ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 409 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 8161 - 8180 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8161 | รายงานผลการดำเนินงานการตรวจสอบที่มีต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน (เรื่อง การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน) | สม. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการตรวจสอบที่มีต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไข
ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
(เรื่อง การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรามนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น ควรมีการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองแรงงานในภาคเอกชนให้ครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในโลกแห่งการทำงาน
ควรมีการจัดตั้งกลไกคุ้มครองและตรวจสอบการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในโลกแห่งการทำงาน
เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8162 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะที่ 7 | กห. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โรคโควิด
19) วงเงิน ๔๔๐,๙๗๒,๙๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระยะที่๗ (วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔)
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นกักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชน ประกอบด้วย (๑) ค่าตอบแทนบุคลากร วงเงิน ๑๗,๔๘๕,๐๐๐ บาท (๒)
ค่าเช่าที่พักและค่าอาหารของเจ้าหน้าที่ วงเงิน ๔๖,๒๓๑,๒๐๐ บาท (๓) ค่าเช่าที่พักและค่าอาหารของผู้ถูกกักกันโรค วงเงิน ๓๗๑,๑๗๕,๖๐๐ บาท (๔) ค่าวัสดุการแพทย์ วงเงิน ๓๓๖,๐๐๐ บาท (๕) ค่าจ้างเหมา วงเงิน ๓,๙๑๐,๘๐๐ บาท และ (๖) ค่าใช้จ่ายยานพาหนะในภารกิจโควิด 19
วงเงิน ๑,๘๓๔,๓๐๐ บาท
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8163 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับมือกับวิกฤตทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ
อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ โดยมุ่งเน้น ๓ หัวข้อหลัก คือ (๑) การเจริญเติบโตที่เข็มแข็งสมดุล
มั่นคง ยั่งยืนและครอบคลุม อาทิ การกำหนดนโยบายการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชน
การสร้างความเชื่อมโยงที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ การจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืน
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มี่คุณภาพ (๒) นวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล
อาทิ การปฏิรูปโครงสร้าง การสร้างงานและโอกาสในสาขาใหม่
การส่งเสริมการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และ (๓)
การค้าและการลงทุน อาทิ การเร่งรัดการผลิตและการกระจายวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพ
มีคุณภาพ ปลอดภัย และราคาเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง การอำนวยความสะดวก การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ
และการสนับสนุนกระบวนการขององค์การการค้าโลกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8164 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์) | นร.04 | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8165 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ และนายสมหมาย เอี่ยมสอาด) | นร.04 | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชนะศักดิ์
อัตถาวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายอนุชา นาคาศัย) ๒. นายสมหมาย
เอี่ยมสอาด ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8166 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 | นร.04 | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-
19) (ศบค.) ครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
สรุปได้ดังนี้ ๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ๒)
ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
คราวที่ ๑๓ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ๓)
การยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
และการปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ๔)
การเดินทางข้ามจังหวัด ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดในช่วงระยะเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น
๕) มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ๖)
ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) (ศบศ )
เร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้
ตามความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ ๗) การปฏิบัติในจังหวัดอื่น
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดมาตรการการสนับสนุน โดยให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันรับผิดชอบในการกำหนดมาตรการคัดกรองและมาตรการติดตามสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8167 | การควบคุมราคาชุดตรวจสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (Rapid Antigen Test) และวัคซีนทางเลือก | นร. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ยังคงมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่องและสามารถติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น สถานพยาบาลต่าง ๆ จึงได้มีการนำชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว
(Rapid Antigen Test)
มาใช้ในการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙
เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็วและลดความแออัดในการเข้ารับบริการ
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้เร่งดำเนินการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและหลากหลายมากขึ้นด้วย
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดำเนินการกำกับดูแลและควบคุมราคาจำหน่ายชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว (Rapid
Antigen Test) สำหรับโรคโควิด-๑๙ ในกรณีที่ให้ประชาชนสามารถซื้อเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวมาใช้ได้เอง
และราคาจำหน่ายวัคซีนทางเลือก ให้เหมาะสม สอดคล้อง กับข้อเท็จจริง
และเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้บริโภค
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8168 | การกำกับติดตามการดำเนินงานของคณะกรรมการคณะต่างๆ | นร. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า เพื่อให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่แต่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
หรือตามมติคณะรัฐมนตรี
สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย
ยุทธศาสตร์ หรือแผนการดำเนินงานของรัฐบาลให้บรรลุผลต่อไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านรับไปกำกับติดตามคณะกรรมการต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบ เพื่อให้มีการจัดประชุมตามความจำเป็นต่อเนื่อง
และให้เกิดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยหากมีเรื่องใดที่มีความสำคัญเร่งด่วน
ที่จะต้องดำเนินการประการใด หรือไม่ ก็ให้จัดทำสรุปผลเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย
ทั้งนี้ หากเห็นว่าคณะกรรมการคณะใดสมควรปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจหรือคณะกรรมการใดหมดความจำเป็นและสมควรยุบเลิกได้
ก็ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8169 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง | กษ. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้
สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจระเข้ให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการและสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปจระเข้ จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ ตัว
โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๒๗๓.๘๕ ล้านบาท ประกอบด้วย
ค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแทนผู้กู้ จำนวน ๒๗๐ ล้านบาท
และค่าดำเนินโครงการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชี้แจง ประชาสัมพันธ์
และติดตามโครงการ จำนวน ๓.๘๕ ล้านบาท
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่สามารถขอรับสินเชื่อตามโครงการฯ
จะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่สามารถขอสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอื่น ๆ ของรัฐ เท่านั้น
สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ (ค่าชดเชยดอกเบี้ยและค่าดำเนินโครงการฯ)
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
ควรมีการกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจให้ชัดเจน
ควรดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมให้ฟาร์มจระเข้ขึ้นทะเบียนกับ CITES ให้มากขึ้นด้วย พิจารณากลไกการขับเคลื่อนระดับพื้นที่
ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
และควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
พร้อมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนสินเชื่อและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8170 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2563 | ทส. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง
ทั่วถึง และต่อเนื่อง
เพื่อให้เกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทยให้มากยิ่งขึ้น ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรทางทะเลที่ได้รับผลกระทบจากการทำการประมงให้ชัดเจนและให้เร่งดำเนินการอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะกรณีการใช้เครื่องมือทำการประมงไม่เหมาะสมหรือผิดประเภทและกรณีการตัดอวนทิ้งในทะเลซึ่งทำให้สัตว์ทะเลติดอวนเสียชีวิต
รวมทั้งสภาพธรรมชาติใต้ท้องทะเลเกิดความเสียหายด้วย ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางในการควบคุม
กำกับ ติดตาม
และตรวจสอบเรือเดินทะเลทุกประเภทไม่ให้มีการปล่อยของเสียหรือทิ้งขยะลงสู่ทะเลในเขตน่านน้ำของไทย
ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8171 | การร่วมทุนในบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเข้าร่วมลงทุนในบริษัท อินโนเปซ
(ประเทศไทย) จำกัด และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยลงนามในสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
เมื่อผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลังกระทรวงคมนาคม
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และควรจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ รัดกุม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและราชการเป็นสำคัญ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุดที่ อส
๐๐๐๗/๑๕๖๕๖ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาอนุมัติการลงทุนแต่ละประเภทของรัฐวิสาหกิจ
ตามกฎหมายจัดตั้งและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์การลงทุนในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมีความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยคำนึงถึงมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8172 | โครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 5 (ปี 2566 - 2570) | กษ. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๕ (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) จำนวน ๕๐ ทุน
แบ่งเป็นทุนระดับปริญญาโท จำนวน ๒๕ ทุน และทุนระดับปริญญาเอก จำนวน ๒๕ ทุน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว
จำนวน ๕๙,๐๕๐,๐๐๐ บาท ระหว่างปีงบประมาณ
๒๕๖๖-๒๕๗๐ และผูกพันงบประมาณผู้รับทุนต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๔ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาจัดสรรทุนการศึกษาโดยมุ่งเน้นสาขาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตร
การวิจัยและนวัตกรรมด้านการเกษตร และสาขาวิชาที่ขาดแคลนบุคลากรเป็นลำดับแรก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร.
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นว่าในการแก้ไขปัญหาทดแทนอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สามารถบูรณาการร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ที่มีโครงการจัดสรรทุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์
การจัดสรรทุนควรมีการจัดสรรในภาพรวม
กำหนดสาขาวิชาที่ขาดแคลนพิจารณาให้สอดคล้องกับสาขาวิชาความเชี่ยวชาญ
ดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านทักษะภาษาอังกฤษ
หรือทักษะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญต่อการปฏิรูประบบวิจัยเกษตรไทย
ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้รับทุนทำการวิจัยที่เน้นการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ตลอดจนการวางแผนในการจัดสรรทุนให้มีความสมดุลกับกรอบอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในอนาคต
และกำหนดแนวทางการติดตามการใช้ศักยภาพของผู้รับทุนภายหลังสำเร็จการศึกษาเพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
รวมถึงการประเมินผลฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8173 | ขอความเห็นชอบแผนธุรกิจและการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด ของการไฟฟ้านครหลวง | มท. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด
ในวงเงินลงทุนการจัดตั้งบริษัท จำนวน ๕๐๐
ล้านบาท และให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
และคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ที่เห็นว่าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการกำกับดูแลบริษัทในเครือดังกล่าว ให้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
กำหนดแผนรองรับการบริหารจัดการของเสียที่เกิดจากการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
แผนการตลาด แผนการลงทุน แผนการจัดการความเสี่ยง
และแผนการดำเนินงานด้านเมืองอัจฉริยะ และควรคำนึงถึงประโยชน์ทางราชการและประชาชน
ความคุ้มค่า และความประหยัด และจัดทำแผนการลงทุนในแต่ละปีให้ชัดเจนและแจ้งต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อปรับกรอบวงเงินลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีต่อไป
เป็นต้น รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) ร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิจารณาแผนการจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจกลุ่มพลังงานไฟฟ้า
ให้การลงทุนของบริษัทในเครือมีทิศทางที่เหมาะสม ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนระหว่างกัน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ (เรื่อง
ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8174 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี ค.ศ. 2021 | กต. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-Level Political Forum
on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี
ค.ศ. ๒๐๒๑
มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑) ร่างปฏิญญาฯ
อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจาในระยะสุดท้ายโดยคณะผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก
และเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรสาธารณรัฐอิรักประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เป็นผู้ประสานงานการเจรจาร่วม และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เข้าร่วมการเจรจาโดยตลอด ๒) ร่างปฏิญญาฯ
แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่จะร่วมกันดำเนินการเพื่อบรรจุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ และตอบสนองและฟื้นฟูจากวิกฤติโควิด-๑๙ ในระดับโลก
สะท้อนการประเมินความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม SDGs ทั้ง ๙ เป้าหมาย
ที่เป็นจุดเน้นของการประชุม HLPF ในปีนี้ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8175 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 | ทส. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบองค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๔ ประกอบด้วย ๑)
รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์พื้นที่
๒) การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้คณะผู้แทนไทย
ชี้แจงทำความเข้าใจ และโน้มน้าว คณะกรรมการมรดกโลก องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก
เกี่ยวกับสถานการณ์และวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ๓) รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์มรดกโลก
และการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่ง
กรณีประเด็นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษา
และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และคณะทำงาน
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
และคำนึงถึงความสัมพันธ์หว่างประเทศด้วย
ควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจนที่เป็นข้อห้ามไม่ให้มีการดำเนินการใด ๆ
ที่ส่งผลกระทบต่อมรดกโลก หรือส่งผลให้พื้นที่มรดกโลกกลายเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตรายหรือมีประเด็นสุ่มเสี่ยง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8176 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) | นร.11 สศช | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๗) ประกอบด้วย มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ต้องปฏิบัติเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด
(ฉบับที่ ๒๐) ในพื้นที่ ๑๐ จังหวัดควบคุมสูงสุด ให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน รับไปพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) มาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
ค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) ของประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ
ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หารือกับสถานศึกษาในสังกัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้กระทรวงการคลัง
และธนาคารแห่งประเทศไทย หารือกับธนาคารพาณิชย์
เพื่อดำเนินมาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยหรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานประกันสังคม
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน
และผู้ประกอบการฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงเป็นระยะ
ๆ ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8177 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 8 | กห. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Defence Ministers’ Meeting :
15th ADDM) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๘ (8th ASEAN Defence
Ministers’ Meeting Plus : 8th ADDM-Plus) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖
มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นหัวหน้าคณะและรับรองปฏิญญาฯ ดังกล่าว สรุปได้
ดังนี้ (๑) การประชุม 15th ADDM ที่ประชุมรับรองปฏิญญาฯ ADDM โดยรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน
และพิจารณาเอกสารความร่วมมือปี ๒๕๖๔ และอนุมัติความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง เช่น
การจัดการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน+๑ อย่างไม่เป็นทางการกับเครือรัฐออสเตรเลีย
สาธารณรัฐเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน (๒) การประชุม 8th ADDM-Plus ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาฯ ADDM-Plus โดยรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน ADDM-Plus และได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงของภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ในประเด็นสำคัญ เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
การก่อการร้าย ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8178 | รายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ได้รายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะทางการเงิน
และงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้วต่อกรมบัญชีกลางเป็นประจำทุกปี (๒)
ผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ได้บริหารการเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะพันธบัตรรัฐบาลรุ่น
LB206A จำนวน
๘๙,๑๕๘.๗๒ ล้านบาท และผลตอบแทนจากการลงทุน รวม ๔๘๘.๕๓
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๑๘ ต่อปี และมีผลการประเมิน ๔.๙๐๕๗ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๕
คะแนน (๓) ฐานะทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
แล้วเห็นว่า งบการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8179 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
กรอบแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับการขนส่งสินค้าและการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(๒) การพัฒนาระบบ National Single Window ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถชำระค่าบริการต่าง
ๆ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ และ (๓)
ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติ กบส. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ได้แก่
การชะลอการบังคับให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบังและการบรรทุกตู้สินค้าลงเรือที่ท่าเทียบเรือชายฝั่ง
(ท่าเทียบเรือ A)
และการบรรเทาปัญหาจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
ตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
8180 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | คค. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีแล้ว ประกอบด้วย (๑)
งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีสินทรัพย์รวม ๒,๕๗๑.๒๒ ล้านบาท หนี้สินรวม ๑,๓๕๑.๑๙ ล้านบาท ส่วนของทุน ๑,๒๒๐.๐๔ ล้านบาท และ (๒)
งบแสดงกำไรขาดทุน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีรายได้ (จากการดำเนินงาน
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล อื่น ๆ) ๔๙๘.๗๘ ล้านบาท รายจ่าย ๔๙๐.๖๒ ล้านบาท
และมีกำไรสำหรับปี ๘.๑๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|