คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
                  1.1 ให้ประเทศไทยให้สัตยาบันในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทาง
ชีวภาพ และให้นำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
                  1.2 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว
และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้ต่อไป 
              2. สำหรับค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ ฯ ประมาณ  100,000  ยูโร  หรือเป็นเงิน
4,500,000  บาท  ซึ่งประเทศสมาชิกสามารถแบ่งจ่ายสมทบได้นั้น  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553   งบเงินอุดหนุน   รายการเงินอุดหนุนศูนย์
อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ จำนวน 1,550,000 บาท  ส่วนที่เหลือ จำนวน 2,950,000 บาท ให้
ตั้งงบประมาณต่อเนื่องในปีถัดไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหารือกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเกี่ยวกับแนว
ปฏิบัติในการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า
ด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. .... เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ฯ ยังมิได้ผ่านความเห็นชอบ
ของรัฐสภา เนื่องจากการออกเสียงลงคะแนนวาระที่สามของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ฯ  วุฒิสภา
ลงคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยไม่มากกว่ากึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 140(2)  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  จึง
ต้องส่งร่างพระราชบัญญัติคืนไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป  ตามมาตรา  140  วรรคสอง  ประกอบ
กับมาตรา 147(2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับ
นี้ จึงอาจมีการแก้ไขในชั้นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกได้ ซึ่งอาจทำให้ข้อสังเกตของวุฒิสภาดังกล่าวไม่
สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่ถูกแก้ไข

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอขอขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่
หรือขยายหน่วยงาน  รวมทั้งการจัดตั้งองค์การมหาชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหารและหน่วยบริการ
รูปแบบพิเศษเพิ่มใหม่ชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552  ซึ่งได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน
2552 โดยขยายระยะเวลาออกไปอีกตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552  ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553  ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้
                 1.1 การจัดตั้งหน่วยงานตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ
                 1.2 การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐ
บาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการ
                 1.3 การยกฐานะส่วนราชการภายในกรมซึ่งมีการปรับปรุงงานให้มีคุณภาพสูงขึ้น โดยไม่มีผลทำให้ค่าใช้
จ่ายเพิ่มขึ้น
                 1.4 การยุบ รวม โอน หน่วยงานภายในส่วนราชการ/จังหวัดเดียวกัน หรือส่วนราชการในกระทรวงเดียว
กันหรือต่างกระทรวง หรือระหว่างจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยไม่มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
                 1.5 การถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก
ครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงหน่วยงานใหม่
                 1.6 ทั้งนี้ ในการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน หรือปรับปรุงหน่วยงานใหม่ ตามข้อ 1.1-
1.5 ส่วนราชการต้องดำเนินการตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้ในแต่ละเรื่องด้วย
              2. สำหรับกรณีการเปลี่ยนแปลงชื่อหน่วยงานเดิมให้สามารถดำเนินการได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ
ในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เสนอ  และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน
การต่อไปได้ โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญคือ
              1. ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินการตามพระราช
บัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ลงวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
              2. เพิ่มหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ  พ.ศ. 2546  รองรับการ
ขยายสิทธิผู้สูงอายุ ตามมาตรา 11 (1)-(13)  เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการคุ้มครอง  ส่งเสริมและสนับสนุนครอบคลุม
สิทธิเพิ่มมากยิ่งขึ้น
              3. กำหนดให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยงาน
หลักรับผิดชอบประชาสัมพันธ์ให้ทราบเรื่องสิทธิผู้สูงอายุอย่างทั่วถึง

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ  และให้ส่งคณะกรรม
การประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ
มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ดังนี้
                1. กำหนดให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมีอำนาจประกาศให้ประชาชนทราบถึง
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่เป็นมาตรฐาน
                2. ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับที่มา  องค์ประกอบ  คุณสมบัติ  วาระการดำรงตำแหน่ง  การพ้น
จากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  รวมทั้งกำหนดให้เลขา
ธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงาน  ฯ  เป็นผู้ช่วยเลขานุการได้
ไม่เกินสองคน
                3. แก้ไขให้คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการ
วิชาการ และให้กรรมการวิชาการผู้ใดพ้นจากตำแหน่ง
                4. กำหนดอายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการอุทธรณ์คำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต
                5. กำหนดหลักเกณฑ์การรับโอนใบอนุญาตในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาถึงแก่
ความตายและผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นนิติบุคคลควบเข้ากัน
                6. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตในอัตราค่าธรรมเนียม

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. เห็นชอบในหลักการปฏิญญากรุงธากาว่าด้วยการพัฒนาชนบท  (The  Dhaka  Declaration  on  Rural
Development)  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการ
เสนอคำว่า "politically" หน้าคำว่า "commit" ในประโยคสุดท้ายของร่างปฏิญญา ฯ  เพื่อให้ชัดเจนว่าเอกสารฉบับนี้มี
สถานะเป็น political commitment เท่านั้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
              2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมลงนามปฏิญญา ฯ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
              3. เห็นชอบให้ผู้แทนไทยดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวได้   หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้
ไขเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
               1. อนุมัติการลงนามในบันทึกหารือ (Record of Discussions)
               2. อนุมัติให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้ลงนามในบันทึกการหารือ  (Record  of
Discussions)  ทั้งนี้  หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาสาระสำคัญ
ของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ  ให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนแปลงในเรื่องนั้น ๆ ได้
               3. ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ปลัดกระทรวงวิทยา
ศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้ลงนามในบันทึกหารือดังกล่าว

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยวิทยา
ศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างไม่เป็นทางการ Informal ASEAN  Ministerial  Meeting  on  Science  and  Technology
(IAMMST) ครั้งที่ 6 ในนามประเทศไทย  ในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553  ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทค
โนโลยีเสนอ
              2. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม ฯ  ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอตั้งงบประมาณราย
จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  เพื่อเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง  ค่าเช่าที่พักเหมา
จ่ายให้กับข้าราชการตำรวจ จำนวน  14,005  อัตรา   ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้   ในวงเงิน
222,907,900 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
                  1.1 นโยบายงบประมาณ วงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554
                  1.2 แนวทางการจัดทำและเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554
                  1.3 การจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
                  1.4 การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
              2. เห็นชอบปรับปรุงประมาณการรายได้สุทธิ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553  จากเดิม จำนวน 1,542,650
ล้านบาท เป็น จำนวน 1,522,000 ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบล
ท่าพญา ตำบลบ้านนา และตำบลบางด้วน  อำเภอปะเหลียน  จังหวัดตรัง  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าพญา ตำบลบ้านนา  และตำบลบางด้วน  อำเภอปะเหลียน  จังหวัดตรัง  เพื่อ
ดำเนินการขุดคลองพร้อมก่อสร้างประตูระบายน้ำ ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว ตามที่กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน  2  ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
             1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลแม่สิน ตำบลบ้านตึก ตำบลแม่สำ ตำบลดงคู่ ตำบล
ป่างิ้ว ตำบลบ้านแก่ง ตำบลหนองอ้อ ตำบลท่าชัย ตำบลสารจิตร  อำเภอศรีสัชนาลัย  ตำบลนครเดิฐ  อำเภอศรีนคร
และตำบลคลองยาง ตำบลนาทุ่ง ตำบลเมืองบางขลัง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน  ในท้องที่อำเภอศรีสัชนาลัย  จังหวัดสุโขทัย  ให้เป็นเขต
ปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2521  และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอสวรรคโลก และอำเภอศรีนคร จังหวัด
สุโขทัย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2525
             2. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน  ในท้องที่ตำบลตลิ่งชัน  ตำบลวังน้ำขาว  ตำบลวังลึก   ตำบลบ้าน
ด่าน ตำบลหนองหญ้าปล้อง ตำบลลานหอย ตำบลวังตะคร้อ อำเภอบ้านด่านลานหอย ตำบลวังทองแดง  ตำบลตาล
เตี้ย ตำบลบ้านสวน ตำบลบ้านกล้วย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ตำบลไกรใน  ตำบลกกแรด  ตำบลบ้านใหม่
สุขเกษม ตำบลไกรนอก ตำบลดงเดือย ตำบลกง ตำบลหนองตูม  ตำบลท่าฉนวน  อำเภอกงไกรลาศ  ตำบลนาเชิงคีรี
ตำบลบ้านน้ำพุ ตำบลศรีคีรีมาส ตำบลโตนด ตำบลสามพวง  ตำบลหนองกระดิ่ง  ตำบลหนองจิก  ตำบลทุ่งยางเมือง
อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย  ตำบลโป่งแดง  ตำบลวังประจบ  อำเภอเมืองตาก  จังหวัดตาก  ตำบลท่าไม้  ตำบลห้วย
ยั้ง  ตำบลวังตะแบก  อำเภอพรานกระต่าย  จังหวัดกำแพงเพชร   และตำบลคุยม่วง  ตำบลนิคมพัฒนา  อำเภอบางระ
กำ จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ใน
ท้องที่อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2527  พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้อง
ที่อำเภอเมืองสุโขทัย  จังหวัดสุโขทัย  ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน  พ.ศ. 2528  พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน  ในท้อง
ที่อำเภอคีรีมาส จังหวัดสุโขทัย  ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน  พ.ศ. 2531  และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน  ในท้องที่
อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2531

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน  4  ฉบับ  ตามที่กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
              1. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอดงหลวง
จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอ
ดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมู
              2. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอดงหลวง
จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอ
ดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยพุ (ห้วยแข้)
              3. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอดงหลวง
จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอ
ดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยพุง
              4. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอดงหลวง
จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอ
ดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยไร่

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเวียง  อำเภอเชียงแสน  จังหวัดเชียงราย  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ให้ใช้
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522  บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัด
เชียงราย  เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การ
สาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม  และการอำนวยความสะดวกแก่การ
จราจร  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนิน
การต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำยม เป็นทางน้ำชล
ประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำยม  จากศูนย์
กลางฝายแม่ยม กิโลเมตรที่ 0.000 ไปทางด้านเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ 0.760 และไปทางด้านท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตร
ที่ 0.900  ในท้องที่ตำบลบ้านหนุน  อำเภอสอง  จังหวัดแพร่  เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนิน
การต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทาน
โพธิ์พระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และ
ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญ
คือ
              1. กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้อง จากกิโลเมตรที่
1.850  ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้อง  ในท้องที่ตำบลโพธิ์พระยา  ถึงกิโลเมตรที่ 5.100  ในท้องที่ตำบลรั้ว
ใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
              2. กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้อง จากกิโลเมตรที่
12.800 ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้อง  ในท้องที่ตำบลดอนกำยาน  อำเภอเมืองสุพรรณบุรี  ถึงกิโลเมตรที่
10.200 ในท้องที่ตำบลมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า  จังหวัดสุพรรณบุรี  เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชล
ประทาน

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน 5 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
              1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด  เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ
เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด ในท้อง
ที่ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
              2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุน้อย  เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก
เก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุน้อย ในท้องที่ตำบลทับ
คาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
              3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุหวาย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก
เก็บค่าชลประทาน  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุหวาย  ในท้องที่ตำบล
ห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
              4. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านทุ่งขาม  เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ
เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านทุ่งขาม ในท้อง
ที่ตำบลไร่ใหม่พัฒนา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
              5. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหุบกะพง  เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ
เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหุบกะพง ในท้องที่
ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน  สิทธิ  หนี้  และเงินของกองทุนพัฒนานวัตกรรมและ
เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี  เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติที่มีอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานนวัต
กรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2552  ใช้บังคับ  เว้นแต่เงินงบประมาณหมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำที่ยัง
มีผู้ครองอยู่ไปเป็นของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ  (องค์การมหาชน)  ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน 2 คณะ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
             1. คณะกรรมการสนับสนุนการจัดตั้งสถานศึกษาเอกชน โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรม
การ และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจ
หน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขในการให้การสนับสนุนสถานศึกษาเอกชน และสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพ
เอกชนให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
             2. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี   โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นประธานกรรมการ   และผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริม
การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  เป็นกรรมการและเลขานุการ  มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายในการดำเนินงาน
พัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  รวมทั้งส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถ
พิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ในระดับมัธยมศึกษา ระดับอุดมศึกษา และระดับหลังสำเร็จการศึกษา

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะที่ 12) เรื่อง การใช้จ่ายเงินตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สรุปได้ดังนี้
             1. ตามมาตรา 3  และมาตรา 4  แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริม
สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ  พ.ศ. 2552  บัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณา
จักรไทย  เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินมาตรการฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยไม่ต้อง
นำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง   จึงทำให้เงินกู้ที่ได้รับมาจากการ
กู้ตามพระราชกำหนด ฯ ดังกล่าว  เฉพาะส่วนที่คณะรัฐมนตรีไม่ได้มีมติให้สมทบเงินคงคลัง  ไม่เป็นเงินแผ่นดินตาม
มาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  ดังนั้น  การใช้จ่ายเงินตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
จึงไม่ใช่การจ่ายเงินแผ่นดินตามนัยมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
             2. การให้ความเห็นของคณะกรรมการ ฯ   ในกรณีนี้  เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการบริหาร
ราชการแผ่นดินเท่านั้น แต่การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่สุดเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ