ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1848 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36941 - 36960 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36941 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (ระหว่างวันที่ 1 - 13 ธันวาคม 2552) | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. ให้มีการแต่งตั้ง "คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา" มีหน้าที่จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนาง เจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในปี 2553 โดยมีองค์ประกอบชุดเดียวกันกับคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ซึ่งสิ้นสุดวาระการดำเนินงาน โดยเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ดังนี้ 1.1 เปลี่ยนแปลงรองประธานกรรมการ 1 ท่าน จาก "รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาว สุ) เป็น "รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี)" 1.2 เพิ่มเติมกรรมการ 2 ท่าน คือ รองราชเลขาธิการ (ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ) และราชเลขา นุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ 1.3 เพิ่มเติมกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ 1 ท่าน คือ ผู้อำนวยการกองกลางสำนักงานปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรี 2. สรุปผลการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ระหว่างวันที่ 1-13 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา ณ บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต บริเวณถนนราชดำเนิน รวมทั้ง บริเวณท้องสนามหลวง ผลการพิจารณาการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ในปี 2553 และคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรม การอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ฯ ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
36942 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2552 | ทส | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2552 โดยมีเรื่องที่สำคัญรวม 9 เรื่อง ดังนี้ 1. ข้อเสนอแนวทางการสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร ด้านการจัดการน้ำเสียชุมชนและการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน 2. โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกและถมทะเลระยะที่ 1 บริเวณปากคลองปากบารา อำเภอละงู จังหวัดสตูล 3. โครงการทางพิเศษสุวรรณภูมิ (โครงการ M1) 4. โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานพังงา ตำบลเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 5. โครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ทุ่งสง) จำกัด คำขอประทานบัตรที่ 1/2548 ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับคำขอประทานบัตรที่ 2/2548 ถึง 19 /2548 รวม 19 แปลง ตั้งอยู่ที่ตำบลที่วัง ตำบลชะมาย และตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช 6. การกำหนดมาตรฐานค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในบรรยากาศโดยทั่วไป 7. มาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียซึ่งมีสาร 1,2-ไดคลอโรอีเทนและสารไวนิลคลอไรด์จาก อุตสาหกรรมเคมี 8. มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน 9. การแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่มาบตาพุด
|
|||||||||||||||||||||
36943 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง" | สสป | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อ
เสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง" และรับ ทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการและหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ด้านนโยบาย 1.1 เปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนได้ตลอดทั้งปี เพื่อสอดรับกับการหมุนเวียนแรงงานตามความต้องการ ของตลาดแรงงาน 1.2 ควบคุมดูแลไม่ให้แรงงานต่างด้าวนำครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย 1.3 ยกเลิกประกาศจังหวัด เรื่อง การจัดระบบในการควบคุมแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะบางข้อที่มีการละ เมิดสิทธิมนุษยชนของแรงงานต่างด้าว 1.4 ลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ให้สั้นลง เพื่อให้นายจ้างสามารถขอใบอนุญาต ทำงานให้แรงงานต่างด้าวได้รวดเร็วขึ้น 2. ด้านการบริหารจัดการ 2.1 ใช้บัตรสีที่ต่างกันในแต่ละพื้นที่ 2.2 ลงโทษผู้นำพา ผู้ให้ที่พักพิง หรือนายจ้างที่นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทยที่มิได้ดำเนินการ ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างจริงจังโดยไม่เลือกปฏิบัติ 2.3 ควบคุมให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน เพื่อนำไปสู่การจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้กับแรงงาน ต่างด้าวตามเกณฑ์เทียบเท่าลูกจ้างของไทย และรับประกันความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ตลอดจนกำกับดูแล และ ยุติพฤติกรรมการบังคับข่มขู่และทำร้ายร่างกายจากนายจ้างและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและจริงจัง 3. ด้านกฎหมาย 3.1 บังคับใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เป็นหลักเสียก่อนโดยลงโทษบุคคลที่นำหรือพาแรง งานต่างด้าวเข้ามาประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนให้ที่พักพิง แล้วจึงใช้พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่าง ด้าว พ.ศ. 2551 เป็นรอง 3.2 ลดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว 3.3 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 เห็นควรปรับแก้การกำหนดเงินกองทุน ฯ ใน มาตรา 14 และ 15 ให้มีจำนวนหรือสัดส่วนที่เหมาะสมมีความคล่องตัวในการเบิกจ่าย ปรับแก้มาตรการการเรียก เก็บค่าธรรมเนียมการจ้างแรงงานต่างด้าว (Levy) มาตรา 8 ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์การใช้ แรงงาน และปรับแก้บทกำหนดโทษกรณีการกระทำผิดของแรงงานต่างด้าวและนายจ้างโดยให้รับโทษทั้งทางแพ่งและ อาญา 4. ด้านยุทธศาสตร์ 4.1 ยุทธศาสตร์การจัดระบบการจ้างแรงงานต่างด้าว ควรเชื่อมโยงข้อมูลทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแลก เปลี่ยนและใช้ประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งจัดสรรงบประมาณและกำลังคนให้เพียงพอต่อการดำเนินยุทธศาสตร์ 4.2 ยุทธศาสตร์การกำหนดมาตรฐานการจ้างแรงงานต่างด้าว ควรจำกัดจำนวนคนต่างด้าวที่มิใช่ช่างฝีมือ หรือผู้ชำนาญการที่จะเข้ามาทำงานในบางลักษณะ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานของช่างฝีมือหรือแรงงานที่มีความชำนาญ เฉพาะที่เป็นแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร 4.3 ยุทธศาสตร์การสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาทำงาน ควรใช้นโยบายมาตรการเฉพาะพื้นที่ โดยผสมผสานกับนโยบายระดับประเทศ โดยพิจารณาตามความจำเป็น เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์แต่ละ พื้นที่ 4.4 ยุทธศาสตร์การปราบปรามจับกุมดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ควรเร่งรัดตรวจสอบและ ดำเนินคดีอย่างจริงจัง โดยปราบปรามทั้งนายจ้าง ผู้นำเข้าแรงงานต่างด้าว ให้ที่พักพิงและให้ทำงานในกรณีที่ไม่ได้รับ อนุญาตตามกฎหมาย 4.5 ยุทธศาสตร์การผลักดันและการส่งกลับแรงงานต่างด้าว ควรจัดสรรงบประมาณ บุคลากร สถานที่กัก ขัง ตลอดจนยานพาหนะในการขนย้ายแรงงานต่างด้าว ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องมีเพียงพอ รวมทั้งการจัดทำ ฐานข้อมูลแรงงานต้างด้าวที่ถูกจับกุม และถูกผลักดันส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชื่อม โยงข้อมูลเพื่อการควบคุมและตรวจสอบได้อย่างถูกต้อง 4.6 ยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์การจัดระบบแรงงานต่างด้าว ให้หน่วยงานทุกระดับเชื่อมโยงประสาน กันทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะฐานข้อมูลต้องมีระบบข้อมูลกลางที่สามารถติดต่อกันได้ มีลักษณะเป็นสากลสามารถตรวจ สอบได้รวดเร็ว ทันเวลาทั้งภาครัฐและนายจ้าง มีการประชาสัมพันธ์ถึงการเคลื่อนไหวด้านข้อมูลตลอดเวลา และมีการ ประสานงานระหว่างกระทรวงแรงงานและนายจ้างอย่างทันเหตุการณ์ 4.7 ยุทธศาสตร์การติดตามและประเมินผล เมื่อมีการประเมินปัญหาจากสถานการณ์แรงงานต่างด้าวด้าน ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้แล้ว ควรมีผู้มีอำนาจ หรือผู้รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับปัญหาด้านแรงงานต่างด้าวเพื่อติดตาม สั่ง การในการแก้ปัญหา
|
|||||||||||||||||||||
36944 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 6/2552 | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เสนอมติคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2553 ในการ ประชุมครั้งที่ 6/2552 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 ดังนี้ 1. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ (สศช.) ดำเนินการ ดังนี้ 1.1 รับความเห็นของคณะกรรมการ ฯ ในเรื่องการปรับปรุงตัวชี้วัดการดำเนินโครงการประกันราย ได้เกษตรกรและโครงการสาขาทรัพยากรน้ำและการเกษตรไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 1.2 ประสานกับสำนักงบประมาณในการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ ฯ และสำรวจพื้น ที่ภาคสนามแล้วเสนอรายงานให้คณะกรรมการ ฯ พิจารณาโดยให้ความสำคัญในการติดตามผลการพัฒนาระบบ ถนน ชลประทาน โรงเรียน และสาธารณสุข โดยมุ่งเน้นการประเมินผลในด้านความสอดคล้องของผลผลิต จากการดำเนินโครงการจริงเปรียบเทียบกับผลผลิตที่กำหนดไว้ตามแผนการลงทุนที่เสนอ 2. มอบหมายให้ สศช. และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ประสานงานกับหน่วยงานด้าน ทรัพยากรน้ำ ชลประทาน และการเกษตร เพื่อให้การดำเนินโครงการในระดับพื้นที่มีความสอดคล้องกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
36945 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 23, 24, 25 และ 26/2553) | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 23/2553 ลงวันที่ 25 มกราคม 2553 เรื่อง มอบ หมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 24/2553 ลงวันที่ 25 มกราคม 2553 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 25/2553 ลงวันที่ 25 มกรา คม 2553 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ จำนวน 3 ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 2. อนุมัติให้ถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 26/2553 ลงวันที่ 25 มกราคม 2553 เรื่อง ปรับปรุงคำ สั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการใน ภูมิภาค ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||
36946 | รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ และขอความเห็นชอบให้ส่วนราชการทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมบริจาคเงินสมทบช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮติ | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) ประธานกรรม
การอำนวยการศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติเสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ โดยคณะกรรมการอำนวยการ ฯ ได้จัดประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2553 สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้ 1.1 รับทราบรายงานการส่งมอบเงินบริจาคของรัฐบาล จำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทาง เอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโกซิตี้ ได้มอบเงินดังกล่าวให้แก่เอกอัครราชทูตเฮติประจำประเทศเม็กซิโกแล้วโดยเงิน ดังกล่าวจะถูกนำไปจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นเพื่อจัดส่งจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ไปยังเฮติ 1.2 เห็นชอบแนวทางการจัดส่งข้าวสาร จำนวน 20,000 ตัน เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวเฮติ 1.3 รับทราบศักยภาพและความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดส่งทีมแพทย์และ พยาบาลไปยังสาธารณรัฐเฮติ โดยระยะเร่งด่วน เห็นควรจัดส่งทีมแพทย์และพยาบาลของไทยเข้าร่วมปฏิบัติการ ในสาธารณรัฐเฮติร่วมกับทีมแพทย์ของเม็กซิโก และระยะต่อไป เห็นควรจัดส่งทีมแพทย์และพยาบาลเข้าไปปฏิบัติ การให้ความช่วยเหลือชาวเฮติภายใต้กรอบขององค์การสหประชาชาติทันทีที่องค์การ ฯ มีความพร้อมและร้องขอ 1.4 เห็นควรขอความร่วมมือไปยังรัฐวิสาหกิจ จังหวัด และภาคเอกชน 3 สมาคมให้เปิด ศูนย์รับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวเฮติ สำหรับเงินบริจาคที่รัฐบาลได้รับเปิดผ่านทางศูนย์รับบริจาคทำ เนียบรัฐบาล และบัญชีของธนาคารกรุงไทย เห็นควรส่งมอบไปยังรัฐบาลและประชาชนชาวเฮติผ่านทางองค์การ สหประชาชาติ 1.5 เห็นควรมอบบุคคลระดับรัฐมนตรีไปเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีที่องค์การสหประชาชาติมี กำหนดจะจัดขึ้นเพื่อพิจารณาแผนการให้ความช่วยเหลือบูรณะฟื้นฟูสาธารณรัฐเฮติ 1.6 ให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันพิจารณาจัดทำแผน และเตรียมความ พร้อมในการจัดส่งหน่วยทหารช่างเพื่อเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับองค์การสหประชาชาติในระยะต่อไป 2. เห็นชอบแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามมติที่ประชุม ฯ ครั้งที่ 1/2553 และให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการอำนวยการ ฯ โดยให้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้การดำเนินการเป็นเอกภาพและสอดคล้องในแนวทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||
36947 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 22 มกราคม 2553 | กค | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 22 มกราคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 21,888 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 5,259 โครงการ วงเงิน 44,087.58 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 16,629 โครงการ วงเงิน 154,829.03 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 9,404 โครงการ วงเงิน 60,192.44 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 1,405 โครงการ วงเงิน 12,668.97 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 7,999 โครงการ วงเงิน 47,523.47 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 7,225 โครงการ วงเงิน 94,636.59 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 7,225 โครงการ วงเงิน 94,503.70 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 590 โครงการ วงเงิน 64,286.40 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว จำนวน 6,471 โครงการ วงเงิน 14,404.05 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 164 โครงการ วงเงิน 15,813.25 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 6,635 โครงการ วงเงิน 30,217.30 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
36948 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 3 ราย 1. นางนำพร วานิชชัง ฯลฯ) | สธ | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง จำนวน 3 ราย ทั้งนี้
ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (26 มกราคม 2553) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1. นางนำพร วานิชชัง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข 2. นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 3. นายธนกร วังบุญคงชนะ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||
36949 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐเฮติ | กต | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้ความ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐเฮติ สรุปได้ดังนี้ 1. เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2553 เอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก ได้เป็นผู้แทนไทยในพิธีส่งมอบหนังสือ ความช่วยเหลือของไทย มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับเอกอัครราชทูตเฮติประจำเม็กซิโก โดยทางสถาน เอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก จะนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้ออาหารและเวชภัณฑ์ส่งไปเฮติโดยเรือและเครื่องบินของ เม็กซิโก ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดจัดส่งจากเม็กซิโกในวันที่ 29 มกราคม 2553 2. กระทรวงการต่างประเทศส่งอัครราชทูตที่ปรึกษาประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก เดิน ทางไปยังเฮติ เพื่อส่งมอบสิ่งของตามข้อ 1 ให้แก่รัฐบาลเฮติ พร้อมทั้งได้ส่งคณะผู้แทนเพิ่มเติมจากประเทศไทยไป สมทบอัครราชทูตที่ปรึกษา เพื่อเป็นคณะสำรวจล่วงหน้าจากประเทศไทยไปสำรวจแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมในเฮติ 3. กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินเกี่ยวกับ ความพร้อมที่จะส่งคณะแพทย์และพยาบาล จำนวน 10-15 คน ไปยังเฮติ 4. ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ เมื่อวันที่ 22 มกรา คม 2552 มีมติให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความอนุเคราะห์ในการจัดส่งข้าว 5 เปอร์เซนต์ จำนวน 100 ตัน ไปยังสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานให้โครงการอาหารโลก (World Food Programme-WFP) เป็นผู้รับมอบ สำหรับการจัดส่งข้าวระยะต่อไป ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดจะส่ง ข้าว 4,000 ตัน ไปยังสาธารณรัฐโดนิมิกันโดยทางเรือ 4 เที่ยว เที่ยวละ 1,000 ตัน โดยมีกำหนดส่งจากประเทศ ไทยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 9 กุมภาพันธ์ 16 กุมภาพันธ์ และ 23 กุมภาพันธ์ ศกนี้ 5. กระทรวงการต่างประเทศได้นำเสนอให้รัฐบาลพิจารณามอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็น หน่วยงานกลางของไทยในการประสานงานกับประเทศต่าง ๆ และองค์กรระหว่างประเทศในการบริจาคและการ ส่งมอบความช่วยเหลือแก่เฮติ ซึ่งขณะนี้องค์การสหประชาชาติและประเทศเม็กซิโกพร้อมให้ความร่วมมือแก่ไทยใน เรื่องนี้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศกำลังหารือกับสหรัฐอเมริกาอีกทางหนึ่งว่า กองทัพเรือ สหรัฐ ฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิกจะช่วยขนสิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้จากประเทศไทยไปยังเฮติได้หรือไม่ 6. ส่วนการรับบริจาคเงินจากประชาชน โดยผ่านศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติที่ทำเนียบ รัฐบาล และศูนย์รวบรวมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเฮติของกระทรวงการต่างประเทศ นั้น กระทรวงการต่าง ประเทศกำลังเสนอให้รัฐบาลนำเงินและสิ่งของบริจาคของประชาชนผ่านรัฐบาลทั้งสองส่วนดังกล่าวส่งมอบให้แก่ สหประชาชาติและเครือข่ายองค์กรของสหประชาชาติ และ/หรือการประสานโดยตรงกับมิตรประเทศที่พร้อมร่วม มือกับไทยในการขนส่งสิ่งของบริจาค 7. กระทรวงการต่างประเทศกำลังเสนอให้อาเซียนพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการในกรอบ อาเซียนร่วมกันในระยะการฟื้นฟูเฮติ เช่น การร่วมกันส่งกองกำลังทหารไปร่วมก่อสร้างและฟื้นฟูเฮติ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
36950 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (จำนวน 7 คน 1. ศาสตราจารย์ ดร. ถวิล พึ่งมา ฯลฯ) | พณ | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรม
การองค์การคลังสินค้า จำนวน 7 คน เนื่องจากประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะ กรรมการองค์การคลังสินค้าได้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (26 มกราคม 2553) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. ศาสตราจารย์ ถวิล พึ่งมา ประธานกรรมการ 2. ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร รองประธานกรรมการ 3. นายพุทธิสัตย์ นามเดช กรรมการ 4. นายณัฏฐชัย ณครแก้ว กรรมการ 5. นางสาวสมคิด บัวเพ็ง กรรมการ 6. นางพรศิริ มโนหาญ กรรมการ 7. นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ กรรมการ (ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติ)
|
|||||||||||||||||||||
36951 | นายสุวัตร อภัยภักดิ์ กับพวกรวม 9 คน ฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคณะรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอน การกระทำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างคำแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชากรณีการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก | กต | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. รับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ซึ่งได้พิพากษาให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 ที่ให้ความเห็นชอบร่างคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา และแผนที่แนบท้าย และที่ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศลงนามในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติ ส่วนคำขอ อื่นให้ยก และให้คำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2551 มีผลต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด 2. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรไม่อุทธรณ์
|
|||||||||||||||||||||
36952 | ปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 (รอบที่ 1) เพิ่มเติม | พณ | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. รับทราบปัญหาในทางปฏิบัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 (รอบที่ 1) เพิ่มเติม ดังนี้ 1.1 กรณีเกษตรกรตกหล่นไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร 1.2 กรณีเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กำหนดวันใช้สิทธิให้ซึ่ง ไม่ใช่วันที่เกษตรกรเลือก 1.3 กรณีเกษตรกรมีที่นาหลายแปลงแต่เกษตรอำเภอขึ้นทะเบียนให้เพียงแปลงเดียว 1.4 กรณีเกษตรกรปลูกข้าว 2 ชนิด ทำสัญญาประกันรายได้วันเดียวกันแต่ ธ.ก.ส. กำหนดวันใช้สิทธิ ต่างกัน 1.5 กรณี ธ.ก.ส. จ่ายเงินชดเชยรายได้ให้เกษตรกรแล้วขอคืนบางส่วน 1.6 กรณีเกษตรกรขอให้จ่ายส่วนต่างชดเชยช่วงวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 1.7 กรณีเกษตรอำเภอออกหนังสือรับรองให้เกษตรกรไม่ตรงตามชนิดข้าวที่เกษตรกรปลูก 1.8 กรณีเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. นำเงินชดเชยมาจ่ายให้เกษตรกรและคิดค่าใช้จ่ายจากเกษตรกร 2. เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาให้เป็น ไปตามกรอบและหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดและเสนอคณะคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณา ตามลำดับต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
36953 | ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) (ระหว่างวันที่ 16 - 18 มกราคม 2553) | พณ | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม 2553 ตามโครงการ "โลจิสติกส์การค้าสัญจรเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจไทย" ครั้งที่ 5 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสำรวจ ติดตามความคืบหน้า และสร้างโอกาสขยายการค้าเส้นทางโลจิสติกส์การค้าตามแนวด่านชายแดนไทย- ลาว รวมทั้งได้ประชุมหารือและรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนระดับสูงของ สปป.ลาว ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การขยาย เส้นทางรถไฟจากท่านาแล้งไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ การลงทุนก่อสร้างสถานีขนถ่ายตู้สินค้า (Inland Container Depot : ICD) การส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว การก่อสร้างสะพาน ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) และการพัฒนา Single Stop Inspection ด่านชายแดนไทย-ลาว เป็น ต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมหารือ ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคและข้อเสนอแนะ ทางด้านการค้า การลงทุนและโลจิสติกส์ จากภาคเอกชนไทยที่ประกอบธุรกิจใน สปป.ลาว อาทิ บริษัทในเครือปูน ซิเมนต์ไทย ธนาคารกรุงเทพ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ธนาคารกรุงไทย บริษัท ช.การช่าง จำกัด บริษัท เอส ซี ที จำกัด ฯลฯ โดยภาคเอกชนได้เสนอแนะว่าในปี พ.ศ. 2553 เป็นปีที่มีความสัมพันธ์ไทย-สาธารณรัฐประชาธิป ไตยประชาชนลาวครบรอบ 60 ปี และเป็นปีสมโภชฉลองนครหลวงเวียงจันทน์ครบรอบ 450 ปี จึงเห็นควรให้มีการ จัดกิจกรรมร่วมเฉลิมฉลอง ได้แก่ การต่อเส้นทางรถไฟจากสถานีท่านาแล้งถึงนครหลวงเวียงจันทน์ การติดตั้งไฟฟ้า จากสะพานมิตรภาพไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถึง นครหลวงเวียงจันทน์ และการจัดงานแสดง สินค้า Thailand Trade Exhibition ในเดือนกรกฎาคม 2553 พร้อมทั้งได้ฝากปัญหาให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขเกี่ยว กับปัญหาความล่าช้าการผ่านพิธีการ ณ ด่านฝั่งไทย และการขอ Passport รถ หรือ Sticker ตัว T จากกรมการขน ส่งทางบกของไทย
|
|||||||||||||||||||||
36954 | ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา 65 โครงการที่ต้องดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสอง | อก | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา 65 โครงการ ที่ต้องดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสองของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สรุปได้ดังนี้ 1.1 กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงานได้รวบรวมและได้จัดทำประเด็นการเขียนคำร้องขอให้ ศาลปกครองกลางทบทวนการกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา และ มีหนังสือแจ้งแนวทางในการจัดทำคำชี้แจงต่อศาลให้ผู้ประกอบการทราบ และพิจารณาจัดทำคำร้องขอต่อศาลต่อไป และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีโครงการที่อาจได้รับผลกระทบ จำนวน 42 โครงการ (แยกเป็น 11 โครงการที่ ดำเนินการแล้ว 9 โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และ 22 โครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีการยื่นคำ ร้องขอต่อศาลแล้วทั้งสิ้น 30 โครงการ ประกอบด้วย โครงการที่มีเหตุผลเพียงพอในการขอผ่อนผันการคุ้มครองชั่ว คราว 16 โครงการ โครงการที่ขอผ่อนผันต่อศาลเนื่องจากอยู่ระหว่างก่อสร้าง 5 โครงการ โครงการที่ต้องหาเหตุผล อื่นในการขอผ่อนผันต่อศาล 3 โครงการ และโครงการในกลุ่มที่ยังไม่มีการก่อสร้างใด ๆ อีก 6 โครงการ 1.2 ศาลปกครองมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2553 ยกคำร้องทั้ง 30 โครงการ และได้ให้ความเห็น ประกอบดังนี้ 1.2.1 กรณีที่ 1 โครงการหรือกิจกรรมใดที่ดำเนินการตามกฎระเบียบที่ผู้มีอำนาจหน้าที่กำหนด ตามมาตรา 67 วรรคสอง โดยผู้ถูกฟ้องคดีหรือผู้มีส่วนได้เสียอาจมีคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้พิจารณามี คำสั่งแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งนั้นเสีย 1.2.2 กรณีที่ 2 โครงการหรือกิจกรรมที่ไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการ ฯ ลง วันที่ 16 มิถุนายน 2552 ศาลเห็นว่า เป็นโครงการที่ได้รับยกเว้นตามคำสั่งศาลอยู่แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการต้องตรวจ สอบกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดตั้งศูนย์บริการให้คำปรึกษาปัญหาตามมาตรา 67 วรรคสอง แบบบูรณา การที่ศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (OSOS) รวมทั้งให้แต่งตั้งคณะทำงานกลางเพื่อหาข้อสรุปในแนวทาง ดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสอง โดยมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นที่ปรึกษา ผู้ช่วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นฝ่ายเลขานุการ
|
|||||||||||||||||||||
36955 | หนังสือแสดงท่าทีของไทยต่อ Copenhagen Accord | ทส | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการหนังสือแสดงท่าทีของไทยต่อ Copenhagen Accord ตามที่กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงการ ต่างประเทศดำเนินการปรับปรุงถ้อยคำในหนังสือแสดงท่าที ฯ ดังกล่าว ให้เหมาะสมและเป็นไปในทางบวกมากยิ่ง ขึ้น ก่อนจัดส่งไปยังสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
36956 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | ศธ | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาขยายระยะเวลาการดำเนินงานจัดซื้อจัดหาครุ ภัณฑ์ที่ได้รับงบประมาณ วงเงิน 5,330.3855 ล้านบาท และสิ่งก่อสร้าง วงเงิน 70.0000 ล้านบาท ในส่วนของ พระราชกำหนด ประจำปี 2553 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัด ดำเนินการขอความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายเงิน และขอจัดสรรเงินตามโครงการภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ไปที่สำนักงบประมาณโดยด่วน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่ม เติม
|
|||||||||||||||||||||
36957 | การจัดทำรายงานผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง (30 ธันวาคม 2551 - 30 ธันวาคม 2552) | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทุกกระทรวงรับร่างรายงานผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนว
นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง (30 ธันวา คม 2551-30 ธันวาคม 2552) ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำเสร็จแล้ว ไปตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วนอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของข้อมูลที่ เป็นตัวเลข ชื่อเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ แล้วให้ส่งกลับไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ภายในวันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 12.00 น. เพื่อดำเนินการต่อไป ตามที่รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||
36958 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2553 ซึ่งที่ ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 27 มกราคม 2553 และครั้งที่ 3 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม 2553 2. เห็นชอบให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลกากรกรุงเทพมหา นคร พ.ศ. .... ตามสรุปผลการประชุม ฯ ดังกล่าว ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
36959 | รายงานการรับและการใช้จ่ายเงินที่ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ตามมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบ
ประมาณในการติดตาม เร่งรัด และรวบรวมรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินที่ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินของ หน่วยงานของรัฐทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและ วุฒิสภาต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36960 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 25 มกราคม
2553 และเห็นชอบให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามสรุปผลการประชุม ฯ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป ดังนี้ 1. ร่างมาตรา 16 มาตรา 18 มาตรา 20 และมาตรา 22 เรื่อง องค์ประกอบ อ.ก.ก. สามัญข้าราช การสามัญ อ.ก.ก. สามัญข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อ.ก.ก. สามัญข้าราชการอุดมศึกษา และ อ.ก.ก. สามัญหน่วยงานในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เติม ทั้งนี้ ให้ประกอบด้วยชายและหญิง 2. ร่างมาตรา 29 มาตรา 31 และมาตรา 34 เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการ ประธานกรรมการ และการ ดำรงตำแหน่ง ก.พ.ค. กรุงเทพมหานคร เดิมทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง แก้ไขเป็นนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง 3. ร่างมาตรา 40(3) เรื่อง การพิจารณาความดีความชอบข้าราชการกรุงเทพมหานคร ให้แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้ ........ โดยพิจารณาจากผลงาน ศักยภาพ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม 4. แก้ไขเพิ่มเติม แก้คำผิด และตัดถ้อยคำในร่างมาตรา 8(1), 55 วรรคสอง, 56 วรรคสอง, 58 วรรค แรก และวรรคสี่
|
.....