ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 535 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 10681 - 10700 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10681 | รายงานประจำปี 2562 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | อื่นๆ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๒ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ในปี ๒๕๖๒ งบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชี และรายงานของคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10682 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ [มาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] | กค | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ [มาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรตามโครงการลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation) แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูง) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่การจ้างลูกจ้างที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) สร้างการรับรู้และความเข้าใจ และประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว (๒) อาจพิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการภาษีดังกล่าวเพื่อชักจูงนักลงทุนจากต่างประเทศ และส่งเสริมการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๓) ติดตาม ตรวจสอบให้ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินมาตรการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และ (๔) ศึกษาผลกระทบของการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิตที่มีต่อการจ้างแรงงานในอนาคต โดยเฉพาะแรงงานไร้ฝีมือเพื่อเตรียมความพร้อมในการหามาตรการรองรับผลกระทบดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10683 | รัฐบาลสาธารณรัฐปานามาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐปานามาประจำประเทศไทย (นางสาวอิตเซล การินา เชน ชัน) | กต | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอิตเซล การินา เชน ชัน (Ms. Itzel Karina Chen Chan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐปานามาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางมาริอา เดล การ์เมน มาร์ติเนซ อะโรเซเมนา (Ms. Maria del Carmen Martinez Arosemena) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10684 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. .... | อก | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีที่เรียกเก็บตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ และผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๓ ทุกขนาด เป็นเวลา ๑ ปี โดยให้มีผลใช้บังคับในวันที่พ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง และใช้เป็นกรอบในการวางแผนดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ และควรสื่อสารและประชาสัมพันธ์รายละเอียดและขั้นตอนการยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานเข้าถึงมาตรการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10685 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 63 | ยธ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs : CND) สมัยที่ ๖๓ ระหว่างวันที่ ๒-๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในการประชุม CND สมัยที่ ๖๓ มีคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมกิจกรรมที่สำคัญเพื่อประกาศความสำเร็จในการดำเนินงานด้านการพัฒนาทางเลือกต่อเนื่อง ๕๐ ปี ตามแนวทางศาสตร์พระราชาแก้ไขปัญหายาเสพติดบนพื้นที่สูง ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง ๒. การประชุมต่อเนื่องของ CND สมัยที่ ๖๓ ได้มีการหารือเพิ่มเติมในประเด็นการผลิตและแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกของยาเสพติดชนิดสังเคราะห์โดยเฉพาะเมทแอมเฟตามีน ความพยายามที่จะให้ความสำคัญกับเยาวชนและมาตรการป้องกันเพิ่มขึ้น รวมทั้งประเด็นการหารือเรื่องการเปลี่ยนแปลงขอบเขตการควบคุมกัญชาและสารที่เกี่ยวข้องกับกัญชาภายใต้อนุสัญญาควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ โดยที่ประชุมมีความเห็นที่แตกต่างกันของประเทศสมาชิก จึงเห็นชอบให้จัดการหารือเพิ่มเติมและพิจารณาประเด็นดังกล่าวอีกครั้งในการประชุมต่อเนื่องฯ ช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ ๓. การแสดงบทบาทอื่น ๆ ที่สำคัญของไทยในฐานะที่เป็นสมาชิกของ CND เช่น คัดเลือกผู้แทนเยาวชนไทยเข้าร่วมการประชุมเยาวชน หรือ Youth Forum ระหว่างวันที่ ๒-๔ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งจัดในช่วงการประชุม CND เป็นประจำทุกปี และสนับสนุนการพิจารณาควบคุมสารเสพติดและวัตถุออกฤทธิต่อจิตและประสาทภายใต้อนุสัญญาควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. ๑๙๖๑ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพิธีสาร ค.ศ. ๑๙๗๒ (๒) อนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. ๑๙๗๑ และ (๓) อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. ๑๙๘๘ จำนวน ๑๔ รายการ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10686 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของสำนักงานศาลปกครอง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10687 | ร่างพระราชบัญญัติสถาปนิก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10688 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พน | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๑๒ เพื่อกำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสามารถจัดส่งหรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นผู้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอันจะทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสามารถนำสถานีอัดประจุไฟฟ้ามาดำเนินการในเชิงพาณิชย์กับยานยนต์ของประชาชนได้ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องการเพิ่มสถานีอัดประจุไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยควรมีแผนและการดำเนินการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้กระจายไปสู่ภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพียงพอกับความต้องการในอนาคตเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมถึงรถบัสไฟฟ้าที่คาดว่าในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ จะมีการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ๗๕๐,๐๐๐ คัน โดยคำนึงถึงราคาพลังงานไฟฟ้าที่สามารถจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าได้ในที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10689 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 101 สาย อำเภอร้องกวาง - น่าน ตอน บ้านห้วยแก๊ต - บ้านห้วยน้ำอุ่น จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน | คค | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10690 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขการบำรุงรักษารถไว้ในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. .... | คค | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขการบำรุงรักษารถไว้ในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงื่อนไขการออกใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้องจัดให้มีการตรวจสอบและการบำรุงรักษารถที่ใช้ในการขนส่ง เมื่อครบกำหนดระยะทางหรือระยะเวลาการบำรุงรักษาตามที่กำหนด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและการใช้งานในการขนส่งมากขึ้น ซึ่งกระทรวงคมนาคมขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างข้อ ๑ วรรคสอง จาก “.....หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการบำรุงรักษารถตามที่อธิบดีประกาศกำหนด” เป็น “.....หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการบำรุงรักษารถตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี” ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดให้มีการบำรุงรักษารถ ลักษณะการใช้งานของรถที่ต้องจัดให้มีการบำรุงรักษาเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เพื่อให้มีความพร้อมในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10691 | ร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 พ.ศ. .... | กห | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรายการยุทธภัณฑ์และเพิ่มเติมรายชื่อสารเคมีให้เป็นปัจจุบัน มีความทันสมัย ครบถ้วนเป็นไปตามหลักสากลและสนธิสัญญาหรืออนุสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธะผูกพัน รวมทั้งตัดรายการยุทธภัณฑ์บางรายการที่มีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น ตลอดจนเพื่อให้การกำหนดยุทธภัณฑ์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรเพิ่มข้อความในข้อ ๒.๑.๓.๒๒ ของร่างประกาศ เป็น “หน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีสารชีวภาพทางทหารซึ่งสามารถให้การป้องกันต่อสารเคมี (Chemical Agents) และสารชีวภาพ (Biological Agents) ที่เป็นของแข็ง เป็นของเหลว เป็นแก๊ส เป็นไอ หรือเป็นละอองลอย (Aerosol) สารกัมมันตรังสีและสารนิวเคลียร์ เฉพาะที่มีลักษณะดังต่อไปนี้” และทบทวนการเขียนข้อความตอนท้ายของข้อ (๒) ให้ชัดเจนว่า วัตถุประสงค์ที่เขียนไว้เป็นคุณสมบัติของหน้ากากที่ต้องการหรือหน้ากากที่ยกเว้น (ไม่ต้องการ) กรณีที่เป็นวัตถุประสงค์ของหน้ากากที่ต้องการควรระบุไว้ท้ายประโยคของหน้ากากที่ต้องการ เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนก่อนตามด้วย “ยกเว้น...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ขอให้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการอนุญาตสารเคมีดังกล่าวให้กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10692 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปช | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รวมพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกันซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10693 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10694 | การเข้าร่วมกลไกความร่วมมือการจัดเก็บภาษีภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative Tax Administration Cooperation Mechanism : BRITACOM) | กค | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเข้าร่วมกลไกความร่วมมือการจัดเก็บภาษีภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative Tax Administration Cooperation Mechanism : BRITACOM) ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ซึ่งไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีและสามารถเข้าร่วมประชุมเวทีความร่วมมือด้านภาษี (Belt and Road Initiative Tax Administration Cooperation Forum : BRITACOF) ได้ ๑.๒ การเข้าร่วมเวทีเครือข่ายความร่วมมือด้านภาษีเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดเก็บภาษี (Belt and Road Initiative Tax Administration Capacity Enhancement Group : BRITACEG) ในฐานะสมาชิก ซึ่งไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรสามารถเข้าร่วมฝึกอบรมและวิจัยได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเข้าร่วมดังกล่าวกำหนดให้ต้องส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมหรือสัมมนาในเวทีต่าง ๆ ในต่างประเทศ จึงเห็นควรให้กรมสรรพากรใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่ได้กำหนดไว้ในแผนประมาณการค่าใช้จ่ายประจำปีไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10695 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกของเครือข่ายงานระดับภูมิภาคเพื่อการพัฒนาสหกรณ์การเกษตรแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (NEDAC) | กษ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง ขออนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของข่ายงานระดับภูมิภาคเพื่อการพัฒนาสหกรณ์การเกษตรแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Regional Network for the Development of Agricultural Cooperatives in Asia and the Pacific : NEDAC) รวมทั้งยุติการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาชิกให้กับ NEDAC ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้ประโยชน์จากเวทีความร่วมมือในการพัฒนางานด้านสหกรณ์ทั้งในระดับนานาชาติและระดับอาเซียนอื่น ๆ เช่น องค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ (International Co-operative Alliance : ICA) และคณะกรรมการศูนย์อาเซียนเพื่อการพัฒนาสหกรณ์การเกษตร (The ASEAN Centre for the Development of Agricultural Cooperatives Board) เพื่อเป็นเครือข่ายความร่วมมือทั้งในด้านวิชาการและการผลักดันกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อการเสริมสร้างและยกระดับการพัฒนาสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง สามารถเป็นกลไกในการพึ่งพาตนเองของเกษตรกรได้อย่างยั่งยืนไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10696 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา ที่จังหวัดยะลา | อก | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10697 | โครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถให้กับนักเรียน สำหรับโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล | ศธ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถให้กับนักเรียน สำหรับโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาโรงเรียนประจำตำบล (๑ ตำบล ๑ โรงเรียนคุณภาพ) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๘,๒๒๔ โรง ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามบริบทของชุมชนตนเอง ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในชุมชน เพื่อให้ “โรงเรียนกลายเป็นศูนย์กลางในชุมชน” และมอบหมายสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๕๑,๙๐๔.๗๓ ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ (๓ ปี) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติเงินจัดสรรไว้แล้ว สำหรับการดำเนินการในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่จะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อยอดสู่การเรียนรู้ทักษะสำหรับศตวรรษที่ ๒๑ ควรเน้นการพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนการสอนในลักษณะบูรณาการอย่างเป็นองค์รวม และการจัดการเรียนการสอนเชิงรุกที่เน้นการปฏิบัติจริง และควรมีการติดตามและประเมินผลโครงการฯ ที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดที่สะท้อนการพัฒนาผู้เรียน รวมถึงการจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อเก็บข้อมูลโรงเรียนในทุกมิติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) บูรณาการโครงการฯ ร่วมกับโครงการอื่น ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยพิจารณาจัดกลุ่มโรงเรียนในโครงการตามประเด็นการพัฒนาที่มีลักษณะเดียวกันเข้าไว้ด้วยกัน เช่น กลุ่มโรงเรียนที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มโรงเรียนที่ต้องการพัฒนา/ส่งเสริมคุณภาพครู เป็นต้น เพื่อให้สามารถวางแผนการดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีเป้าหมายของการดำเนินการในแต่ละระยะที่ชัดเจน นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ควรมีกลไกในการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการของโรงเรียน ก่อนที่จะขยายผลการดำเนินโครงการในแต่ละระยะเพื่อให้โรงเรียนดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อลดภาระให้แก่นักเรียน ครู และโรงเรียน และเป็นการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาที่ประหยัด คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สามารถแก้ไขปัญหาที่มีความหลากหลายในแต่ละโรงเรียนและแต่ละบริบทให้ตรงประเด็นและตรงตามความต้องการของพื้นที่มากยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงเรียนขนาดกลางให้มีความพร้อม เพื่อเป็นศูนย์กลางให้แก่โรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อรองรับกรณีที่จะต้องมีการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในอนาคต ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การขอยกเว้นเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐) ๔. โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลายาวนานจนกว่าปัญหาดังกล่าวจะหมดสิ้นไป ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงควรพิจารณาทบทวนและจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการต่าง ๆ โดยเน้นการพัฒนาหลักสูตรออนไลน์และพัฒนาระบบการเรียนการสอนด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั่วประเทศเป็นลำดับแรก เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10698 | แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562 - 2570) | อก | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๐) ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อวางกรอบแนวทางการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารในอนาคตแห่งอาเซียนควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยมีมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย ๔ มาตรการ ได้แก่ มาตรการสร้างนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ (Food Warriors) มาตรการสร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต (Future Food Innovation) มาตรการสร้างโอกาสทางธุรกิจ (New Marketing Platform) และมาตรการสร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรม (Enabling) และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควร (๑) กำหนดแผนการดำเนินงานให้ชัดเจน มีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ตามตัวชี้วัดของแผนปฏิบัติการฯ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อนำไปต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ (๒) ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ โดยคำนึงถึงแนวโน้มความต้องการสินค้าอาหารสะอาดที่มีคุณภาพในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปในตลาดโลก ค่านิยม และมาตรฐานการผลิตที่เป็นสากล เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและความปลอดภัย (Food Safety) ของอาหารแปรรูปของไทย (๓) เน้นมาตรการที่ส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีศักยภาพให้มีโอกาสในต่างประเทศ มีความเข้าใจตลาด เข้าถึงโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เด่นในด้านคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาดในต่างประเทศ (๔) มุ่งเป้าสู่การส่งเสริมสถานะของผลิตภัณฑ์อาหารจากประเทศไทยในฐานะที่เป็น Clean Cuisine ที่โดดเด่นของโลก และ (๕) เร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้าง องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติให้เป็นกลไกคณะกรรมการระดับชาติในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ และนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๐) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10699 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารและรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของทุกประเภทการขนส่งต้องจัดให้มีระบบการจัดการความปลอดภัยในการขนส่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งมีการวางแผนและควบคุมกำกับดูแลความปลอดภัยในการขนส่งทุกขั้นตอน รวมทั้งแผนการจัดการและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉิน อันจะทำให้การขนส่งเป็นไปด้วยความปลอดภัยและลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากการขนส่งทางถนน ซึ่งกระทรวงคมนาคมขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างข้อ ๑ (๙/๑) จาก “.....ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนด” เป็น “.....ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี” และ (๙/๒) จาก “.....ตามหลักสูตร ระยะเวลา และมีหน้าที่ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด” เป็น “.....ตามหลักสูตร ระยะเวลา และมีหน้าที่ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี” ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งจัดให้มีระบบการจัดการความปลอดภัยในการขนส่ง พร้อมทั้งเตรียมแผนและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการขนส่งทราบเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้กรมการขนส่งทางบกสามารถควบคุมและจัดระเบียบการขนส่งให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10700 | รัฐบาลราชอาณาจักรเดนมาร์กเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทย (นายยอน ทัวร์กอร์ด) | กต | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยอน ทัวร์กอร์ด (Mr. Jon Thorgaard) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอุฟเฟอ โวล์ฟเฮชเชิล (Mr. Uffe Wolffhechel) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....