ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 505 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 10081 - 10100 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10081 | การขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของบริษัท ปตท.สผ. สยาม จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 1/2522/16 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข S1 | พน. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้บริษัท
ปตท.สผ. สยาม จำกัด ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๒/๑๖
แปลงสำรวจบนบกหมายเลข S1 ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๗๔ โดยอาศัยความตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้พิจารณาถึงความคุ้มค่า
ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ)
ดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมแปลงสำรวจบนบกทุกรายที่ใช้วิธีขุดเจาะปิโตรเลียมแบบ
Hydraulic Fracturing ให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ
รัดกุม เป็นไปตามมาตรฐานสากล
รวมถึงหลักเกณฑ์และข้อบังคับของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10082 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ยธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม
โดยกรมราชทัณฑ์ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๒๕๗,๕๒๕,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10083 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะการระบาดระลอก 2 | สธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่
: กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอก ๒ จำนวน ๒๐๔,๔๕๗,๑๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10084 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 (การเพิ่มโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือโรคโควิด 19 เป็นโรคต้องห้ามตามมาตรา 12 (4) และมาตรา 44 (2) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522) | มท. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยเพิ่มเติมให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
หรือโรคโควิด 19 เป็นโรคที่ต้องห้าม ตามมาตรา ๑๒ (๔) และมาตรา ๔๔
(๒) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
เพื่อป้องกันมิให้คนต่างด้าวซึ่งเป็นโรคดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับชื่อร่างกฎกระทรวงฯ
ว่า โดยที่ในกรณีนี้เป็นการยกเลิกกฎกระทรวงเดิมและกำหนดกฎกระทรวงขึ้นใหม่
ซึ่งการใช้ชื่อกฎกระทรวงว่า “ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒” นั้น
จะไม่อาจทราบได้เลยจากชื่อของกฎกระทรวงว่ากฎกระทรวงนี้มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเรื่องใดจนกว่าจะพิจารณาเนื้อหา
รวมทั้งหากจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมต่อไปอีกหลายครั้ง กฎกระทรวงก็จะกระจัดกระจายอยู่หลายแห่งตามฉบับการออกกฎกระทรวง
ซึ่งจะมีตัวเลขเรียงลำดับต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าฉบับใดแก้ไขฉบับใด
จึงเห็นควรแก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงโดยใช้ชื่อให้ตรงกับเนื้อหาสาระที่กำหนดในร่างกฎกระทรวง
และถ้าต่อไปจะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ก็กำหนดเป็นฉบับที่ ๒ เรียงตามลำดับต่อไป
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10085 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | พน. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ
ระยะเวลาสัญญา ๕ ปี สัญญาเช่าเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๘
ในวงเงินทั้งสิน้ ๒,๑๑๖,๘๐๐ บาท
โดยอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
โดยเบิกจ่ายจากในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๔๒๓,๔๐๐ บาท
ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
และประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ส่วนงบประมาณที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10086 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดระยอง) | มท. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๑๕๘,๑๓๓,๓๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภท เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ
และใช้เงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองสมทบ จำนวน ๑๗,๕๗๐,๓๐๐ บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๗๕,๗๐๓,๖๐๐ บาท เพื่อดำเนินการ ๒ โครงการ ได้แก่ (๑)
โครงการป่าชายเลนในเมือง จังหวัดระยอง ป่าชายเลน พระเจดีย์กลางน้ำ อัญมณีหนึ่งเดียวในระยอง
(ระยะที่ ๓) และ (๒)
โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริจังหวัดระยอง
ระยะที่ ๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามประเมินผลภายหลังการดำเนินโครงการฯ
ให้มีการใช้จ่ายเงินไปอย่างคุ้มค่าและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
รวมทั้งการดำเนินโครงการฯ ควรสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพื้นที่
และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10087 | ขออนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ในระบบบำบัดน้ำเสียพื้นที่พัทยานาเกลือและโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบป้องกันน้ำท่วม รวม 2 โครงการ) | มท. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับ ๒ โครงการ
งบประมาณ จำนวน ๒๒๗,๕๑๒,๘๐๐ บาท ได้แก่ (๑)
โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ในระบบบำบัดน้ำเสียพื้นที่พัทยานาเกลือ
อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และ (๒)
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบป้องกันน้ำท่วม ถนนสุขุมวิท และถนนเลียบทางรถไฟ
อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
และเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10088 | การลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับองค์การสุขภาพสัตว์โลกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ | กษ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับองค์การสุขภาพสัตว์โลกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ
(Memorandum of Understanding between the Association of Southeast
Asian Nation and the World Organisation of Animal Health on Technical
Cooperation)
รวมทั้งเห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับองค์การสุขภาพสัตว์โลกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(อาเซียน) และองค์การสุขภาพสัตว์โลก
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบข่ายการดำเนินความร่วมมือทางวิชาการเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือวิชาการด้านสุขภาพสัตว์ในการควบคุมและป้องกันโรคระบาดสัตว์อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ตามหลักระบาดวิทยาทางสัตวแพทย์
พัฒนามาตรฐานและอำนวยความสะดวกด้านการค้าสัตว์และสินค้าปศุสัตว์
และเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการบริการทางสัตวแพทย์ภายในภูมิภาคอาเซียน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10089 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Start - Up Fund for Safe, Orderly and Regular Migration) ภายใต้การบริหารของสหประชาชาติ | กต. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการมาตรฐาน
(Standard Administrative Arrangement : SAA) สำหรับการบริจาคเงินสมทบกองทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย
เป็นระเบียบ และปกติ (Start-Up Fund Safe, Orderly
and Regular Migration) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดการให้เงินของไทย
จำนวน ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และการใช้เงินในกองทุนฯ เพื่อดำเนินความร่วมมือต่าง ๆ
ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกองทุนฯ และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต
ผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ
โดยกระทรวงการต่างประเทศจะจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรฯ สำหรับการลงนามต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินบริจาคดังกล่าว
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10090 | ข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว | ปช. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยเห็นควรกำหนดนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
โดยเห็นควรให้มีการนำกรณีการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วในซอยพหลโยธิน
๘ (ซอยสายลม) เขตพญาไท ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติและประสบความสำเร็จในการจัดระเบียบสายสื่อสารมาเป็นต้นแบบในการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วทั่วประเทศ
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
(การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
การดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารในระยะแรก
ขอให้ดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารในเส้นทางวิกฤต
ควรคำนึงถึงรูปแบบในการจัดระเบียบสายสื่อสารให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ดำเนินการ
และมิให้นำค่าใช้จ่ายในการรื้อปลดสายสื่อสารของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมารวมในต้นทุนเรียกเก็บกับประชาชน
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10091 | ขออนุมัติโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แห่งที่ 2 ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอดำเนินกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนที่จะเป็นผู้รับงานนั้นไปพลางก่อน | ยธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างโครงการจ้างก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลราชทัณฑ์
แห่งที่ ๒ คู่ขนานไปกับการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental
Impact Assessment : EIA) ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๙ วรรคสี่
และราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๗
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอกันเงินงบประมาณปี
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไว้เบิกเหลื่อมปี ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10092 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2564 ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๔ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จำนวน
๔,๖๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงร้อยละ ๔ หรือ ๑๙๑,๗๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติในปี
๒๕๖๓ โดยมีรายละเอียดค่าใช้จ่าย ได้แก่ (๑) ค่าใช้จ่ายที่ลดลง ได้แก่
เงินเดือนเจ้าหน้าที่ ค่าฝึกอบรม และค่าเดินทางของคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ และ (๒)
ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าจ้างที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ การจัดซื้อรถยนต์เพื่อทดแทนคันเดิมที่ใช้งานมากกว่า
๕ ปี จำนวน ๓ คัน และการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับ Video
conference ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล การดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๓๓
อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10093 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองเชียงรากใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองเชียงรากใหม่
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองเชียงรากใหม่
ในท้องที่ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นไปตามรูปแบบการร่างกฎหมายแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10094 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2563 และครั้งที่ 21/2563 | นร.11 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๑/๒๕๖๓
ซึ่งพิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสีสำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย
สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข และโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ
ดำเนินการ
และอนุมัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรทดแทนผู้เสียชีวิตที่มีสิทธิโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๕,๒๗๘ ราย โดยดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๔ สิงหาคม
๒๕๖๓ และวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ของสถาบันวิทยาลัยชุมชน กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดยโสธร
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
สำหรับโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสี สำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรี่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10095 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ที่จังหวัดยะลา | อก. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด เฉพาะในพื้นที่ตามประทานบัตรเดิม
ที่ ๑๒๓๓๘/๑๕๑๕๔ เนื้อที่ ๖๙ ไร่ ๑ งาน ๗๘ ตารางวา ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคม เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมควรรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านอุปทานและความต้องการใช้แร่ในระยะปานกลางและระยะยาว
เพื่อใช้ประกอบกับการพิจารณาศักยภาพในการรองรับด้านสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำการศึกษาเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ป่าต้นน้ำของประเทศไทยให้ชัดเจนทั้งระดับความจำเป็นที่ต้องรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำและความเพียงพอของพื้นที่ที่คงเหลืออยู่
พื้นที่ใดที่อยู่ในภาวะวิกฤติ
เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามสภาพความเป็นจริง แล้วพิจารณาตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่าต้นน้ำต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในพื้นที่นอกเหนือจากที่ได้รับการอนุมัติตามข้อ
๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมให้ชัดเจนโดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแหล่งโบราณคดีในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับประทานบัตรดำเนินการเพื่อป้องกันผลกระทบจากการดำเนินการต่อแหล่งโบราณคดีในบริเวณโดยรอบหรือพื้นที่ใกล้เคียงไม่ให้ได้รับความเสียหายและให้ได้รับการอนุรักษ์อย่างเหมาะสมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ (เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา และห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา
ที่จังหวัดยะลา) ๒.๒
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อเท็จจริงกรณีพื้นที่ทำเหมืองแร่บริเวณเขายะลา
และพิจารณากำหนดแผนผังการใช้พื้นที่ดังกล่าวในภาพรวมให้ชัดเจน เช่น
พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังหรือมีข้อจำกัด
พื้นที่ที่สามารถเสนอขอใช้ประโยชน์ได้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดทางเลือกในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันกับภาคประชาชนได้อย่างเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10096 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 10 | กต. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ และร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ค.ศ.
๒๐๒๑-๒๐๒๕ ของการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10097 | การดำเนินงานโครงการทุนการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยไปศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น | ศธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการทุนการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยไปศึกษาต่อ
ณ สถาบันโคเซ็น [National Institute of Technology (KOSEN)] ประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย
ทั้งระยะที่ ๑ และ ๒ ในช่วงที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร.
เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ การปรับเงื่อนไขการชดใช้ทุน การขยายหลักสูตรโคเซ็นในสถาบันการศึกษาไทย
การเชื่อมโยงการจัดสรรทุนให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนากำลังคนและองค์ความรู้ของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
รวมทั้งให้พิจารณากำหนดสัดส่วนของนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยที่จะชดใช้ทุนในสถานที่ปฏิบัติงานต่าง
ๆ (หน่วยงานภาครัฐ กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของเอกชนในประเทศไทย
และสถาบันไทยโคเซ็น) ให้เหมาะสม
โดยให้ความสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐและโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยเป็นลำดับแรก
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศใช้บังคับแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๓
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี
โดยจัดทำรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้เหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ
ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
สำหรับการปรับเงื่อนไขการชดใช้ทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานเพื่อใช้ทุนหลังสำเร็จการศึกษาของนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย
ทั้งระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10098 | การกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย ขององค์การจัดการน้ำเสีย | มท. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย
ขององค์การจัดการน้ำเสีย
ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเร่งรัดการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเสียของประเทศให้ดำเนินไปอย่างมีมาตรฐาน
และมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตชองประชาชน
เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประเทศได้อย่างทันสถานการณ์ ๒.
และให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การจัดการน้ำเสีย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น องค์การจัดการน้ำเสียควรนำแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของกรมควบคุมมลพิษมาพิจารณาร่วมด้วย
และเมื่อดำเนินการกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทยแล้ว
เห็นควรทบทวนเป้าหมายแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐)
ต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10099 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | คค. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งส่ง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก
อำเภอทุ่งส่ง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสร้างทางหลวงชนบท
สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๐ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10100 | การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา | กค. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ (ระยะเวลา ๑๒ เดือน) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๔๒๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ให้แก่กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมสำหรับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ตามที่ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
คำนึงถึงความคุ้มค่า เหมาะสม ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
รวมถึงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลการใช้จ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐ
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินของภาครัฐเป็นไปอย่างคุ้มค่า
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|