิกพระราชกำหนดดังกล่าว
โดยได้ดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขหลักเกณฑ์บางประการ (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒
พ.ศ. ๒๕๖๐)
อีกทั้งได้มีการออกกฎหมายลำดับรองให้สอดคล้องกับการทำประมงขึ้นมาใช้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยแล้ว ๒. การแก้ไขปัญหาแรงงานประมง
ได้มีการออกกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีสัตยาบันในอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ
ฉบับที่ ๑๘๘ ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง ค.ศ. ๒๐๐๗ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในภาคประมง
พ.ศ. ๒๕๖๒ กฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้น นอกจากนี้
ได้ใช้ระบบแจ้งเข้า-ออกเรือประมงไทยแบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบการแจ้งขึ้นลงทำการในเรือสำหรับคนประจำเรือซึ่งมีการเก็บข้อมูลภาพถ่ายใบหน้าเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบแรงงาน
ณ ท่าเทียบเรือ ๓.
แนวทางการรักษาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและความมั่นคงทางทะเล
ได้มีการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับประเภทและชนิดของทรัพยากรธรรมชาติและจัดทำโครงการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอุทยานแห่งชาติ
ประกอบกับได้มีการกำหนดเขตกิจกรรมพิเศษในแผนบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติให้ครอบคลุมพื้นที่อนุญาตให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้
เพื่อแก้ไขปัญหาการดำรงชีพตามวิถีชุมชนหรือวิถีชีวิตดั้งเดิมที่อยู่โดยรอบอุทยานแห่งชาติ
รวมทั้งได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิทยาศาสตร์ที่มีภารกิจเฉพาะด้านการประเมินสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำ
ในการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรประมงทะเลไทย ๔. การส่งเสริมการส่งออก นำเข้า
และการตรวจสอบสินค้าประมง
ได้มีมาตรการควบคุมตรวจสอบสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์
โดยให้ความสำคัญในการเฝ้าระวังป้องกันการนำเข้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย
ซึ่งปัจจุบันได้มีการยกระดับมาตรการและกำหนดแนวทางในการควบคุมตรวจสอบการนำเข้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำด้านต่าง
ๆ ให้เป็นไปอย่างเข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1107 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... | รง. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายชื่อกิจการที่ไม่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔
โดยกิจการดังกล่าวต้องจัดให้มีมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงานในหน่วยงานของตนไม่ต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัยอาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงานตามพระราชบัญญัติความปลอดภัยฯ เพื่อให้บุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้องในหน่วยงานมีความปลอดภัยในการทำงาน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1108 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง การจ่ายเงินทดแทน | รง. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
การจ่ายเงินทดแทน มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินค่าทดแทนที่รัฐวิสาหกิจต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
เพื่อให้ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจได้รับสวัสดิการที่เท่าเทียมกับลูกจ้างภาคเอกชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของพนักงานรัฐวิสาหกิจในภาพรวมควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าปัจจุบันมีการออกกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ จึงอาจมีการพิจารณาปรับอัตราตามร่างประกาศฉบับนี้ให้มีความสอดคล้องกันในระยะต่อไป ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
การจ่ายเงินทดแทน มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินค่าทดแทนที่รัฐวิสาหกิจต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
เพื่อให้ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจได้รับสวัสดิการที่เท่าเทียมกับลูกจ้างภาคเอกชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของพนักงานรัฐวิสาหกิจในภาพรวมควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าปัจจุบันมีการออกกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ จึงอาจมีการพิจารณาปรับอัตราตามร่างประกาศฉบับนี้ให้มีความสอดคล้องกันในระยะต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1109 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (ครั้งที่ 1) (นางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง) | อว. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนางสาววิภารัตน์
ดีอ่อง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ
๔ ปี ในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๙
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1110 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ ๑) ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณามาตรการเพื่อรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
๒) ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการเพิ่มรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓) หน่วยรับงบประมาณควรพิจารณาการใช้จ่ายรายจ่ายประจำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยไม่กระทบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามสิทธิและตามกฎหมาย และ ๔)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง
แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) อย่างเคร่งครัด
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1111 | การจัดทำความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ | นร. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การจัดทำความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศต่าง
ๆ เป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุด รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการที่ต่างประเทศหรือหน่วยงานระหว่างประเทศได้ทราบข้อมูล
ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของประเทศไทยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมในภาพรวมของการจัดทำความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศหรือจากองค์การระหว่างประเทศของทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่าง
ๆ ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายด้านการต่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือซึ่งมีสารัตถะเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยน/การใช้/การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีความอ่อนไหว
(Sensitive) หรือเป็นองค์ความรู้
หรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ซึ่งควรเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทยเท่านั้น
เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1112 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๕ (The 5th ASEAN Digital Ministers’ Meeting : The 5th
ADGMIN) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๘ ฉบับ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว
ประกอบด้วย (๑) ร่างปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ (Bangkok Digital Declaration) (๒) ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุม ADGMIN ครั้งที่
๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (Joint Media Statement) (๓)
ร่างรายงานโครงการศึกษาขั้นตอนการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital
Identification in ASEAN-Baseline study on how ASEAN leverage the digitalization
of ID) (๔) ร่างเอกสารแผนปฏิบัติการสำหรับกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวข้ามพรมแดนระดับสากล
และการรับรองความเป็นส่วนตัวระดับสากลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูล (Operational
Framework for Global Cross-Border Privacy Rules : Global CBPR and Global
Privacy Recognition for Processors : Global PRP) (๕)
ร่างเอกสารเพิ่มเติมแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลและจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียนโดยครอบคลุมถึงปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์
(Expanded ASEAN Guide on AI Governance and Ethics-Generative AI) (๖) ร่างรายงานการสำรวจกิจกรรมการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียน (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๖๗) ภายใต้คณะทำงานอาเซียนด้านการป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์
[Report of the Online Scams Activities in ASEAN (2023-2024) under the ASEAN
Working Group on Anti-Online Scam : WG-AS] (๗)
ร่างเอกสารข้อแนะนำของอาเซียนในการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (ASEAN
Recommendations on Anti-Online Scam) และ (๘)
ร่างเอกสารกรอบการบูรณาการบริการรัฐบาลดิจิทัลของอาเซียน (ASEAN Digital
Government Interoperability Framework) ซึ่งเป็นเอกสารแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลในระดับภูมิภาค เช่น
การป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ การประสานงานด้านความมั่นคงไซเบอร์
การส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถด้านทักษะดิจิทัล การผลักดันกลยุทธ์การทำงานร่วมกันของภาครัฐและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งชาติ
การดำเนินการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล การอำนวยความสะดวกข้อมูลข้ามพรมแดน
รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ได้รับจัดสรร รวมถึงเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานที่ดำเนินการในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1113 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำเเหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... | ตช. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทตำแหน่งและการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ
ให้ครอบคลุมกับกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบัน
และเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการประเภทอื่น
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1114 | การทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล
โดยกระทรวงการคลังได้จัดทำแบบรายงานข้อมูลโครงการสลากการกุศลตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้การพิจารณาและการติดตามการออกสลากการกุศลครั้งต่อไปเป็นไปอย่างเหมาะสม
มีความรอบคอบ ชัดเจนยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่าในการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลควรคำนึงถึงผลกระทบ
ความจำเป็น และความพร้อมของการดำเนินโครงการที่มุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมทุกมิติในวงกว้าง
โดยเฉพาะการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบาง อาทิ คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส
ฯลฯ
เพื่อพัฒนาศักยภาพให้พร้อมรับมือกับสภาพปัญหาสังคมที่ผันผวนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย
และควรมีการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการที่ขอรับการสนับสนุนฯ
ทั้ง ๓๐ โครงการ อย่างเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ เกิดความคุ้มค่า
และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างแท้จริง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1115 | ขออนุมัติการเพิ่มกรอบวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต และทำเนียบเอกอัครราชทูต จำนวน 3 แห่ง | กต. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าว
ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
โครงการสนับสนุนการขับเคลื่อนการต่างประเทศอย่างมีเอกภาพและบูรณาการ เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตและทำเนียบเอกอัครราชทูต
รวมทั้งสิ้น ๓ รายการ จากวงเงินรวมจำนวน ๓๘,๑๖๓,๘๐๐ บาท
เป็นภายในกรอบวงเงินรวมจำนวน ๔๓,๒๕๕,๗๐๐
บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นสำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๑๓๓๘
ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1116 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | อก. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1117 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... | มท. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลวัฒนานคร และตำบลห้วยโจด
อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในที่ดินการคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยได้มีการกำหนดแผนผังและการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมจำแนกออกเป็น ๑๒ ประเภท
ซึ่งแต่ะละประเภทจะกำหนดลักษณะกิจการที่ให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินแต่ละประเภทนั้น
ๆ ตลอดจนกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นควรให้เพิ่มข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ว่าให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการสงวนและคุ้มครองดูแลรักษาหรือบำรุงป่าไม้
สัตว์ป่า ต้นน้ำ ลำธาร และทรัพยากรธรรมชาติอื่น
ๆ และให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการป่าไม้ด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าพื้นที่บางส่วนของผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จ. สระแก้ว เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร
ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยควรสนับสนุนเจ้าพนักงานของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ให้กำกับ
ดูแล
และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของผังเมืองรวมอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1118 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | กษ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโซง และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง
และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นควรให้กรมชลประทานเร่งรัดดำเนินการจ่ายค่าทดแทนให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
โดยเร็วและเป็นธรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดความขัดแย้งระหว่างส่วนราชการกับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการของรัฐ
และการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1119 | โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และโครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และโครงการสินเชื่อ Beyond.ติดปีก SME ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) โดยในปีที่ ๑ - ๓ ให้ ธพว. คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่จากผู้ประกอบการ SME
ร้อยละ ๓ ต่อปี สำหรับปีที่ ๔ - ๑๐ ให้คิดอัตราดอกเบี้ย ตามที่ ธพว.
กำหนด และรัฐบาลจ่ายชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับ ธพว. ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี
ในปีที่ ๑ - ๓ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณไม่เกิน ๑,๘๐๐ ล้านบาท
และเมื่อใกล้ครบกำหนดระยะเวลา ๓ ปี ให้กระทรวงการคลัง (ธพว.)
ดำเนินการประเมินศักยภาพของผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมโครงการว่ายังคงมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่
ประการใด
เพื่อพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการขอรับการชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธพว.) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
รวมทั้งให้จัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการและติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non - Performing Loans : NPLs) ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแล ธพว.
ในการให้สินเชื่อของทั้ง ๒ โครงการ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
และไม่ซ้ำช้อนกับการดำเนินโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
(ธพว.) และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรกำหนดอัตราดอกเบี้ยโครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME ในปีที่ ๖ - ๑๐
ให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับข้อมูลครบถ้วนสำหรับประกอบการตัดสินใจ และควรทบทวนอัตราดอกเบี้ยชดเชยให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณภาครัฐที่ต้องชดเชยภายใต้การดำเนินงานโครงการดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรกำหนดกระบวนการคัดกรองลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ
เพื่อให้การสนับสนุนสินเชื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ
และควรมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการใช้สินเชื่อว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การกู้ยืม
รวมถึงมีกลไกในการบริหารความเสี่ยงของโครงการให้อยู่ในระดับที่ธนาคารยอมรับได้
เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับ
ธพว.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสรุปผลการดำเนินมาตรการ/โครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ
SME ของภาครัฐในภาพรวมให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบทุกไตรมาส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1120 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินอุดหนุนตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด) | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ที่จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
สำหรับเงินอุดหนุนที่ได้รับตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดที่ได้รับตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ลดต้นทุนการผลิต ยกระดับการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|