คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปเร่งรัดดำเนินการให้มีการชำระเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ให้แก่ผู้ประกอบการเจ้าของโกดังสินค้าที่องค์การคลังสินค้าเช่าพื้นที่สำหรับเก็บสินค้าที่เป็นผลิตผลทางการเกษตร
ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคม 2553 และให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วย  ตามที่นายก
รัฐมนตรีเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
             1. รับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2553  โดยที่
ประชุมได้พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23  ปีที่ 3  ครั้งที่ 1  (สมัยสามัญทั่วไป)  วัน
พฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 
             2. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามรัฐ
ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  เพื่อให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรได้ในสมัยประชุมสามัญทั่วไปนี้  และให้พิจารณา
ด้วยว่ากฎหมายว่าด้วยสิทธิชุมชน  กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น กฎหมายเกี่ยวกับผู้ไต่สวนอิสระ และกฎหมายว่าด้วยการติดตามการทำงานของภาครัฐ รวม 4 ฉบับ
เป็นกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. เห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์)  รับเรื่อง การเตรียมการป้องกันและ
แก้ไขปัญหาภัยแล้ง ไปพิจารณาดำเนินการ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
              2. เห็นชอบให้คณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามคำสั่งสำนักนายก
รัฐมนตรี ที่ 76/2552 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2552  คงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป  ทั้งนี้  ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แจ้งข้อมูล และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งไปที่สำนักงานปลัดสำนักนายก
รัฐมนตรี ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการดังกล่าวโดยเร็วด้วย  ตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (พลตรี สนั่น
ขจรประศาสน์)  เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังหิน ตำบลซับเปิบ ตำบล
วังโป่ง ตำบลท้ายดง ตำบลวังศาล อำเภอวังโป่ง ตำบลพุทธบาท ตำบลท่าข้าม ตำบลชนแดน ตำบลศาลาลาย  ตำบล
ซับพุทรา ตำบลบ้านกล้วย ตำบลลาดแค ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน ตำบลบัววัฒนา  ตำบลบ้านโภชน์  อำเภอหนอง
ไผ่  และตำบลสระแก้ว  ตำบลพญาวัง  ตำบลหนองแจง  ตำบลกันจุ   ตำบลซับสมอทอด   ตำบลซับไม้แดง   ตำบลศรี
มงคล  ตำบลบึงสามพัน  ตำบลวังพิกุล  อำเภอบึงสามพัน  จังหวัดเพชรบูรณ์  ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน  พ.ศ. ....  มีสาระ
สำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน  ในท้องที่อำเภอชนแดน  จังหวัดเพชรบูรณ์  ให้เป็นเขตปฏิรูปที่
ดิน พ.ศ. 2521 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นเขตปฏิรูป
ที่ดิน  พ.ศ. 2525   ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว   ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
               1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิ
สถานว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น
               2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ ฝ่ายไทย รวมทั้งอนุมัติให้มีการแก้ไขในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หากมีความจำเป็น

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรจุสั่งใช้สมาชิกกองอาสา
รักษาดินแดน  จำนวน 1,440 อัตรา  ในวงเงินทั้งสิ้น  263,600,600  บาท  โดยปรับลดระยะเวลาสั่งใช้สมาชิกอาสา
และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและความจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวง
มหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี  นราธิวาส  และ
สงขลาลดระดับความรุนแรงลง กระทรวงมหาดไทยควรพิจารณาลดกรอบอัตรากำลังสมาชิกอาสารักษาดินแดนลงไป
พิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในการสนับ
สนุนส่งเสริมการใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศที่ผลิตได้ตามมาตรฐาน ให้สามารถแข่งขันในการประกวดราคาจัดซื้อจัด
จ้างกับพัสดุที่ผลิตจากต่างประเทศได้อย่างเป็นธรรม นั้น  จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมประการใด หรือไม่ หากเห็นว่าควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบดังกล่าว
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
               2. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า  ในการอุดหนุนโดยการคืนภาษีให้แก่
ผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกเป็นการขัดหรือแย้งต่อข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ  เช่น  ข้อตกลงขององค์การ
การค้าโลก การประกวดราคานานาชาติ หรือไม่ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับ
ไปติดตามตรวจสอบด้วย หากพบว่าการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศกรณีใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาห
กรรมและผู้ผลิตสินค้าในประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น
(Safeguard Measures)  ตามนัยพระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550 ต่อ
ไป
               3. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าให้มากขึ้น โดยให้ประสานเชื่อมโยง
การทำงานกับหน่วยงานที่สนับสนุนด้านองค์ความรู้ การวิจัยพัฒนา และนวัตกรรม เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการ
ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs  และผู้ประกอบการที่มีคนไทยเป็นเจ้าของในการเพิ่มขีดความสามารถใน
การแข่งขัน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
              1. รับทราบการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council-
HRC) ของไทยวาระปี พ.ศ. 2553-2556
              2. รับทราบเอกสารคำสั่งโดยสมัครใจประกอบการสมัครเป็นสมาชิก HRC ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องการ
บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนศึกษา
ในทุกระดับ การส่งเสริมการตระหนักในการเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้บังคับใช้กฎหมาย การศึกษาความเป็นไปได้
ในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยยังมิได้เป็นภาคี และการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของ
คณะกรรมการประจำอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนที่เป็นรูป
ธรรม
              3. เห็นชอบให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสิทธิมนุษยชน ช่วยกันสนับสนุนการรณรงค์หาเสียง
ให้กับประเทศไทยในโอกาสที่เหมาะสม

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ว่าความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลว่าด้วยความร่วมมือในสาขาวัฒนธรรมและการศึกษา มีสาระสำคัญ
เกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในด้านวัฒนธรรม การศึกษา  วิชาการ  การกีฬา  และกิจกรรมของเยาวชน  จึง
ไม่น่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขตหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือทางเศรษฐกิจ
ของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ  หากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามพันธกรณีความตกลง ฯ  สามารถ
ปฏิบัติได้ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับโดยไม่ต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา จึงไม่
น่าจะเข้าข่ายมาตรา 190 วรรคสอง ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา  ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
              1. ให้โครงการสืบชะตาแม่น้ำโขงเป็นโครงการความร่วมมือทางวัฒนธรรมระดับชาติระหว่างประเทศไทย
และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
              2. ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จัดกิจกรรมเข้าร่วมในโครงการสืบชะตาแม่น้ำโขงร่วมกับ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงคมนาคม  กระทรวงการท่อง
เที่ยวและกีฬา และกรมประชาสัมพันธ์ โดยร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
              3. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการเข้าร่วมโครงการ
สืบชะตาแม่น้ำโขงในระดับทวิภาคี  โดยพิจารณามอบหมายเขตพื้นที่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่
อยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำโขงของจังหวัดทั้ง 7 ของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย นครพนม อำนาจ
เจริญ มุกดาหาร และอุบลราชธานี จัดกิจกรรมร่วมกับประเทศไทย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์กรอิสระ โดย
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (19 มกราคม 2553) เป็นต้นไป ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
              ประธานกรรมการ
              นายอานันท์ ปันยารชุน              
              ภาคประชาชน 
              1.   นายชูชัย ศุภวงศ์
              2.   นางเรณู เวชรัชต์พิมล
              3.   นายสุทธิ อัชฌาศัย
              4.   นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ
              ภาคเอกชนผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
              5.   นายชายน้อย เผื่อนโกสุม
              6.   นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล
              7.   นายมหาบีร์ โกเดอร์
              8.   นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส
              ผู้ทรงคุณวุฒิ
              9.   นายเดชรัต สุขกำเนิด
              10. นายธงชัย พรรณสวัสดิ์
              11. นายสุทิน อยู่สุข
              12. นางสาวสมฤดี นิโครวัฒนยิ่งยง
              13. นายสมรัตน์ ยินดีพิธ

               คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               1. เห็นชอบการขยายเวลาการพิสูจน์สัญชาติและการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแก่
แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชาที่จดทะเบียนและได้รับอนุญาตทำงานปี พ.ศ. 2552
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  18  ธันวาคม  2550  จำนวน 382,541 คน  และตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26
พฤษภาคม 2552 วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552  จำนวน 928,149 คน  ออกไปอีก 2
ปี  สิ้นสุดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555  โดยแรงงานต่างด้าวดังกล่าวต้องกรอกแบบการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ
ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 และเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จตามวันเวลาที่กำหนด  ทั้งนี้  ไม่เกินวัน
ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
                2. ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง และแรงงานต่าง
ด้าวทราบขั้นตอนการพิสูจน์สัญชาติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงการเร่งรัดให้แรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผัน
ให้อยู่ในราชอาณาจักร ฯ กรอกแบบพิสูจน์สัญชาติ ฯ ให้เสร็จภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ตามความเห็นของ
กระทรวงการต่างประเทศ

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวม 3 ฉบับ เพื่อขยายระยะเวลาการประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวลา 3 เดือน  ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม
2553 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2553 ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
                 1.1 เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
                 1.2 เห็นชอบร่างประกาศ  เรื่อง  การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุก
เฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ
                 1.3 รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถาน
การณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ
              2. ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประเมินผลการดำเนินตามมาตรการลดผล
กระทบจากการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ  และเร่งรัดการ
นำมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  พ.ศ. 2551  มาดำเนินการในพื้นที่
อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย ของจังหวัดสงขลาโดยเร็ว ตามที่สำนักงานสภาความ
มั่นคงแห่งชาติเสนอ
              3. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ความสำคัญกับการ
นำมาตรการลดผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายมาใช้ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในระยะต่อไป
อย่างจริงจัง

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอรายงานการรับ-จ่ายเงิน และเงินคงเหลือประเภท
เงินนอกงบประมาณ ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  เปรียบเทียบกับปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2551 และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ดังนี้
              1. รายรับรวมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพิ่มสูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 12,565,761.70
บาท หรือเพิ่มร้อยละ 125.43 เนื่องจากได้รับเงินภายใต้โครงการ ฯ และเงินสนับสนุนต่าง ๆ
              2. รายจ่ายรวมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  ลดต่ำลงจำนวน  4,148,274.37  บาท  หรือร้อยละ 19.71
โดยเฉพาะรายจ่ายอื่นลดลงจำนวน 6,428,558.99 บาท  หรือลดลงร้อยละ 70.49  แต่รายจ่ายจากการดำเนินงาน
เพิ่มขึ้นจำนวน  2,468,267.04  บาท  หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ  35.78  เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามโครงการ ฯ  ต่าง ๆ
โดยมีรายรับสูงกว่ารายจ่ายสุทธิจำนวน 5,681,715.01 บาท  เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  คิดเป็นร้อยละ
151.50

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความ
ในมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 ดังต่อไปนี้
              1. กำหนดระยะเวลาการเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดตามปกติในวันสิ้นเดือนมิถุนายน ครั้งหนึ่ง และสิ้นเดือน
ธันวาคม ครั้งหนึ่ง
              2. กำหนดให้ผู้ต้องขังที่กระทำผิดวินัยโดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น รวมทั้ง
อุปกรณ์สำหรับสิ่งของดังกล่าว ยาเสพติดให้โทษ  วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท  และสารระเหย  และพยายามหลบ
หนีหรือหลบหนีไปแล้วแต่ได้ตัวคืนมา ได้รับการลงโทษลดชั้น
              3. กำหนดให้นักโทษเด็ดขาดชั้นเลวมาก หรือผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีได้กระทำความผิดได้รับการลง
โทษขังเดี่ยว

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลสาธารณรัฐแอลเบเนียประจำประเทศไทย โดยมีเขตกงสุล
ครอบคลุมทั่วประเทศไทย  และแต่งตั้งนายธันยวัฒน์  เกษมสุวรรณ  เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐแอลเบเนีย
ประจำประเทศไทย โดยมีเขตครอบคลุมทั่วประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
จำนวน 6 คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนด 2 ปีตามวาระ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดย
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (19 มกราคม 2553) เป็นต้นไป ดังนี้
               1. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์                    ปลัดกระทรวงยุติธรรม
               2. พลเอก อภิชาต เพ็ญกิตติ                    ปลัดกระทรวงกลาโหม
               3. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา                   ผู้บัญชาการทหารบก
               4. นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์                      ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
               5. พลตำรวจโท ประกาศ ศาตะมาน           ภาคเอกชน 
               6. นายไพศาล พืชมงคล                          ภาคเอกชน

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ทำสัญญาเช่าอาคารสำนัก
งานตั้งอยู่ที่ เลขที่  840  และ  846  ถนน Moreau de Justo Alicia 840, 846 Piso 2, Puerto Madero, Capiral
 Federal, Buenos Aires ชั้น 2 เลขที่ 11  พื้นที่ใช้สอยประมาณ 125 ตารางเมตร  สำหรับเป็นสำนักงานส่งเสริม
การค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556  โดยอัตราค่าเช่าและเงื่อนไขต่าง ๆ  ให้เป็นไปตามสัญญาที่กรมส่งเสริมการส่งออก
จะได้ทำความตกลงไว้กับผู้ให้เช่า เป็นเงิน 259,512 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 9,082,920 บาท ส่วนค่าเช่าใน
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 82,662 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 2,893,170 บาท ให้กรมส่งเสริมการส่ง
ออกใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้ว   สำหรับงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอขอตั้ง
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2556 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

               คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน ครั้งที่
15 การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน-จีน ครั้งที่ 8  การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้ง
ที่ 7 และการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 สรุปได้ดังนี้
               1. การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน  ครั้งที่ 15  ที่ประชุม ฯ  ให้การรับรองเกี่ยวกับการให้ความ
ยืดหยุ่นในการให้สัตยาบันความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยบริการเดินอากาศ และ MAFLPAS  ตามความพร้อมของ
ประเทศสมาชิกอาเซียน และให้การรับรองข้อเสนอเกี่ยวกับการให้สัตยาบันความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยบริการ
เดินอากาศ  ความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ  และพิธี
สารแนบท้ายความตกลง ฯ ก่อนที่จะให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศอาเซียน-จีน
               2. การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน-จีน  ครั้งที่ 8  ที่ประชุม  ฯ  ให้การรับรองเกี่ยวกับแผนงาน
การดำเนินการสำหรับแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านการขนส่งอาเซียน-จีน  การรับรองการรวมเรื่องการดำเนิน
การตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางทะเลระหว่างอาเซียน-จีน ไว้ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยกลไกการหารือด้าน
การขนส่งทางทะเลระหว่างอาเซียน-จีน  และการรับรองระดับของการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยกลไกการหารือ
ด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างอาเซียน-จีน ว่าให้เป็นระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล
               3. การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 7  ที่ประชุม ฯ  ให้การรับรองแผนปฏิบัติการ
อาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภาคการขนส่ง  ภายใต้ชื่อ  "Ha Noi Initiative"  การรับรองแนวทางการ
รวบรวมข้อมูลทางสถิติด้านการขนส่งอาเซียน-ญี่ปุ่น   รวมทั้งการรับรองแผนงานความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่าง
อาเซียน-ญี่ปุ่น ปี 2552-2553
               4. การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1  ที่ประชุม ฯ  ให้การรับรองข้อ
เสนอเรื่องกรอบความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี  ซึ่งครอบคลุมถึงความร่วมมือต่าง ๆ
อาทิ การขนส่งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ  การอำนวยความสะดวกในการขนส่ง  และการแลกเปลี่ยนข้อมูล/ประสบ
การณ์ เป็นต้น

               คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอรายงานผลการดำเนินการแผนพัฒนาหอสมุดแห่ง
ชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย (ครั้งที่ 5) สรุปได้ดังนี้
               1. ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550
                   1.1 ดำเนินการขนย้ายหนังสือและสิ่งของเสร็จเรียบร้อยแล้ว
                   1.2 จัดทำแผนพัฒนางานสารสนเทศสำนักหอสมุดแห่งชาติ  และได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกรมศิลปา
กรเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 เพื่อของบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
                   1.3 ดำเนินการออกแบบรูปรายการในการปรับปรุงอาคารหลังเดิมเสร็จเรียบร้อย เพื่อของบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554
                2. ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ได้ดำเนินการประมูลการจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
มีบริษัทที่ให้ราคาต่ำสุดเสนอราคาที่ 438,000,000 บาท ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อวันที่  9  มกรา
คม 2552 และทำสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552
                3. ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  มีการส่งมอบงานก่อสร้างอาคาร จากบริษัทผู้รับจ้าง
และเบิกจ่ายค่าก่อสร้าง งวดที่ 1 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552  และงวดที่ 2  เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552  สรุป
ผลการดำเนินงานก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2552  ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552   มีความก้าวหน้าของงาน
ตามแผนคิดเป็นร้อยละ 7.99 ทำได้จริงร้อยละ 4.50  โดยใช้จ่ายเงินงบประมาณจำนวน  562,687,000  บาท  ทั้งนี้ 
คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554