ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 239 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 4761 - 4780 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4761 | ขอความเห็นชอบ (ร่าง) ข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน | กษ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
ข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย
ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน
โดยมีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนกระบวนการบริหารจัดการน้ำโดยคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ
โดยส่งเสริมให้เกษตรกรที่ประสบภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน
ในเขตจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย และอุตรดิตถ์
ให้สามารถปรับตัวและประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมีการดำเนินการที่สำคัญ
เช่น
การจัดทำฐานข้อมูลและระบบคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเพื่อนำไปปรับปรุงการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
และการปรับปรุงงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรกำกับติดตามการดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กรอบระยะเวลาโครงการที่กำหนด
เพื่อให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมในการเพิ่มศักยภาพการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอากาศของภาคเกษตรในกลุ่มเป้าหมายของโครงการ
การพิจารณานอกเหนือจาก (ร่าง) ข้อตกลงฯ ขอให้คำนึงถึงการดำเนินการที่จะกระทำได้ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย
ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรน้ำจากคณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง เหมาะสม ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง)
ร่างข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย
ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4762 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายธนกร วังบุญคงชนะ) | อก. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4763 | การปรับอัตราเงินอุดหนุนแก่นักเรียนทุนเสมอภาค | กสศ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการการปรับอัตราเงินอุดหนุนแก่นักเรียนทุนเสมอภาคระดับประถมศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากอัตราปัจจุบัน
๓,๐๐๐ บาทต่อคนต่อปี ปรับเป็น ๔,๒๐๐ บาทต่อคนต่อปี (หรือจากเดิม ๑๕ บาท ต่อคนต่อวัน เป็น ๒๑ บาท
ต่อคนต่อวัน)
รวมทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเฉพาะนักเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในอัตราเดียวกัน
โดยเป็นการปรับเพิ่มในลักษณะขั้นบันไดต่อเนื่อง ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๖๙)
ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ๓ ปี
เห็นสมควรให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ควรมีระบบการคัดกรองและกำกับติดตามการมาเรียน และพัฒนาการด้านการเจริญเติบโตของนักเรียนและผลสัมฤทธิ์จากการปรับอัตราเงินอุดหนุนแก่นักเรียนทุนเสมอภาค
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๒.
ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4764 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 [เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ การพัฒนาระบบการตรวจสอบ เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพหลังออกสู่ท้องตลาด (Post-Marketing)] | สผผ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ [เรื่อง
การคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ การพัฒนาระบบการตรวจสอบ
เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพหลังออกสู่ท้องตลาด (Post-Marketing)
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า ได้มีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะแล้ว เช่น
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๔๒๐) พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง วิธีการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารเป็นการยกระดับหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหารและระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหารมาประกาศเป็นมาตรฐานบังคับใช้ให้ผู้ผลิตนำไปปฏิบัติและพัฒนาสถานที่ให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
และไทยมีระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยอาหารและอาหารสัตว์
ซึ่งเป็นระบบรายงานสถานการณ์ความปลอดภัยสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อการปกป้องคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความไม่ปลอดภัยของอาหารและอาหารสัตว์
ซึ่งการนำเข้าข้อมูลยังไม่ครอบคลุมและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒. รับทราบสรุปผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินในเรื่องดังกล่าวข้างต้น
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงาน และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
เพื่อบูรณาการตรวจสอบและเฝ้าระวังการผลิต/จำหน่ายอาหาร
โดยเฉพาะอาหารแปรรูปประเภทเนื้อสัตว์ในทุกพื้นที่ให้ถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐานด้านอนามัยอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4765 | ขออนุมัติลงนามร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับ | กต. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในสนธิสัญญาฯ
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในสนธิสัญญาฯ
รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับรัสเซียต่อไป
โดยหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสนธิสัญญาฯ แล้ว
กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการมีหนังสือแจ้งฝ่ายรัสเซียว่า
ฝ่ายไทยได้เสร็จสิ้นการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายภายในเพื่อให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับแล้ว โดยสนธิสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับ ๓๐ วัน
นับจากวันที่ภาคีได้รับการแจ้งครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อ ๒๑ ของสนธิสัญญาฯ
โดยร่างสนธิสัญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการปราบปรามอาชญากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสนธิสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4766 | การกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำปี 2565 | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลและผู้อำนวยการสำนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลชี้แจง
สรุปได้ว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในครั้งนี้เป็นการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลตามนัยมาตรา
๑๓ (๗/๑) แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๑๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่บัญญัติให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ในการออกประกาศกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ซึ่งมิได้มีลักษณะเป็นสลากกินรวบแบบที่เคยเกิดปัญหาขึ้นในอดีด
เนื่องจากเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะได้รับจากการจำหน่ายสลากดังกล่าวมิได้ตกเป็นรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมด
แต่จะจัดสรรร้อยละ ๖๐ เป็นเงินรางวัลและนำเข้าเป็นรายได้แผ่นดินไม่น้อยกว่าร้อยละ
๒๓ ซึ่งเป็นการจัดสรรตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้นบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๒ นอกจากนี้
สลากดังกล่าวกำหนดให้เป็นแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล ๖ หลัก (Lottery 6 : L6)
และสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข ๓ หลัก (Number 3 : N3)
ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเลือกซื้อเลขที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้น
รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาและการพนันนอกระบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน
โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้กำหนดวิธีการขายสลากดังกล่าว
โดยให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อย ผู้พิการ และกลุ่มเปราะบาง
ได้มีโอกาสลงทะเบียนเป็นผู้ค้ากับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐเป็นลำดับต้นด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการการออกผลิตภัณฑ์ใหม่
[สลากกินแบ่งรัฐบาล
๖ หลัก (Lottery 6 : L6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข ๓ หลัก
(Number 3 : N3)] ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
และให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรมีข้อมูลความสัมพันธ์กับการกำหนดราคา วิธีการจำหน่าย
และการคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเภทและรูปแบบของสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการกำหนดให้มีสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นได้
และให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลดำเนินการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน เช่น
ผลกระทบต่อผู้ค้าสลาก ผู้ด้อยโอกาส
และกำหนดวัตถุประสงค์ของการออกสลากรูปแบบดังกล่าวให้ชัดเจนก่อนดำเนินการต่อไป
เพื่อความรอบคอบในการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง รอบคอบ ครบถ้วน
แล้วนำร่างประกาศกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4767 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของกรมเจ้าท่า | คค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่ร่องน้ำปากพนัง อำเภอปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช ของกรมเจ้าท่า เนื้อดินประมาณ ๑.๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร วงเงิน
๑๔๔.๙๓๘๗ ล้านบาท ตามนัยของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้กระทรวงคมนาคมและกรมเจ้าท่าร่วมกันพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำสำคัญของประเทศ
โยคำนึงถึงขีดความสามารถของกรมเจ้าท่าและเงินงบประมาณของภาครัฐ
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4768 | การขอความเห็นชอบโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง | พม. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของแผนงานและงบประมาณโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง
(ระยะเวลาการดำเนินโครงการ ๕ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ วงเงินทั้งสิ้น ๗,๗๑๘.๙๔
ล้านบาท) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
๒๕๖๖ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ [สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)] ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ [สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
(องค์การมหาชน)] รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(ตามหนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๕/๖๕๔๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) เช่น ควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และพื้นที่ดำเนินโครงการที่อยู่ในแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์
ซึ่งมีรูปแบบเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
ควรกำหนดสัดส่วนแหล่งเงินทุนดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง
ที่มาจากภาคเอกชนด้วย เพื่อลดภาระทางการคลังของภาครัฐ
และเพื่อให้ภาคเอกชนในฐานะผู้ได้รับประโยชน์จากการพัฒนามีบทบาทช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ทั้งในรูปของตัวเงินหรือการสนับสนุนอื่น ๆ อาทิ การจ้างงาน การพัฒนาอาชีพ
หรือการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4769 | ร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2565 - 2567 และร่างแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2566 - 2570 รวม 2 ฉบับ | นร.08 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗
และตารางประสานสอดคล้องแสดงแนวทางดำเนินงานและความเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์/แผนหลักที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และเสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป ๒.
เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
รวมทั้งเป็นกรอบในการจัดทำโครงการ กิจกรรม และงบประมาณรองรับในการขับเคลื่อนงานตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ศ. ๒๕๕๓ ๔.
กรณีที่นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗
สิ้นสุดห้วงเวลาบังคับใช้ และแนวทางนโยบายดังกล่าวยังสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการตามมาตรา ๔ วรรคหนึ่งและวรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๕.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมที่เห็นควรปรับวัตถุประสงค์และเป้าหมายให้สอดคล้องกับร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และชื่อแผนของกระทรวงยุติธรรมให้เป็นปัจจุบัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๖.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงาน
ก.พ. เช่น ควรให้ความสำคัญกับการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชามาใช้เป็นกรอบในการแก้ไขปัญหา
ควรดำเนินการตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติความเชื่อของประชาชนในพื้นที่
ควรยึดหลักความเท่าเทียมโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา
ลดความหวาดกลัวในชุมชนเดียวกัน เพื่อสร้างแรงกดดันให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน
และเมื่อร่างนโยบายการบริหารฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ได้ประกาศใช้แล้ว
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้ทันต่อสภาวการณ์
รวมทั้งควรพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่รัฐให้มีความรู้ ความเข้าใจ
และทักษะที่จำเป็น เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปใช้เป็นต้นแบบต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4770 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน
วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลนำอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายนำอาวุธปืนมาขอรับใบอนุญาตตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด
หรือนำอาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ตามกฎหมายมาส่งมอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องรับโทษ
รวมทั้งเพื่อจัดเก็บอัตลักษณ์และรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน
อันจะส่งผลให้ปริมาณอาวุธปืนที่ไม่ถูกกฎหมายลดน้อยลง สามารถตรวจสอบได้
สามารถควบคุมตรวจสอบ กำกับและติดตาม การมีและใช้อาวุธปืนเหล่านี้ได้
ตลอดจนป้องกันการนำอาวุธปืนไปใช้ก่ออาชญากรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาประเด็นตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา และรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
ที่เห็นว่า “หน่วยงานทหารที่ใกล้ที่สุด” ควรระบุให้ชัดเจน
เนื่องจากหน่วยงานทหารบางหน่วยไม่มีความพร้อมทางด้านอาคาร สถานที่ และกำลังพล ในการดำเนินการกำกับดูแลเก็บรักษาอาวุธปืนดังกล่าว
รวมถึงควรพิจารณานำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนปืนและปรับปรุงฐานข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลา
ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น
การนำอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตมาขึ้นทะเบียนควรมีการตรวจสอบหลักเกณฑ์มาตรฐานและประวัติอาชญากรรมของอาวุธปืนก่อนและการจัดเก็บข้อมูลอาวุธปืนควรดำเนินการจัดเก็บตั้งแต่ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนหรือการขอใบอนุญาต
ควรมีการกำหนดรายละเอียด วิธีการ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจน
ไว้ในกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง
ควรกำหนดมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการให้ความร่วมมือกับทางราชการ
รวมถึงมาตรการป้องกันมิให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์จากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4771 | ขอความเห็นชอบในหลักการให้กรมป่าไม้ดำเนินการเพิกถอนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่กองทัพภาคที่ 3 ส่งคืนกรมป่าไม้ ท้องที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ | ทส. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการให้กรมป่าไม้ดำเนินการเพิกถอนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ท้องที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่กองทัพภาคที่ ๓ ส่งคืนกรมป่าไม้
และให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการตามกฎหมายที่ราชพัสดุและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยให้กรมธนารักษ์พิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒
ในการแต่งตั้งคณะกรรมการการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุที่รับมอบจากกรมป่าไม้
ในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ที่เหมาะสม
โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์และรักษาความสมดุลทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ถูกต้อง เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ
สำหรับพื้นที่ที่คงสภาพป่าไม้ให้กรมป่าไม้เร่งดำเนินการเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของสภาพพื้นที่ป่าไม้
รวมทั้งการสำรวจเพื่อจัดทำแนวกันชน (Buffer
Zone) ที่ชัดเจนต่อไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น กรณีขอความเห็นชอบการดำเนินการในพื้นที่ที่ตรวจยึดดำเนินคดีให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและไม่ตัดสิทธิบุคคลในพื้นที่ที่ต้องการเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของรัฐตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนด
เห็นว่า การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและการพิสูจน์สิทธิ์ในการครอบครองที่ดินของบุคคล
เจ้าหน้าที่ของรัฐยอมต้องปฏิบัติหรือดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรม
กฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด
กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแต่อย่างใด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอ
ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล
ข้อเท็จจริงต่าง ๆ และเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินการตามข้อ ๑
ให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนทั่วไปให้ทราบอย่างถูกต้อง
ชัดเจนและทั่วถึงด้วย ๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4772 | ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดและเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) | คค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมถอนเรื่อง ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดและเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) คืนไปก่อนได้
ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ)
รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4773 | การเปิดโครงข่ายขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock) ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network) | ดศ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเปิดโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
(โครงการงบ Big Rock)
ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network)
โดยใช้แนวทางที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายไปให้บริการปลายทาง
(Last Mile Access) ยังทุกภาคส่วน
ซึ่งเป็นการใช้โครงข่ายดังกล่าวให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
และรับทราบการโอนทรัพย์สินภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐ
และโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big
Rock)
ให้กับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามมติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในคราวประชุม ครั้งที่
๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น
ควรพิจารณาจัดทำฐานข้อมูลของโครงการรวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ switch ต้นทาง และอุปกรณ์ปลายทาง (SDP : Splitter Distribution Point)
ทั้งหมดในพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงและตรวจสอบจุดให้บริการหรือการขอใช้บริการได้ผ่านบริการเว็บ
ควรขยายความครอบคลุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ทั่วถึงทั้งประเทศโดยเร็ว
ควรปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. โดยที่โครงการเน็ตประชารัฐและโครงการ
Big Rock มีประเด็นการค้างชำระค่าใช้จ่าย
ค่าบริการแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด
(มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕
จึงมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินดังกล่าวของโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งศึกษาทางเลือกรูปแบบธุรกิจของโครงการดังกล่าวข้างต้นที่เหมาะสมภายใต้หลักการโครงข่ายแบบเปิด
(Open Access Network) เพื่อให้มีช่องทางสร้างรายได้อย่างเพียงพอและยั่งยืนต่อไปในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4774 | แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566-2570 ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566-2570 | นร.11 สศช | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนพัฒนาจังหวัด ๗๖ จังหวัด
และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ฉบับทบทวน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำความเห็นและข้อเสนอแนะไปปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในระยะต่อไป ๑.๒ อนุมัติแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของจังหวัด ๗๖ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย (๑)
เห็นควรสนับสนุนในกรอบวงเงิน (Y๑)
จำนวน ๑,๓๔๖ โครงการ งบประมาณ ๒๙,๓๑๔,๕๑๐,๙๐๐ บาท (๒)
เห็นควรสนับสนุนเกินกรอบวงเงิน (Y๒) จำนวน
๔๐๑ โครงการ งบประมาณ ๑๒,๕๘๘,๙๕๐,๗๕๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๑,๗๔๗ โครงการ งบประมาณรวม
๔๑,๙๐๓,๔๖๑,๖๕๐ บาท ๑.๓ อนุมัติข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ รวมจำนวน ๓๖๔ โครงการ ทั้งนี้ ขอให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญและพิจารณาสนับสนุนงบประมาณโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาคเป็นลำดับแรก
เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม
สอดคล้องตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
และมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปดำเนินการประสานสำนักงบประมาณ
เพื่อดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นว่า ในการขับเคลื่อนแผนงานโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน และพิจารณาตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน อีกทั้งควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ สำหรับข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ควรให้ความสำคัญและสนับสนุนงบประมาณโครงการที่มีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคสูงอย่างมีระบบและครอบคลุม สอดคล้องกับศักยภาพและพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4775 | การถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย เป็นการชั่วคราว (นายเยือร์เกิน พิฟเฟอร์) | กต. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถอดถอน นายเยือร์เกิน
พิฟเฟอร์ (Mr. Jurgen Piffer) จากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ
เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ
เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย เป็นการชั่วคราว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4776 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4777 | โครงการโคล้านครอบครัว | สทบ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการโครงการโคล้านครอบครัว
วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้รัฐชดเชยต้นทุนการเงินให้สถาบันการเงิน
(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) อัตราร้อยละ ๔ บาทต่อปี ภายในวงเงิน ๖๐๐
ล้านบาท โดยในปีแรกให้ใช้งบประมาณจากโครงการเพิ่มทุนกองหมู่บ้านและชุมชนเมือง
ระยะที่ ๓ จำนวน ๓๕๐ ล้านบาท เพื่อชดเชยต้นทุนการเงินให้กับสถาบันการเงิน
ภายในวงเงิน ๒๐๐ ล้านบาท และงบประมาณบริหารโครงการ ภายในวงเงิน ๑๕๐ ล้านบาท
และให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สบท.)
ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชดเชยต้นทุนการเงินให้สถาบันการเงิน ในปีที่ ๒-๔
ภายในวงเงิน ๔๐๐ ล้านบาท
และมอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ดำเนินโครงการตามอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เป้าหมายของโครงการและเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป
ตามที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรมีการติดตามตรวจสอบคุณสมบัติของกองทุนหมู่บ้านฯ
ที่จะเข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่กำหนด
และควรดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีความเชี่ยวชาญหรือหน่วยงานภายนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปศุสัตว์
ทำหน้าที่ตรวจรับรองการได้มาของโค น้ำเชื้อ และเวชภัณฑ์ รวมทั้งค่าผสมเทียม
มีการจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการภาครัฐต่อภาระทางการคลังในภาพรวมให้สอดคล้องกับรายรับ
และพิจารณาถึงความสามารถของงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่จะเสนอตั้งงบประมาณรองรับ รวมถึงภาระทางการคลังทั้งในปัจจุบันและอนาคต
และควรให้ความสำคัญในการจัดทำหลักเกณฑ์การคัดเลือกเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำทางวิชาการและการบริหารจัดการแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ
ตลอดจนกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานโครงการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4778 | ขอให้พิจารณาประกาศพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร.51 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี
ประกอบการพิจารณาประกาศพื้นที่ที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ตามมาตร ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑.
ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๒.๒.
ร่างปรากศ เรื่อง
การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๒.๓
ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ตามมาตร ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๔
ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม ๔ ฉบับ
ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4779 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2569 สำหรับดำเนินโครงการจัดแสดงนิทรรศการในงาน Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดนิทรรศการ Expo 2025 Osaka Kansai | สธ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙
สำหรับดำเนินโครงการจัดแสดงนิทรรศการในงาน Expo
2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดนิทรรศการ Expo 2025 Osaka Kansai รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๖๗,๘๘๑,๖๑๑ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4780 | ร่างเอกสารการขยายระยะเวลาของความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน (Instrument of Extension of the ASEAN Petroleum Security Agreement) | พน. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสารการขยายระยะเวลาของความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน
(Instrument of Extension of the ASEAN
Petroleum Security Agreement) และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างเอกสารฯ
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาของความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน
(ASEAN Petroleum Security Agreement) ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๖ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ซึ่งความตกลงฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกช่วยเหลือของประเทศสมาชิกอาเซียนในภาวะฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่มีการขาดแคลนด้านพลังงาน
โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ภาคีต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|