ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 407 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 8121 - 8140 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8121 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 10/2564 | นร.04 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-
19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑) การประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในห้วงปัจจุบัน และวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต
พร้อมข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการรองรับ ๒) การตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit ๓) มาตรการการควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ
(Bubble and Seal) มาตรการแยกกักตัวที่บ้าน (Home
Isolation) และมาตรการแยกกักตัวที่ศูนย์ดูแลโควิดชุมชน (Community
Isolation) ๔) ประเด็นเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ๕)
ที่ประชุมได้หารือแนวทางในการออกข้อกำหนดตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๘)
และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(โควิด-19) ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔ เรื่อง
พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพื้นที่ควบคุมสูงสุด
พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8122 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 24/2564 | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. ....
โดยเพิ่มข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรณีโครงการที่ต้องใช้เงินกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ
ให้กรมพัฒนาชุมชนเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ
โดยใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ โครงการ ให้จังหวัดพังงา จังหวัดลำพูน จังหวัดหนองคาย
และจังหวัดปัตตานี ปรับแผนการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัด
จำนวน ๘ โครงการ และมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาความเหมาะสมของการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมในลักษณะฝึกอบรม
การศึกษาดูงานและการถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กำหนด
และไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
กฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
จัดอบรม สัมมนา หรือการประชุมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักในทางปฏิบัติ
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรการของทางราชการอย่างประหยัด
และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. .... และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบดังกล่าวให้สมบูรณ์ก่อนดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
8123 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ 15 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ 10 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ 10 ปี พ.ศ. 2564 | ทส. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ
สมัยที่ ๑๕ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๑๐
และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ไม่ได้เป็นหนังสือสัญญาและมีผลผูกผันทางกฎหมายซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๑๗๘
แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมด้านสารเคมีและของเสียฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๕
การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๑๐
และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8124 | รายงานตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ประจำปี 2563 | สสส. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๓๖
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประจำปี ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญ
ดังนี้ ๑) สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงหลักต่อสุขภาพและผลงานเด่นในปี ๒๕๖๓ ๒)
ผลการดำเนินงานสำคัญตามเป้าประสงค์ และ ๓) การตรวจสอบ
ติดตามและประเมินผลการทำงานในปี ๒๕๖๓ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8125 | การขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินของโครงการ Integrated Programme in Enhancing the Capacity of AHA Centre and ASEAN Emergency Response Mechanisms (EU-SAHA) | มท. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารแนบท้ายความตกลง (Addendum No.1)
เพื่อขยายระยะเวลาความตกลงในการสนับสนุนทางการเงิน (Financing Agreement) ในการดำเนินโครงการ EU-SAHA และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารฯ
ของฝ่ายอาเซียน เนื่องจากการดำเนินงานตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
(ASEAN Agreement on Disaster
Management Response : AADMER) ซึ่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้แล้ว
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารแนบท้ายความตกลง
(Addendum No.1) เพื่อขยายระยะเวลาความตกลงในการสนับสนุนทางการเงิน
(Financing Agreement) ในการดำเนินโครงการ Integrated Programme in Enhancing the Capacity of AHA Centre
and ASEAN Emergency Response Mechanisms (EU-SAHA)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8126 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Thailand Di¬gital Platform) “One Country One Platform”ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา | สว. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Thailand Digital Platform)
“One Country One Platform”
ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ว่าการพัฒนาแพลตฟอร์มได้ดำเนินการพัฒนาระบบ Digital ID เพื่อให้บริการของภาครัฐนำไปใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน
และสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการนำ Digital ID ไปใช้ในการบริการประชาชน
และบริการระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ รองรับการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน
ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ
รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการต่าง ๆ ของประชาชน
รวมถึงงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐและการจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับการรับบริการภาครัฐของประชาชน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8127 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 70 ปี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๗๐ ปี
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8128 | แผนระดับที่ 3 ของกระทรวงสาธารณสุข (ร่าง) แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2564 - 2565 | สธ. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนระดับที่ ๓ ของกระทรวงสาธารณสุข (ร่าง)
แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕
มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพหรืออาจได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ในพื้นที่เขตอนุรักษ์
รวมทั้งเป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานเชิงบูรณาการ เพื่อเสนอแผนจัดการฯ
รายพื้นที่อย่างน้อย ๑๒ แห่ง ครอบคลุมทั้ง ๑๒ เขตสุขภาพต่อไป ทั้งนี้
แผนการบริหารจัดการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน จำนวน ๑,๗๓๕ ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง
ๆ ในการค้าสมุนไพรระหว่างประเทศ และการขอรับใบอนุญาตเพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
การดำเนินการในพื้นที่ป่าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำหรับแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในระดับพื้นที่
ซึ่งจะประกาศในอนาคต ให้ยึดกรอบทิศทางของแผนจัดการฯ ฉบับนี้
โดยไม่ต้องนำเสนอตามแนวทางของแผนระดับที่ ๓
ให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และควรพิจารณาถึงการศึกษาวิจัยวิธีการเก็บารักษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสมุนไพรในแต่ละชนิด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
8129 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2564 (โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้) และครั้งที่ 25/2564 | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๔ (โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้) เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม
๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้ถูกต้องครบถ้วนถึงความเท่าเทียมและสิทธิที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับ
การเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
8130 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8131 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ | นร.07 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล
และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ ตามแนวทางและขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๔ จำนวน ๘
หน่วยรับงบประมาณ วงเงิน ๑,๔๘๔.๑๖๒๙ ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ
เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8132 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับการปฏิบัติของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 รวม 123 วัน | ตช. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โรคโควิด
19) ภายในวงเงิน ๓๙๒.๗๗ ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
(ศปม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ รวม ๑๒๓
วัน
หรือจนกว่าสถานการณ์ดังกล่าว จะยุติลง ได้แก่
ภารกิจการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เช่น การตั้งด่านตรวจจุดคัดกรองโรค
การตั้งชุดปฏิบัติการชุดเคลื่อนที่เร็วประจำสถานีตำรวจ และภารกิจในการเฝ้าระวัง
ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นการจัดหาวัสดุและครุภัณฑ์สำหรับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 เป็นต้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8133 | ขอขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบและการปรับปรุงรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับปรุงถ้อยคำในมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
เพื่อให้กระทรวงแรงงานสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และการขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบและให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม
ดำเนินการจัดทำรายละเอียดและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของพระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมถึงการปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
ตลอดจนการสร้างความรับรู้และความเข้าใจ และคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม
เป็นธรรม อย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกมิติ ไปดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม ติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งให้เผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้สาธารณชนได้รับทราบ
และทั่วถึงเป็นระยะ ๆ ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8134 | การปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศลให้มีความชัดเจน
รอบคอบ เกิดประโยชน์ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น
ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
โดยเปลี่ยนประธานกรรมการจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และเพิ่มเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการ กำหนดประเภทของหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนให้เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้ในปัจจุบัน
ให้ความสำคัญกับโครงการที่มีผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชนและสังคม
สามารถยกเลิกโครงการได้ในกรณีที่การดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจำแนกกิจกรรมภายใต้โครงการ
เพื่อให้การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนมีความชัดเจน จัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ความพร้อมของการดำเนินโครงการ และประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย ทั้งนี้
ควรกำหนดให้ครอบคลุมหน่วยงานในกำกับของรัฐซึ่งไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวิธีการงบประมาณด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8135 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และกรอบและแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่
๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาระบบบริการดิจิทัลแบบครบวงจร
(end-to-end Service) ที่สอดคล้องกับความต้องการพื้นฐานของประชาชน ความคุ้มค่าในการลงทุน
และออกแบบให้รองรับการเชื่อมต่อกระบวนงานและข้อมูลระหว่างบริการดิจิทัลที่เกี่ยวเนื่องในอนาคตด้วย
กำหนดรูปแบบ (Format) ของรายงานการปฏิบัติราชการให้เป็นรูปแบบเดียวกัน
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานของส่วนของราชการ การปรับแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของหลายส่วนราชการ
ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ และแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จะทำให้ตัวชี้วัดระดับกระทรวงและกรมสอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายระดับชาติในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนระดับชาติอื่นๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในส่วนของการเชื่อมโยงการประเมินส่วนราชการกับการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลในระดับหัวหน้าส่วนราชการ
(ปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า อธิบดีหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด) ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลให้ชัดเจนและเหมาะสม
เพื่อถือปฏิบัติต่อไป
โดยอาจพิจารณากำหนดตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำ มีการทำงานเชิงรุกสามารถบริหารงานและแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสภาวะวิกฤตให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
อาจพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวไปใช้ในการประเมินเพื่อเลื่อนระดับหรือพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับประเด็นการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ของส่วนราชการให้เป็นปัจจุบัน
มีความทันสมัย สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการนำเสนอที่น่าสนใจ
และง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชน
เพื่อพิจารณากำหนดเป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดในการประเมินส่วนราชการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8136 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ)เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (บัญชีสะสมฯ)
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ เพิ่มเติมจำนวน ๒,๘๗๕ ล้านบาท ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔
จะมีเงินของกองทุนฯ ที่นำส่งเข้าบัญชีสะสมฯ เพื่อชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3
รวมจำนวนทั้งสิ้น ๕,๒๗๕ ล้านบาท และยอดหนี้ต้นเงินกู้ FIDF 1 และ FIDF 3 ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ คงเหลือจำนวน ๗๑๑,๕๔๒.๖๗ ล้านบาท โดยต้นเงินกู้ลดลง
๔๒๖,๗๖๓.๒๒ ล้านบาท จากยอดหนี้ต้นเงินกู้ ณ วันที่ ๒๗ มกราคม
๒๕๕๕ ที่มีอยู่จำนวน ๑,๑๓๘,๓๐๕.๘๙
ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8137 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เรื่อง ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง | กษ. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการขอทบทวนเงื่อนไขวรรคท้ายของข้อ
๕.๒.๒ ของโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จากเดิม “ทั้งนี้
ให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสามารถนำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้เพื่อบวกกลับเป็นรายได้ของธนาคาร
และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้
และให้แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ ภายใต้ระบบบัญชี PSA (Public Service Account)” เป็น “ทั้งนี้
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสามารถนำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้เพื่อบวกกลับเป็นรายได้ของธนาคาร
และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้
และให้แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ ภายใต้ระบบ PSA
(Public Service Account)
และธนาคารออมสินสามารถนำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้เพื่อบวกกลับในการคำนวณโบนัสประจำปีของพนักงานได้และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้
และให้แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ ภายใต้ระบบบัญชี PSA
(Public Service Account)” ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่ากรณีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่กำหนดให้นำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการสินเชื่อฯ
เพื่อบวกกลับเป็นรายได้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
หากเงื่อนไขดังกล่าวมีเจตนารมณ์ให้เป็นการบันทึกบัญชีในงบการเงินเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในทางปฏิบัติควรหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8138 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามแนวทางและขั้นตอนที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๔
ที่กำหนดให้หน่วยรับงบประมาณขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายเฉพาะรายการที่มีความจำเป็นอย่างแท้จริงสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) และนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ที่ต้องดำเนินการภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒๔,๒๙๑.๘๔๗๒ ล้านบาท เพื่อเป็นรายจ่ายที่ต้องดำเนินการตามข้อผูกพันที่เกิดจากกฎหมาย
สัญญา ข้อตกลง
และเป็นรายจ่ายเพื่อการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
รายจ่ายเพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน หรือค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นต้น และฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
รวมวงเงินทั้งสิ้น ๘๗,๕๒๐.๑๑๖๖ ล้านบาท ทั้งนี้ การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้าน (๖)
การบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุง กฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8139 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวทิพานัน ศิริชนะ) | นร.04 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวทิพานัน ศิริชนะ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8140 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (1. นายปรีชาพร สุวัฒโนดม) | มท. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน ๔ คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายปรีชาพร สุวัฒโนดม ๒. พันเอก ศรัณยู วิริยเวชกุล ๓. รองศาสตราจารย์ธีร เจียศิริพงษ์กุล ๔. รองศาสตราจารย์พรอนงค์ บุษราตระกูล
|