ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1850 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36981 - 37000 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36981 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองนะ ตำบลทุ่งข้าวพวง ตำบลเมืองงาย ตำบลปิงโค้ง ตำบลเชียงดาว ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง ตำบลอินทขิล ตำบลบ้านเป้า ตำบลกื้ดช้าง ตำบลบ้านช้าง ตำบลแม่แตง ตำบลช่อแล ตำบลแม่หอพระ ตำบลสันมหาพน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลสบเปิง ตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง และตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองนะ ตำบลทุ่งข้าวพวง
ตำบลเมืองงาย ตำบลปิงโค้ง ตำบลเชียงดาว ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง ตำบล อินทขิล ตำบลบ้านเป้า ตำบลกื้ดช้าง ตำบลบ้านช้าง ตำบลแม่แตง ตำบลช่อแล ตำบลแม่หอพระ ตำบลสันมหาพน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลสบเปิง ตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง และตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็น เขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอเชียงดาวและอำเภอ แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2520 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36982 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 3 ฉบับ | กษ | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลทุ่งกุลา ตำบลโพนครก ตำบลพรมเทพ ตำบล หนองบัว ตำบลท่าตูม ตำบลบัวโคก ตำบลกระโพ ตำบลเมืองแก อำเภอท่าตูม ตำบลกุดขาคีม ตำบลแก ตำบลดอน แรด ตำบลยางสว่าง ตำบลน้ำเขียว ตำบลรัตนบุรี ตำบลไผ่ ตำบลธาตุ ตำบลเบิด ตำบลหนองบัวบาน อำเภอรัตน บุรี และตำบลระเวียง ตำบลหนองหลวง ตำบลคำผง ตำบลโนน ตำบลหนองเทพ อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัด สุรินทร์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... 2. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองลีง ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ ตำบล เพี้ยราม ตำบลนาดี ตำบลท่าสว่าง ตำบลเมืองที ตำบลบุฤาษี ตำบลนอกเมือง ตำบลคอโค ตำบลตระแสง ตำบล สวาย ตำบลสำโรง ตำบลเฉนียง ตำบลนาบัว ตำบลเทนมีย์ ตำบลตาอ็อง อำเภอเมืองสุรินทร์ และตำบลปราสาท ทอง ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... 3. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลกุดหวาย ตำบลระแงง ตำบลผักไหม ตำบลตรม ไพร ตำบลหนองเหล็ก อำเภอศีขรภูมิ ตำบลตรวจ ตำบลแจนแวน ตำบลณรงค์ ตำบลศรีสุข ตำบลหนองแวง อำเภอศรีณรงค์ และตำบลขอนแตก ตำบลทับทัน ตำบลพระแก้ว ตำบลตาคง ตำบลสะกาด ตำบลสังขะ ตำบล บ้านกระเทียม ตำบลบ้านชบ ตำบลบ้านจารย์ ตำบลดม ตำบลตาตุม ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
36983 | ขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรอง
จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา อาคาร สำนักงานอัยการเขต 2 เพื่อใช้เป็นห้องทรงงานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา รวมถึงปรับปรุงบ้านพัก ข้าราชการ และภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบอาคารสำนักงานดังกล่าว ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ โดยให้เบิกจ่าย ในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
36984 | การเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ให้แก่ข้าราชการตำรวจและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร ลูกจ้างส่วนราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ จำนวน 1 ขั้น ใน
วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ให้แก่ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร ลูกจ้างส่วนราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรัฐมนตรียืมตัวมาปฏิบัติราชการที่มีคุณสมบัติอยู่ในหลักเกณฑ์ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544, 18 กันยายน 2544, 13 สิงหาคม 2546 และ 17 มิถุนายน 2551 ทั้งนี้ ให้หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบ อัตราการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนทุกราย ให้เป็นไปตามตารางการเลื่อนขั้นเงินเดือนชั่วคราวสำหรับ ข้าราชการพลเรือนสามัญตามบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ด้วย และ ให้ส่งรายชื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบคุณสมบัติและเลื่อนขั้นเงินเดือนไปได้เลย โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก
|
|||||||||||||||||||||
36985 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้งคณะกรรมการประสาน
งานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรียกโดยย่อว่า (ปคค.) โดยมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี นโยบาย เร่งด่วนและนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล รวมถึงการดำเนินการอื่น ๆ ในสถานการณ์พิเศษตามที่ได้รับมอบหมาย และพิจารณาเสนอความเห็น และแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรค เกี่ยวกับการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี ต่อนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
36986 | ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) อีกวาระหนึ่ง (สำหรับปี 2553 - 2554) | คค | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ในการประชุมสมัชชาสมัยสามัญ ครั้งที่ 26
ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม 2552 ณ สำนักงานใหญ่ IMO ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO ในประเทศกลุ่ม C ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศสมาชิกที่ มีผลประโยชน์เป็นพิเศษในด้านการขนส่งทางทะเลหรือการเดินเรือ อีกวาระหนึ่ง สำหรับแผนการดำเนินงานของ กระทรวงคมนาคมภายหลังจากที่ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO ได้แก่ แผนงานการส่ง เสริมบทบาทของประเทศไทยในการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ IMO โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมสัมมนาระดับภูมิภาค โดยร่วมมือกับ IMO และการเข้าร่วมงานการประชุมต่าง ๆ ณ สำนักงานใหญ่ IMO รวมทั้งแผนงานการเร่งรัดเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ IMO ซึ่งประเทศไทยยัง ไม่ได้เข้าเป็นภาคีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
36987 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การใช้สิทธิตามสิทธิบัตรด้านยา" | สสป | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การใช้สิทธิตามสิทธิบัตรด้านยา และรับทราบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการและหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. การใช้สิทธิตามสิทธิบัตรด้านยา 1.1 สร้างความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่าการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรเป็นการดำเนินการตามกฎหมายและสอด คล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ ไม่ใช่การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเป็นมาตรการที่ประเทศต่าง ๆ ใช้ เพื่อจัดการปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องว่า ไทยกำหนดค่าตอบแทนการใช้ สิทธิในระดับเดียวกับค่าตอบแทนการใช้สิทธิของประเทศที่พัฒนาแล้ว 1.2 สร้างความมั่นใจในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรอย่างโปร่งใสและ เป็นที่ยอมรับของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นขอบเขตและเงื่อนไขในการคัดเลือกรายการยา และเจรจากับผู้ ทรงสิทธิควบคู่กันไปในระหว่างการดำเนินการ แม้มิได้เป็นข้อกำหนดในกฎหมาย และกรณีที่เป็นไปได้ควรพัฒนา ความร่วมมือระหว่างประเทศในการตีความข้อตกลงทริปส์แบบยืดหยุ่น อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการเข้าถึงยา ร่วมกัน 2. มาตรการด้านทรัพย์สินทางปัญญา 2.1 เร่งปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ หรือราย การแสดง ซีดี ดีวีดี และเร่งขยายผลจับกุมผู้ผลิตรายใหญ่อย่างต่อเนื่องและจริงจัง 2.2 ปรับปรุงประสิทธิภาพในการจดสิทธิบัตร และการคัดค้านสิทธิบัตร เพื่อจัดการปัญหาสิทธิบัตรที่ ไม่ถูกต้อง หรือการขยายอายุสิทธิบัตรโดยไม่สมเหตุผล (Evergreening Patent) 3. มาตรการสนับสนุนเพื่อการเข้าถึงยา 3.1 เสริมสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมยา เพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนายาและศักยภาพ ในการผลิตยาเพื่อลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศ และลดความจำเป็นในการใช้สิทธิตามสิทธิบัตร 3.2 มีมาตรการในการควบคุมราคายาที่แพงเกินควร เนื่องจากอำนาจการผูกขาด เพื่อให้ราคายาสอด คล้องกับโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริง 3.3 สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อลดความจำเป็นในการใช้ยา รวมไปถึงจัดสรรงบประมาณด้าน สุขภาพให้เพียงพอ
|
|||||||||||||||||||||
36988 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งอย่างยั่งยืน | สสป | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง อย่างยั่งยืน และรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และ ผลการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน 1.1 ทบทวนและยกเลิกโครงการตัดสางป่าชายเลน ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลน และให้ มีหน่วยงานหลักติดตามและกำกับการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับป่าชายเลน 1.2 ปรับเปลี่ยนนโยบายโครงการจัดจ้างราษฎรเป็นรายบุคคลในการรักษาป่ามาเป็นการสนับสนุน โครงการดูแลรักษาป่าร่วมกันของชุมชนในลักษณะการจัดการป่าชุมชน 1.3 ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งใช้อำนาจตามกฎหมายป่าไม้รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่มีอยู่ ดำเนินการระงับการไถทำลายป่าชายเลน 2. การแก้ไขผลกระทบจากการพัฒนาพื้นที่ 2.1 มีนโยบายและมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดิน การจัดทำเขตคุ้ม ครองพื้นที่ธรรมชาติ การประกาศเขตควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่จนอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนทบทวนตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินเพื่อให้การใช้ประโยชน์พื้นที่เป็นไปตามกฎหมาย 2.2 จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นรายพื้นที่โดยประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อควบคุมการ พัฒนาพื้นที่ให้เป็นไปตามทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืน 2.3 จัดให้อ่าวพังงาเป็นพื้นที่ซึ่งมีความสำคัญเร่งด่วน โดยจัดทำแผนแม่บทการท่องเที่ยวการบริหาร ท่าเรือสำราญ กำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน กำหนดพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมพื้นที่ที่มีความสำคัญ ต่อระบบนิเวศทางทะเล 2.4 กรณีทางสาธารณะบ้านยามู จังหวัดภูเก็ต มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบ สวนกรณีการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติในลักษณะจัดสรรที่ดินและซื้อขายบ้านให้กับชาวต่างชาติ 2.5 กรณีควนย่าหมี ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเกาะยาวใหญ่ และป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด จังหวัด พังงา กรมป่าไม้ ต้องใช้อำนาจตามกฎหมายป่าไม้ดำเนินการให้มีการระงับการทำลายป่าและเปลี่ยนสภาพพื้นที่ไว้ ก่อนจนกว่ากระบวนการพิสูจน์ความชอบด้วยกฎหมายของหนังสือรับรองการทำประโยชน์จะแล้วเสร็จ 3. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง 3.1 จัดให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นวาระแห่งชาติ มีความสำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างจริง จังและเร่งด่วน โดยเร่งรัดให้อนุกรรมการกำกับการดำเนินกิจกรรมและจัดทำแผนหลักป้องกันและแก้ปัญหาการกัด เซาะชายฝั่ง ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นองค์ กรหลักดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการป้องกันแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและโครงการป้องกันการ กัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน และให้จังหวัดเป็นหน่วยงานหลักประสานการปฏิบัติงานใน พื้นที่ 3.2 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดมความร่วมมือจากสถาบันวิชาการ รวมทั้ง ภาคประชาชน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ มาตรการที่ควรดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นรายพื้นที่ ทั้งนี้ โดยการกระจายอำนาจการดำเนินงานสู่จังหวัด และจัดให้มีกระบวนการที่ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้ามา มีส่วนร่วมในการวางแผนการดำเนินงานและการปฏิบัติการแก้ไข 3.3 การดำเนินการแก้ไขปัญหาควรจำแนกพื้นที่ที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งตามความรุนแรง ตาม ความเร่งด่วนของปัญหา เช่น พื้นที่ซึ่งการกัดเซาะชายฝั่งทะเลอยู่ในระดับวิกฤต จำนวน 30 พื้นที่ใน 17 จังหวัดควร ต้องเร่งรัดการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหารายพื้นที่ให้แล้วเสร็จในระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี จากนั้นจึง ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน และพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งเริ่มมีการกัดเซาะชายฝั่งทะเลจากกิจกรรมการ พัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง และกำลังจะมีการแก้ไขปัญหาโดยโครงสร้างแบบแข็งหรือโครงสร้างทางวิศวกรรมไปปะทะคลื่น ทะเลโดยตรง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ที่ชายฝั่งทะเลต่อเนื่องไปยังบริเวณข้างเคียงที่ไม่มีปัญหาการกัด เซาะ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
36989 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา กระทรวงศึกษาธิการ (นายวินัย รอดจ่าย) | ศธ | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอเปลี่ยนแปลงผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรี
และรัฐสภา (ปคร.) จากนายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นนายวินัย รอดจ่าย รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
|
|||||||||||||||||||||
36990 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2552 (ครั้งที่ 129) | พน | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ครั้งที่ 7/2552 (ครั้งที่ 129) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552 โดยที่ประชุมมีมติในเรื่องต่าง ๆ จำนวน 3 เรื่อง สรุป ได้ดังนี้ 1. เรื่อง แผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2551-2564 ที่ประชุมมีมติ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2551-2564 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 1.2 รับทราบแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติในระยะยาว (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้น) ทั้งนี้ เมื่อแผน พัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ (PDP 2010) แล้วเสร็จ ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปรับปรุงแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติในระยะยาวให้สอดคล้องกับแผน PDP 2010 1.3 รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามแผนการจัดซื้อก๊าซธรรมชาติเพื่อเพิ่มเติมในส่วนที่ได้ มีการเจรจาแล้ว และที่อยู่ระหว่างการเจรจาลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ เมื่อการจัดซื้อก๊าซธรรม ชาติเพิ่มเติมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศในส่วนที่อยู่ระหว่างการเจรจาได้ข้อยุติแล้ว ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำผลการเจรจารวมถึงสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติจากในประเทศเสนอ กพช. เพื่อทราบ และนำผล การเจรจารวมถึงสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศเสนอ กพช. และคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ ต่อไป 2. เรื่อง แนวทางการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 2 ปี ยังคงสามารถ ดำเนินการบริหารงานกองทุนต่อไปได้อีกระยะหนึ่งจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และให้กระทรวง พลังงานหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องการโอนเงินให้กับกองทุน ฯ ที่คณะกรรมการครบวาระ การดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป 3. เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าโครงการน้ำงึม 3 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบและมอบหมาย ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ที่ได้รับความเห็นชอบแล้วไปลงนาม ร่วมกับผู้ลงทุนต่อไป ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องมีการปรับปรุงข้อความในร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่กระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้า ให้ กฟผ. สามารถปรับปรุงข้อความได้ โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอขอความเห็น ชอบจาก กพช. โดยให้ กฟผ. ปรับอายุของบันทึกความเข้าใจ ฯ ของโครงการ ฯ เป็น 12 เดือนนับจากวันลงนาม และปรับปรุงข้อความให้มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันในวันลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
36991 | การรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (จำนวน 3 ราย 1. นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ฯลฯ) | กต | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นผู้รักษา
ราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่น ดิน พ.ศ. 2534 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ตามลำดับ ดังนี้ 1. นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี 2. นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 3. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
36992 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 15 มกราคม 2553 | กค | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 15 มกราคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 21,888 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 5,276 โครงการ วงเงิน 46,496.30 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 16,612 โครงการ วงเงิน 152,618.32 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 9,800 โครงการ วงเงิน 64,511.50 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 2,427 โครงการ วงเงิน 16,905.11 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 7,373 โครงการ วงเงิน 47,606.39 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 6,812 โครงการ วงเงิน 88,106.82 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 6,812 โครงการ วงเงิน 87,973.93 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 637 โครงการ วงเงิน 59,283.91 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว จำนวน 6,011 โครงการ วงเงิน 12,876.77 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 164 โครงการ วงเงิน 15,813.25 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 6,175 โครงการ วงเงิน 26,690.02 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
36993 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรี (จำนวน 10 คณะ) | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ปฏิบัติหน้าที่ประธาน
กรรมการและรองประธานกรรมการในส่วนที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติเมื่อครั้งดำรง ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1. คณะกรรมการโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (ต้นกล้าอาชีพ) 2. คณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ 3. คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง 4. คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5. คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก 6. คณะกรรมการ PPP 7. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายราษีไศล 8. คณะกรรมการมรดกโลก 9. คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจและสินค้าฮาลาล 10. คณะกรรมการบริหารจัดการเรื่องอาหารและพลังงานเพื่อรองรับวิกฤตอาหารและพลังงานโลก
|
|||||||||||||||||||||
36994 | การเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการ ในคณะกรรมการระดับชาติ (จำนวน 10 คณะ) | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ปฏิบัติหน้าที่ประธาน
กรรมการและรองประธานกรรมการในส่วนที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติเมื่อครั้งดำรง ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1. แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการ ฯ จำนวน 5 คณะ 1.1 คณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน 1.2 คณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) 1.3 คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) 1.4 คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) 1.5 คณะกรรมการบริหารจัดการเรื่องอาหารและพลังงาน เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤต อาหารและพลังงานของโลก 2. แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรม การ ฯ จำนวน 5 คณะ 2.1 คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) 2.2 คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) 2.3 คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (กพต.) 2.4 คณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.) 2.5 คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.)
|
|||||||||||||||||||||
36995 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวัลลภ อธิคมประภา และ พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา) | ยธ | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวัลลภ อธิคมประภา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงยุติธรรม และพันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (19 มกราคม 2553) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36996 | ผลการติดตามการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร กรณีของข้าวภาคใต้ | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรม
การประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการชี้แจงต่อเกษตรกรหรือดำเนินมาตรการที่เหมาะสมตามหลัก การของโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในเขตภาคใต้ ในช่วงระยะเวลาที่เกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวและมีปริมาณข้าว เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในระยะนี้ก่อน รวมทั้งเร่งรัดให้กรมส่งเสริมการเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เร่งจดทะเบียนจัดทำประชาคม ออกใบรับรองเกษตรกร และทำสัญญาประกันรายได้ กับเกษตรกรโดยเร็ว 2. เห็นชอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาทบทวนและเสนอ กลไกในลักษณะที่ถาวรหรือออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อให้การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตร กรมีลักษณะที่ต่อเนื่องในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||
36997 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐ วิสาหกิจเป็นเจ้าของ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกความในข้อ 6 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504 และแก้ไขปรับปรุงองค์ ประกอบของคณะกรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ พ.ศ. 2504 โดยตัดผู้แทนสำนักงานการตรวจเงิน แผ่นดินออก รวมทั้งแก้ไขชื่อหน่วยงานจาก "สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ" เป็น "สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ" และให้เพิ่มผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 ของพระราช บัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ตามข้อสังเกตของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย 2. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังรับไปศึกษา วิเคราะห์ และพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับข้อกำหนดใน ส่วนอื่น ๆ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็น เจ้าของ พ.ศ. 2504 ที่ไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
|
|||||||||||||||||||||
36998 | การรับโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) (นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์) | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รับโอนนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(นักบริหารระดับสูง) มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36999 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 2 | กค | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 2 ที่มีวงเงิน ดำเนินการสุทธิเพิ่มขึ้น 15,991.11 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,688,716.51 ล้านบาท เป็น 1,704,707.62 ล้าน บาท 2. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 2 3. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของ การกู้เงินและการค้ำประกันแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 2 แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนิน การได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ 4. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 2 ของ รัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
|
|||||||||||||||||||||
37000 | การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 จังหวัดพัทลุง | พณ | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 จังหวัดพัทลุง ตามที่
กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ กรณีให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์จำแนกเป็นแต่ละพื้นที่ภาคต่าง ๆ กัน เนื่องจากมติคณะ รัฐมนตรีวันที่ 22 กันยายน 2552 ได้กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวเปลือกเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการจ่ายเงินชดเชยให้ เกษตรกร โดยให้ประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวเปลือกแต่ละชนิดเป็นราคาเดียวกันเพื่อใช้ในการจ่ายเงินให้แก่เกษตร กรทั้งประเทศ หากจะมีการเปลี่ยนแปลง สมควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษาให้รอบคอบก่อนเสนอ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
.....