ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 57 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1121 - 1140 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1121 | การปรับปรุงระบบแรงจูงใจในส่วนของค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ | กค. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1122 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม
ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในกรอบวงเงิน
๖,๔๗๓.๙๘
ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย
ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E -
Bidding) ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด และรายละเอียดอื่นที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลง
ให้ยึดถือตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) เร่งรัดการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม
ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการพิจารณาเสนอเรื่อง
การปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในโอกาสแรก และสร้างความชัดเจนของนโยบายรูปแบบการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) และในกรณีที่มีความเหมาะสมที่จะใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
เห็นควรให้มีการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.)
ในอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน รฟฟท. เป็นผู้ดำเนินการเดินรถในโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) รวมทั้งเร่งดำเนินการให้ได้มาซึ่งเอกชนร่วมลงทุน
เพื่อให้การลงทุนก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองฯ มีความสอดคล้องกับการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
และป้องกันไม่ให้เกิดภาระงบประมาณในการดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมจากความล่าช้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1123 | ข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว | สม. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1124 | ร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. .... | พน. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขนส่งก๊าซธรรมชาติด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว
เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัย ป้องกันอัคคีภัย
และระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ ความเสียหายหรืออันตรายอื่นใดที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล
สัตว์ พืชหรือสิ่งแวดล้อม จากการขนส่งก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางน้ำด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวควรมีหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องและมีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางบก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการกำหนดบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวที่ได้รับใบอนุญาตก่อนร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้
ไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ ๖ ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีระบบจัดเอกสารแบบก่อสร้าง
รายการคำนวณความมั่นคงแข็งแรง หลักฐานการทดสอบและตรวจสอบ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เอกสาร และข้อ ๑๙
ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวหรือระบบท่อก๊าซ จะต้องจัดให้มีวาล์วสำหรับป้องกันไม่ให้เติมก๊าซธรรมชาติเหลวเกินกว่าระดับความจุสูงสุดที่กำหนดไว้
เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการดังกล่าว ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของร่างกฎกระทรวงฯ
ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวตามเจตนารมณ์ของการร่างกฎกระทรวงฯ
ที่กำหนดไว้ต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการนำกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกมาบังคับใช้กับการติดตั้งถังขนส่งก๊าซฯ
และกรณีอื่น ๆ ไม่ได้ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
และเห็นว่าการยึดถังขนส่งก๊าซฯ ติดกับรถไฟ ต้องคำนวณการวางถังอย่างถูกต้องและกำหนดมาตรการให้รัดกุม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางน้ำด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวควรมีหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องและมีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางบก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1125 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กต. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. ให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจการยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ.
๒๕๔๕ เพื่อรองรับการตรวจลงตราประเภททูต ประเภทราชการ และประเภทอัธยาศัยไมตรี
สำหรับหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป
และสอดคล้องกับความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ-ปาสเซ
(Laissez-Passer) ที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่สมบูรณ์
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อฝ่ายสหภาพยุโรปเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อร่างกฎกระทรวงตามข้อ
๑ มีผลใช้บังคับ
เพื่อให้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ
- ปาสเซที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่สมบูรณ์มีผลใช้บังคับต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1126 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2024) | อว. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1127 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | กต. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบความเหมาะสมของราคารายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบสถานเอกอัครราชทูต
ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑ แห่ง
ในวงเงิน ๓๒๐,๒๓๒,๙๐๐ บาท และรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบ
สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑ งาน ในวงเงิน ๒๔,๐๑๗,๔๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๗๐
แต่เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารฯ
ซึ่งเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ตามหนังสือที่อ้างถึง ๖ จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
และเมื่อได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว
หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบ
และดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ขอให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
และต่อรองราคาจนถึงที่สุดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ที่ นร ๐๗๐๖/๘๓๒๗ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1128 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) | นร. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๙ ตุลาคม ๖๕๖๗) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการต่าง ๆ
ในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) ในพื้นที่ต่าง
ๆ ของประเทศให้เหมาะสมและครบถ้วนทั้งที่เป็นปัญหามลพิษจากการเผาตอซังและพืชไร่ในภาคการเกษตร
ควันและไอเสียของยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐาน และฝุ่นควันจากภาคอุตสาหกรรม
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ
ตามหน้าที่และอำนาจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นั้น ในขณะนี้
ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 เริ่มรุนแรงขึ้นและภาพถ่ายดาวเทียมยังแสดงให้เห็นว่าในบางจังหวัดมีจุดความร้อน
(Hotspot) เพิ่มมากขึ้นด้วย จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ เพิ่มเติม ดังนี้ ๑. มาตรการเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตร ๑.๑
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งกำหนดมาตรการเพิ่มเติม
เพื่อให้ผู้ประกอบการอ้อยและน้ำตาลทรายงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้อย่างเด็ดขาด ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด
และเข้มงวดกับผู้เผาป่า ตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อย และพืชอื่น ๆ
รวมทั้งให้มีการประกาศกำหนดเขตควบคุมมลพิษให้ชัดเจนและเหมาะสม
โดยขอให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย ๑.๓
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผาอย่างเด็ดขาด ๑.๔ ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
หน่วยงานความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
รวมกันดำเนินการตรวจสอบและจับกุมการลักลอบน้ำเข้าพืชผลทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการเผา
ตามแนวชายแดนทุกด้านของประเทศอย่างเข้มงวด ๒. มาตรการลดมลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) ๒.๑
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตรวจสอบ ตรวจจับ และระงับการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำจากท่อไอเสียเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะ รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุกขนาดใหญ่
รวมทั้งรถโดยสารประจำทางทั้งที่เป็นของหน่วยงานของรัฐและรถร่วมบริการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1129 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อกำหนดลักษณะความประพฤติต้องห้ามของนักเรียนและนักศึกษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1130 | ร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. .... | พน. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ
เช่น การออกแบบสร้าง ติดตั้ง การทดสอบและตรวจสอบการป้องกันและระงับอัคคีภัย
ตลอดจนแนวทางปฏิบัติในการเลิกประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล
เพื่อป้องกันและระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหาย
หรืออันตรายที่มีผลกระทบจากการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการดำเนินการต่าง
ๆ ในเขตทางหลวงต้องดำเนินการให้ถูกต้องตาม พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทางเป็นหลัก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานเร่งรัดการดำเนินการร่างกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ
พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1131 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร-UNDP (Bangkok-UNDP Regional Innovation Center: RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab: TPLab) | นร.11 สศช | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development
Programme : UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร - UNDP (Bangkok - UNDP Regional Innovation Center :
RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (TPLab) (โครงการความร่วมมือ RIC) นับแต่วันสิ้นสุดความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลไทยกับ
UNDP ในการดำเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย
ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ เป็นวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการความร่วมมือ RIC ที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
และเห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลไทยกับ UNDPในการดำเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย โดยให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างพิธีสารฯ
ของฝ่ายไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1132 | ร่างเอกสาร Guidelines and Minimum Standards ด้านโภชนาการระดับอาเซียน 5 ฉบับ | สธ. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสาร Guidelines and
Minimum Standards ด้านโภชนาการระดับอาเซียน จำนวน ๕ ฉบับ
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
ประกอบด้วย (๑) เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำด้านโภชนาการมารดาในอาเซียน (ASEAN
Guidelines and Minimum Standards for Maternal Nutrition) (๒)
เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำด้านการเสริมสารอาหารปริมาณมากที่จำเป็น (ASEAN
Guidelines and Minimum Standards for Implementation of Mandatory Large-scale
Food Fortification) (๓) เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำการจัดการปัญหาเด็กที่มีภาวะผอมในระบบสุขภาพแห่งชาติ
(ASEAN Regional Guidelines on Minimum Standards for Management of Child
Wasting in National Health Systems) (๔)
เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำด้านโภชนาการในโรงเรียนแบบองค์รวม
(Minimum Standards and Guidelines for the ASEAN School Nutrition Package) และ (๕)
เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำการปกป้องเด็กจากผลกระทบอันตรายของการตลาดเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในอาเซียน
(Minimum standards and guidelines on actions to protect children from the
harmful impact of marketing of food and non-alcoholic beverages in the ASEAN
region) ซึ่งเป็นเอกสารที่รวบรวมผลการศึกษาและการวิจัยด้านโภชนาการเพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนนำไปใช้เป็นองค์ความรู้และแนวทางในการดำเนินการด้านโภชนาการภายในประเทศ
เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานโภชนาการระดับโลก (Global
Nutrition Target) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยังยืน (Sustainable
Development Goals : SDGs) โดยจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการอาเซียน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า
ร่างเอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำการปกป้องเด็กจากผลกระทบอันตรายของการตลาดเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในอาเซียน
ในส่วนของการบังคับใช้หรือการปรับใช้ภายในประเทศ
อาจให้มีการพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในเชิงนโยบายด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ
มาตรการทางการค้า มาตรการการคุ้มครองผู้บริโภค
และในการดำเนินการจัดทำร่างเอกสารดังกล่าวควรคำนึงถึงผลกระทบต่อการใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในทางการค้าของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
รวมถึงสิทธิทางการค้าที่อาจถูกจำกัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1133 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | นร.01 | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้องค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน
หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะที่เป็นองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีตามข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐและหน่วยธุรการขององค์การของรัฐที่เป็นอิสระ
ซึ่งเป็นหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒) เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1134 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการคลัง) | กค. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ คณะ ได้แก่
คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1135 | รัฐบาลสาธารณรัฐปานามาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐปานามาประจำประเทศไทย (นายดิเอโก อารังโก เปเซต) | กต. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดิเอโก อารังโก
เปเซต (Mr. Diego Arango Pezet) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐปานามาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางสาวอิตเซล การินา เชน ชัน (Ms.
Itzel Karina Chen Chan) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1136 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองมอนทรีออล แคนาดา และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองมอนทรีออล แคนาดา เป็นการชั่วคราว | กต. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ
นายหลุยส์ พี เดส์มาเรส์ (Mr. Louis P. Desmarais) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองมอนทรีออล แคนาดา ตั้งแต่วันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๗ เนื่องจากไม่ประสงค์ต่อวาระการดำรงตำแหน่ง ๒. การปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองมอนทรีออล
แคนาดา เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองมอนทรีออล
แคนาดา คนใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1137 | รัฐบาลสาธารณรัฐไนเจอร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไนเจอร์ประจำประเทศไทย (นายการ์บา เซนี) | กต. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายการ์บา เซนี (Mr. Garba Seyni) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไนเจอร์ประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายอาลี อิลเลียสซู (Mr.Ali
Illiassou) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1138 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2568 | ปสส. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๙
มกราคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1139 | แนวทางการเร่งรัดจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด | นร. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) รายงานด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มกราคม
๒๕๖๘ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
รายงานผลการหารือแนวทางการเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
โดยเร็วที่สุดร่วมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน
และการมีส่วนร่วมของประชาชนสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
โดยในการประชุมหารือดังกล่าวได้ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๕๖ (๑) ซึ่งประธานรัฐสภาได้มีคำสั่งบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... (นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
แล้ว ในวันที่ ๑๔ - ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘ จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรี ๑.
รับทราบความคืบหน้าการบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... . (นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
เข้าระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ๒.
ให้เป็นดุลยพินิจของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะพิจารณาเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
และแจ้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1140 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทย | กต. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ
นายโชติรัส ชวนิชย์ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทย
ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เนื่องจากไม่ประสงค์จะดำรงตำแหน่งต่ออีกครั้ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|