ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1843 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36841 - 36860 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36841 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (จำนวน 7 ราย 1. นางจุฑาทิพย์ เตชชาติวนิช ฯลฯ) | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่ สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1. นางจุฑาทิพย์ เตชชาติวนิช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์ งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 2. นางประภาภรณ์ ภาวสุทธิการ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์ งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2552 3. นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิคราะห์ งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2552 4. นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์ งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2552 5. นางมัณฑนี จันทรศร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์ งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2552 6. นางสาวนวรัตน์ อโนมะศิริ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์ งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2552 7. นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์ งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
36842 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (จำนวน 8 คน 1. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ฯลฯ) | กษ | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและ
สหกรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (9 กุมภาพันธ์ 2553) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. ผู้ทรงคุณวุฒิ 1.1 นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา 1.2 นายเจษฎา แก้วกัลยา 1.3 นายลักษณ์ วจนานวัช 1.4 นางลักขณา นะวิโรจน์ 2. ผู้แทนเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร 2.1 นายสุธรรม วิชชุไตรภพ 2.2 นายสุรชัย ศิริมัย 2.3 นายประสิทธิ์ บุญเฉย 2.4 นายวิบูลย์ เข็มเฉลิม
|
|||||||||||||||||||||||||||
36843 | การแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอผลการประชุมคณะกรรมการอำนวย
การเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่ง ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย โดยตัวแทนเครือข่ายปฏิรูปที่ ดินแห่งประเทศไทยเสนอให้มีการพิจารณาแก้ไขปัญหากรณีมีการรื้อถอนพืชผลอาสินและสิ่งปลูกสร้างของราษฎรใน พื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ ฯ นำสรุป ผลการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 ที่คณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบแล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบเป็นแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน แห่งประเทศไทย เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน ฯ ตามสภาพพื้นฐาน ของแต่ละปัญหาและยึดหลักตามนโยบายของรัฐบาล ในวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
36844 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 | กค | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 20,525 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,673 โครงการ วงเงิน 39,721.46 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 15,852 โครงการ วงเงิน 158,784.59 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 9,614 โครงการ วงเงิน 48,604.79 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 2,226 โครงการ วงเงิน 12,787.82 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 7,388 โครงการ วงเงิน 35,816.97 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 6,238 โครงการ วงเงิน 110,179.80 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 6,238 โครงการ วงเงิน 110,044.66 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 470 โครงการ วงเงิน 75,277.51 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว จำนวน 5,212 โครงการ วงเงิน 16,238.50 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 556 โครงการ วงเงิน 18,528.65 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 5,768 โครงการ วงเงิน 34,767.15 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
36845 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับนโยบายราคากลางงานก่อสร้าง | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับนโยบายราคากลางงาน
ก่อสร้าง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบ ดังนี้ 1. รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับการปฏิบัติราชการของสำนักงบประมาณ เป็นประธานกรรมการ 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรองประธานกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36846 | ผลการติดตามสถานการณ์น้ำ และการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว รอบที่ 2 | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินงานตามที่เลขาธิการคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร เสนอ ดังนี้ 1. ให้กรมชลประทานประสานกรมส่งเสริมการเกษตรเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และชี้แจงกลุ่มผู้ใช้น้ำ เกษตรกรให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำในแหล่งกักเก็บ และตรวจสอบพื้นที่การทำนาปรังเพื่อจัดทำกรอบเป้าหมายใน การขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว รอบที่ 2 2. ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งรัดการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รอบที่ 2 และเข้มงวดในกระบวน การทำประชาคมเพื่อตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกนาปรัง 3. ให้กรมส่งเสริมการเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรรายงานผลการดำเนิน งานต่อคณะกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เป็นประจำทุกสัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||
36847 | การรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 170 | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. รับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอผลการติดตาม เร่งรัด และรวบรวมรายงานการรับและการใช้ จ่ายเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินของหน่วยงานของรัฐ โดยมีหน่วยงานจัดทำรายงาน ฯ ส่งให้สำนัก งบประมาณ จำนวน 106 หน่วยงาน และ 30 กองทุน และเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งมีหน่วยงานจำนวน 54 หน่วย งาน และ 19 กองทุนได้ส่งรายงาน ฯ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยรายงานดังกล่าวมีทั้งที่คณะรัฐมนตรี รับทราบและเสนอให้รัฐสภาทราบแล้ว 2. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการจัดทำรายงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ยังมิได้จัดส่งรายงาน ฯ หรือ จัดส่งแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงเจ้าสังกัดเป็นผู้ติดตามรวบรวมรายงานจัดส่งให้สำนักงบ ประมาณภายใน 2 สัปดาห์ (วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553) เพื่อสำนักงบประมาณจะได้เสนอคณะรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ 3. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารรายงานตามรูป แบบการรายงานและการวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน แล้วจัดทำเอกสารรายงาน ฯ ของหน่วยงานต่าง ๆ ในภาพ รวม เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และรายงานให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบพร้อมไปในคราวเดียวกัน 4. มอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการ ดังนี้ 4.1 เร่งรัดหน่วยงานต่าง ๆ ที่ยังมิได้จัดส่งรายงาน ฯ ไปยังสำนักงบประมาณตามเอกสารสรุปสถานะ หน่วยงานในการรายงานการรับและการจ่ายเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ให้ส่งรายงาน ฯ ภายใน ระยะเวลาที่กำหนด 4.2 กรณีที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้ส่งรายงาน ฯ มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและได้นำเสนอคณะ รัฐมนตรี พร้อมทั้งรายงานไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งกระทรวง การคลัง (กรมบัญชีกลาง) ทราบด้วย 4.3 กรณีที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้ส่งรายงาน ฯ มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังไม่ได้นำ เสนอคณะรัฐมนตรี หรือนำเสนอคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังไม่ได้รายงานไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ให้ส่ง รายงานดังกล่าวให้สำนักงบประมาณรวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 5. ให้หน่วยงานต่าง ๆ ส่งรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ไปยังกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) โดยตรง และให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง เป็นผู้รวบรวมและ จัดทำเอกสารรายงาน ฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และรายงานให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบในภาพรวมทั้ง หมดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36848 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไข
เพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยศุลกากรในการกำหนดวงเงินขั้นต่ำในการเรียกเก็บภาษีอากรขาด กำหนดฐานความผิดและ อัตราโทษ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีอากรมีประสิทธิภาพและเกิดความเป็นธรรมยิ่งขึ้น และกำหนดวงเงินสูงสุดในการ เรียกเก็บเงินเพิ่ม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ พิจารณาด้วยว่าจะสมควรรวมกับร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามความ ตกลง ว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement)] ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาสห ประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982) และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการ อนุวัติการตามอนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) และว่าด้วยการนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการศุลกากร] ซึ่ง อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นฉบับเดียวกัน หรือไม่ แล้วส่งให้คณะกรรมการ ประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36849 | ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเชิงวิชาการ (ระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์ 2553) | วท | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ร่วมกับส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องดำเนินการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเชิงวิชาการ IAEA/RCA Technical Meeting on Integration of Tools & Concepts for Site-specific Marine Ecosystem Radiological Impact Analysis ระหว่างวันที่ 22-26 กุมภาพันธ์ 2553 ณ กรุงเทพมหานคร 1.2 ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติในฐานะผู้ประสานงาน แห่งชาติระหว่างประเทศไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศตอบรับความตกลงการเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมเชิงวิชาการดังกล่าว โดยเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าวได้ 2. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับ ถ้อยคำ "and to members of the immediate families of such persons. ..." ในข้อ 1 บรรทัดที่ 3 ของหนังสือ IAEA ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 ที่มีถึงเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา เป็น "... , and to the spouses of such persons, ..." หรือเติมข้อความว่า "It is our common understanding that "members of the immediate families of such persons" shall mean spouses of such persons." เป็นประโยคสุดท้ายของข้อ 1 ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36850 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์
2553 ซึ่งได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1. ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรม นูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจ การแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. รายงานผลการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิ กายน ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2552) 3. ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 และครั้งที่ 5 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
36851 | ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจแงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์
2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐ ธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรม การและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36852 | ร่างพระราชบัญญัติขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ. .... | กต | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ
คือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และตัดความ "ให้หนังสือสัญญาที่จะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา" ในร่างมาตรา 4 วรรคสอง ออก ตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36853 | นโยบายบริการโลหิตแห่งชาติ พ.ศ. 2553 | นร | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการนโยบายบริการโลหิตแห่งชาติ พ.ศ. 2553 ของสภากาชาดไทย ตามที่สำนักเลขา ธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยนโยบายบริการโลหิต ฯ มีเป้าประสงค์นโยบาย ดังนี้ 1.1 เป้าประสงค์นโยบายที่ 1 การบริหารจัดการงานบริการโลหิตของประเทศมีประสิทธิภาพ และมี การประสานงานอย่างเป็นเอกภาพ โดยศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นองค์กรหลัก 1.2 เป้าประสงค์นโยบายที่ 2 มีโลหิตในปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ 1.3 เป้าประสงค์นโยบายที่ 3 ผู้ป่วยได้รับโลหิตที่ปลอดภัยตามหลักการขององค์การอนามัยโลกโดย เริ่มจากการจัดหาโลหิตในประชากรที่มีความเสี่ยงต่ำ การคัดกรองผู้บริจาคโลหิต และโลหิตทุกยูนิตต้องผ่านการ ตรวจคัดกรองการติดเชื้อตามมาตรฐานและตรวจความเข้ากันได้ของโลหิตบริจาคกับผู้ป่วย 1.4 เป้าประสงค์นโยบายที่ 4 งานบริการโลหิตมีคุณภาพในทุกกระบวนการและทุกระดับ 1.5 เป้าประสงค์นโยบายที่ 5 มีการใช้โลหิตอย่างเหมาะสม มีเกณฑ์และแนวปฏิบัติไปในทางเดียวกัน 1.6 เป้าประสงค์นโยบายที่ 6 มีกฎ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานบริการโลหิตตามความ เหมาะสมและจำเป็น รวมทั้งการบังคับใช้ ติดตาม แก้ไข ปรับปรุง ทบทวน กฎระเบียบและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นระยะ ๆ 1.7 เป้าประสงค์นโยบายที่ 7 การวิจัยและพัฒนางานบริการโลหิตได้รับการส่งเสริมสนับสนุนอย่าง ต่อเนื่อง 1.8 เป้าประสงค์นโยบายที่ 8 การผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วย ได้รับการส่งเสริม และพัฒนา เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นองค์กรหลัก 1.9 เป้าประสงค์นโยบายที่ 9 บริการเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากอาสาสมัครผู้บริจาคเซลล์ต้นกำ เนิด ให้แก่ผู้ป่วยได้รับการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่คุณภาพตามมาตรฐานสากล 2. ให้สภากาชาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สภากาชาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนการดำเนินงานให้มีความครอบคลุมถึงเป้าหมาย ตัวชี้วัด รูปแบบและ วิธีการบริหารจัดการ รวมถึงประมาณการค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มแนวทางการพัฒนาทักษะบุคลากรให้รองรับกับการ ปรับระบบบริการโลหิต และจัดทำแผนการจัดเก็บและการบริหารจัดการโลหิต/ผลิตภัณฑ์โลหิต ในกรณีที่เกิดภาวะ ฉุกเฉินและภัยพิบัติ เพื่อให้การบริการโลหิตในสถานการณ์วิกฤตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 2 เรื่อง การจัดหาโลหิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
36854 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2551/2552 และการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2552/2553 | อก | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ 10/2552 เมื่อวันที่ 1 ธันวา คม 2552 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ 1.1 กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2551/2552 เป็นรายเขต ในอัตราตันอ้อยละ 917.87 บาท ณ ระดับค่าความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. โดยกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ 55.07 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2551/2552 เท่ากับ 393.37 บาทต่อตันอ้อย 1.2 การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2552/2553 ในอัตราตันอ้อยละ 965.00 บาท ณ ระดับค่าความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. โดยกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 57.90 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2552/2553 เท่ากับ 413.57 บาทต่อตัน อ้อย 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผน ปฏิบัติการพัฒนาอ้อยและแนวทางที่กำหนดในวาระอ้อยแห่งชาติ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตาม กำกับ และทบทวนแนวทางการดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาอ้อย นอกจากนี้ ให้ พิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 เกี่ยวกับแนวทางการยกเลิกอัตราการนำเงิน กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายหลังจากครบกำหนดชำระหนี้ของกองทุน ฯ ที่คาดว่าจะครบกำหนดประมาณเดือน พฤศจิกายน 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมในการพิจารณาทบทวนราคาน้ำตาลทรายใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ในปัจจุบันที่ราคาอ้อยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36855 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปราม
การทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่ง คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราช บัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (คณะกรรมการ ป.ป.ท.) มี อำนาจรับหรือพิจารณาเรื่องที่มีผู้กล่าวหา ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้ว 5 ปี เว้นแต่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงได้แต่ต้องเริ่มดำเนินการภายใน 10 ปี นับแต่ วันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2. กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและการมีมติของคณะกรรมการ ป.ป.ท. ต้อง กระทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามระเบียบที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. กำหนด 3. กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. มีอำนาจดำเนินการต่อไปได้ แม้ภายหลังเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูก กล่าวหาจะพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
36856 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... | นร | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการ เข้าชื่อเพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ แล้วให้นำไปใช้กับการเข้าชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม ได้แก่ วิธีการเข้าชื่อ การรวบรวมรายงานผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การตรวจสอบรายชื่อของผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างพระราช บัญญัติหรือญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ การตรวจสอบหลักการและเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติที่จะเสนอให้ รัฐสภาพิจารณาได้ บทกำหนดโทษ และผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้าน นิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36857 | โครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | ทส | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อ เป็นค่าใช้จ่ายโครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการจัดสร้างปะการังเทียมใน อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี เป็นลำดับแรกก่อน จำนวน 24,500,000 บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบดำเนินงาน จำนวน 1,500,000 บาท และงบลงทุนค่าสิ่งก่อสร้าง จำนวน 23,000,000 บาท 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) รับความเห็นของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคม ที่เห็นควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชาวประมงและผู้ซึ่งมี ส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อกำหนดพื้นที่และจุดพิกัดในการจัดวางแท่งปะการังเทียม การศึกษาความ เหมาะสมของพื้นที่ การเลือกใช้วัสดุที่มีความคงทนและสามารถตรึงให้อยู่ในพื้นที่โครงการโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ ต่อการเดินเรือ หรือการใช้ประโยชน์ทางทะเลอื่น ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งดำเนิน การให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36858 | การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน | นร | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงการบริหารและพัฒนาองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการ ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ระยะสั้น 1-2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2554) และระยะยาว ดังนี้ 1.1 แนวทางการปรับปรุงการบริหารและพัฒนา อพท. (ระยะสั้น 1-2 ปี) ฯ ควรกำหนดประเด็น การปรับปรุง อพท. รวม 5 ประเด็น คือ 1.1.1 ปรับปรุงบทบาท ภารกิจในภาพรวม ให้ อพท. คงเจตนารมณ์ตามวัตถุประสงค์การจัด ตั้ง แต่ปรับบทบาทให้ชัดเจนและปรับวิธีการทำงานโดยมุ่งเน้นและจัดกลไกการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน 1.1.2 ปรับปรุงภารกิจด้านการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ให้พัฒนา "ต้นแบบ" การบริหาร จัดการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว โดยเลือกพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวตามประเภทของแหล่งท่องเที่ยวเพื่อ นำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับบทบาทของ อพท. ในการบริหารจัดการพื้นที่พิเศษ หรือปรับปรุง อพท. เป็น องค์กรรูปแบบอื่นในระยะยาวต่อไป 1.1.3 แก้ไขพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง อพท. พ.ศ. 2546 ให้แก้ไขเฉพาะบางมาตราที่จำเป็นเพื่อ สนับสนุนการบริหารงานของ อพท. และคงมาตราที่บัญญัติเกี่ยวกับการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 1.1.4 ปรับปรุงภายในองค์กร ให้ปรับโครงสร้างการจัดองค์กรรวมทั้งบทบาทหน้าที่ของ อพท. ส่วนกลางและพื้นที่พิเศษให้มีความเชื่อมโยงระหว่างกัน ปรับขนาดองค์กรเพื่อความคล่องตัว และนำข้อเสนอการ ปรับปรุงไปกำหนดตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติงานประจำปีระหว่างรัฐมนตรี-ประธานกรรมการบริหาร-ผู้ อำนวยการ อพท. 1.1.5 พัฒนากลไกการผลักดัน เพื่อนำแผนแม่บทการบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษไปสู่การปฏิบัติ ควรผลักดันให้คณะกรรมการผู้ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจหรือส่วนราชการนำแผนแม่บทการบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษ ที่ อพท. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบไปเป็นแนวทางในการพิจารณาหรือปฏิบัติ 1.2 แนวทางการปรับปรุงการบริหารและพัฒนา อพท. (ระยะยาว) เมื่อ อพท. สามารถดำเนินการ ตามแนวทางการปรับปรุงการบริหารและพัฒนาระยะสั้นให้เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมได้แล้ว จึงให้นำรูปแบบ การบริหารจัดการพื้นที่พิเศษ ตั้งแต่การจัดทำแผนและการนำแผนไปปฏิบัติให้บรรลุผลไปใช้เป็น "ต้นแบบ" ใน การบริหารจัดการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อการปรับปรุง อพท. ในระยะยาวต่อไป 2. ให้คณะกรรมการ อพท. ดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงการบริหารและพัฒนา อพท. ตามที่ คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ |
|||||||||||||||||||||||||||
36859 | การนำเสนอวาระเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน ปี 2553 ต่อคณะรัฐมนตรี | พม | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบวาระเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี 2553 เพื่อขับเคลื่อนประเด็นจังหวัดน่าอยู่สำหรับ เด็กและเยาวชน และกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์เสนอ ดังนี้ 1.1 รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยจะเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก และเยาวชนให้เกิดผลอย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรม โดยมีตัวชี้วัดการดำเนินงานที่ชัดเจน 7 ด้าน ได้แก่ ด้านความปลอด ภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้านสุขภาพอนามัย ด้านครอบครัวอบอุ่น ด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้านการมีส่วนร่วม ด้าน การคุ้มครองสิทธิเด็ก และด้านความปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง 1.2 จัดให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีต่อเด็กและเยาวชน ตามตัวชี้วัดจังหวัดน่าอยู่ และกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับ เด็กและเยาวชน โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาบรรจุเรื่องนี้ไว้ในแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับท้อง ถิ่น รวมทั้งจัดสรรงบประมาณดำเนินการ และรายงานผลความก้าวหน้าเป็นระยะทุกปี 1.3 รัฐบาลโดยกระทรวงด้านสังคม ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการการจัดกิจกรรมและดำเนินการในประเด็นจังหวัดน่าอยู่และกิจกรรมสร้างสรรค์ สำหรับเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายให้การสนับสนุนข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ คำ ปรึกษาแนะนำในเชิงสร้างสรรค์ ทรัพยากร รวมทั้งพื้นที่ และให้สอดคล้องกับความต้องการ รวมทั้งเกิดจากการมีส่วน ร่วมของเด็กและเยาวชน 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ 2.1 ให้มีการส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่กิจกรรมกีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็น กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน 2.2 เร่งสร้างประชาคมเด็กและเยาวชนให้มีการรวมตัวพร้อมทั้งจัดเวทีการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ในกิจ การแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ในกิจกรรมกีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อพัฒนากลุ่มเด็กและเยาวชน ด้วยกันเอง 2.3 จัดให้มีกิจกรรมที่เด็กและเยาวชนสนใจ 2.4 เสนอการใช้กิจกรรมกีฬา นันทนาการ เพื่อการบำบัดรักษาหรือเยียวยาเด็กและเยาวชนที่มีปัญหา ในด้านต่าง ๆ และหรือเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส เด็กพิการ และทุพพลภาพ 2.5 ให้ความเสมอภาคแก่เด็ก เยาวชนผู้ด้อยโอกาส เด็กพิการและทุพพลภาพในการรับบริการกิจกรรม กีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างทั่วถึง 2.6 จัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ด้านกีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เหมาะสมกับเด็กและเยาว ชนอย่างยั่งยืน 2.7 การพัฒนาเด็กและเยาวชน ควรจัดเป็นระเบียบวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะความปลอดภัยจากการเข้า ร่วมกิจกรรมกีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬา |
|||||||||||||||||||||||||||
36860 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2552 | กษ | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรอง
จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีจากกรมบัญชีกลาง จำนวน 121,789,132 บาท เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมประมงไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มหาสารคาม หนองคาย สุพรรณบุรี พะเยา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช โดยจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป ทั้งนี้ ในกรณีเกิดภัยพิบัติครั้งต่อไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการสำรวจ ความเสียหายและขั้นตอนการขอรับการสนับสนุนงบประมาณอย่างเร่งด่วนในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้สอดคล้อง กับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 รวมทั้งสามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันสถานการณ์และความต้องการของ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|