ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1841 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36801 - 36820 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36801 | ผลการเยือนรัฐกาตาร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (ระหว่างวันที่ 24 - 26 พฤศจิกายน 2552) | กต | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. ผลการเยือนรัฐกาตาร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2552 เพื่อพบปะหารือกับบุคคลต่าง ๆ ของกาตาร์ รวมทั้งหารือเต็มคณะระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายกาตาร์ในประเด็นความ สัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ความร่วมมือด้านการค้า ความร่วมมือในเวทีองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference-OIC) และสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความมั่นคงทางอาหาร และความร่วมมือด้าน พลังงาน เป็นต้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้พบกับผู้แทนชุมชนไทยในกาตาร์ และได้แจ้งให้ทราบถึงพระพลานา มัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนกาตาร์ในครั้งนี้เพื่อ ต้องการส่งเสริมและเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างไทยกับกาตาร์ โดยได้หารือถึงลู่ทาง ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เป็นต้น พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีของไทยยังได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความ ตกลงต่าง ๆ ร่วมกับนายกรัฐมนตรีกาตาร์ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการระดับสูงไทย -กาตาร์ บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าไทยและสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมกาตาร์ กรอบความร่วม มือระหว่างธุรกิจเคมีภัณฑ์เครือซีเมนต์ไทย กับ Qatar Petroleum (QPI) เพื่อร่วมทุนในโครงการปิโตรเลียมเคมีทาง ตอนใต้ของเวียดนาม และข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข่าวระหว่างสำนักข่าวกาตาร์ (Qatar News Agency : QNA) และบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) 2. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นความร่วมมือสาขาต่าง ๆ ติดตามผลการดำเนินงานให้มี ความคืบหน้าต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36802 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน จำนวน 2 ฉบับ | คค | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหา นคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนตาม โครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทร ปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 2. กรณีร่างพระราชกฤษฎีกาตามข้อ 1 มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว และกระทรวงคมนาคมได้ดำเนิน การตามพระราชกฤษฎีกา ฯ ดังกล่าว แต่เห็นว่าหากเนิ่นช้าจะเป็นอุปสรรคอย่างมากแก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม หรือประโยชน์อื่นของรัฐ ฯลฯ ตามความในมาตรา 13 วรรคหนึ่งของพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ให้กระทรวงคมนาคมเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็น โดยเร่งด่วน ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36803 | สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีขอเปิดสถานกงสุล และขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำเมืองพัทยา [นายเพาล์ ไรเนอร์ ชตรุงค์ (Mr. Paul Reiner Strunk)] | กต | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. ขอเปิดสถานกงสุลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำเมืองพัทยา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด 2. แต่งตั้งนายเพาล์ ไรเนอร์ ชตรุงค์ (Mr. Paul Reiner Strunk) เป็นกงกุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณ รัฐเยอรมนีประจำเมืองพัทยา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
|
|||||||||||||||||||||||||||
36804 | รัฐบาลสาธารณรัฐกานาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายแดเนียล ควาซี อะโบดักพี (Mr. Daniel Kwasi Abodakpi)] | กต | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายแดเนียล ควาซี อะโบดักพี (Mr. Daniel Kwasi Abodakpi) ให้ดำรง
ตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกานาประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนายนานา ควาดโว เซอินติ (Mr. Nana Kwadwo Seinti) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36805 | การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและแนวทางในการปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษ | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการและแนวทางในการปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษ รวมทั้งการ
แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรีเสนอ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36806 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 1/2553 | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) ครั้งที่ 1/2553 วันที่ 27 มกราคม 2553 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. และมอบหมายให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานให้คณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ ดังนี้ 1. แนวทางการขับเคลื่อน กรอ. จังหวัดและกลุ่มจังหวัด คณะกรรมการ กรอ. มีมติรับทราบและมอบหมายให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราช การเพื่อให้คณะกรรมการ กรอ.จังหวัดและกลุ่มจังหวัดมีส่วนร่วมในกระบวนการเสนอกรอบงบประมาณของคณะกรรม การนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และให้ใช้ ถือปฏิบัติต่อไป 2. ข้อเสนอของ กรอ.จังหวัด เรื่อง การสนับสนุนการเปิดเส้นทางบิน สุวรรณภูมิ-ลำปาง-สุวรรณภูมิ และ การขยายทางวิ่งท่าอากาศยานตรัง คณะกรรมการ กรอ. มีมติรับทราบการสนับสนุนการเปิดเส้นทางบินแบบประจำ ณ ท่าอากาศยานลำปาง ของบริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด และรับทราบผลการพิจารณาการขยายทางวิ่งท่าอากาศ ยานตรัง ของกรมการบินพลเรือน โดยให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับ กรอ.จังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางทางอากาศภายในประเทศมากขึ้น และ มาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการสายการบินเข้ามาให้บริการในเส้นทางบินภายในประเทศที่มีปัญหาการยกเลิกหรือที่ ยังไม่มีสายการบินให้บริการเที่ยวบินประจำ รวมทั้งศึกษาแนวทางพัฒนาและใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานภูมิภาค เพื่อ ให้เกิดการกระจายรายได้และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปยังต่างจังหวัด และการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าและเกิด ประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ 3. ความคืบหน้าการขอปรับลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล คณะกรรมการ กรอ. มีมติรับทราบและมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาการทรุดตัวของแผ่นดินให้ดำเนินการเฉพาะบริเวณพื้นที่ที่มีปัญหา ก่อน เช่น พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถใช้น้ำประปาในกระบวนการผลิตได้ โดยเฉพาะอุตสาห กรรมฟอกย้อม เป็นต้น และหากมีความจำเป็นต้องให้กิจการใดใช้น้ำประปาให้พิจารณาแนวทางในการนำเงินกองทุน พัฒนาน้ำบาดาลมาใช้บรรเทาผลกระทบให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยพิจารณาเรื่อง การลดต้นทุนภาคอุตสาหกรรม และ Safe Yield ประกอบด้วย และรายงานความก้าวหน้าให้คณะกรรมการ กรอ. ทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง 4. แนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย คณะกรรมการ กรอ. มีมติดังนี้ 4.1 มอบหมายให้กรมสรรพากรเร่งดำเนินการพิจารณามาตรการด้านภาษีตามที่คณะกรรมการร่วมภาค เอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอ ได้แก่ (1) การยกเว้นภาษีเงินได้จากการขายเรือเก่าเพื่อนำเงินได้ไปซื้อเรือลำใหม่ จากเดิมต้องซื้อเรือลำใหม่ภายใน 1 ปี ขยายเป็น 2 ปี (2) ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อเรือเดินทะเลระหว่างประเทศ โดยให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิคืนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 15 วัน และ (3) การให้ผู้ขนส่งทางทะเลภายในประเทศมี สิทธิเลือกขอเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และรายงานให้ที่ประชุมทราบ 4.2 มอบหมายให้ กกร. โดยสมาคมเจ้าของเรือไทย ประเมินผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ประเทศจะได้รับ จากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนด้านภาษี และรายงานให้ที่ประชุมทราบ 4.3 มอบหมายให้กรมเจ้าท่า ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี นำข้อสังเกต รวมทั้งข้อเสนอแนะของที่ประชุมคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนา พาณิชยนาวีของประเทศต่อไป 4.4 มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคาร ไทย และสมาคมเจ้าของเรือไทย เพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการสนับสนุนมาตรการด้านการเงินแก่ผู้ประกอบ การพาณิชยนาวี และรายงานให้ที่ประชุมพิจารณาต่อไป 5. การลดหย่อนภาษีเงินได้ให้แก่ผู้บริจาคเงินให้กับสถาบันการศึกษาเอกชน คณะกรรมการ กรอ. มีมติมอบ นายกรัฐมนตรีรับเรื่องดังกล่าว ไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในประเด็นนโยบายการออกประกาศ กระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับรายชื่อสถานศึกษาเอกชน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลแล้วเพื่อ การยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับ สนุนการศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||
36807 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | มท | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น
หรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขบทบัญญัติบางประการในพระราชบัญญัติว่าด้วยการ ลงคะแนนเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542 เพื่อให้การใช้สิทธิเข้าชื่อเพื่อให้มีการลง คะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงาน ด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36808 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของ
สนามบินสุวรรณภูมิเสนอ ดังนี้ 1. รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) สรุปได้ดังนี้ 1.1 ปัญหารถยนต์รับจ้างและมัคคุเทศก์ผิดกฎหมาย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ขยายแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำ และมัคคุเทศก์เถื่อนที่มาให้บริการโดยผิด กฎหมายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ออกไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2552 และได้ทำการย้ายจุดให้บริการรถ แท็กซี่ป้ายเหลืองจากชั้น 2 ลงมาชั้น 1 ส่วนรถลีมูซีนยังอยู่ชั้น 2 เหมือนเดิม โดย ทอท. ได้จัดทำป้ายบอกเส้นทาง ขึ้นรถแท็กซี่ตั้งแต่ที่สายพานรับกระเป๋า และป้ายแนะนำอื่น ๆ ตลอดเส้นทาง รวมถึงจัดทีม Airport Help ให้คำแนะ นำบริเวณประตูทางออกของผู้โดยสารหลังผ่านศุลกากรด้วย 1.2 ปัญหาการลักทรัพย์สินในกระเป๋า/สัมภาระของผู้โดยสารในพื้นที่คัดแยกสัมภาระ ทอท. ได้ตรวจ สอบประวัติพนักงานของบริษัทที่เข้ามารับดำเนินการ (Outsource) และมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและการ แต่งกายของพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการลักขโมยทรัพย์สินของผู้เดินทางและผู้โดยสาร และติดตั้ง CCTV เพิ่ม เติมในพื้นที่ล่อแหลม 327 ตัว 1.3 การลักทรัพย์หรือสินค้าในร้านปลอดภาษีของบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (King Power) ทอท. ได้จัดทำป้ายและตีเส้นแดงแสดงขอบเขตพื้นที่ของร้านค้าปลอดภาษีให้ชัดเจน และจัดทำป้ายแนะนำให้ชำระ ค่าสินค้าก่อนออกออกพื้นที่ของร้านค้านั้น ๆ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลลูกค้าบริเวณทางเดินเข้าร้านค้า และติด ตั้งเครื่องชำระเงินค่าสินค้าบริเวณทางเข้า-ออกร้านค้าด้วย 1.4 การนำสุราและบุหรี่เข้ามาในประเทศของผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว ทอท. ได้จัดทำป้ายเตือนทั้ง ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม และเพิ่มช่องตรวจศุลกากร (ช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง) ส่วนการดำเนิน การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการจับสุราและบุหรี่ รวมทั้งการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวเรื่องการตรวจซ้ำ (ของเจ้า หน้าที่ศุลกากรและสรรพสามิต) เมื่อกระทรวงการคลังได้ปรับปรุงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยให้มีการทำงาน ร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เพื่อพิจารณาผ่อนปรนกรณีมีการจับกุมนัก ท่องเที่ยวที่นำบุหรี่หรือสุราเข้ามาเกินจำนวนที่กำหนดซึ่งจะพิจารณาผ่อนปรนการจับกุมโดยให้เจ้าหน้าที่ตักเตือน ก่อน และหากต้องมีการจับกุมจะทำงานร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจซ้ำ 1.5 การดำเนินงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว ปัญหาที่พบส่วนใหญ่เกิดจากนักท่องเที่ยวไม่ได้ นำสินค้าให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจเพื่อประทับตราในเอกสารขอคืนภาษี 1.6 การปรับปรุงจุดตรวจค้นแบบรวมศูนย์ (Centralize Screening) ทอท. ได้ปรับปรุงระบบการตรวจ ค้นสัมภาระของผู้โดยสารที่นำติดตั้วขึ้นเครื่องบิน หากมีสิ่งของต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบินติดตัวมาทางเจ้าหน้าที่จะให้ ผู้โดยสารทิ้งสิ่งของเสียก่อน และเมื่อผ่านการตรวจค้นแล้วก็สามารถซื้อของและขึ้นเครื่องบินต่อไปได้ 1.7 การจัดตั้งศูนย์ Suvarnabhumi Airport One Stop Service หรือ S.O.S. ซึ่งศูนย์ดังกล่าวเปิดบริการ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร รับแจ้งเหตุ และแก้ไขข้อขัดข้องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว 1.8 การแก้ไขปัญหาระบบสาธารณูปโภคภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. ได้ดำเนินโครงการ จัดทำผนังกั้นทางเชื่อมเพื่อติดตั้งป้ายโฆษณาในพื้นที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารกับอาคารจอดรถและ มีโครงการจะปรับปรุงพื้นที่ชั้น 6 ของอาคารจอดรถ และจัดทำหลังคาเพื่อกันฝนซึ่งจะทำให้ปัญหาน้ำฝนไหลจาก ชั้น 6 อาคารจอดรถลงมาชั้นอื่นหมดไป 1.9 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการปิดสนามบินเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่อง เที่ยวต่างชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำลังทำการศึกษา (สศช.) เพื่อจัดทำ ข้อเสนอแนะแแนวทางการจัดทำแผน (Business Continuity Plan : BCP) ในระดับองค์กรธุรกิจเอกชนที่เป็นมาตร ฐานสากลที่เชื่อมโยงกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ฯ ซึ่งครอบคลุมประเภทของภัยพิบัติ กล ไกการกำกับดูแลและการปรับปรุงหรือพัฒนากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการของภาค เอกชนในภาวะเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาคเอก ชนมีความต่อเนื่องในกรณีที่เกิดวิกฤต ส่วนกรณีการป้องกันและแก้ไขปัญหาการปิดสนามบิน คณะกรรมการอำนวย การ ฯ ได้มอบหมายให้ ทอท. รับไปพิจารณาและหารือกับ สศช. เพื่อจัดทำแผนรองรับในเรื่องนี้โดยเร็ว 2. อนุมัติในหลักการให้จัดตั้งสถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi Airport Police) อยู่ ในสังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เรียกว่า "กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว" เพื่อรับผิดชอบ เฉพาะพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปดำเนินการในรายละเอียดตาม บทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36809 | ร่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. .... | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เสนอ และตรวจพิจารณาแล้ว และส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้มีมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาการบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรสัตว์น้ำ และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมให้ประชาชนหรือชุมชนประมงท้องถิ่นเข้ามามีสวน ร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างสมดุลเพื่อให้สามารถนำทรัพยากร สัตว์น้ำที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน 2. กำหนดมาตรการในการส่งเสริมให้สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงหรือจากการ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีคุณภาพได้มาตรฐานด้านสุขอนามัย มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และมิให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวด ล้อม 3. กำหนดมาตรการควบคุมและจัดระเบียบการใช้เรือประมงไทยในการทำการประมงนอกน่านน้ำไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36810 | ร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งว่าด้วยการละเมิดอำนาจปกครองเด็ก พ.ศ. .... | อส | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งว่าด้วยการละเมิดอำนาจ ปกครองเด็ก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งว่าด้วยการละ เมิดอำนาจปกครองเด็ก โดยให้อำนาจหน่วยราชการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศในการติดตาม สืบหาแหล่งที่อยู่ของเด็กเพื่อจัดให้มีการส่งคืนตัวเด็ก และกำหนดกระบวนการทางศาลหรือฝ่ายปกครองในการส่ง คืนตัวเด็ก ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางให้ ศาลสามารถใช้ดุลพินิจในการมีคำสั่งตามที่สมควรเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่เด็ก ส่วนกรณีให้ศาลสั่งจ่ายค่าใช้จ่ายใด นอกจากค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ในการสืบหาแหล่งที่อยู่ของเด็ก ค่าทนายความ หรือที่ปรึกษากฎหมาย และค่า ใช้จ่ายในการส่งตัวเด็กกลับคืน ควรระบุให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ และความเห็นของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการสืบหาแหล่งที่อยู่ของเด็ก ควรกำหนดให้ชัดเจนเพื่อรองรับการปฏิบัติว่าจะ ให้อำนาจหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้แค่ไหน เพียงใด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งคณะกรรมการ ประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายของผู้ประสาน งานกลางในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณค่า ใช้จ่ายดังกล่าวตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
36811 | รายงานผลการศึกษาและการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตร | กษ | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการศึกษาโครงการศึกษาเพื่อสร้างระบบการประกันความเสียหายผลผลิตทางการเกษตรที่ เหมาะสมโดยระบบสหกรณ์ ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และผลการศึกษาโครงการศึกษาแนวทางการดำเนินการประกัน ภัยธรรมชาติสำหรับการผลิตข้าว ของกรมส่งเสริมการเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รับผลการศึกษา ฯ ทั้ง 2 โครงการ และเรื่องเกี่ยวกับ ระบบประกันภัยพืชผลอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการที่เหมาะ สม โดยรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรให้เกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในการจ่ายเบี้ยประกันบางส่วนร่วม กับภาครัฐ เพื่อให้เกษตรกรได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการประกันภัยพืชผลที่จะได้รับเงินค่าชดเชยความเสียหายเพิ่ม ขึ้นจากเดิมที่เคยได้รับกรณีได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ สำหรับกรณีให้ความคุ้มครองเฉพาะค่าพันธุ์และปุ๋ย โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันให้ทั้งหมดนั้น ควรมีการกำหนดเงื่อนไขเกษตรกรที่จะได้รับการอุดหนุนในลักษณะ ดังกล่าวไว้ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป 3. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำฐานข้อ มูลเกี่ยวกับการเพาะปลูกของเกษตรกรทั่วประเทศโดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันครอบคลุมทั้งในแง่พื้นที่ และชนิดของพืชเพาะปลูก เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย หรือเป็นข้อมูลสำหรับตรวจสอบติดตามการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
36812 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... | ยธ | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 ให้มีคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ มีวาระในการดำรงตำแหน่ง คราวละสี่ปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ 1.2 ให้คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการ เฉพาะเรื่องหรือคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นการเฉพาะก่อนที่จะเสนอผลการพิจารณาต่อคณะ กรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป 1.3 ให้คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรม มีหน้าที่หลักในเชิงนโยบายที่จะปฏิรูป และพัฒนากระบวนการยุติธรรมในภาพรวม โดยการเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวน การยุติธรรมในการกำหนดนโยบาย กลยุทธ์ และแนวทางเกี่ยวกับการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้มี ประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล จัดทำแผนแม่บทการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ และแผนแม่บท เทคโนโลยีสารสนเทศ กระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ และเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการแก้ไข ข้อขัดข้อง ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือกรณีที่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ หรือเกิดข้อขัดข้องที่เป็นอุปสรรคต่อการ ปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรม 1.4 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติเป็นหน่วยงานของ รัฐที่มิใช่ส่วนราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่า ด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น มีฐานะเป็นนิติบุคคล และอยู่ภายใต้กำกับของประธานกรรมการ รับผิด ผิดชอบเกี่ยวกับงานธุรการและกิจการทั่วไปของคณะกรรมการ ฯ รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความรู้และ ผลงานวิจัยด้านการปฏิรูปและการพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ 2. โดยที่ความในร่างมาตรา 27 บัญญัติให้รัฐบาลจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปให้กับสำนักงานคณะกรรม การปฏิรูป ฯ และบทเฉพาะกาลร่างมาตรา 35 บัญญัติให้โอนงบประมาณของกองงานคณะกรรมการยุติธรรมแห่ง ชาติ สำนักงานกิจการยุติธรรมไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูป ฯ ดังนั้น ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ขอให้สำนัก งบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูป ฯ อย่างเหมาะ สมเพียงพอ มิให้กระทบต่อภารกิจอื่นของกระทรวงยุติธรรมด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36813 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว" เป็น "กรมการท่องเที่ยว" พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ" เป็น "กรมพลศึกษา" พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | กก | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว" เป็น
"กรมการท่องเที่ยว" พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ" เป็น "กรมพลศึกษา" พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ คืนกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36814 | ขอสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | มท | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบ
กลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการ ดำเนินงานของจังหวัด ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่สามารถขอรับการ สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพื่อการนี้จากหน่วยงานอื่น ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย โดยให้จัดสรรเฉลี่ย จังหวัดละ 3.5 ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ การจัดสรรตามขนาดพื้นที่และความจำเป็นเหมาะสมและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36815 | แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และการจัดทำร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดหาพัสดุและจัดทำนิติกรรมสัญญาของกลุ่มจังหวัด | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (ก.น.จ.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขา นุการ ก.น.จ. เสนอ ดังนี้ 1.1 แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด 75 จังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด 18 กลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.2 กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดหาพัสดุและจัดทำนิติกรรมสัญญาของกลุ่มจังหวัดเพื่อให้กลุ่มจังหวัด สามารถดำเนินการในเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง และนำไปสู่ขั้นตอนการทำนิติกรรมสัญญาได้อย่างสอดคล้องกับระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยจัดทำเป็นประกาศคณะกรรมการนโยบาย บริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดหาพัสดุและจัดทำนิติกรรม สัญญาของกลุ่มจังหวัด 2. เห็นชอบสนับสนุนคำของบประมาณลำดับที่ 1 เพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการหมู่บ้านท่อง เที่ยววัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดพัทลุง วงเงิน 30,000,000 บาท และ โครงการพัฒนาบริเวณถนนรามวิถี-ถนนปละท่า-ถนนชลาทัศน์ ให้เป็นถนนสายวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาแบบ ยั่งยืน ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดสงขลา วงเงิน 30,000,000 บาท รวมเป็นโครงการลำดับที่ 1 จำนวนทั้งสิ้น 3,230 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 18,484,984,255 บาท โดยดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน ของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
36816 | ขออนุมัติดำเนินงานตามโครงการพัฒนาตลาดและแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่าตามนโยบายของรัฐบาล | กษ | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้องค์การสวนยาง (อสย.) ดำเนินโครงการพัฒนาตลาดและแปรรูปยางเพื่อเพิ่มูลค่าตามนโยบาย ของรัฐบาล โดยก่อสร้างโรงงานยางแท่ง STR 20 พร้อมติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ขนาดกำลังผลิต 20,000 ตัน/ปี รวมทั้งสำนักงาน บ้านพัก โรงผสมปุ๋ย บ่อเก็บน้ำ บ่อบำบัดน้ำเสีย พร้อมครุภัณฑ์จำเป็น 3 แห่ง และสร้างศูนย์รับซื้อ ผลผลิตยางพาราและจำหน่ายปัจจัยการผลิตพร้อมอุปกรณ์จำเป็น จำนวน 6 ศูนย์ วงเงินรวมทั้งสิ้น 475.8 ล้านบาท โดยใช้เงินเหลือจ่ายของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 475.845 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ อสย. วางแผนเพื่อรองรับ ความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราและแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อมิให้เป็นภาระแก่เงิน งบประมาณ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวหากสิ้นสุดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาในการเบิก จ่ายเงิน และ อสย. ยังประสงค์ที่จะใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าวต่อไป ให้ขอทำความตกลงกับกรมบัญชีกลางเพื่อขอ ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านระบบ GFMIS ต่อไป รวมทั้งความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเกี่ยวกับให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านการจัดการมลพิษเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณ ภาพชีวิตของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36817 | ขออนุมัติหลักการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พิจารณาจ่ายค่าดอกเบี้ยค้างชำระ ในวงเงิน 110,000 ล้านบาท ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำผลิต ผลการเกษตร ปี 2551/52 ตามนโยบายของรัฐบาล จากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการรับจำนำ ผลผลิตการเกษตรปีการผลิต 2551/2552 ซึ่งได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 3,523.08 ล้านบาท และจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ได้รับอนุมัติจากโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงินตามพระราชกำหนด ฯ 149,999.8371 ล้านบาท) จำนวน 1,706 ล้านบาท ไปก่อน โดยคำนวณดอกเบี้ยจากเงินและระยะเวลาที่จ่ายจริง ทั้งนี้ หากการใช้จ่ายในกรณีดังกล่าวจ่ายแล้ว มีผลให้ค่าบริหารโครงการไม่เพียงพอ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการระบายผลิตผลทางการเกษตรภายใต้โครงการรับจำนำ ฯ เพื่อลดภาระเงินต้นและ ดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เป็นภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้ทุกปี ไปพิจารณาดำเนิน การต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36818 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 - 2555 รายการเช่ารถประจำตำแหน่ง | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 รายการเช่ารถประจำตำแหน่ง
ระดับรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ จำนวน 1 คัน วงเงินทั้งสิ้น 1,215,200 บาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณดำเนินการจำหน่ายรถประจำตำแหน่งคันเดิมตามหลักเกณฑ์และวิธีการของระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
36819 | การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก | กษ | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสถานการณ์การระบาดและการดำเนินการตามมาตรการ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. อนุมัติในหลักการแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อแก้ไขปัญหาโดยการตัดวงจรของเพลี้ยกระโดด สีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 2.1 ให้ความช่วยเหลือโดยจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นเงินสดให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัย โดยใช้เกณฑ์การ ช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 พื้นที่ความเสียหายประมาณ 6.74 แสนไร่ จ่ายใน อัตราไร่ละ 2,280 บาท เป็นเงิน 1,537 ล้านบาท การจ่ายเงินสด ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นผู้ดำเนินการและ จ่ายเงินช่วยเหลือผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง 2.2 ดำเนินการไถกลบต้นข้าวในพื้นที่ระบาด 6.74 แสนไร่ ในราคาไร่ละ 350 บาท เป็นเงิน 236 ล้านบาท โดยกรมพัฒนาที่ดินร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร และจังหวัดพื้นที่มีการระบาดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนิน การ และสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีที่กรมการข้าวผลิต พื้นที่ 6.74 แสนไร่ อัตราไร่ละ 15 กิโลกรัม ๆ ละ 18 บาท เป็นเงิน 182 ล้านบาท โดยกรมการข้าวและกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ รวมทั้งขอ หลักการให้ขยายเวลาการชำระหนี้และชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ย กระโดดสีน้ำตาล ฯ ที่เข้าร่วมในโครงการผ่าน ธ.ก.ส. สถาบันเกษตรกร และสถาบันการเงิน ส่วนงบประมาณชด เชยดอกเบี้ยจะขออนุมัติในภายหลัง 2.3 เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ฯ สามารถดำเนินการได้อย่างต่อ เนื่องและยุติลงอย่างถาวร จำเป็นต้องดำเนินการโครงการรวม 2 โครงการ วงเงินงบประมาณ 83 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายทอดเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล วงเงินงบประมาณ 25 ล้านบาท และโครงการป้องกันการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างยั่งยืน วงเงินงบประมาณ 58 ล้านบาท 2.4 ปฏิรูประบบการปลูกข้าวใหม่ โดยกำหนดช่วงเวลาการเพาะปลูกข้าวให้มีความชัดเจนสอดคล้อง กับสภาพทางกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการจัดทำระบบ การปลูกข้าว) จะพิจารณาระบบการปลูกพืชและมาตรการสนับสนุนที่เหมาะสมเสนอ เพื่อปรับปรุงระบบการปลูก ข้าวต่อไป 3. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 501 ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ฯ โดยให้ขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลืออีกจำนวน 739 ล้านบาท (1,240-501 = 739) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เสนอคณะกรรมการสงเคราะห์ เกษตรกรเพื่อขอใช้จ่ายจากเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปก่อนตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยด่วน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ขอตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้คืนกองทุน ฯ ต่อไป และให้รายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในสัปดาห์หน้าด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36820 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพัก (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพัก พ.ศ. 2549 เพื่อปรับปรุงสุขลักษณะของหอพัก และแบบคำขอรับใบอนุญาตให้ตั้งหอพัก และคำขอใบรับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ หอพัก รวมทั้งหลักฐานและเอกสารที่ยื่นพร้อมคำขอรับใบอนุญาตดังกล่าว ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....