ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 508 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 10141 - 10160 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10141 | รัฐบาลสาธารณรัฐสโลวักเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทย (นายยาโรสลัฟ เอาต์) | กต. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยาโรสลัฟ เอาต์ (Mr. Jaroslav Auxt) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายสตะนิสลาฟ อะปิลา (Mr.Stanislav
Opiela) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10142 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวพรรณประภา ยงค์ตระกูล) | นร.04 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นางสาวพรรณประภา ยงค์ตระกูล เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10143 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตรี วิระ โรจนวาศ) | นร.04 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
พลตรี วิระ โรจนวาศ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10144 | แต่งตั้งที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (เพิ่มเติม) | นร.04 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายอนุชา นาคาศัย) เป็นที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
(วิปรัฐบาล) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๕๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10145 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องจักรกลเพื่อการเตรียมความพร้อมแก้ไขและบรรเทาอุทกภัย | กษ. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๘๔,๘๖๐,๐๐๐ บาท
เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องจักรกลเพื่อการเตรียมความพร้อมแก้ไขและบรรเทาอุทกภัย
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10146 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง | นร15 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.)
ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการน้อยกว่า ๕ ปี
โดยดำเนินการเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ จำนวน ๔ คัน ระยะเวลา ๓ ปี ๒ เดือน
(ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓-เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖) ภายในวงเงิน ๔,๕๗๕,๒๐๐ บาท
ประกอบด้วย (๑) รถยนต์ส่วนกลาง (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๖๐๐ ซีซี) จำนวน ๒
คัน อัตราค่าเช่า ๑๘,๔๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน และอัตราค่าจ้างพนักงานขับรถ ๘,๕๐๐
บาทต่อคันต่อเดือน จำนวน ๒ คน วงเงิน ๒,๐๔๘,๒๐๐ และ (๒) รถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง
(ดีเซล) (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่ต่ำกว่า ๒,๔๐๐ ซีซี) จำนวน ๒ คัน อัตราค่าเชา
๒๔,๗๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน และอัตราค่าจ้างพนักงานขับรถ ๘,๕๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน
จำนวน ๒ คน วงเงิน ๒,๕๒๗,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๑,๔๔๔,๘๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓,๑๓๐,๔๐๐ บาท
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๗
โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ในโอกาสต่อไปเมื่อสำนักงาน ป.ย.ป.
ได้รับการอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใดแล้ว
จะต้องเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ทันต่อสถานการณ์อย่างเคร่งครัดในโอกาสแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10147 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝน ปี 2563 | นร.14 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๕,๐๘๒.๗๖๐๕ ล้านบาท
เพื่อดำเนินโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม
และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ ๑.๒ ยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๖
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณไม่สามารถดำเนินการได้ตามแนวทางปฏิบัติที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้สามารถกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้
เพื่อให้การดำเนินการเตรียมการแก้ไขปัญหา
การรับมือและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมตามแผนงานที่วางไว้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร
(๑) ให้หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ จังหวัด ๓๐ แห่ง
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร
มีฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ
และเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการดังกล่าวของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกรมชลประทาน
กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
เป็นผู้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของระเบียบและแนวทางที่เคยปฏิบัติต่อไป (๒)
ให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการอย่างเคร่งครัด
และเร่งรัดการดำเนินการเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๓
ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และ (๓)
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขากองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ
รวมถึงสรุปผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
ทั้งนี้
ในส่วนของการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังต่อไป ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10148 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษาการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | ปช. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีศึกษาการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และ (๓) พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ธนาคารแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เช่น การนำกลไกในการป้องกันการทุจริตในโครงการของรัฐมาประยุกต์ใช้
ควรบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10149 | ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ 7(2) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. 2558 ให้แก่บริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 | พน. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ
๗ (๒) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘
แก่บริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๙/๒๕๔๖/๖๖
เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเป็นผู้ยื่นขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าเพื่อการสำรวจ ผลิต
เก็บรักษา ขนส่ง
หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมต่อกรมป่าไม้
ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ขอให้กระทรวงพลังงานปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10150 | การเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (EU) | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเจรจา
ท่าการเจรจา
และหลักการในการดำเนินการตามกรอบการเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ
(Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) รวมทั้งรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการเจรจาฯ
โดยกรอบเจรจาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการเจรจา ครั้งที่ ๓
ระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป ในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งจะทำให้การจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary
Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) มีความก้าวหน้าและบรรลุผลโดยเร็ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบการเจรจาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10151 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จำนวน 12 ฉบับ | ยธ. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์
พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกำหนดให้มีมาตรการหรือกลไกเพื่อช่วยสนับสนุนด้านการควบคุม
การพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังเพื่อคืนคนดีสู่สังคม และเอื้ออำนวยต่อการบริหารงานตามภารกิจของกรมราชทัณฑ์ในปัจจุบันให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่ผู้ต้องขัง
พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือชนิดของอาวุธอื่นนอกจากอาวุธปืนที่เจ้าพนักงานเรือนจำจะพึงมีไว้ในครอบครองหรือใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
พ.ศ. .... ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ. .... ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบการจำแนกลักษณะของผู้ต้องขัง
การควบคุมและการแยกคุมขังและการย้ายผู้ต้องขัง พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงการร้องทุกข์
การยื่นเรื่องราวใด ๆ หรือการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาของผู้ต้องขัง พ.ศ. .... ๖.
ร่างกฎกระทรวงการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ พ.ศ. .... ๗.
ร่างกฎกระทรวงการคำนวณรายได้เป็นราคาเงินและการจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้ต้องขังซึ่งการงานที่ได้ทำนั้นก่อให้เกิดรายได้ซึ่งคำนวณเป็นราคาเงินได้
พ.ศ. .... ๘.
ร่างกฎกระทรวงการรับเงินทำขวัญของผู้ต้องขังซึ่งได้รับบาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือตาย
เนื่องจากการทำงาน พ.ศ. .... ๙.
ร่างกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. .... ๑๐.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินของผู้ต้องขังเป็นสิ่งของที่อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เก็บรักษาไว้ในเรือนจำ
พ.ศ. .... ๑๑.
ร่างกฎกระทรวงการดำเนินการทางวินัยผู้ต้องขัง พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงการดำเนินการกับสิ่งของต้องห้ามตามมาตรา ๗๓
ในกรณีที่ไม่มีการดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมาย พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10152 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร | คค. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม
ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development
Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง
เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๖ ในวงเงิน ๖๘,๐๔๔,๐๐๐ บาท
เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้เร่งดำเนินการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในทุกมิติอย่างเคร่งครัดเท่าที่จำเป็น
และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนงบประมาณที่เหลือ
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๖
โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรปรับหรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือใช้จ่ายจากงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณแล้วแต่กรณี ตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอนโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10153 | องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียขอความเห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ แปลง B - 17 & C - 19 และแปลง B - 17 - 01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย | พน. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ดังนี้ ๑. ร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่
๓ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย
ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย และบริษัทผู้ประกอบการ คือ บริษัท PC
JDA Limited และบริษัท PTTEP International Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซ กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท เปโตรนาส
ในฐานะกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ ๒. ให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ลงนามในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๓ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01
ฉบับดังกล่าว กับกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ เมื่อร่างสัญญาฯ
ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10154 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 19/2563 | นร.11 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๓
ที่อนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จากเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ เป็นเดือนกันยายน ๒๕๖๓
ภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๒๐,๓๔๕.๖๔๓๐
ล้านบาท และอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพิ่มความถี่การพักค้าง
และกระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มศักยภาพ ดึงกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ เช่น ข้าราชการ พนักงาน
ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ ให้ออกเดินทางท่องเที่ยว โดยดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ และ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบให้กรมหม่อมไหมใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10155 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
จำนวน ๙ ฉบับ โดยยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยการกำหนดค่าทดแทนสำหรับบุคคลที่ได้เสียสิทธิหรือเสื่อมประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. .... เนื่องจากการกำหนดค่าทดแทนต้องมีการจำแนกหลักเกณฑ์และการพิจารณาที่เหมาะสม
ซึ่งกรมป่าไม้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
ทำให้ใช้เวลานานเพื่อให้การกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานอื่น
ๆ (๒) ร่างระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยการเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้บริการหรือให้ความสะดวกต่าง
ๆ แก่ประชาชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บ การรักษา และการใช้จ่ายเงิน
ค่าบริการหรือค่าตอบแทนเพื่อบำรุงรักษาป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ....
โดยที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กรมป่าไม้กำหนดขึ้นใหม่ และอาจมีผลกระทบต่อประชาชน
จึงต้องพิจารณาโดยรอบคอบ ทำให้ใช้เวลานานในการพิจารณา
เพื่อให้ได้อัตราค่าบริการหรือค่าตอบแทนที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่มาตรา ๒๒ วรรคสอง
ประกอบกับมาตรา ๓๙ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10156 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.12 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑
แนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยจะไม่มีการประเมินส่วนราชการ
แต่ให้ส่วนราชการรายงานผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดเดิมเพื่อใช้ในการติดตาม (monitoring)
และให้ถอดบทเรียนในการบริหารจัดการผลกระทบและการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ส่วนราชการเสนอตัวชี้วัดใหม่
และให้สำนักงาน ก.พ.ร.
สรุปบทเรียนในภาพรวมของส่วนราชการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดสภาวะวิกฤติในอนาคต ๑.๒ กรอบและแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมี ๒ องค์ประกอบในการประเมิน ได้แก่ (๑)
การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) และ (๒) การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ๒. ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
รายงานผลการสรุปบทเรียนการบริหารจัดการผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
ในภาพรวมของส่วนราชการต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 ในอนาคตด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10157 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์) | นร.08 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ ข้าราชการทหาร ตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก กองทัพบก
กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10158 | แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) | กก. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA
(STV) เพื่อให้คนต่างด้าวที่มีกำลังซื้อสูงที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางพร้อมครอบครัวเข้ามาพำนักระยะยาว
(Long Stay) ภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่ ๙๐-๒๗๐ วันได้
ซึ่งจะทำให้มีการนำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และก่อให้เกิดรายได้
มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติของคนต่างด้าวที่มีสิทธิขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ
Special Tourist Visa (STV) รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่เห็นว่า (๑)
การใช้ถ้อยคำว่า “โรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว (ALSQ)” ในร่างข้อ
๑.๓.๑ และ ๑.๓.๒.๑ แตกต่างกัน จึงสมควรแก้ไขให้สอดคล้องกัน และถ้อยคำว่า
“โรงพยาบาลที่พัก (AHQ)” ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “Alternative
Hospital Quarantine” จึงสมควรแก้ไขเป็น
“โรงพยาบาลที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว (AHQ)” เพื่อให้เข้าใจความหมายได้อย่างชัดเจน
และ (๒) ควรพิจารณากำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น
บุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยควรมาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
(พื้นที่สีเขียว ๓๐ วัน) หรือควรเพิ่มหลักฐานผลการตรวจเชื้อโควิด-19
สำหรับการขอรับการตรวจลงตรา และควรคำนึงถึงความพร้อมทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย
และแนวทางในการบริหารจัดการ
กรณีที่พบว่ามีนักท่องเที่ยวติดเชื้อระหว่างอยู่ในราชอาณาจักรไทย เป็นต้น ไปปรับปรุงแก้ไขร่างประกาศฯ
และพิจารณาดำเนินการ ก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนาม
แล้วประกาศใช้บังคับต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10159 | การยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก 2020 ณ ประเทศไทย | วธ. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับสมาคมดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทสากลกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๒๘ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ในประชาคมโลกยังคงมีความไม่แน่นอน
ไม่สามารถประเมินสถานการณ์เพื่อวางแผนการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมได้ ดังนั้น
ที่ประชุมวิสามัญโดยกรรมการบริหารของ World Association of Marching Show
Bands (WAMSB) ได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ให้ยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก ๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10160 | ขออนุมัติแผนหลักการพัฒนาหนองหาร จังหวัดสกลนคร | นร14 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนหลักการพัฒนาหนองหาร
จังหวัดสกลนคร ประกอบด้วยแผนหลัก ๕ ด้าน ได้แก่ (๑)
แผนด้านการจัดการน้ำอุปโภคบริโภค (๒) แผนด้านการสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต
(๓) แผนด้านการจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย (๔)
แผนด้านการจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และ (๕) แผนด้านการบริหารจัดการ ระยะเวลาดำเนินการ
๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๒) จำนวน ๖๒ โครงการ วงเงินงบประมาณ ๗,๔๔๕.๒๒ ล้านบาท ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนแผนหลักดังกล่าว
เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ความจำเป็นเร่งด่วน ความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความคุ้มค่า
ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมในทุกมิติ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานที่รับผิดชอบควรจะมีการควบคุมดูแล ตรวจสอบ ติดตาม
และรายงานผลการดำเนินการหรือความคืบหน้าของแผนงาน/โครงการเป็นระยะ ๆ
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง
ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย
และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) ๒.
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง (แม่น้ำเจ้าพระยา
บึงบอระเพ็ด และบึงสีไฟ)] ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานและเร่งรัดการพัฒนาและฟื้นฟูสภาพของบึงบอระเพ็ด
จังหวัดนครสวรรค์ และบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร นั้น ขอให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดแนวทางแก้ปัญหาต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำดังกล่าวข้างต้น
รวมถึงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่อื่นของประเทศให้ครบถ้วนด้วยเช่น กว๊านพะเยา
จังหวัดพะเยา ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง
เพื่อให้การปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำดังกล่าวบรรลุผลได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป
เช่น การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของประชาชน
การช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่
แนวทางใช้ประโยชน์หรือจัดเก็บมวลดินที่ขุดลอกออกจากแหล่งน้ำ ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |