ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 236 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 4701 - 4720 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4701 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | มท. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลไพศาลี และตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชน ให้เป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารการปกครอง
เศรษฐกิจและสังคม การดำรงรักษาเมือง และพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม
และเป็นศูนย์กลางการผลิต การซื้อขายพืชไร่ ด้านตะวันออกของจังหวัดนครสวรรค์
โดยการจัดการด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ภายในเขตผังเมืองรวมชุมชนไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
ให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ การใช้ประโยชน์ที่ดินตามร่างประกาศกระทรวงดังกล่าว
ควรคำนึงถึง กฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
การพิจารณาอนุญาตให้ดำเนินกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และเป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐
เมื่อผังเมืองรวมชุมชนฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ควรกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4702 | รายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ 2565 | กค. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๕ ซึ่งเป็นรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปี เพื่อแสดงผลการประเมินความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากผลกระทบของเศรษฐกิจมหภาค
ระบบการเงิน นโยบายของรัฐบาล และผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ
ที่อาจก่อให้เกิดภาระทางการคลังของรัฐบาล และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4703 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการเงินรวมภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และบทวิเคราะห์รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๔๒๔ หน่วยงาน จากจำนวนทั้งหมด ๘,๔๔๓
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๗
โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ จำนวน ๕๖
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๐.๖๖ ประกอบด้วย
หน่วยงานของรัฐที่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด จำนวน ๓๗ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายการเงิน
จำนวน ๑๙ หน่วยงาน และให้หน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหา อุปสรรค
และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน ๖๐ วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
รวมทั้งหน่วยงานที่มีเงินได้มากกว่าที่มีการใช้จ่ายจริง หรือมีเงินสะสมคงเหลือ
โดยให้นำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายเป็นลำดับแรก หรือสมทบกับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนควรทบทวนการขอรับจัดสรรงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความเหมาะสม และประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4704 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566 | นร.11 สศช | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ
เช่น (๑) ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ (๒)
การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ :
ความก้าวหน้าการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและการพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
(๓) การติดตาม การตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ และ (๕) นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลรวมถึงสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศให้ประชาชนทราบต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4705 | รายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีกรณีกล่าวอ้างว่าได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่ครบถ้วน | สนง. กสม. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีกรณีกล่าวอ้างว่าได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่ครบถ้วน
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม
๒๕๖๖ โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
จัดทำข้อมูลทะเบียนราษฎรของผู้สูงอายุเป็นการล่วงหน้าเพื่อใช้เป็นข้อมูลให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เพียงพอและครบถ้วนต่อไป
ส่วนการปรับอัตราการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ ควรปรับ ณ วันที่ผู้สูงอายุครบในเดือนนั้นทันที
และได้มอบหมายให้กรมกิจการผู้สูงอายุเร่งรัดการกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพื่อประกอบการพิจารณาแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4706 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 1 มีนาคม 2566 และ 23 มีนาคม 2566 | นร 05 | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันพุธที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๘.๓๐-๑๐.๐๐ น.
และวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดในการลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4707 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท 97 รูป ถวายพระกุศล สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ 26 มิถุนายน 2566 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร.01 | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท
พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท ๙๗ รูป ถวายพระราชกุศล สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๘ รอบ ๒๖ มิถุนายน
๒๕๖๖ โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติ
ระหว่างวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๖-๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ทั้งนี้ ในส่วนของพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของพนักงานรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลังด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4708 | แนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2566 ภายใต้แนวคิด "สืบสานสงกรานต์วิถีไทย ร่วมสานใจ สู่สากล" | วธ. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการรณรงค์
เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ภายใต้แนวคิด
"สืบสานสงกรานต์วิถีไทย ร่วมสานใจ สู่สากล"
ซึ่งประกอบด้วยแนวทางและมาตรการในการจัดกิจกรรมภาพรวมของประเทศรวม ๙ ข้อ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และประชาชน ร่วมกันจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์
มุ่งเน้นสืบสานคุณค่าของประเพณีอันดีงาม
พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่การรับรู้ของชาวต่างชาติ ๒. ส่งเสริมให้จังหวัดต่าง ๆ ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมในประเพณีสงกรานต์ร่วมกับสืบสานประเพณีที่ดีงาม
เหมาะสม ๓. รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันสืบสานคุณค่าสาระและสิ่งที่ควรทำของประเพณีสงกรานต์
เช่น การทำความสะอาดบ้านเรือน วัด ศาสนสถานที่นับถือ สถานที่สาธารณะ ทำบุญตักบาตร
ปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ สรงน้ำพระพุทธรูป ขอพรผู้สูงอายุ ๔. รณรงค์ให้แต่งกายที่สร้างภาพลักษณ์ความเป็นไทย
เช่น ผ้าไทย ผ้าท้องถิ่น ชุดไทยย้อนยุค หรือชุดสภาพ เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
เพื่อสร้างการรับรู้ถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยต่อชาวต่างชาติ ๕. ขอความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ
สนับสนุนศิลปินพื้นบ้านในการจัดกิจกรรม การละเล่น และการแสดงทางวัฒนธรรม
ประเพณีท้องถิ่น ตามแนวทางมาตรการประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
เพื่อเป็นการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ถูกต้องเหมาะสม
และร่วมกันเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ๖. หน่วยงานด้านความมั่นคง ความปลอดภัย
และด้านบริการประชาชน ให้รักษามาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้สงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่สร้างความสุข ประชาชน
และนักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ๗.
ขอความร่วมมือประชาชนที่ใช้ยานพาหนะและใช้ถนนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงช่วยสอดส่อง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ในกรณีพบเห็นผู้ที่ปฏิบัติไม่เหมาะสม ๘. การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม ๖๐๘
(กลุ่มเสี่ยง) ให้รักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และโรคทางเดินหายใจ ควรมีอุปกรณ์ป้องกันเพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้เข้าร่วมงาน ๙. ส่งเสริมภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน
ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเพณีสงกรานต์ในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และนานาชาติ
ในโอกาสที่สงกรานต์ในประเทศไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
ที่เข้าสู่การพิจารณาของยูเนสโก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4709 | รัฐบาลรัฐปาเลสไตน์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐปาเลสไตน์ประจำประเทศไทย (นายวะลีด อะบู อะลี) | กต. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวะลีด อะบู อะลี (Mr. Walid Abu Ali) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐปาเลสไตน์ประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายอัลวัร เอช. อัลอาฆอ (Dr.
Anwar H. Al-Agha) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4710 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดภูเก็ต และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ จังหวัดภูเก็ต คนใหม่ (นายสมบูรณ์ จิรายุส) | กต. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.
รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายกองเกียรติ
เกษเพ็ชร์ กงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ประจำจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4711 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน คนใหม่ (นางลูย์ดมืยลา ราดุตสกา) | กต. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางลูย์ดมืยลา ราดุตสกา (Mrs. Liudmyla Radutska)
ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน สืบแทน นายมีไคโล ราดุดสกี (Mr.
Mykhajlo Radoutskyy) ที่สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ โดบปรับชื่อเรียกตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์จากกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำยูเครน
เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน และปรับชื่อเรียกสถานทำการทางกงสุลจากสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำยูเครน
เป็น สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมยูเครน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4712 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครโฮบาร์ต เครือรัฐออสเตรเลีย คนใหม่ (นางวิมลิน บีทตี้) | กต. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางวิมลิน บีทตี้ (Mrs. Wimalin Beattie) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์
ณ นครโฮบาร์ต เครือรัฐออสเตรเลีย สืบแทน นายอภิรัตน์ อจลบุญ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครโฮบาร์ต
เครือรัฐออสเตรเลีย ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง และปรับสถานะสถานทำการทางกงสุลจาก
สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครโฮบาร์ต เป็นสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครโฮบาร์ต
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของเครือรัฐออสเตรเลีย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4713 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงบราติสลาวา สาธารณรัฐสโลวัก การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงบราติสลาวา คนใหม่ และการลดระดับสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงบราติสลาวา สาธารณรัฐสโลวัก เป็น สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงบราติสลาวา สาธารณรัฐสโลวัก [นายอะเล็กซานเดอร์ โรซิน (บุตร)] | กต. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายอะเล็กซานเดอร์
โรซิน (บิดา) (Mr. Alexander Rozin) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์
ณ กรุงบราติสลาวา สาธารณรัฐสโลวัก
ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง ๒.
อนุมัติลดระดับสถานการณ์กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงบราติสลาวา
เป็นสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงบราติสลาวา สาธารณรัฐสโลวัก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4714 | การแต่งตั้งผู้แทนองค์กรเอกชนเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 มาตรา 4 (5) (1. นางธิดา ศรีไพพรรณ์ ฯลฯ จำนวน 5 คน) | พม. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้แทนองค์กรเอกชนเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ
ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๔ (๕) จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มีนาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางธิดา
ศรีไพพรรณ์ ๒. นายมงคล
สุมาลี ๓.
นางเสาวนีย์ ประทีปทอง ๔. นายแสวง
ชูหนู ๕. นางวลัย
บุญพลอย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4715 | ความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนมกราคม 2566 | นร.11 สศช | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ
เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ (๒) การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
(๓) การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4716 | พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 | นร.05 | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตราร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัดตามมาตรา ๗
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งบัดนี้ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
และประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๔๐ ตอน ๒๒ ก วันที่ ๒๐
มีนาคม ๒๕๖๖ ด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4717 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 | รง. | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย
อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4718 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานศาลปกครอง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4719 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565 | สกมช. | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในห้วงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๐
กันยายน ๒๕๖๕ ได้แก่ สถิติเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยมีการโจมตีด้วยการแฮ็กเว็บไซต์มากที่สุดถึง
๓๖๗ เหตุการณ์ (๒) สถิติการปฏิบัติงานในการสนับสนุนช่วยแก้ไขปัญหาและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
เช่น แจ้งเตือนเหตุการณ์ ให้คำปรึกษาและแนะนำในการแก้ไขปัญหา ๔๖๗ เหตุการณ์ (๓)
ประเภทของหน่วยงานที่ถูกโจมตีด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์มากที่สุด ๕ อันดับแรก รวม
๔๔๙ เหตุการณ์ ได้แก่ หน่วยงานด้านการศึกษา ๒๑๑ เหตุการณ์
หน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำหรับทางสารสนเทศ ๑๓๕ เหตุการณ์
หน่วยงานด้านสาธารณสุข๖๗ เหตุการณ์ ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทเอกชนและสัญชาติไทย
๒๔ เหตุการณ์ และผู้ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่เว็บไซต์หรือที่เป็นดาต้าเซ็นเตอร์
๑๒ เหตุการณ์ (๔) แนวโน้มเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การโจมตีด้วยการแฮ็กเว็บไซต์หน่วยงานราชการและหน่วยงานสำคัญเป็นรูปแบบที่ถูกตรวจพบมากที่สุด
(๕) แนวทางการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น
การเตรียมการและป้องกันการเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการตรวจจับและวิเคราะห์ภัยคุกคามทางไซเบอร์
และ (๖) ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญจากแนวโน้มสถานการณ์ทางไซเบอร์ เช่น
การถูกโจมตีด้วยการแฮ็กเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ผู้ดูแลระบบของหน่วยงานควรให้ความสนใจกับการปรับปรุงแพทช์ของระบบปฏิบัติการหรือระบบบริหารจัดการเว็บไซต์ให้เป็นปัจจุบัน
และสถานการณ์อาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบต่อประชาชน
ควรสร้างความรู้ความเข้าใจและให้ความตระหนักรู้กับประชาชน
โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง
ตามที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4720 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2566 | กษ. | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์
๒๕๖๖ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีในโควตาตามพันธกรณีตามความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้
WTO สำหรับสินค้ามะพร้าวและมะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมะพร้าวและแฟรกชันของน้ำมันมะพร้าว
สำหรับปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ เดิมของปี ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เช่น
กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอรับการจัดสรร การจัดสรรปริมาณน้ำเข้า
และการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีฯ
และได้มีการปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรกรณีปริมาณที่ขอรับการจัดสรรทุกรายรวมเกินกว่าปริมาณที่จัดสรร
โดยให้จัดสรรแก่ผู้ขอรับการจัดสรรแต่ละรายที่เท่ากันโดยวิธีหารเฉลี่ย
(๒)การบริหารปริมาณการนำเข้ามะพร้าวผล พิกัดฯ ๐๘๐๑.๑๒.๐๐ พิกัดฯ ๐๘๐๑.๑๙.๑๐
และพิกัดฯ ๐๘๐๑.๑๙.๙๐ ตามกรอบความตกลง AFTA ปี ๒๕๖๖
ในช่วงแรก (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) โดยผู้ประกอบการ/ผู้นำเข้าจะชะลอการนำเข้ามะพร้าวผลพิกัดฯ
ดังกล่าวในช่วงแรก (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ออกไปก่อน
และได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ/ผู้นำเข้าชะลอการนำเข้ามะพร้าวผลภายใต้กรอบความตกลง
WTO กะทิสำเร็จรูปและกะทิแช่แข็งออกไปก่อนด้วย จนกว่าราคา
มะพร้าวผลภายในประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ ตามที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ
|