ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 536 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 10701 - 10720 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10701 | มาตรการเยียวยาช่วยเหลือคนพิการในช่วงภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | พม | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการเยียวยาช่วยเหลือคนพิการในช่วงภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามมติคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. รับทราบการช่วยเหลือคนพิการผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คนละ ๑,๐๐๐ บาท จำนวนหนึ่งครั้ง โดยใช้จ่ายจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบฐานข้อมูลของคนพิการผู้ได้รับผลกระทบตามมาตรการในครั้งนี้ และมาตรการอื่น ๆ ของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยการเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก เป็นสำคัญ เพื่อลดความซ้ำซ้อน และถูกต้องครบถ้วนตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด และเพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการคลังและงบประมาณในอนาคตมากเกินสมควรด้วยไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบในหลักการให้ปรับสวัสดิการเบี้ยความพิการของคนพิการที่มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี และมีบัตรประจำตัวผู้พิการ จากเดิมที่ได้รับ ๘๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน เป็น ๑,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10702 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช | กษ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ว่าที่ร้อยตรีชนะ ไชยชนะ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคเหนือ ๒. นายธวัชชัย ถนอมลิขิต ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคกลาง ๓. นายบุญถม วงศรีเทพ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นายวรพจน์ กุศลสงเคราะห์กุล ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออก ๕. นายวิเชียร เอกศิริวรานนท์ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันตก ๖. นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคใต้ ๗. นางสาวภัทรพร ภักดีฉนวน ผู้แทนนักวิชาการด้านปรับปรุงพันธุ์พืช ๘. นางสาววิมล พรหมทา ผู้แทนนักวิชาการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๙. นางกนกพร ดิษฐกระจันทร์ ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐. นางสาวกัญญณัช ศิริธัญญา ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๑๑. นายปิยะ กิตติภาดากุล ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์ และขยายพันธุ์พืช ๑๒. นางฐะปานี อาตมางกูร ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10703 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด | มท | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การตลาดมีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๔ คน (นับรวมกับกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งไว้แล้ว และผู้อำนวยการซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด รวม ๗ คน แทนตำแหน่งที่ว่าง ประกอบด้วย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ๒. นายศุภสิทธิ์ ศิริศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ ๓. นายทศพล สังขทรัพย์ ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่น ๔. นายสุรเชษฐ์ ลักษมีพงศ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่น ๕. นายศุภกร พจมานศิริกล ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่น ๖. นายสมศักดิ์ วรวิจักษณ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่น ๗. นางญาใจ พัฒนสุขวสันต์ ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10704 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร) | ยธ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมได้รับอนุญาตให้ลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10705 | ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจัดตั้งหรือร่วมกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งองค์กรนิติบุคคล และการเข้าร่วมทุน ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อดำเนินกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ พ.ศ. .... | กห | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10706 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 1 | กค | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10707 | ร่างปฏิญญาทางการเมือง COVID-19 ของการประชุมสุดยอดกลุ่มเฉพาะกิจของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยวิธีออนไลน์ เพื่อรับมือกับ COVID-19 (Online Summit level Meeting of the NAM Contact Group in response to COVID-19) | กต | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการรับรองร่างปฏิญญาทางการเมือง COVID-19 (Political Declaration of NAM on COVID-19) ของการประชุมสุดยอดกลุ่มเฉพาะกิจของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยวิธีออนไลน์ เพื่อรับมือกับ COVID-19 (Online Summit level Meeting of the NAM Contact Group in response to COVID-19) โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมสุดยอดกลุ่มเฉพาะกิจของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยวิธีออนไลน์ เพื่อรับมือกับ COVID-19 ในวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ณ สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกในกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งการอำนวยความสะดวกด้านการส่งสินค้า โดยเฉพาะเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอาหารให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับผลกระทบ การสนับสนุนการดำเนินงานของเลขาธิการสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลกซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 พร้อมทั้งสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ นักวิจัยด้านการแพทย์ และความร่วมมือจากนานาประเทศในการพัฒนาวัคซีนและแนวทางการรักษาเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชนจากทุกประเทศ และการจัดตั้งกลุ่มผู้ประสานงาน NAM (NAM Task Force) เพื่อติดตามการดำเนินงานตามร่างปฏิญญาฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10708 | การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนวาระพิเศษผ่านระบบการประชุมทางไกล (Special Meeting of ASEAN Tourism Minister on COVID-19) | กก | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนวาระพิเศษผ่านระบบการประชุมทางไกล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเทียวอาเซียนวาระพิเศษผ่านระบบการประชุมทางไกล (Special Meeting of ASEAN Tourism Minister on COVID-19) และให้ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมดังกล่าว ในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความห่วงใยและยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันท่วงที และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นในวงกว้าง ตลอดจนเตรียมความพร้อมสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์คลี่คลายลงเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและคืนความเป็นปกติสุขกลับสู่ภูมิภาคในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า สถานการณ์โรคระบาด COVID-19 อาจก่อให้เกิดความปกติใหม่ (New Normal) ที่ทำให้พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป เช่น ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัย และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากขึ้น การพิจารณาจัดทำแนวทางรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก จึงควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอาเซียนที่ยั่งยืนและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10709 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2563 | นร11 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซี่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกระทรวงการคลัง โดยในส่วนของโครงการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกระทรวงการคลัง เป็นการขยายจำนวนผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิในโครงการดังกล่าว จากเดิม ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๓ [เรื่อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ครั้งที่ ๒] เห็นชอบไว้ ๑๔ ล้านราย ในกรอบวงเงิน จำนวน ๒๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น จำนวน ๑๖ ล้านราย ในกรอบวงเงิน ๒๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้ แหล่งเงินที่จะนำไปใช้จ่ายและเบิกจ่ายเพื่อการข้างต้น ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำประมาณการความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้การกู้เงินเพื่อใช้จ่ายโครงการเป็นการกู้เงินตามความจำเป็นและเงื่อนเวลาสอดคล้องกับแนวทางการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยคำนึงถึงต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10710 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร07 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10711 | ผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 3/2563 | นร08 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๓ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ การประเมินผลสัมฤทธิ์ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 แนวทางการผ่อนปรนมาตรการบังคับใช้กฎหมายภายหลังการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และข้อสังเกตเพิ่มเติมเพื่อพัฒนากรอบแนวทางการผ่อนปรนการกำหนดมาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ตามที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10712 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร08 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก ๑ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ๒ เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑) และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10713 | การดำเนินมาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงวันหยุดเดือนพฤษภาคม 2563 | นร | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า โดยที่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ จะมีวันหยุดหลายวัน ทั้งที่เป็นวันหยุดราชการและวันหยุดของภาคเอกชน โดยวันศุกร์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นวันแรงงานแห่งชาติซึ่งเป็นวันหยุดตามประเพณีของผู้ใช้แรงงานและรัฐวิสาหกิจ วันจันทร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นวันฉัตรมงคล วันพุธที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นวันวิสาขบูชา และวันจันทร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นวันพืชมงคล ซึ่งอาจทำให้มีการลาหยุดงานต่อเนื่องกันหลายวันในช่วงวันที่ ๑-๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ มีการเดินทางข้ามจังหวัดและการรวมตัวกันของประชาชนเพิ่มมากขึ้น อันจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในวงกว้าง ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมกันรณรงค์ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” อย่างต่อเนื่องต่อไป ๒. ขอความร่วมมือประชาชนในการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” และงดการเดินทางข้ามจังหวัดโดยไม่จำเป็น ๓. ให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะระยะทางไกลทุกประเภทเพื่อขอให้พิจารณาขยายเวลาการงดให้บริการเดินรถออกไปอีกระยะหนึ่ง ๔. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเวรยามหรือตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจ/จุดสกัดเพิ่มเติม [ตามมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑)] อย่างเคร่งครัด รวมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการตรวจคัดกรองประชาชนด้วย ๕. ให้ผู้บังคับบัญชาส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในทุกระดับพิจารณาการอนุมัติ/อนุญาตการลาหยุดของข้าราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้นตามความจำเป็นและเหมาะสมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกรณีการลาหยุดในวันที่จะมีผลเป็นการหยุดต่อเนื่องหลายวัน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือภาคเอกชนให้ร่วมดำเนินการตามแนวทางเดียวกันนี้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10714 | ให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาของสหกรณ์ | นร | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันการดำเนินกิจการของสหกรณ์หลายแห่งประสบปัญหาทั้งในด้านการบริหารจัดการ ด้านการเงิน หรือขาดสภาพคล่อง รวมทั้งปัญหาความโปร่งใสในการดำเนินงานของผู้บริหารสหกรณ์ด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสมาชิกสหกรณ์และประชาชนที่เกี่ยวข้องในวงกว้างได้ ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) ติดตามและตรวจสอบการดำเนินกิจการของสหกรณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งให้จัดทำรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาของสหกรณ์เสนอต่อนายกรัฐมนตรีทุก ๆ ๑ เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10715 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา ที่จังหวัดยะลา | อก | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10716 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน : กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ห้วงวันที่ 7-16 เมษายน 2563 | วธ | 21/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน : กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ห้วงวันที่ ๗-๑๖ เมษายน ๒๕๖๓ โดยเน้นการสร้างความตระหนักและกระตุ้นเตือนประชาชนในช่วงประเพณีสงกรานต์ โดยดำเนินการออกประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับเทศกาลประเพณีสงกรานต์ และการขับเคลื่อนภายหลังการประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับเทศกาลประเพณีสงกรานต์ สำหรับการประเมินผลการดำเนินงานในภาพรวม พบว่า ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติเป็นอย่างดี นอกจากนี้ สื่อมวลชนทั้งในส่วนกลางและในท้องถิ่นเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและนำเสนอข้อมูลเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการยั่วยุให้มีพฤติกรรมการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10717 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 พ.ศ. .... | นร11 | 21/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญประกอบด้วย ๖ หมวด ได้แก่ หมวดที่ ๑ การกำหนดหน้าที่ของหน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการภายใต้การเสนอโครงการ การจัดสรรเงินกู้ การเบิกจ่ายเงินกู้ และการรายงานผลการดำเนินโครงการ รวมถึงการรับฝากเงินกู้และจัดทำระบบบัญชี หมวดที่ ๒ การเสนอ การพิจารณากลั่นกรอง และการอนุมัติโครงการ หมวดที่ ๓ การดำเนินโครงการ หมวดที่ ๔ การเก็บรักษาเงินกู้และการเบิกจ่ายเงินกู้ หมวดที่ ๕ การติดตามประเมินผล และการรายงานผลการใช้เงินกู้ และหมวดที่ ๖ การใช้วงเงินกู้สำหรับรายการเงินสำรองจ่าย ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ โดยมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบดังกล่าวให้สมบูรณ์ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ รัดกุม มีความคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10718 | มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม | พน | 21/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้เป็นการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากย้ายถิ่นฐานกลับไปยังภูมิลำเนา รวมถึงการดำเนินการตามมาตรการการทำงานที่บ้าน (Work From Home) อันมีผลทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมาก และโดยที่มาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดนโยบายและแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงาน ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงขอปรับเปลี่ยนข้อเสนอในหนังสือกระทรวงพลังงาน ด่วนที่สุด ที่ พน ๐๑๐๐/๑๕๓ ลงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๓ จากเดิม ที่ขอเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพิ่มเติม เป็น การเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าฯ เท่านั้น สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายรองรับการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว จะพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานต่อไป ๒. รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพิ่มเติม โดยแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ (๑) ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๑๕๐ หน่วยต่อเดือน ให้ใช้ไฟฟ้าฟรี เป็นเวลา ๓ เดือน ในรอบการใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ๒๕๖๓ หากใช้ไฟฟ้าเกิน ๑๕๐ หน่วย ภายใน ๓ เดือนดังกล่าว จะไม่ถูกจัดอยู่ในประเภทที่จะให้ความช่วยเหลือในกลุ่มดังกล่าว และ (๒) ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน ๑๕๐ หน่วยต่อเดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้ารายเดือนสำหรับรอบการใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ เท่ากับค่าไฟฟ้าสำหรับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ในการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าฯ รวมทั้งแหล่งที่มาของงบประมาณสำหรับดำเนินมาตรการดังกล่าว ให้มีความชัดเจนครบถ้วน และดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงพลังงานและคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาบริหารจัดการเงินที่จะนำมาดำเนินมาตรการดังกล่าว โดยไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณ และดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนด้วยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10719 | การจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) เพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน | นร | 21/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลจำเป็นต้องมีฐานข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ ที่ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย มาตรการและแนวทางการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เหมาะสม เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้บูรณาการข้อมูลให้ครอบคลุมในทุกมิติและเป็นปัจจุบัน โดยอย่างน้อยต้องมีข้อมูลพื้นฐานของประชากรรายบุคคล ข้อมูลการประกอบอาชีพ ข้อมูลด้านการสาธารณสุขและการรักษาพยาบาล ข้อมูลการได้รับความช่วยเหลือเยียวยาและสวัสดิการจากรัฐ ข้อมูลการชำระภาษี และข้อมูลด้านอื่น ๆ ที่จำเป็น เพื่อให้สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องนี้ให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10720 | ร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน | พม | 21/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ซึ่งได้มีการปรับปรุงหลักการของมาตรการฯ จาก ๗ ข้อ เป็น ๑๒ ข้อ และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๓ แล้ว โดยมาตรการฯ ที่ปรับปรุงใหม่ ประกอบด้วย (๑) ข้อ ๑-๔ เป็นการกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำคู่มือ และการปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรและสภาพแวดล้อมภายในองค์กร (๒) ข้อ ๕-๘ เป็นการกำหนดเกี่ยวกับช่องทางการร้องทุกข์ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาภายในหน่วยงาน และ (๓) ข้อ ๙-๑๒ เป็นการกำหนดเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียน พยาน และผู้ถูกร้องเรียน รวมถึงการรายงานผลการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการให้ความช่วยเหลือ ชดเชย และเยียวยา หรือบรรเทาทุกข์แก่บุคคลซึ่งตกเป็นผู้เสียหายจากการถูกล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานเพื่อเป็นหลักประกันให้บุคคลได้รับความคุ้มครองและได้รับความเป็นธรรมอย่างแท้จริง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบการให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) เป็นศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) สร้างความเข้าใจกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมถึงภาคเอกชนในการดำเนินการตามมาตรการฯ ให้ถูกต้องและทั่วถึง ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการฯ ไปยังศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานอย่างเคร่งครัดด้วย
|
.....