ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 406 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 8101 - 8120 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8101 | กรอบความตกลงว่าด้วยข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Mutual Recognition Arrangements: AFA on MRA) ฉบับปรับปรุงแก้ไข | อก. | 27/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกรอบความตกลงว่าด้วยข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียน
(ASEAN Framework Agreement on Mutual Recognition
Arrangements : AFA on MRA) ฉบับปรับปรุงแก้ไข มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงว่าด้วยข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียน ฉบับปี ๒๕๔๑ ให้ทันสมัยมากขึ้น
โดยกำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องรับรอง
หรือยอมรับผลของกระบวนการตรวจสอบและรับรองที่ได้ดำเนินการตามบทบัญญัติภายใต้ข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขา
และจะนำไปใช้กับข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขาสำหรับทุกผลิตภัณฑ์
ทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยครอบคลุม ๕ สาขา ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
รวมถึงสาขาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นลงนามในร่างกรอบความตกลงฯ
ฉบับปรับปรุงแก้ไขดังกล่าว และเมื่อลงนามแล้ว
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งกรอบความตกลงฯ ดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powres) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างกรอบความตกลงฯ
ฉบับปรับปรุงแก้ไขดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘
(เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรเร่งดำเนินการสร้างความรับรู้ให้ผู้มีส่วนได้เสียรับทราบกรอบความตกลงฯ
ที่จะมีการบังคับใช้ในอนาคต
ควบคู่ไปกับการเร่งส่งเสริมการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและเร่งพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการในส่วนของการทดสอบมาตรฐานและพัฒนาบุคลากรสำหรับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานให้เพียงพอ
เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเชื่อมั่นของสินค้าไทยกับผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8102 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... | คค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ.
....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางรางของประเทศ เพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการขนส่งทางรางให้สามารถยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมขนส่งทางรางและการบริหารจัดการการขนส่งทางรางอย่างเป็นระบบ
สอดคล้องกับการพัฒนาการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ให้เป็นโครงข่ายเดียวกันอย่างสมบูรณ์
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ตามความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานศาลยุติธรรม
เช่น ควรให้มีการพิจารณาบทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติฯ
ในรายละเอียดที่ชัดเจนและคำนึงถึงการแบ่งแยกบทบาทหน่วยงานต่าง ๆ ในกิจการขนส่งทางราง
ความสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ควรกำหนดให้มีระบบการรายงาน
การติดตามและประเมินผลผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนการพัฒนาขนส่งทางราง
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วนทุกมิติ คำนึงถึงภารกิจ
ความจำเป็น ความสามารถในการดำเนินงาน ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางรางต้องไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่และอำนาจขององค์กรอื่น
ควรให้มีการพิจารณากำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการขนส่งทางรางทั้งในส่วนของระดับนโยบาย
การกำกับดูแลกิจการ และหน่วยงานระดับปฏิบัติการ รวมถึงการบูรณาการภารกิจและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการในสาขาขนส่งรูปแบบต่าง
ๆ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นควรกำหนดให้มีระบบการรายงาน
การติดตามและประเมินผลผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนการพัฒนาขนส่งทางราง
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วนทุกมิติ คำนึงถึงภารกิจ
ความจำเป็น ความสามารถในการดำเนินงาน ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย ควรให้มีการพิจารณากำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการขนส่งทางรางทั้งในส่วนของระดับนโยบาย
การกำกับดูแลกิจการ และหน่วยงานระดับปฏิบัติการ
รวมถึงการบูรณาการภารกิจและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการในสาขาขนส่งรูปแบบต่าง
ๆ และมีการซักซ้อมความเข้าใจกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยให้ชัดเจนก่อนที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8103 | การกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร (สายงานบริหาร) ระดับสูง ตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร.52 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร
(สายงานบริหาร) ระดับสูง
ตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.) เสนอ
และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกฯ
ควรเพิ่มคุณสมบัติที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์ตรงและความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และการกำหนดอำนาจในการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกควรให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการสามัญ
(อ.ก.พ.) ทำหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง การกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการคัดเลือก
ควรมีจำนวนที่เหมาะสมและไม่น้อยจนเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่า ศอ.บต. ต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในครั้งนี้
เนื่องจากไม่อาจดำเนินการตามหนังสือเวียนของสำนักงาน ก.พ. ได้ สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้สำนักงาน
ก.พ. พิจารณาปรับปรุงหนังสือเวียนดังกล่าวให้ทันสมัยด้วย
เพื่อให้การบริหารงานบุคคลภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8104 | ร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับมาตรฐานการอุดมศึกษา จำนวน 5 ฉบับ | อว. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับมาตรฐานการอุดมศึกษา จำนวน ๕
ฉบับดังกล่าว ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงมาตรฐานการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มาตรฐานการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานการอุดมศึกษาซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำเกี่ยวกับคุณลักษณะของสถาบันอุดมศึกษา
การดำเนินการผลลัพธ์ คุณภาพ และเกณฑ์อื่นในการบริหารจัดการสถาบันอุดมศึกษา
เพื่อใช้ในการส่งเสริม การกำกับดูแล การตรวจสอบ ติดตามและประเมินผล
และการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงมาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำของหลักสูตรการศึกษา คุณลักษณะ คุณภาพ และเกณฑ์อื่น
ในการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงมาตรฐานตำแหน่งทางวิชาการในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำของหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขในการขอตำแหน่งทางวิชาการของสถาบันอุดมศึกษา ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการอุดมศึกษาอื่น พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำของมาตรฐานการอุดมศึกษาที่เป็นมาตรฐานอื่นที่ไม่ได้กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวง ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานคุณวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อเป็นมาตรฐานคุณภาพต่ำ
เพื่อเป็นเป้าหมายร่วมในการผลิตบัณฑิตที่มีผลลัพธ์การเรียนรู้อันตอบสนองต่อการพัฒนาสังคมและประเทศ
โดยคำนึงถึงบริบทของสถาบันที่มีความหลากหลาย และความมีอิสระ
ความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการศึกษาให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องการกำหนดหลักสูตรในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากหลักสูตรที่ให้ปริญญา
และให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพ
ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาความรู้ ทักษะ
และสมรรถนะให้ตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
และการกำหนดตำแหน่งวิชาการที่กำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการประจำสถาบันอุดมศึกษา
ควรวางระบบ หลักเกณฑ์
ตลอดจนแนวทางปฏิบัติให้มีความชัดเจนและมีมาตรฐานเทียบเคียงกัน นอกจากนี้
ควรคำนึงถึงประโยชน์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐในภาพรวม และควรเพิ่มข้อกำหนดขั้นต่ำเกี่ยวกับมาตรฐานหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
เพื่อรองรับการจัดการศึกษาด้วยหลักสูตรการศึกษาหรือการเรียนการสอนในรูปแบบที่หลากหลายจนถึงระดับปริญญาตรี
ควรกำหนดรายละเอียดผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้สำเร็จการศึกษาด้านความรู้ ด้านทักษะ
และด้านลักษณะบุคคลให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ และการกำหนดตำแหน่งวิชาการที่กำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการประจำสถาบันอุดมศึกษา
ควรวางระบบ หลักเกณฑ์
ตลอดจนแนวทางปฏิบัติให้มีความชัดเจนและมีมาตรฐานเทียบเคียงกัน นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงประโยชน์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8105 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศแทนตำแหน่งที่ว่าง (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณา ศรีวนิชย์) | พม. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณา ศรีวนิชย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านสิทธิมนุษยชน) ในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ
แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8106 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์) | ดศ. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการระดับสูง) กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กลุ่มที่ปรึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8107 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม | นร.10 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม
รวมทั้งสิ้น ๒,๔๑๑ อัตรา
ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๒,๑๓๖ อัตรา และกรมราชทัณฑ์
จำนวน ๒๗๕ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการดังกล่าวดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) และกระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐอย่างเคร่งครัด
และส่วนราชการทั้ง ๒ แห่ง
ควรบริหารจัดการอัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมาย
และเร่งดำเนินการสรรหาและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
กรมราชทัณฑ์มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่และที่จะได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมให้มีศักยภาพในการดูแลจัดการผู้ต้องขังภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และให้กำหนดแนวทางการต่ออายุราชการให้แพทย์และทันตแพทย์ที่เกษียณอายุแล้วและให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาให้เอกชนและภาคส่วนอื่นเข้ามาร่วมดำเนินการแทนในบางภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8108 | การจัดตั้งบริษัทนวัตกรรมของกลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) ดำเนินการจัดตั้งบริษัทนวัตกรรมของกลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๑.๒ อนุมัติเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นของ
กฟผ. ในระยะเวลา ๕ ปี (ปี ๒๕๖๔-ปี ๒๕๖๘) จำนวน ๑,๑๘๔ ล้านบาท ตามที่ กฟผ. เสนอ ปี
๒๕๖๔ จำนวน ๓๒๐.๔๐ ล้านบาท ปี ๒๕๖๕ จำนวน ๒๒๕.๙๐ ล้านบาท ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๒๑๓.๙๐
ล้านบาท ปี ๒๕๖๗ จำนวน ๒๑๑.๙๐ ล้านบาท และปี ๒๕๖๘ จำนวน ๒๑๑.๙๐ ล้านบาท
และหากคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ กผฟ.
ดำเนินการจัดตั้งบริษัทนวัตกรรมของกลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศทไย ให้ถือว่า
กฟผ.
ได้รับอนุมัติงบประมาณเพื่อลงทุนตามแผนการประมาณการเบิกจ่ายสำหรับบริษัทนวัตกรรมของกลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ประจำปี ๒๕๖๔ จำนวน ๓๒๐.๔๐ ล้านบาท โดย กฟผ. จะเบิกจ่ายชำระเงินค่าหุ้นครั้งที่ ๑
เป็นจำนวนเงิน ๖๐ ล้านบาท
และเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนครั้งต่อไปจะเป็นไปตามการเรียกชำระเงินค่าหุ้นของบริษัท ๑.๓ อนุมัติให้
กฟผ. ลงนามสัญญาร่วมทุนเมื่อผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ๒.
ให้กระทรวงพลังงานและ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เช่น กฟผ. ควรกำกับทิศทาง บทบาท
และแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทในเครือทั้งหมดให้มีความชัดเจน สอดคล้อง
และไม่ซ้ำซ้อนกัน โดยคำนึงถึงมูลค่าตลาดทั้งห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจพลังงาน
และมีกระบวนการตรวจสอบและบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนและการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน โดย
กฟผ. พิจารณาต่อยอดการประกอบกิจการรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วย
โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8109 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานประจำเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๔
โดยมีผลการดำเนินงานของ คณะกรรมการผู้ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น (๑) กระทรวงกลาโหม
จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา จิตอาสาเฉพาะกิจ และจิตอาสาภัยพิบัติ (๒) กระทรวงการคลัง
จัดกิจกรรมจิตอาสากระทรวงการคลังร่วมใจบริจาคโลหิต ครั้งที่ ๑-๓
และกิจกรรมมอบอาหารปรุงสุกและน้ำดื่มแก่ประชาชนในพื้นที่เขตจตุจักร (๓)
กระทรวงพาณิชย์ จัดกิจกรรมจัดทำถุงใส่ของจากห่อกระดาษ A4 เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ) (๔) กระทรวงมหาดไทย จัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.)
และจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสวันสำคัญของชาติไทย
และ (๕) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
จัดกิจกรรมโครงการสนับสนุนจิตอาสาพระราชทานกิจกรรมฝึกอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน
(CPR) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8110 | รายงานผลการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่
๔ มิถุนายน ๒๕๖๔
ซึ่งกระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๕ (LB246A) อายุ ๓.๐๔ ปี จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔
โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๐.๖๔๘๐ ต่อปี
และได้จัดทำประกาศเกี่ยวกับผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวข้างต้น
เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8111 | สรุปผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ ของคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ
ของคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว สรุปได้ว่าการใช้เครื่องจักรกลเพื่อลดการเผาในที่โล่งจากเกษตรกรรม
รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณนอกจากจะช่วยเหลือให้เกษตรกรเข้าถึงเครื่องจักรกลที่ช่วยในการเก็บเกี่ยวแล้ว
ควรสนับสนุนเครื่องจักรกลในการเตรียมดินปลูกพืชที่มีราคาถูกและคุ้มค่าต่อการลงทุน
การกำหนดมาตรฐานไอเสียรถยนต์ดีเซลเป็นยูโร ๕
เพื่อให้รถยนต์ดีเซลต่ำกว่ามาตรฐานต้องติดตั้งระบบบำบัดไอเสียนั้นต้องพิจารณาการบังคับใช้มาตรฐานรถยนต์ยูโร
๕ ควบคู่กับการบังคับใช้มาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงยูโร ๕
เพื่อให้การควบคุมการระบายมลพิษเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจุบันการขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือใบอนุญาตขยายโรงงาน
โรงงานที่มีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดมลพิษสูงจะต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยโดยโรงงานจะต้องประเมินค่าความเข้มข้นของมวลสารที่ระบายออกจากปล่องระบุในเล่มรายงาน
หน่วยงานรัฐควรต้องทำแบบจำลองประเมินมลพิษจากการชิงเผาชีวมวลในป่า (ทำแนวกันไฟ)
เพื่อวางแผนลดผลกระทบ โดยใช้แบบจำลองควบคู่อุตุนิยมวิทยา-เคมี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8112 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | อก. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร โดยให้มีการจัดเก็บเงินส่วนต่างการจำหน่ายน้ำตาลทรายในราชอาณาจักรของโรงงานส่งให้แก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
และนำเงินดังกล่าวมาบริหารจัดการให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างโรงงาน โดยให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่ฤดูการผลิตปี
๒๕๖๓/๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นว่าให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบต้องพิจารณาว่ามาตรการของไทยเข้าข่ายเป็นการอุดหนุนตามนิยามของความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้หรือไม่
และพิจารณาถึงข้อผูกพันการอุดหนุนภายในสำหรับสินค้าเกษตรทุกรายการ
และการกำหนดให้โรงงานน้ำตาลทรายนำส่งส่วนต่างระหว่างการจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศตามที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายประกาศ
กับราคาน้ำตาลทรายขาวตลาดลอนดอนหมายเลข ๕
บวกพรีเมียมน้ำตาลทรายไทยเฉลี่ยแต่ละเดือน
อาจเข้าข่ายการอุดหนุนภายในที่บิดเบือนการค้าเนื่องจากรัฐเป็นผู้กำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบต้องพิจารณาว่ามาตรการของไทยเข้าข่ายเป็นการอุดหนุนตามนิยามของความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้หรือไม่
และพิจารณาถึงข้อผูกพันการอุดหนุนภายในสำหรับสินค้าเกษตรทุกรายการ และติดตามการจัดทำและการปรับปรุงบัญชีประมาณการการจำหน่ายน้ำตาลทรายในราชอาณาจักรตลอดฤดูกาลการผลิตให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดในร่างระเบียบฯ
ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8113 | การแต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้อำนวยการสำนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (พันโท หนุน ศันสนาคม) | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พันโท หนุน ศันสนาคม ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ในอัตรา ๒๘๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน โดยในระหว่างอายุสัญญา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของอัตราค่าตอบแทนคงที่ที่ผู้รับจ้างได้รับ ทั้งนี้ ให้ขึ้นกับผลการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ตลอดอายุสัญญาจ้างจะต้องไม่มีผลให้อัตราค่าตอบแทนคงที่ที่ได้รับเกินกว่าอัตราขั้นสูงตามกรอบอัตราค่าตอบแทนคงที่ที่กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบไว้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ระบุในสัญญาจ้างผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8114 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 พ.ศ. .... | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ รายละเอียด การเสนอโครงการ
วิธีการดำเนินโครงการ ตลอดจนการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ เพื่อให้การดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างรัดกุม และมีประสิทธิภาพ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบดังกล่าวให้สมบูรณ์และแก้ไขการเรียงลำดับข้อในร่างระเบียบให้เป็นไปตามรูปแบบร่างกฎหมาย
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์
รายละเอียด การเสนอโครงการ วิธีการดำเนินโครงการ
ตลอดจนการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ของร่างระเบียบดังกล่าว
ไปประกอบการพิจารณาและให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8115 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 2 ฉบับ | นร.05 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑. ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๘)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการที่จำเป็นและต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน เพื่อลดการออกนอกเคหสถานของประชาชน
เช่น การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ การลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง
การห้ามออกนอกเคหสถานของบุคคลในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การขนส่งสาธารณะ โดยจำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละห้าสิบของความจุผู้โดยสารสำหรับยานพาหนะแต่ละประเภท
เป็นต้น ๒. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๑๐/๒๕๖๔ เรื่อง
พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด
พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8116 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.01 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
และแนวทางการบูรณาการการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
และการประสานขอความร่วมมือส่วนราชการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการในระยะต่อไป สรุปได้
ดังนี้ (๑) สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
และการประมวลผลและการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
เช่น ประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์ผ่าน ๑๑๑๑ รวม ๔๓,๔๕๕ ครั้ง และประเด็นเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุดคือ
การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ (๒)
แนวทางการบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
และการประสานขอความร่วมมือส่วนราชการ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการในระยะต่อไป รวม ๓
แนวทาง เช่น เร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
การปรับปรุงโทรศัพท์สายด่วนต่าง ๆ ที่มีจำนวนมาก
และเร่งรัดผลักดันความเดือดร้อนของประชาชนในด้านอื่น ๆ
คู่ขนานไปกับการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8117 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
(กพศ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม
๒๕๖๔ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (VDO Conference) โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
การขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑๐ แห่ง (๒)
การกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษและกรอบแนวทางการให้สิทธิประโยชน์ และ (๓)
กลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
รวมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย เช่น
ควรมีการวิเคราะห์ห่วงโซ่มูลค่าของสินค้าอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร
ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
เพิ่มการพัฒนาฝีมือแรงงานและการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการส่งเสริมการลงทุน
ให้มีการอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมข้ามแดน ควรพิจารณาบูรณาการโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นแกนสำคัญของแนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในภาคต่าง
ๆ ที่จะพัฒนาโดยใช้ศักยภาพของพื้นที่เป็นหลัก ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรมเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภูมิภาค
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
รวมถึงปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
พิจารณาแต่งตั้งผู้แทนจากภาคประชาชนมามีส่วนร่วมในการจัดตั้งกลไกการบริหารจัดการในระดับพื้นที่เพื่อประสานการขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นไปตามนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และควรทบทวนสิทธิและประโยชน์และกิจการเป้าหมายจูงใจนักลงทุนยิ่งขึ้นและลดความซับซ้อน
รวมถึงแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งพิจารณาคัดเลือกพื้นที่โดยให้ความสำคัญกับศักยภาพความพร้อมของการพัฒนาพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8118 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ๒.
เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๓)
และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ
จนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ
และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ
จนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8119 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2564 - 2565 จากคณะรัฐมนตรี | กห. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
รวมรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)
รุ่นที่ ๖๔ เพื่อเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ห้วงเวลาการศึกษาตั้งแต่ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึง กันยายน
๒๕๖๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8120 | ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - คงคา ครั้งที่ 11 | กต. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา
ครั้งที่ ๑๑ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมและกระชับความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ
ความเชื่อมโยง สิ่งแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ตลอดจนมุ่งเน้นการบูรณาการด้านสาธารณสุขเพื่อรับความร่วมมือกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของไทยตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นการต่างประเทศ และกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ ในหมุดหมายที่ ๕ ซึ่งสนับสนุนให้ไทยมีฐานเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่มูลค่าโลก
ตลอดจนพัฒนาสู่การเป็นประตูการค้าการลงทุนของภูมิภาค
อีกทั้งยังมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายที่
๑๗ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าอาจพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นความก้าวหน้าและแนวทางการดำเนินการของความร่วมมือด้านการเกษตรและสาขาที่เกี่ยวข้อง
และด้านการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs)
รวมทั้งประเด็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับโรคโควิด-๑๙
ซึ่งจะช่วยให้ประเทศสมาชิกสามารถรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา
ครั้งที่ ๑๑ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |