ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 234 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 4661 - 4680 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4661 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาตรีในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ
เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (ฉบับที่..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรม
เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๘ กันยายน ๒๕๔๑ ให้ถือเป็นหลักการว่าเมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาได้อนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้ แต่โดยที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า
สภามหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีได้มีมติเห็นชอบหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต
(หลักสูตรใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓) เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๓
และได้มีการเปิดการเรียนการสอนสาขาวิชาอุตสาหกรรมศิลป์ในปี ๒๕๖๓
โดยจะมีผู้สำเร็จการศึกษาในปี ๒๕๖๖ ดังนั้น กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จึงต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อนแล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
เพื่อให้พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับก่อนเปิดทำการสอน
ซึ่งจะรองรับศักดิ์และสิทธิ์แห่งปริญญาให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4662 | รายงานสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมใหญ่คณะกรรมการนโยบายด้านกฎหมาย (Regulatory Policy Committee - RPC) ครั้งที่ 27 ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง | นร.09 | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมใหญ่คณะกรรมการนโยบายด้านกฎหมาย
(Regulatory Policy
Committee-RPC) ครั้งที่ ๒๗ ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD) และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๔-๖
ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยได้รายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุม
ดังนี้ (๑) สรุปผลการประชุมใหญ่คณะกรรมการนโยบายด้านกฎหมาย (Regulatory
Policy Committee-RPC) ครั้งที่ ๒๗
มีหัวข้อการประชุม ๓ หัวข้อ ได้แก่ ๑) การออกกฎหมายเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
โดยมีประเด็นอภิปราย ๔ ประเด็น คือ การพิจารณาว่าด้วยกฎระเบียบเป็นทรัพย์สิน
ความเชื่อมั่นในกฎระเบียบและหน่วยงานกำกับดูแล การกำกับดูแลเพื่อผลลัพธ์
และการกำกับดูแลเพื่ออนาคต ๒)
ความท้าทายในการส่งเสริมนโยบายการกำกับดูแลในระดับต่าง ๆ ของรัฐ และ ๓)
ความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของ OECD และ( ๒) สรุปผลการหารือระดับทวิภาคีกับเจ้าหน้าที่ของ
OECD
เพื่อขับเคลื่อนโครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กับ OECD ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4663 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 | กษ. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑)
สถานการณ์สับปะรดโรงงาน เช่น การผลิตในปี ๒๕๖๖ ลดลงเนื่องจากเกษตรกรลดพื้นที่ปลูก
ส่วนการตลาดและการส่งออกเพิ่มขึ้นเนื่องจากสินค้าสับปะรดยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
และแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการสับปะรด ปี ๒๕๖๖ เช่น เชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า
โดยมีการประชุมบริหารจัดการผลิตและการตลาดสับปะรดในพื้นที่
กระจายผลิตผ่านเครือข่านร้านธงฟ้า (๒)
รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ โดยในปี ๒๕๖๔
มีแผนงาน/โครงการบรรลุเป้าหมาย ๒๓ โครงการ ๓ กิจกรรม (จาก ๒๔ โครงการ ๙ กิจกรรม)
ซึ่งมีการยกเลิกโครงการเนื่องจากสถานการณ์โควิด-๑๙ และในปี ๒๕๖๕
มีแผนงาน/โครงการบรรลุเป้าหมาย ๑๖ โครงการ ๑๒ กิจกรรม (จาก ๑๗ โครงการ ๑๓ กิจกรรม)
ซึ่งมีโครงการที่ไม่บรรลุเป้าหมาย เนื่องจากมีสหกรณ์ เพียง ๔ แห่ง
ที่เข้าร่วมโครงการ โดยสหกรณ์ส่วนใหญ่ต้องใช้เงินทุนของตนเองในการรวบรวบ
ส่งผลให้ปริมาณการรวบรวมผลผลิตสับปะรดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย (๓) เห็นชอบ (ร่าง)
แผนพัฒนาด้านสับปะรด พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและพัฒนาสับปะรดให้สามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ
รวมถึงสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และ (๔) การเสนอให้มีกฎหมายพืชสับปะรดเป็นการเฉพาะ
เพื่อแก้ไขปัญหาสับปะรด
โดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนพัฒนาสับปะรดพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4664 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | อว. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาตรีในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ
เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร (ฉบับที่..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์
รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๘ กันยายน ๒๕๔๑ ให้ถือเป็นหลักการว่าเมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาได้อนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน
แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้ แต่โดยที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าสภามหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรได้มีมติเห็นชอบหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
(หลักสูตรใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓) เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓
และได้มีการเปิดการเรียนการสอนสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ในปี ๒๕๖๓ โดยจะมีผู้สำเร็จการศึกษาในปี
๒๕๖๖ ดังนั้น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จึงต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อนแล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
เพื่อให้พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับก่อนเปิดทำการสอน
ซึ่งจะรองรับศักดิ์และสิทธิ์แห่งปริญญาให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4665 | ผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ. 2022 (ITU Plenipotentiary Conference 2022: PP-22) | กสทช. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ. 2022 (ITU Plenipotentiary Conference 2022 : PP-22) ระหว่างวันที่ ๒๖ กันยายน-๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕
ณ กรุง บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย และรับทราบการแสดงเจตจำนงของประเทศไทย
โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติในการเป็นจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกว่าด้วยการพัฒนาโทรคมนาคม
ปี ค.ศ. ๒๐๒๕ (World Telecommunication Development
Conference 2025 : WTDC-25) โดยที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญต่าง
ๆ เช่น ผลการเลือกตั้ง การกล่าวถ้อยแถลงเชิงนโยบาย การแก้ไขข้อมติต่าง ๆ
การลงนามในกรรมสารสุดท้าย บทบาทของคณะผู้แทนไทย การหารือทวิภาคีระหว่างการประชุมฯ
และแสดงเจตจำนงเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม WTDC-25 ณ กรุงเทพมหานคร ในปี ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4666 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 18 (เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2565) | นร.11 สศช | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๑๘ (เดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๕) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะสำนักงานเลขานุการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. สรุปภาพรวมการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ สศช.
ได้รวบรวมและประมวลผลข้อมูลการดำเนินการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน ประกอบด้วย ด้านการเมือง
ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านสาธารณสุข เป็นต้น ๒. สรุปผลการดำเนินการจัดทำ/ปรับปรุงกฎหมายปฏิรูปประเทศ โดยเป็นกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง) จำนวน ๔๕ ฉบับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) กฎหมายที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
๑๐ ฉบับ และ (๒) กฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ๓๕ ฉบับ
(ซึ่งมีความคืบหน้ากว่ารอบที่ผ่านมา) ๓. การดำเนินการในระยะต่อไป หลังจากแผนปฏิรูปประเทศสิ้นสุดลงเมื่อวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยได้ดำเนินการปฏิรูปประเทศให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของรัฐธรรมนูญฯ
ที่กำหนดแล้ว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของผลสัมฤทธิ์ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ
หน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานร่วมดำเนินการจะต้องนำประเด็นร่วมปฏิรูปประเทศมาดำเนินการอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของแผนระดับที่
๒ แผนระดับที่ ๓ และการดำเนินการต่าง ๆ ของหน่วยงานได้เชื่อมโยงประเด็นปฏิรูปประเทศกับเป้าหมายแผนแม่บทย่อย
(Y๑) ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และเป้าหมายระดับหมุดหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓
เพื่อใช้เป็นกรอบในการขับเคลื่อน ติดตาม ประเมินผลการดำเนินการในประเด็นปฏิรูปต่าง
ๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่ต่อเนื่องและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน
ส่งผลให้การพัฒนาประเทศบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4667 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | มท. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทองผาภูมิ
จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลท่าขนุน
อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การค้าชายแดน การบริการ
และรักษาสภาพแวดล้อมของชุมชน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) การใช้ประโยชน์ที่ดินต้องไม่ขัดต่อการจัดสรรที่ดินภายใต้พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
พ.ศ. ๒๕๑๑
และเพื่อกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(๒)
ขอแก้ไขถ้อยคำในรายการประกอบแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว
ข้อ ๑๐.๑๐ จากเดิม “หมวดการทางทองผาภูมิ” แก้ไขเป็น “หมวดทางหลวงทองผาภูมิ” (๓)
ควรคำนึงถึงกฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และการกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้
นั้น หากพบว่ามีการส่งมอบพื้นที่กลับคืนกรมป่าไม้ในภายหลัง
เห็นควรพิจารณากำหนดประเภทที่ดินให้เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้
(สีเขียวอ่อนมีเส้นทแยงสีขาว) (๔)
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และ (๕)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่เกษตรกรรมและสภาพแวดล้อม
รวมถึงพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชนให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4668 | รายงานประจำปี 2558 และปี 2559 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๘ และปี ๒๕๕๙
ของกองทุนการออมแห่งชาติ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนการออมแห่งชาติ
ประจำปี ๒๕๕๘ และประจำปี ๒๕๕๙ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ปี ๒๕๕๘ และปี
๒๕๕๙ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๕๙ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
โดยเห็นว่ารายงานการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ตามที่กองทุนการออมแห่งชาติเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4669 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2566 | นร.04 | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
และมอบหมายให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุม กตน. ได้รายงานผลการประชุมฯ
เช่น (๑)
การบูรณาการระบบข้อมูลทะเบียนเกษตรกรและจัดทำข้อมูลทางด้านการเกษตรแบบเปิดเชื่อมโยงกับศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ
เช่น ฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง (Farmer One)
และพัฒนาแพลตฟอร์มการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกลาง
ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๖ (๒)
โครงการดำเนินการขยายตลาดเชิงรุกเพื่อการจ้างแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในช่วงปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ มีแรงงานไทยเดินทางไปททำงานในต่างประเทศ ๔๒๓,๔๕๑ คน สร้างรายได้ส่งกลับประเทศไทย จำนวน ๑,๐๒๐,๗๗๔ ล้านบาท (๓) รายงานการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๖
และรายการผูกพันใหม่ของงบรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๖ ที่เกินกว่า ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป และ (๔) รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการด้านการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับประชาชนภายใต้
กตน. เช่น การส่งเสริมการนำไทยสู่เมืองหลวงสุขภาพโลก
และการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
โดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการจัดการน้ำท่วม (ส่วนหน้า) ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ชัยนาท
หนองบัวลำภู สงขลา จันทบุรี สุราษฎร์ธานี และกาญจนบุรี ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
เช่น การจัดทำร่างบันทึกความร่วมมือด้านการจัดส่งแรงงานภาคเกษตรกรตามฤดูกาลระหว่างกรมการจัดหางานกับอำเภอจินชอน
จังหวัดซุงชองบุก สาธารณรัฐเกาหลี ให้ชะลอการพิจารณาร่างบันทึกความร่วมมือฯ ไว้ จนกว่าจะได้ร่างฉบับปรับปรุงจากฝ่ายสาธารณรัฐเกาหลี
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4670 | การของบกลางเพื่อชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจงของกลุ่มธนาคารโลก ปี 2561 | กค. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๐๐,๖๐๑,๐๔๓.๔๕ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจงของกลุ่มธนาคารโลก ปี ๒๕๖๑ โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) และสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป และเห็นควรให้มีแนวทางการบริหารความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนในระยะต่อไปอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ภาระที่อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการดังกล่าวเกินกว่ากรอบวงเงินที่ได้อนุมัติไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4671 | การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย | วธ. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
(Memorandum of Understanding on Cultural
Cooperation between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the
Ministry of Culture of the Russian Federation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีเนื้อหาหลักสอดคล้องกับพิธีสารและบันทึกความเข้าใจในด้านวัฒนธรรมที่สิ้นสุดลงแล้ว
โดยมุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกันทั้งในด้านศิลปะ ภาษา วรรณกรรม
ตลอดจนความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ การสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือด้านใหม่
ๆ เช่น ด้านภาพยนตร์ การส่งผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี การละคร และทัศนศิลป์
การผลิตผลงานศิลปะร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ซึ่งกันและกัน
เป็นต้น ตลอดจนการเข้าร่วมงานและกิจกรรมทางวัฒนธรรมของแต่ละฝ่าย
รวมทั้งการจัดงานวัฒนธรรมรัสเซียในประเทศไทย และงานวัฒนธรรมไทยในสหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาสาระแอบแฝงและเนื้อหาของกิจกรรมต่าง
ๆ ที่จะเผยแพร่ในไทย เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับประเทศอื่น
ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4672 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... | นร 05 | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒
ตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อปรับปรุงมาตรการในการควบคุมดูแลเรื่องการเรี่ยไรของทางราชการ
ป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพื่อให้ความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยตัดผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจากองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4673 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 10 เมษายน 2566 | นร.04 | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่านายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น.-๑๒.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑ กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4674 | การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง | นร.05 | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่าง
ๆ ดังนี้ ๑.
ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเร่งจัดการประชุมเพื่อเร่งรัด
ติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองในภาพรวมและบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ชัดเจนและเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเร่งดำเนินงานในความรับผิดชอบตามหน้าที่และอำนาจให้บรรลุผลโดยเร็ว
รวมทั้งให้มีการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้มีเจตนาเผาป่าหรือพื้นที่เพาะปลูกอย่างเคร่งครัด
เพื่อควบคุมการเกิดไฟไหม้และลดจุดความร้อนให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานการดำเนินการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดสิ้นไปโดยเร็วด้วย ๒.
ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
(องค์การมหาชน) หรือ GISTDA] กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กรมอุตุนิยมวิทยา) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำข้อมูลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการดำเนินการของหน่วยงาน ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น ข้อเสนอแนะ
และแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป รวมตลอดถึงข้อมูลเชิงสถิติที่เกี่ยวข้อง เช่น
จำนวนจุดความร้อน พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน
แล้วส่งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อรวบรวมและบูรณาการข้อมูลในภาพรวม
ก่อนนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๓ วัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4675 | การเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
เอกสารรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกร่วมกับสหพันธรัฐมาเลเซีย
เนการาบรูไน ดารุสซาลาม สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์
โดยเอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงประเด็นต่าง ๆ เช่น ความสอดคล้องกับลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
การขึ้นทะเบียนจะส่งเสริมการเป็นที่รู้จักและตระหนักถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
การกำหนดมาตรการสงวนรักษาวัฒนธรรมเคบายาที่ครอบคลุมในทุกมิติและครบวงจร ๒.
ให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya)
ในฐานะตัวแทนของประเทศไทย
เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4676 | มาตรการการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ของยานพาหนะดัดแปลง : กรณีศึกษารถดัดแปลง | ปช. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ของยานพาหนะดัดแปลง
: กรณีศึกษารถดัดแปลง โดยจากการศึกษาพบว่า
การจัดซื้อจัดจ้างรถดัดแปลงของหน่วยงานรัฐมีปัญหา เช่น การกำหนดลักษณะเฉพาะ TOR
เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท การกำหนดราคากลางที่สูงเกินควร
การเข้าเสนอราคาที่ไม่มีลักษณะการแข่งขัน การจัดซื้อรถดัดแปลงในราคาแพง
และการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้จัดซื้อ
ควรมีมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อรถดัดแปลง
โดยการจัดทำหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์
ราคาต้นทุน และผลตอบแทนตามปกติทางการค้าของยานพาหนะดัดแปลง
บูรณาการข้อมูลเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ ตรวจสอบเชิงรุก
เพื่อป้องกันการสมยอมราคาในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และนำข้อเสนอแนะจากการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญา UN ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓
และข้อเสนอแนะจากคู่มือพิชิตความเสี่ยงต่อการเกิดทุจริตในสัญญาภาครัฐจาก UNDP
เช่น
ประเด็นการขยายระยะเวลาการพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มความเหมาะสมมากขึ้น
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4677 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (นายชาญเวช บุญประเดิม) | ศธ. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายชาญเวช บุญประเดิม เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านเกษตรและประมง)
ในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเนื่องจากได้ถึงแก่กรรม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ เมษายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4678 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสมัยที่ 7 (CED 7) ระดับรัฐมนตรี | ทส. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสมัยที่
๗ (The Seventh Session of the Committee on Environment and Development :
CED 7) ระดับรัฐมนตรี ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร
และผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
โดยมีรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ)
เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การประชุมฯ แบ่งออกเป็น ๒
ระดับ ได้แก่ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และการประชุมระดับรัฐมนตรี
โดยได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหามลพิษข้ามแดน
และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจากการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศ นอกจากนี้
มีการจัดเสวนาโต๊ะกลม (Roundtable) เพื่อนำเสนอนโยบายหรือข้อริเริ่ม
รวมถึงประเด็นสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในประเด็นด้านการอนุรักษ์
ฟื้นฟู และปกป้องมหาสมุทร และ (๒) ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
๒ ฉบับ ได้แก่
ปฏิญญาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการปกป้องโลกของเราผ่านความร่วมมือระดับภูมิภาคและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
และแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคว่าด้วยมลพิษทางอากาศ ทั้งนี้ เอกสารทั้ง ๒ ฉบับ มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4679 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี–สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 | คค. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๖
ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๐๐.๐๑ น.-๑๘ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๒๔.๐๐ น.
เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางของประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4680 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. 2566 (ครบ 3 ปี 6 เดือน) | ดศ. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล
พ.ศ. ๒๕๖๖ (ครบ ๓ ปี ๖ เดือน)
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) สรุปผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ ๑)
ประชาชนร้อยละ ๘๗.๖ มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลหรือผลงานของรัฐบาล
โดยส่วนใหญ่ติดตามผ่านช่องทางโทรทัศน์ ๒) ประชาชนร้อยละ ๔๑.๑
มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด ต่อการบริหารงานของรัฐบาล
๓) โครงการ/มาตรการของรัฐบาลที่ประชาชนมีความพึงพอใจระดับมาก-มากที่สุด เช่น
โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ ๖๓.๑ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ร้อยละ ๖๒.๓ และมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ร้อยละ ๔๐.๗ ๔) ประชาชนร้อยละ ๓๒.๙
มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ๕) เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งงด่วน
เช่น ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา ลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ แก้ปัญหาด้านการเกษตรและเพิ่มมาตรการ/สวัสดิการ/เงินช่วยเหลือเยียวยา ๖) ประชาชนร้อยละ ๒๐.๓
ประสบปัญหาการถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่า
ถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัว
สูญเสียเงินจากข้อความ/อีเมลหลอกลวง/การเข้าเว็บไซต์ปลอม
และสูญเสียเงินจาการถูกโจรกรรมขอมูลบัตรเครดิต และ ๗)
เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการสนับสนุนให้ประชาชนปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล เช่น
จัดหา FIWI ฟรี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
และจัดหาอินเทอร์เน็ตให้ประชาชนในราคาถูก และ (๒) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ ๑)
ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลผ่านช่องทางที่หลากหลาย
๒) ควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ ส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชนรู้เท่าทัน
และสามารถป้องกันการถูกหลอกลวงจากสื่อสังคมออนไลน์ ๓)
ควรจัดหาอินเทอร์เน็ตฟรีให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และ ๔)
ควรให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความต้องการของประชาชนในแต่ละกลุ่มและพื้นที่
ผ่านนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เช่น การขยายระยะเวลามาตรการลดค่าน้ำ-ค่าไฟ
และจัดหาตลาดรองรับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน
สร้างอาชีพให้กับประชาชน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|