ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 534 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 10661 - 10680 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10661 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2563 | นร11 | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10662 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี 2563 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี ๒๕๖๓ จำนวน ๖ แผนงาน ภายในกรอบวงเงินรวม ๑๔,๑๙๗ ล้านบาท ได้แก่ (๑) แผนงานปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพสถานีไฟฟ้า ปีงบประมาณ ๒๕๖๓ (๒) แผนงานย้ายแนวและเปลี่ยนทดแทนอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายและสายส่งไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง ปี ๒๕๖๓-๒๕๗๐ (๓) แผนงานปฏิบัติการดิจิทัลด้านระบบงานและแพลตฟอร์ม (๔) แผนงานปฏิบัติการดิจิทัลด้านสื่อสารและโทรคมนาคมของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปี ๒๕๖๓ (๕) แผนงานการใช้พื้นที่สำนักงานใหญ่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการตามแผนแม่บท Phase B และ (๖) แผนงานจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทดสอบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นรายปีจนกว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ภายหลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งจัดทำแผนความต้องการกู้เงินเพื่อขอบรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะต่อไป รวมทั้งจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงในด้านการเงินการลงทุนให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนการดำเนินงาน และพิจารณากู้เงินเพื่อการลงทุนตามความจำเป็นในภารกิจหลักขององค์กร โดยพิจารณาฐานะการเงินในปีนั้น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากภาระหนี้สินขององค์กรในระยะยาว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการดำเนินการตามแผนงานระยะยาวใหม่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอย่างใกล้ชิดและพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงภายใต้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10663 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า | พณ | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า รวม ๓ คน แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งนั้นดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว ดังนี้
๑. นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ ๒. นายสกล กิตติ์นิธิ กรรมการ ๓. นายสัมมา คีตสิน กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10664 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดิน | มท | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดิน จำนวน ๗ คน ตามมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ (มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายประทีป เจริญพร (ด้านการจัดการที่ดิน) ๑.๒ นายสมบูรณ์ วงศ์กาด (ด้านทรัพยากรดิน) ๑.๓ นายพงษ์พิเชษฐ เก้าเอี้ยน (ด้านการปฏิรูปที่ดิน) ๑.๔ นายสมชาย ตะสิงห์ษะ (ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๑.๕ นายทรงวุฒิ สายแก้ว (ด้านกฎหมาย) ๑.๖ นายวราพงษ์ เกียรตินิยมรุ่ง (ด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ) ๑.๗ นายจุมพล ริมสาคร (ด้านเศรษฐศาสตร์) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินในครั้งต่อ ๆ ไป ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10665 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | สธ | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๗ คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข จำนวน ๖ คน ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ได้แก่ ๑.๑ รองศาสตราจารย์ประสบศรี อึ้งถาวร ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพ ๑.๒ นายเจษฎา โชคดำรงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาธารณสุข ๑.๓ นายอนันต์ชัย อัศวเมฆิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย ๑.๔ พลเอก เอกจิต ช่างหล่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก ๑.๕ นางดวงตา ตันโช ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ๑.๖ นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง ผู้เชียวชาญด้านกฎหมาย ๑.๗ นายสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์ ๒. คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข จำนวน ๖ คน ได้แก่ ๒.๑ นายพิทยา จารุพูนผล ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ๒.๒ นายพงศธร เนตราคม ผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตเวช ๒.๓ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาการแพทย์แผนไทย ๒.๔ นายสุพรรณ ศรีธรรมมา ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น (เวชศาสตร์ป้องกัน) ๒.๕ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น วิบูลพรรณ ฐิตะดิลก (สูตินรีเวชกรรม) ๒.๖ นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น (กฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10666 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน | นร | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมพ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานกรรมการ ๒. นายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา กรรมการ ผู้แทนองค์กรชุมชน ๓. นางสาวสายอรุณ แก้วมุงคุณ กรรมการ ผู้แทนองค์กรชุมชน ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตติ มงคลชัยอรัญญา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายประยงค์ ดอกลำใย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายธรรมนิตย์ สุมันตกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10667 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปค เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 | พณ | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปค เรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-๑๙ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ฯ เป็นเอกสารที่จะเวียนให้รัฐมนตรีการค้าของประเทศสมาชิกเอเปคร่วมรับรองทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีการลงนาม ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาคและการมีบทบาทสำคัญของเอเปคในการร่วมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-๑๙ อย่างทันท่วงที เช่น การสนับสนุนให้เขตเศรษฐกิจเอเปคดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกเพื่อเร่งการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมให้เอเปคมีวาระด้านดิจิทัล รวมทั้งพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการค้าบริการที่เกี่ยวเนื่อง เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) อาจเสนอให้มีการขยายขอบเขตเนื้อหาให้ครอบคลุมแนวทางการเผยแพร่องค์ความรู้และถอดบทเรียนร่วมกันเพื่อส่งเสริมให้เกิดการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีในการรับมือและป้องกันการระบาดของโรคในอนาคต และแนวทางการเร่งรัดการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาทั้งของไทยและเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10668 | มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำประปาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม | มท | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้น้ำประปาที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม เพื่อการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการของการประปานครหลวง ๑.๑ มาตรการเดิม (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓) มาตรการที่ ๑ ขยายระยะเวลาการชำระค่าน้ำประปา สำหรับผู้ใช้น้ำที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจโรงแรมและกิจการให้เช่าที่พักอาศัย โดยไม่คิดดอกเบี้ย สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน ๖ เดือน ของแต่ละรอบใบแจ้งค่าน้ำประปาสำหรับรอบการใช้น้ำเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๖๓ ๑.๒ มาตรการเพิ่มเติม ๑.๒.๑ มาตรการที่ ๒ ลดค่าน้ำประปาให้กับผู้ใช้น้ำทุกประเภท เริ่มตั้งแต่รอบการใช้น้ำเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๓ (ใบแจ้งค่าน้ำประปาเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ๒๕๖๓) ได้แก่ (๑) กรณีผู้ใช้น้ำที่ใช้น้ำน้อยกว่าหรือเท่ากับ ๑๐ ลูกบาศก์เมตร ยกเว้นการจัดเก็บค่าน้ำประปา ค่าบริการรายเดือน และค่าน้ำดิบ และ (๒) กรณีผู้ใช้น้ำที่ใช้น้ำมากกว่า ๑๐ ลูกบาศก์เมตร ยกเว้นค่าน้ำประปาสำหรับน้ำ ๑๐ ลูกบาศก์เมตรแรก และส่วนที่ใช้เกิน ๑๐ ลูกบาศก์เมตร ลดค่าน้ำในอัตราร้อยละ ๒๐ ๑.๒.๒ มาตรการที่ ๓ คืนเงินประกันการใช้น้ำให้กับผู้ใช้น้ำประเภทที่ ๑ ที่พักอาศัย และประเภทที่ ๒ ธุรกิจ ราชการ รัฐวิสาหกิจ อุตสาหกรรม และอื่น ๆ ๑.๒.๓ มาตรการที่ ๔ ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการชำระค่าน้ำประปา เมื่อชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส, 7-11, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี และ CenPay เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑๗ เมษายน-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๑.๒.๔ มาตรการที่ ๕ ยกเว้นการตัดน้ำประปาทั้งชั่วคราวและถาวร (งดผูกลวดและถอดมาตรวัดน้ำ) เป็นระยะเวลา ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม-๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ๒. มาตรการของการประปาส่วนภูมิภาค ๒.๑ มาตรการเดิม (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓) ๒.๑.๑ มาตรการที่ ๑ ขยายระยะเวลาการชำระค่าน้ำประปา สำหรับผู้ใช้น้ำที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจโรงแรมและกิจการให้เช่าพักอาศัย โดยไม่คิดดอกเบี้ย สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน ๖ เดือน ของแต่ละรอบใบแจ้งค่าน้ำประปา รอบการใช้น้ำเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๖๓ (สำหรับใบแจ้งค่าน้ำประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๖๓) ๒.๑.๒ มาตรการที่ ๒ คืนเงินประกันการใช้น้ำให้กับผู้ใช้น้ำประเภทที่ ๑ ที่อยู่อาศัย ๒.๒ มาตรการเพิ่มเติม ๒.๒.๑ มาตรการที่ ๓ ลดค่าน้ำประปาให้กับผู้ใช้น้ำทุกประเภท ในอัตราร้อยละ ๒๐ ยกเว้นผู้ใช้น้ำส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ลดค่าน้ำประปาในอัตราร้อยละ ๓ (ไม่รวมค่าบริการรายเดือน) เริ่มตั้งแต่รอบการใช้น้ำเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๓ (ใบแจ้งค่าน้ำประปาเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ๒๕๖๓) ๒.๒.๒ มาตรการที่ ๔ ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการชำระค่าน้ำประปา เป็นระยะเวลา ๓ เดือน เมื่อชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส และ 7-11 ตั้งแต่วันที่ ๑๗ เมษายน-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ และที่เทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม-วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๒.๒.๓ มาตรการที่ ๕ ขยายเวลารับชำระผ่านตัวแทนรับชำระค่าน้ำประปาจากภายใน ๑๐ วัน เป็น ภายใน ๒๐ วัน เป็นระยะเวลา ๓ เดือน (ใบแจ้งค่าน้ำประจำเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๓)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10669 | การผ่อนปรนการอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี | รง | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการผ่อนปรนการอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี พร้อมทั้งร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายระยะเวลาการยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน กรณีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีสาระสำคัญเป็นการผ่อนผันให้คนต่างด้าว ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา) ซึ่งเข้ามาทำงานตาม MoU ที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑) ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายระยะเวลาการยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีสาระสำคัญเป็นการผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเมียนมา ซึ่งเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยใช้บัตรผ่านแดน ที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑) ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายระยะเวลาการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีสาระสำคัญเป็นการผ่อนผันให้คนต่างด้าวที่การอนุญาตทำงานสิ้นสุด สามารถทำงานไปพลางก่อนได้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑) ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10670 | การบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน ในช่วงปิดภาคเรียน | นร | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้ส่งผลให้สถานศึกษาต่าง ๆ ทั้งในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปิดเรียนตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๓ และมีกำหนดเปิดเรียนในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้นักเรียนได้รับสิทธิตามโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนอย่างต่อเนื่องและครบถ้วนในช่วงการปิดเรียนดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อให้นักเรียนได้รับอาหารกลางวันและอาหารเสริม (นม) โรงเรียนที่มีคุณภาพ ถูกหลักอนามัยอย่างต่อเนื่องและครบถ้วน โดยให้พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้อาหารและนมถึงมือนักเรียนที่ไม่ได้มายังสถานศึกษาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10671 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอภิวัฏ ธวัชสิน) | สธ | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายจุลพงศ์ จันทร์ต๊ะ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. นายพัลลภ พงษ์สุทธิรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม) โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๓. นายอภิวัฏ ธวัชสิน ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10672 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพัลลภ พงษ์สุทธิรักษ์) | สธ | 05/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายจุลพงศ์ จันทร์ต๊ะ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. นายพัลลภ พงษ์สุทธิรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม) โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๓. นายอภิวัฏ ธวัชสิน ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10673 | รายงานความก้าวหน้าการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา | พม | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ (๑) การฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้ได้รับผลกระทบร่วมกับภาคีเครือข่าย ในด้านเศรษฐกิจ ด้านสุขภาพ ด้านจิตใจ ด้านที่อยู่อาศัย ด้านการศึกษา ด้านงานยุติธรรม และด้านครอบครัวและสังคม และ (๒) การฟื้นฟูคุณภาพชีวิต โดยการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์และครอบครัว โดยการช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน การช่วยเหลือด้านทุนการศึกษา การช่วยเหลือเป็นสิ่งของ การช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย และการประสานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10674 | ผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 1/2563 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | นร11 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายดนุชา พิชยนันท์) ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย โดยมีผลการประชุมที่สำคัญ ประกอบด้วย (๑) การประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การพัฒนานโยบายกำกับเศรษฐกิจแบ่งปันอย่างมีนวัตกรรม มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการพัฒนานโยบายกำกับเศรษฐกิจแบ่งปันของเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคให้สอดรับกับการดำเนินธุรกิจแบบดิจิทัลที่มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น โดยภาครัฐจำเป็นต้องควบคุมดูแลด้านต่าง ๆ เช่น การกำหนดมาตรฐาน การออกกฎหมาย/กฎระเบียบ การจัดเก็บภาษี และการคุ้มครองผู้บริโภคให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นต้น (๒) การประชุมเชิงปฏิบัติการในการหาข้อสรุปสำหรับการจัดทำแผนปฏิบัติการเอเปค เรื่อง ความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ ระยะที่ ๓ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหาข้อสรุปในการจัดทำแผนปฏิบัติการเอเปคฯ ระยะที่ ๓ โดยจะให้ความสำคัญใน ๕ ตัวชี้วัด ได้แก่ การเข้าถึงเครดิต การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง การคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย การจดทะเบียนทรัพย์สิน และการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย โดยจะได้มีการหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับช่วงระยะเวลาบังคับใช้และการกำหนดค่าเป้าหมายอีกครั้งหนึ่ง และ (๓) การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับการจัดทำโครงการด้านการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคฉบับใหม่ การจัดทำรายงานนโยบายเศรษฐกิจเอเปค ปี ๒๕๖๓ การวิเคราะห์ทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจของกลุ่มเอเปค เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10675 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 | ดศ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) วาระเพื่อทราบ จำนวน ๗ เรื่อง เช่น ร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๘๐ (National Space Master Plan 2020-2037) ร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... และร่างประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการในประเทศ เป็นต้น และ (๒) วาระเพื่อพิจารณา จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อจัดทำนโยบายและแผนการดำเนินการเฝ้าระวังและบริหารจัดการการจราจรทางอวกาศ (Space Situational Awareness and Space Traffic Management) ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับ (๑) การจัดทำกฎหมายว่าด้วยกิจการอวกาศ ควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายโดยเคร่งครัด (๒) การพิจารณาจำแนกบทบาท ภารกิจของสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติในเรื่องการกำกับ ควบคุม ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนากิจการอวกาศ ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การรักษาสิ่งแวดล้อม และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ ให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย และแผนกิจการอวกาศให้ชัดเจน เพื่อมิให้ทับซ้อนกับหน่วยงานอื่นที่ดำเนินภารกิจเกี่ยวกับกิจการอวกาศอยู่แล้ว และ (๓) การขอจัดตั้งสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการจัดตั้งหน่วยงาน ตลอดจนไม่เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10676 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 | นร14 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุม กนช. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเพื่อทราบ ๔ เรื่อง ได้แก่ ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการภายใต้ กนช. (๕ คณะ) ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรีและงานนโยบายที่นายกรัฐมนตรีตรวจพื้นที่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้ กนช. (เพิ่มเติม) และผลการดำเนินงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำ (๒) เรื่องเพื่อพิจารณา ๓ เรื่อง ได้แก่ แผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) โครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ และการเพิ่มปริมาณการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง มาลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อรักษาระบบนิเวศ (ป้องกันน้ำเค็มรุกตัว) อีก ๕๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น ๑,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ในฤดูแล้งปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ และ (๓) เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ แผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกพืช ฤดูฝนปี ๒๕๖๓ ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กนช. และข้อสั่งการประธาน กนช. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ ๒. ให้ กนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินโครงการและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการดำเนินการ และยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดของแบบรูปรายการ สถานที่ดำเนินการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เป็นช่วงที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและคำนึงถึงความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้โครงการต่าง ๆ ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนงาน และมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบรรเทาปัญหาด้านทรัพยากรน้ำตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่แรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10677 | รายงานผลการดำเนินการเข้าร่วมงาน The International Horticultural Exhibition 2019 : Beijing Expo 2019 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการเข้าร่วมงาน The International Horticultural Exhibition 2019 : Beijing Expo 2019 ระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน-๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จากการจัดงานดังกล่าว ประเทศไทยได้รับรางวัล Golden Award จากการประกวด Outdoor Garden พร้อมทั้งใบประกาศเกียรติคุณ Merit Participation Award และได้รับเกียรติให้เป็น ๑ ใน ๔ ของสถานที่ต้อนรับบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง (VVIP) ที่เข้ามาเยี่ยมงาน Beijing Expo 2019 ๒. จากการศึกษาเชิงลึกพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มผู้เข้าชมงาน ในเรื่องความนิยมพืชสวนไทย ผลการศึกษาเบื้องต้น พบว่า ผลไม้ที่ผู้บริโภคชาวจีนนิยมบริโภคมากที่สุด คือ ทุเรียน ผักและสมุนไพรที่ผู้บริโภคชาวจีนนิยมบริโภคมากที่สุด คือ หอมหัวใหญ่ กล้วยไม้ที่ผู้บริโภคชาวจีนนิยมมากที่สุด คือ กล้วยไม้สกุลหวายสีม่วงและชมพู และต้นไม้ประดับที่ผู้บริโภคชาวจีนนิยมมากที่สุด คือ ต้นหน้าวัวติดดอก ๓. จากการเข้าร่วมงานดังกล่าว สังเกตได้ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนมีกฎ/ระเบียบในการนำเข้าส่งออกในแต่ละมณฑลที่ต่างกัน ดังนั้น หากประเทศไทยจะติดต่อด้านการค้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีนควรทำในลักษณะเป็นข้อตกลงแยกรายมณฑลจะเกิดประสิทธิภาพมากกว่าการทำการค้าในระดับประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10678 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) รวม 2 ฉบับ | คค | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดสร้างโครงการขนส่งด้วยระบบรถไฟฟ้า สถานที่จอดรถสำหรับผู้โดยสาร และกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟฟ้า และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10679 | การขอรับจัดสรรงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/63 (เพิ่มเติม) | พณ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบประมาณการวงเงินชดเชยส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ และอนุมัติการจัดสรรงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ เพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๓ โดยอนุมัติในส่วนที่ขาดอยู่ จำนวน ๔๕๔,๒๙๒,๔๓๑.๑๘ บาท ประกอบด้วย วงเงินที่จ่ายให้เกษตรกร จำนวน ๔๔๘,๒๒๖,๖๖๖.๙๗ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๖,๐๖๕,๗๖๔.๒๑ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น ให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนวางแผนการปรับโครงสร้างภาคเกษตรเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เข้มแข็งในระยะยาว โดยการจัดการฟาร์มแบบแปลงใหญ่ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาจัดการการผลิตและการจัดการด้านการตลาด ตลอดจนการเชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เพื่อเพิ่มการใช้ภายในประเทศที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสเปิดตลาดการส่งออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการส่งออกนอกเหนือจากจีนไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10680 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2563 และข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน | มท | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒-๒ มกราคม ๒๕๖๓ (รวม ๗ วัน) พบว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในภาพรวมมีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ (รวม ๗ วัน) โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ รองลงมา คือ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่วนประเภทรถที่เกิดเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ในการนี้ คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้มีข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน โดยแบ่งออกเป็น ๔ มาตรการสำคัญ คือ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย (๒) การสร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน (๓) การลดปัจจัยเสี่ยงทางถนนและสภาพแวดล้อม และ (๔) การบริหารจัดการและการติดตามประเมินผล ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และขับเคลื่อนการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการต่อคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนรับความเห็นและข้อเสนอแนะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า (๑) แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานในระยะต่อไปซึ่งจะเป็นประโยชน์และสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น ขอให้มีการจัดทำ ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ที่เป็นภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักท่องเที่ยว (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ วิเคราะห์สาเหตุ หรือการดำเนินการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่เป็นความเสี่ยงให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และ (๓) ในการดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังในระดับชุมชน ควรต้องดำเนินการอย่างจริงจังให้ครอบคลุมทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ และการสนับสนุนจิตอาสามาร่วมในการรณรงค์และแก้ไขปัญหาในทุกช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวันด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....